Immortality Chapter 84 Astounding Twist of Event
นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 84 เหตุการณ์ที่กลับตาลปัตร
บทที่ 84 เหตุการณ์ที่กลับตาลปัตร
"ปัง!"
"พรึด!"
หลังจากเสียงดังสนั่น,ร่างแยกเงาจงซานก็ลอยออกไปอย่างแรง.
ร่างแยกเงาจงซานลอยออกไปกระแทกผนังคลิสตัล,กระบี่นิรันดร์หล่นลงบนพื้น,แม้ว่านี่จะเป็นการลอบโจมตี,ทว่าจงซานก็รับรู้ได้ในทันทีว่าเขาไม่จำเป็นต้องสู้ต่อแล้ว,ฉู่จิวที่สอดมือเข้ามา,เป็นเขาที่ได้ทำลายกฏเกณฑ์การประลองไปนี่คือการคำนวณอย่างดีของจงซานแล้ว,ว่าฉู่จิวจะเข้ามา.
ทั้งคู่ต่างก็ได้รับบาดแผล,ฉู่จิวจะต้องลงมืออย่างแน่นอน.
เป็นความจริงที่ทั้งคู่กำลังจะสับแขนของกันและกัน,ทันใดนั้นฉู่จิวที่เฝ้าดูอยู่,ก็โจมตีมายังจงซานทันที,จนทำให้เขาลอยออกไปกระแทกผนังคลิสตัล.
หลังจากที่เขาปล่อยฝ่ามือออกมาแล้ว,ฉู่จิวก็เข้าไปประครองชายหนุ่มดังกล่าวในทันที.
ชายหนุ่มจ้องมองไปยังฉู่จิวด้วยท่าทางผิดหวังอยู่เหมือนกัน,ทว่าเขาก็ไม่สามารถตำหนิเขาได้,ฉู่จิวไม่มีทางเลือก,ด้วยเหตุการณ์เช่นนั้น,ทำให้ฉู่จิวตัดสินใจเข้ามายุ่งในทันที.
ชายหนุ่มที่ได้รับบาดเจ็บไม่มากนัก,ก่อนที่จะหันหน้าไปยังร่างแยกเงาจงซาน.
"เจ้าแข็งแกร่งมาก,นับว่าแข็งแกร่งที่สุดท่ามกลางคนที่มีระดับเดียวกันกับข้า,การต่อสู้ของเราเก็บเอาไว้ก่อนในวันนี้,ข้าจะขอประลองกับเจ้าในวันข้างหน้า,อย่างทำให้ข้าผิดหวัง,"ชายหนุ่มที่เก็บกระบี่เข้าฝัก.
ร่างแยกเงาที่ที่เห็นชายหนุ่มเก็บกระบี่,เขาหันหน้าพร้อมกับก้าวไปเก็บกระบี่นิรันดร์เช่นเดียวกัน,ที่มุมปากมีโลหิตไหลออกมาพร้อมกับเผยยิ้มออกมาเล็กน้อย."ย่อมได้!"
"ข้าเจี้ยนอ้าว,ข้าเชื่อว่าจะพบกับเจ้าอีกครั้งที่ทวีปศักดิ์สิทธิ์ไม่ช้าก็เร็ว,ไว้ถึงวันนั้นพวกเรามาสู้กัน,"ชายหนุ่มที่กล่าวออกมาอย่างจริงจัง,เห็นได้อย่างชัดเจนว่า,ชายหนุ่มนั้นยากนักที่จะบอกนามของเขาแก่คนอื่น.
"เช่นนั้นข้าคงต้องขอลาก่อน."ร่างแยกเงาที่พยักหน้าและออกจากประตูไป.
ร่างแยกเงาที่ออกมาจากประตูหนึ่งขณะที่เขาจับไหล่ของตัวเองไปด้วย,ประตูอื่นๆรอบๆที่เหลือนั้นศิลาวิญญาณหายไปหมดแล้ว,ทว่าก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้ร่างแยกเงาสนใจ,เขาที่เปลี่ยนเป็นเงา,แม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บอยู่ก็ตาม,แต่ก็ยังสามารถแทรกผ่านรอยแยกและหายไปในที่สุด.
หลังจากร่างแยกเงาจงซานจากไปแล้ว,เจี้ยนอ้าวและฉู่จิวยังคงอยู่,เขาทำการบำเพ็ญโคจรควบคุมลมหายใจอยู่ชั่วขณะ,ก่อนที่จะลืมตาขึ้น,ซึ่งมีฉู่จิวคอยอารักขาอยู่นั่นเอง.
เจี้ยนอ้าวที่ขมวดคิ้ว,จ้องมองไปยังฉู่จิว,และสอบถามออกไปว่า"ฉู่จิว,จงซานใช้เพลงกระบี่อะไรอย่างงั้นรึ?"
"ข้าเองก็ไม่รู้,อย่างไรก็ตาม,ความแตกฉานในเพลงกระบี่ของเขานั้นสูงมาก,เหมือนกับกงซือ,เขาสามารถที่จะสร้างเพลงกระบี่เป็นของตันเองได้,ดังนั้นจึงไม่มีรูปแบบเพลงกระบี่ที่แน่ชัดสำหรับเขา."ฉู่จิวที่คิดใครครวญอยู่ชั่วขณะก่อนที่จะกล่าวออกไปนั่นเอง.
"มีแม้แต่เพลงกระบี่ที่เจ้าไม่รู้จักอย่างงั้นรึ?"ชายหนุ่มที่ดูสนใจ.
"ไม่เพียงเท่านั้น,การเคลื่อนไหวของเขาแปลกประหลาดมาก,ไม่ต่างจากปิศาจหรือภูติผีเลย,ข้าคิดว่ากงซือคงจะรับรู้ดีกว่าข้าเพราะว่าท่านได้สัมผัสได้ด้วยตัวเอง,"ฉู่จิวที่ขมวดคิ้วไปมา.
"เป็นความจริง,ร่างกายของเขาราวกับภูติปิศาจมาก..."เจี้ยนอ้าวที่คิดอยู่ชั่วขณะ,แต่ก็ไม่สามารถบอกออกมาได้เลย.
"กงซือ,ท่านต้องการให้ข้าตรวจสอบพื้นเพของเขาหรือไม่?"ฉู่จิวที่สอบถามออกไป.
"ไม่จำเป็น,ด้วยพรสวรรค์ของคนผู้นี้,ข้ามั่นใจว่าเขาจะมีชื่อเสียงในอนาคต,วันนี้พวกเราถอยกันก่อน,ในวันข้างหน้าข้าจะประลองกับเขาเอง,พวกเราจะได้เห็นว่าเขาจะสามารถเติบโตได้ขนาดใหน,เมื่อถึงวันนั้น."เจี้ยนอ้าว,ที่ตอบกลับหลังจากครุ่นคิด.
"ครับ."ฉู่จิวพยักหน้า.
………………
บนยอดเขา,กงจูเฉียนโหยวที่จ้องมองไปรอบๆ,อาเอ้อเองก็ไม่พบอะไรที่ผิดปรกติเลย,ทว่ากงจูเฉียนโหยวที่ราวกับรับรู้ว่ามีบางสิ่งผิดปรกติ,หลังจากที่จงซานออกมาจากประตูบานหนึ่ง,เขาได้รับบาดเจ็บที่หัวไหล่,กงจูรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ดูไม่ถูกต้องรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ.
นางสัมผัสได้ถึงความไม่ปกติ,ยากที่จะอธิบายออกมาได้.
ทันใดนั้น,กงจูเฉียนโหยวก็นึกถึงสามสาวนั่นได้,จงซานจะยอมแยกตัวออกมาจากพวกนางอย่างงั้นรึ?
ก่อนหน้านี้ที่ประตูบาดเจ็บ,เขายังกุมมือสองสาวแน่นด้วยกลัวว่าจะพัดหลง,แล้วตอนนี้มันเกิดสิ่งใดขึ้น?จงซานยอมปล่อยมือจากสองสาวนั้นอย่างงั้นรึ?
เขาไม่มีทางปล่อยพวกนางแน่,อีกอย่างหญิงสาวทั้งสามไม่ได้โผล่ออกมาจากประตูใหนเลย,หายไปอย่างงั้นรึ?ทำไมพวกนางถึงหายไปล่ะ?
พวกนางหายไปได้อย่างไร?ทำไมจงซานมีเพียงคนเดียวที่ปรากฏตัวออกมาก่อนทุกคนล่ะ?
กงจูเฉียนโหยวที่ครุ่นคิดอย่างลึกล้ำก่อนที่จะกล่าวออกมา.
"บางอย่างผิดปกติ,ไปกันได้แล้ว."
กงจูเฉียนโหยวที่อุทานออกมาและลอยออกไปในทันที,เซียนเซิงสุ่ยจิง,กู่หลินและคนอื่นๆต่างก็ประหลาดใจกับท่าทางของนาง,ทว่าทุกคนต่างก็ตามนางไปทันที,บินตรงไปยังประตูแห่งหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป.
……………...
"ต้าโป๋!"เป่ยชิงซือที่กล่าวออกมาด้วยเสียงเศร้า.
"ไม่เป็นไร,เร็วเข้า,นำตราประทับนี่ไปยังอีกที่ๆหนึ่ง,สถานที่แห่งนั้นเจ้าจะได้รับหลักฐานชิ้นที่สอง,หากว่าเจ้าอยู่ที่นี่,หลักฐานที่มีอาจจะสูญหายได้,ไปได้แล้ว,ข้าพอใจที่จะใช้ค่ายกลแปดประตูกุญแจทองเป็นสุสานของข้า."ไท่ซูจื่อกล่าวต่อเป่ยชิงซือ.
"หลานทราบแล้ว."เป่ยชิงซือพยักหน้า.
เทียนหลิงเอ๋อที่เงียบลง,จ้องมองไปยังหยิงหลานที่อยู่ข้างๆจงซาน.
หยิงหลานในเวลานี้,นางหลับตาแน่น,ดูเหมือนจะเข้าสู่สภาวะหลับลึก.
ไท่ซูจื่อที่หันหน้าไปมาหยิงหลานและกล่าวออกมาว่า"นางเพิ่งผสานรวมกับจิตวิญญาณค่ายกล,จำเป็นต้องพักผ่อนอีกสักพัก,หลังจากนี้สี่ชั่วโมง,นางจะตื่นขึ้นมาเอง."
"ขอบคุณอาวุโสมาก."จงซานกล่าวด้วยเสียงที่จริงจัง.
"อืม."ไท่ซูจื่อพยักหน้า.
ไท่ซูจื่อที่สะบัดมือทันใดนั้นประตูอีกบานก็ปรากฏขึ้นมาด้านหน้าของเขา,สามารถมองผ่านเข้าไปเห็นป่าที่ดูเงียบสงบมีแสงจันทร์ส่องประกายวับวาว.
"รีบไปซะ.ผ่านประตูนี่ไป,พวกเจ้าก็จะออกจากค่ายกลได้."ไท่ซูจื่อกล่าว.
"น้อมคารวะอาวุโส."จงซานที่ยกมือประสานกล่าวลา.
จงซานที่อุ้มหยิงหลานออกไปพร้อมกับเทียนหลิงเอ๋อ,ก้าวออกไปยังประตูดังกล่าวอย่างรวดเร็ว,เป่ยชิงซือเองก็ตามหลังพวกเขาไป.
จากนั้นกลุ่มของกงจูเฉียนโหยวที่เร่งรีบเตามาเข้ามาพร้อมกับกลุ่มของนาง.
กงจูเฉียนโหยวที่อุทานออกมาเสียงดังด้วยความตื่นตะลึงเมื่อนางก้าวเข้ามาหลังประตูบานดังกล่าวนี้."จงซาน!"
เป็นเรื่องที่ไม่อยากเชื่อถึงที่สุดมีน้ำเสียงหดหู่ในน้ำเสียงของนางด้วย.
คนอื่นๆเองต่างก็มองไปยังหญิงสาวทั้งสามพร้อมกับจงซานออกจากประตูดังกล่าวไป,สายตาที่เบิกกว้างตะลึงงัน,เกิดเหตุเช่นนี้ได้อย่างไร?
ไทซูจื่อถอนหายใจก่อนที่จะโบกมือออกไป,ประตูบานดังกล่าวก็หายไปในอากาศ.
กลุ่มของจงซานหายไปจากสายตาพวกเขาในทันที.
ทุกๆคนต่างก็รู้สึกโกรธเกรี้ยว,เว้นแต่เซียนเซิงสุ่ยจิง.
"นั่นมันจงซาน,เขาใช้แผนหลอกลวงพวกเราอย่างงั้นรึ?"กู่หลินที่คำรามออกมาด้วยความโกรธ.
เซียนเซิงสุ่ยจิงที่สะบัดพัดไปมา,ใบหน้าที่ทอดถอนใจ,"เหมือนกับตอนแรกที่ข้าได้กล่าวไว้ทุกอย่างขึ้นกับวาสนา,ทุกๆคนสามารถค้นหาจิตวิญญาณค่ายกลได้."
กงจูเฉียนโหยวขุ่นข้องใจเป็นอย่างมาก,นางที่คิดแม้แต่ต้องการับจงซานเข้ามาทำงานให้กับนางและสั่งให้อาต้าดูแลจงซานเป็นพิเศษ,ตอนนี้ชายคนนี้,ที่ดูเหมือนอ่อนแอที่สุดกับซ้อนแผนหลอกทุกคนอย่างคาดไม่ถึง.
เหตุการณ์ที่กลับตาลปัตรอย่างคาดไม่ถึงเช่นนี้ราวกับว่าเป็นการดัดหลังเชาว์ปัญญาของกงจูเฉียนโหยวอย่างร้ายกาจ.
"สุ่ยจิงคารวะไท่ซูจื่อ."เซียนเซิงสุ่ยจิงกล่าวต่อไท่ซูจื่อ.
ไท่ซูจื่อที่จับจ้องมองภาพรอบๆค่ายกล,เขาที่ไม่เห็นร่องรอยของกลุ่มจงซานที่ได้หายไปแล้วจึงได้หันกลับคืนมา.
"สุ่ยจิง,เซียนเซิงสุ่ยจิงของราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว,ข้าได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเจ้ามาเช่นกัน,อย่างไรก็ตามจิตวิญญาณค่ายกลนั้นได้ถูกส่งมอบไปแล้ว,มันได้จบแล้ว.ข้าขออภัยด้วย."ไท่ซูจื่อส่ายหน้าไปมา.
"เจ้าแก่,เจ้ามอบจิตวิญญาณค่ายกลไปให้พวกมันได้อย่างไร?"กู่หลินที่กล่าวออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว.
ไท่ซูจื่อที่ขมวดคิ้วกับท่าทางกักขฬะของกู่หลิน,มีประกายแสงในดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ.
"หุบปาก."กงจูเฉียนโหยวที่หยุดกู่หลินเอาไว้ในทันที.
นางที่อดกลั้นเก็บความโกรธที่มีต่อจงซานเอาไว้และชำเลืองมองเขม็งไปยังกู่หลุน,แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้หวาดกลัวต่อไท่ซูจื่อ,ทว่าตอนนี้พวกเขายังอยู่ในค่ายกล,นางไม่ต้องการถูกฝังไปพร้อมกับไท่ซูจื่อในค่ายกลแห่งนี้อย่างแน่นอน.
"ต้องขอภัยเซียนเซิงเป็นอย่างมาก,ในเมื่อจิตวิญญาณค่ายกลถูกส่งต่อไปแล้ว,พวกเราก็ไม่ขอรบกวนท่านอีกต่อไป."กงจูเฉียนโหยวกล่าว.
"อืม."ไท่ซูจื่อที่พยักหน้าและหลับตา.
กงจูเฉียนโหยวเร่งรีบนำกลุ่มของนางออกจากประตูดังกล่าวในทันที.
นางรู้สึกเจ็บใจเป็นอย่างมาก,นี่นับเป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกเสียหน้าถูกคนอื่นชิงตัดหน้าแย่งของไปจากมือนาง,ไม่เคยมีใครกล้าทำให้นางพ่ายแพ้เช่นนี้มาก่อน.
จงซานอย่างงั้นรึ?จงซาน!
ท้ายที่สุดเซียนเซิงสุ่ยจิงก็ได้รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด,ขณะที่เขาโบกสะบัดพัดในมือไปมา.
"สุ่ยจิง,เจ้าบอกว่าจงซานนั้นไม่ได้รูเรื่องค่ายกลดีกว่าเจ้า,แล้วเขารู้ที่ตั้งของไท่ซูจื่อในครั้งแรกได้อย่างไร?ไม่ใช่ว่าเขาโชคดีเกินไปอย่างงั้นรึ?"กู่หลินที่บ่นไปมาขณะที่เดินออกมา.
"ไม่ใช่เช่นนั้น,ชายคนนี้เขาเป็นคนที่ระเอียดรอบคอบมาก,เขาอาจจะรู้เรื่องค่ายกลดีกว่าข้าก็เป็นได้,ทว่าเขานั้นอ่อนแอกว่าพวกเรามาก,ดังนั้นเขาจึงได้ซ่อนทุกอย่างเอาไว้,เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเชาว์ปัญญาของขานั้นยอดเยี่ยมมาก,เมื่อเผชิญหน้ากับจิตวิญญาณค่ายกลที่ล้ำค่ายั่วยวน,ทว่าเขายังสามารถสงบใจอยู่ได้มองเข้าไปจนเห็นส่วนที่ลึกที่สุดได้...."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่ทอดถอนใจและส่ายหน้าไปมา.
เขายังกล่าวออกมาไม่จบประโยคด้วยซ้ำเพราะว่าเขาเห็นใบหน้าของกงจูเฉียนโหยวที่บูดบึ้งอย่างมาก,นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเคยเห็นเลย.
กลุ่มของพวกเขาทั้งหมดที่บินออกมาจากค่ายกลมุ่งตรงไปยังยอดเขา,ก่อนที่จะหันไปมองพายุทรายและเทือกเขามากมายตลอดจนสายน้ำที่อยู่ล้อมรอบท่ามกลางแสงจันทร์.
"กงจู,ไม่จำเป็นต้องมองหาพวกเขา,ชายคนนี้คงไม่ยอมปล่อยให้น้ำรั่วได้แม้แต่หยดเดียว,เป็นไปไม่ได้ที่จะค้นหาตำแหน่งพวกเขาในตอนนี้."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่สายหน้าไปมา.
"เฉียนโหยว,เขามาจากสำนักไคหยาง,พวกเราไปที่นั้นหาเขาเลยดีกว่า,ข้าจะสับมันเป็นชิ้นๆเพื่อระบายความโกรธของเจ้าเอง."กู่หลินที่พยายามปลอบประโลมกงจูเฉียนโหยว.
"หุบปาก,สำนักไค่หยางใช่สถานที่เจ้าจะไปก็ไปได้อย่างงั้นรึ?หากเกิดอะไรขึ้น,แม้แต่บิดาของเจ้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้,ลืมเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นซะ,ไม่ต้องคิดถึงเรื่องจงซานอีกต่อไปแล้ว."ก
งจูเฉียนโหยวกล่าว.
ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality
#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)
สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click
***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ อัพ 2-3 ตอนต่อวัน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น