วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2561

Immortality Chapter 84 Astounding Twist of Event

Immortality Chapter 84  Astounding Twist of Event

นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 84 เหตุการณ์ที่กลับตาลปัตร


บทที่ 84 เหตุการณ์ที่กลับตาลปัตร


 "ปัง!"
"พรึด!"

หลังจากเสียงดังสนั่น,ร่างแยกเงาจงซานก็ลอยออกไปอย่างแรง.

ร่างแยกเงาจงซานลอยออกไปกระแทกผนังคลิสตัล,กระบี่นิรันดร์หล่นลงบนพื้น,แม้ว่านี่จะเป็นการลอบโจมตี,ทว่าจงซานก็รับรู้ได้ในทันทีว่าเขาไม่จำเป็นต้องสู้ต่อแล้ว,ฉู่จิวที่สอดมือเข้ามา,เป็นเขาที่ได้ทำลายกฏเกณฑ์การประลองไปนี่คือการคำนวณอย่างดีของจงซานแล้ว,ว่าฉู่จิวจะเข้ามา.


ทั้งคู่ต่างก็ได้รับบาดแผล,ฉู่จิวจะต้องลงมืออย่างแน่นอน.

เป็นความจริงที่ทั้งคู่กำลังจะสับแขนของกันและกัน,ทันใดนั้นฉู่จิวที่เฝ้าดูอยู่,ก็โจมตีมายังจงซานทันที,จนทำให้เขาลอยออกไปกระแทกผนังคลิสตัล.

หลังจากที่เขาปล่อยฝ่ามือออกมาแล้ว,ฉู่จิวก็เข้าไปประครองชายหนุ่มดังกล่าวในทันที.

ชายหนุ่มจ้องมองไปยังฉู่จิวด้วยท่าทางผิดหวังอยู่เหมือนกัน,ทว่าเขาก็ไม่สามารถตำหนิเขาได้,ฉู่จิวไม่มีทางเลือก,ด้วยเหตุการณ์เช่นนั้น,ทำให้ฉู่จิวตัดสินใจเข้ามายุ่งในทันที.

ชายหนุ่มที่ได้รับบาดเจ็บไม่มากนัก,ก่อนที่จะหันหน้าไปยังร่างแยกเงาจงซาน.

"เจ้าแข็งแกร่งมาก,นับว่าแข็งแกร่งที่สุดท่ามกลางคนที่มีระดับเดียวกันกับข้า,การต่อสู้ของเราเก็บเอาไว้ก่อนในวันนี้,ข้าจะขอประลองกับเจ้าในวันข้างหน้า,อย่างทำให้ข้าผิดหวัง,"ชายหนุ่มที่เก็บกระบี่เข้าฝัก.

ร่างแยกเงาที่ที่เห็นชายหนุ่มเก็บกระบี่,เขาหันหน้าพร้อมกับก้าวไปเก็บกระบี่นิรันดร์เช่นเดียวกัน,ที่มุมปากมีโลหิตไหลออกมาพร้อมกับเผยยิ้มออกมาเล็กน้อย."ย่อมได้!"

"ข้าเจี้ยนอ้าว,ข้าเชื่อว่าจะพบกับเจ้าอีกครั้งที่ทวีปศักดิ์สิทธิ์ไม่ช้าก็เร็ว,ไว้ถึงวันนั้นพวกเรามาสู้กัน,"ชายหนุ่มที่กล่าวออกมาอย่างจริงจัง,เห็นได้อย่างชัดเจนว่า,ชายหนุ่มนั้นยากนักที่จะบอกนามของเขาแก่คนอื่น.

"เช่นนั้นข้าคงต้องขอลาก่อน."ร่างแยกเงาที่พยักหน้าและออกจากประตูไป.

ร่างแยกเงาที่ออกมาจากประตูหนึ่งขณะที่เขาจับไหล่ของตัวเองไปด้วย,ประตูอื่นๆรอบๆที่เหลือนั้นศิลาวิญญาณหายไปหมดแล้ว,ทว่าก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้ร่างแยกเงาสนใจ,เขาที่เปลี่ยนเป็นเงา,แม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บอยู่ก็ตาม,แต่ก็ยังสามารถแทรกผ่านรอยแยกและหายไปในที่สุด.

หลังจากร่างแยกเงาจงซานจากไปแล้ว,เจี้ยนอ้าวและฉู่จิวยังคงอยู่,เขาทำการบำเพ็ญโคจรควบคุมลมหายใจอยู่ชั่วขณะ,ก่อนที่จะลืมตาขึ้น,ซึ่งมีฉู่จิวคอยอารักขาอยู่นั่นเอง.

เจี้ยนอ้าวที่ขมวดคิ้ว,จ้องมองไปยังฉู่จิว,และสอบถามออกไปว่า"ฉู่จิว,จงซานใช้เพลงกระบี่อะไรอย่างงั้นรึ?"

"ข้าเองก็ไม่รู้,อย่างไรก็ตาม,ความแตกฉานในเพลงกระบี่ของเขานั้นสูงมาก,เหมือนกับกงซือ,เขาสามารถที่จะสร้างเพลงกระบี่เป็นของตันเองได้,ดังนั้นจึงไม่มีรูปแบบเพลงกระบี่ที่แน่ชัดสำหรับเขา."ฉู่จิวที่คิดใครครวญอยู่ชั่วขณะก่อนที่จะกล่าวออกไปนั่นเอง.

"มีแม้แต่เพลงกระบี่ที่เจ้าไม่รู้จักอย่างงั้นรึ?"ชายหนุ่มที่ดูสนใจ.

"ไม่เพียงเท่านั้น,การเคลื่อนไหวของเขาแปลกประหลาดมาก,ไม่ต่างจากปิศาจหรือภูติผีเลย,ข้าคิดว่ากงซือคงจะรับรู้ดีกว่าข้าเพราะว่าท่านได้สัมผัสได้ด้วยตัวเอง,"ฉู่จิวที่ขมวดคิ้วไปมา.

"เป็นความจริง,ร่างกายของเขาราวกับภูติปิศาจมาก..."เจี้ยนอ้าวที่คิดอยู่ชั่วขณะ,แต่ก็ไม่สามารถบอกออกมาได้เลย.

"กงซือ,ท่านต้องการให้ข้าตรวจสอบพื้นเพของเขาหรือไม่?"ฉู่จิวที่สอบถามออกไป.

"ไม่จำเป็น,ด้วยพรสวรรค์ของคนผู้นี้,ข้ามั่นใจว่าเขาจะมีชื่อเสียงในอนาคต,วันนี้พวกเราถอยกันก่อน,ในวันข้างหน้าข้าจะประลองกับเขาเอง,พวกเราจะได้เห็นว่าเขาจะสามารถเติบโตได้ขนาดใหน,เมื่อถึงวันนั้น."เจี้ยนอ้าว,ที่ตอบกลับหลังจากครุ่นคิด.

"ครับ."ฉู่จิวพยักหน้า.
………………


บนยอดเขา,กงจูเฉียนโหยวที่จ้องมองไปรอบๆ,อาเอ้อเองก็ไม่พบอะไรที่ผิดปรกติเลย,ทว่ากงจูเฉียนโหยวที่ราวกับรับรู้ว่ามีบางสิ่งผิดปรกติ,หลังจากที่จงซานออกมาจากประตูบานหนึ่ง,เขาได้รับบาดเจ็บที่หัวไหล่,กงจูรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ดูไม่ถูกต้องรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ.

นางสัมผัสได้ถึงความไม่ปกติ,ยากที่จะอธิบายออกมาได้.

ทันใดนั้น,กงจูเฉียนโหยวก็นึกถึงสามสาวนั่นได้,จงซานจะยอมแยกตัวออกมาจากพวกนางอย่างงั้นรึ? ก่อนหน้านี้ที่ประตูบาดเจ็บ,เขายังกุมมือสองสาวแน่นด้วยกลัวว่าจะพัดหลง,แล้วตอนนี้มันเกิดสิ่งใดขึ้น?จงซานยอมปล่อยมือจากสองสาวนั้นอย่างงั้นรึ?

เขาไม่มีทางปล่อยพวกนางแน่,อีกอย่างหญิงสาวทั้งสามไม่ได้โผล่ออกมาจากประตูใหนเลย,หายไปอย่างงั้นรึ?ทำไมพวกนางถึงหายไปล่ะ? พวกนางหายไปได้อย่างไร?ทำไมจงซานมีเพียงคนเดียวที่ปรากฏตัวออกมาก่อนทุกคนล่ะ?

กงจูเฉียนโหยวที่ครุ่นคิดอย่างลึกล้ำก่อนที่จะกล่าวออกมา.

"บางอย่างผิดปกติ,ไปกันได้แล้ว."

กงจูเฉียนโหยวที่อุทานออกมาและลอยออกไปในทันที,เซียนเซิงสุ่ยจิง,กู่หลินและคนอื่นๆต่างก็ประหลาดใจกับท่าทางของนาง,ทว่าทุกคนต่างก็ตามนางไปทันที,บินตรงไปยังประตูแห่งหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป.
……………...

"ต้าโป๋!"เป่ยชิงซือที่กล่าวออกมาด้วยเสียงเศร้า.

"ไม่เป็นไร,เร็วเข้า,นำตราประทับนี่ไปยังอีกที่ๆหนึ่ง,สถานที่แห่งนั้นเจ้าจะได้รับหลักฐานชิ้นที่สอง,หากว่าเจ้าอยู่ที่นี่,หลักฐานที่มีอาจจะสูญหายได้,ไปได้แล้ว,ข้าพอใจที่จะใช้ค่ายกลแปดประตูกุญแจทองเป็นสุสานของข้า."ไท่ซูจื่อกล่าวต่อเป่ยชิงซือ.

"หลานทราบแล้ว."เป่ยชิงซือพยักหน้า.

เทียนหลิงเอ๋อที่เงียบลง,จ้องมองไปยังหยิงหลานที่อยู่ข้างๆจงซาน.

หยิงหลานในเวลานี้,นางหลับตาแน่น,ดูเหมือนจะเข้าสู่สภาวะหลับลึก.

ไท่ซูจื่อที่หันหน้าไปมาหยิงหลานและกล่าวออกมาว่า"นางเพิ่งผสานรวมกับจิตวิญญาณค่ายกล,จำเป็นต้องพักผ่อนอีกสักพัก,หลังจากนี้สี่ชั่วโมง,นางจะตื่นขึ้นมาเอง."

"ขอบคุณอาวุโสมาก."จงซานกล่าวด้วยเสียงที่จริงจัง.

"อืม."ไท่ซูจื่อพยักหน้า.

ไท่ซูจื่อที่สะบัดมือทันใดนั้นประตูอีกบานก็ปรากฏขึ้นมาด้านหน้าของเขา,สามารถมองผ่านเข้าไปเห็นป่าที่ดูเงียบสงบมีแสงจันทร์ส่องประกายวับวาว.

"รีบไปซะ.ผ่านประตูนี่ไป,พวกเจ้าก็จะออกจากค่ายกลได้."ไท่ซูจื่อกล่าว.

"น้อมคารวะอาวุโส."จงซานที่ยกมือประสานกล่าวลา.

จงซานที่อุ้มหยิงหลานออกไปพร้อมกับเทียนหลิงเอ๋อ,ก้าวออกไปยังประตูดังกล่าวอย่างรวดเร็ว,เป่ยชิงซือเองก็ตามหลังพวกเขาไป.

จากนั้นกลุ่มของกงจูเฉียนโหยวที่เร่งรีบเตามาเข้ามาพร้อมกับกลุ่มของนาง.

กงจูเฉียนโหยวที่อุทานออกมาเสียงดังด้วยความตื่นตะลึงเมื่อนางก้าวเข้ามาหลังประตูบานดังกล่าวนี้."จงซาน!"

เป็นเรื่องที่ไม่อยากเชื่อถึงที่สุดมีน้ำเสียงหดหู่ในน้ำเสียงของนางด้วย.

คนอื่นๆเองต่างก็มองไปยังหญิงสาวทั้งสามพร้อมกับจงซานออกจากประตูดังกล่าวไป,สายตาที่เบิกกว้างตะลึงงัน,เกิดเหตุเช่นนี้ได้อย่างไร?

ไทซูจื่อถอนหายใจก่อนที่จะโบกมือออกไป,ประตูบานดังกล่าวก็หายไปในอากาศ.

กลุ่มของจงซานหายไปจากสายตาพวกเขาในทันที.

ทุกๆคนต่างก็รู้สึกโกรธเกรี้ยว,เว้นแต่เซียนเซิงสุ่ยจิง.

"นั่นมันจงซาน,เขาใช้แผนหลอกลวงพวกเราอย่างงั้นรึ?"กู่หลินที่คำรามออกมาด้วยความโกรธ.

เซียนเซิงสุ่ยจิงที่สะบัดพัดไปมา,ใบหน้าที่ทอดถอนใจ,"เหมือนกับตอนแรกที่ข้าได้กล่าวไว้ทุกอย่างขึ้นกับวาสนา,ทุกๆคนสามารถค้นหาจิตวิญญาณค่ายกลได้."

กงจูเฉียนโหยวขุ่นข้องใจเป็นอย่างมาก,นางที่คิดแม้แต่ต้องการับจงซานเข้ามาทำงานให้กับนางและสั่งให้อาต้าดูแลจงซานเป็นพิเศษ,ตอนนี้ชายคนนี้,ที่ดูเหมือนอ่อนแอที่สุดกับซ้อนแผนหลอกทุกคนอย่างคาดไม่ถึง.

เหตุการณ์ที่กลับตาลปัตรอย่างคาดไม่ถึงเช่นนี้ราวกับว่าเป็นการดัดหลังเชาว์ปัญญาของกงจูเฉียนโหยวอย่างร้ายกาจ.

"สุ่ยจิงคารวะไท่ซูจื่อ."เซียนเซิงสุ่ยจิงกล่าวต่อไท่ซูจื่อ.

ไท่ซูจื่อที่จับจ้องมองภาพรอบๆค่ายกล,เขาที่ไม่เห็นร่องรอยของกลุ่มจงซานที่ได้หายไปแล้วจึงได้หันกลับคืนมา.

"สุ่ยจิง,เซียนเซิงสุ่ยจิงของราชวงศ์สวรรค์ต้าโหลว,ข้าได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเจ้ามาเช่นกัน,อย่างไรก็ตามจิตวิญญาณค่ายกลนั้นได้ถูกส่งมอบไปแล้ว,มันได้จบแล้ว.ข้าขออภัยด้วย."ไท่ซูจื่อส่ายหน้าไปมา.

"เจ้าแก่,เจ้ามอบจิตวิญญาณค่ายกลไปให้พวกมันได้อย่างไร?"กู่หลินที่กล่าวออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว.

ไท่ซูจื่อที่ขมวดคิ้วกับท่าทางกักขฬะของกู่หลิน,มีประกายแสงในดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ.

"หุบปาก."กงจูเฉียนโหยวที่หยุดกู่หลินเอาไว้ในทันที.

นางที่อดกลั้นเก็บความโกรธที่มีต่อจงซานเอาไว้และชำเลืองมองเขม็งไปยังกู่หลุน,แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้หวาดกลัวต่อไท่ซูจื่อ,ทว่าตอนนี้พวกเขายังอยู่ในค่ายกล,นางไม่ต้องการถูกฝังไปพร้อมกับไท่ซูจื่อในค่ายกลแห่งนี้อย่างแน่นอน.

"ต้องขอภัยเซียนเซิงเป็นอย่างมาก,ในเมื่อจิตวิญญาณค่ายกลถูกส่งต่อไปแล้ว,พวกเราก็ไม่ขอรบกวนท่านอีกต่อไป."กงจูเฉียนโหยวกล่าว.

"อืม."ไท่ซูจื่อที่พยักหน้าและหลับตา.

กงจูเฉียนโหยวเร่งรีบนำกลุ่มของนางออกจากประตูดังกล่าวในทันที.

นางรู้สึกเจ็บใจเป็นอย่างมาก,นี่นับเป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกเสียหน้าถูกคนอื่นชิงตัดหน้าแย่งของไปจากมือนาง,ไม่เคยมีใครกล้าทำให้นางพ่ายแพ้เช่นนี้มาก่อน.

จงซานอย่างงั้นรึ?จงซาน!

ท้ายที่สุดเซียนเซิงสุ่ยจิงก็ได้รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด,ขณะที่เขาโบกสะบัดพัดในมือไปมา.

"สุ่ยจิง,เจ้าบอกว่าจงซานนั้นไม่ได้รูเรื่องค่ายกลดีกว่าเจ้า,แล้วเขารู้ที่ตั้งของไท่ซูจื่อในครั้งแรกได้อย่างไร?ไม่ใช่ว่าเขาโชคดีเกินไปอย่างงั้นรึ?"กู่หลินที่บ่นไปมาขณะที่เดินออกมา.

"ไม่ใช่เช่นนั้น,ชายคนนี้เขาเป็นคนที่ระเอียดรอบคอบมาก,เขาอาจจะรู้เรื่องค่ายกลดีกว่าข้าก็เป็นได้,ทว่าเขานั้นอ่อนแอกว่าพวกเรามาก,ดังนั้นเขาจึงได้ซ่อนทุกอย่างเอาไว้,เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเชาว์ปัญญาของขานั้นยอดเยี่ยมมาก,เมื่อเผชิญหน้ากับจิตวิญญาณค่ายกลที่ล้ำค่ายั่วยวน,ทว่าเขายังสามารถสงบใจอยู่ได้มองเข้าไปจนเห็นส่วนที่ลึกที่สุดได้...."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่ทอดถอนใจและส่ายหน้าไปมา.

เขายังกล่าวออกมาไม่จบประโยคด้วยซ้ำเพราะว่าเขาเห็นใบหน้าของกงจูเฉียนโหยวที่บูดบึ้งอย่างมาก,นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเคยเห็นเลย.

กลุ่มของพวกเขาทั้งหมดที่บินออกมาจากค่ายกลมุ่งตรงไปยังยอดเขา,ก่อนที่จะหันไปมองพายุทรายและเทือกเขามากมายตลอดจนสายน้ำที่อยู่ล้อมรอบท่ามกลางแสงจันทร์.

"กงจู,ไม่จำเป็นต้องมองหาพวกเขา,ชายคนนี้คงไม่ยอมปล่อยให้น้ำรั่วได้แม้แต่หยดเดียว,เป็นไปไม่ได้ที่จะค้นหาตำแหน่งพวกเขาในตอนนี้."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่สายหน้าไปมา.

"เฉียนโหยว,เขามาจากสำนักไคหยาง,พวกเราไปที่นั้นหาเขาเลยดีกว่า,ข้าจะสับมันเป็นชิ้นๆเพื่อระบายความโกรธของเจ้าเอง."กู่หลินที่พยายามปลอบประโลมกงจูเฉียนโหยว.

"หุบปาก,สำนักไค่หยางใช่สถานที่เจ้าจะไปก็ไปได้อย่างงั้นรึ?หากเกิดอะไรขึ้น,แม้แต่บิดาของเจ้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้,ลืมเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นซะ,ไม่ต้องคิดถึงเรื่องจงซานอีกต่อไปแล้ว."ก

งจูเฉียนโหยวกล่าว.

ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality

#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)


สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click

***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ อัพ 2-3 ตอนต่อวัน.

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น