วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2561

Immortality Chapter 82 Thunder Flowers

Immortality Chapter 82  Thunder Flowers

นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 82 บุพผาอสนี.


บทที่ 82 บุพผาอสนี.


"นางอย่างงั้นรึ?"ไท่ซูจื่อที่จ้องมองไปยังหยิงหลานในชุดดำด้วยท่าทางประหลาดใจ.

หยิงหลานที่ดึงฮูดลงก่อนที่จะเผยใบหน้าที่งดงามออกมา.

ไท่ซูจื่อที่จ้องมองตรวจสอบหญิงสาวคนดังกล่าวแม้ว่านางจะยังก้าวไปไม่ถึงระดับเซียนเทียน,ทว่า,เขาก็พยักหน้ารับ"แม้ว่านางจะยังก้าวไปไม่ถึงระดับเซียนเทียน,แต่ข้าก็เห็นพรสวรรค์ล้ำลึกของนางได้,จิตวิญญาณค่ายกลย่อมไม่สูญหายหากว่าอยู่ในมือของนาง."


"ขอบคุณ,อาวุโส."หยิงหลานที่กล่าวออกมาด้วยความเคารพ.

"ช้าก่อน,ข้ายังไม่ได้บอกเลยว่าจะส่งมันให้กับเจ้า."ไท่ซูจื่อที่ส่ายหน้าไปมา.

"หืม?"หยิงหลานที่คาดไม่ถึง,ขณะที่จงซานเองก็ขมวดคิ้วไปมาพลางจ้องมองไปยังเป่ยชิงซือ.

"เจ้าเป็นอะไรกับเขาอย่างงั้นรึ?"ไท่ซูจื่อสอบถามหยิงหลานขณะที่ชี้ไปยังจงซาน.

"นางคือซุนหนี่ของข้าเอง."จงซานที่ตอบออกมาแทนหยิงหลานทันที.
. คำอ่าน. sun1 nu:3 (ㄙㄨㄣ ㄋㄩˇ). คำแปล. หลานสาว (ที่เป็นลูกของลูก)

หยิงหลานที่หยุดชั่วขณะที่ได้ยินคำพูดของจงซาน,แม้ว่านางจะไม่เข้าใจว่าทำไมจงซานต้องบอกว่านางเป็นซุนหนี่แทนที่จะเป็นกู่ซุนหนี่,ทว่านางก็ยังพยักหน้าตอบรับอย่างจริงจัง,นางมั่นใจในจงซานคงจะมีจุดประสงค์บางอย่างจึงไม่ได้กล่าวขัดแต่อย่างใด.

"อืม?ซุนหนี่อย่างงั้นรึ?"ไทซูจื่อที่ชำเลืองมองหยิงหลานด้วยท่าทางประหลาดใจ,จากนั้นก็หันหน้าไปมองจงซานและพยักหน้า.

เทียนหลิงเอ๋อนั้นไร้เดียงสาจนเกินไปจนไม่สามารถสังเกตเห็นได้,ทว่าเป่ยชิงซือนั้นสามารถมองเห็นอะไรบางอย่างได้,อย่างไรก็ตามนางก็ไม่สามารถบอกได้ว่าทำไมจงซานจึงได้กล่าวออกไปเช่นนั้น.

"ก็ได้,ในเมื่อนางคือซุนหนี่ของเจ้า,เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล."ไท่ซูจื่อที่พยักหน้าขณะพูด.

ไท่ซูจื่อ,พร้อมกับสะบัดมือของเขา,สร้างพลังสีเขียวเทาขนาดใหญ่ขึ้นมาบนฝ่ามือ.

เขายื่นมันออกไปให้กับหยิงหลาน.

หยิงหลานที่ยกมือทั้งสองข้าขึ้นรับ.

"มันจะค่อยๆผสานรวมเข้ากับโลหิตของเจ้า,ทีละน้อยๆ."ไท่ซูจื่อกล่าว.

"ขอบคุณอาวุโส."หยิงหลานที่รู้ว่านี่คือโอกาสที่ยากจะพบได้ในชีวิตนี้นางที่เฉียนไปที่ฝ่ามือของนาง,ก่อนที่พลังดังกล่าวจะถูกโลหิตของนางดูดซับเข้ามาช้าๆ,

พลังสีเขียวเทาจำนวนมาก,หลังจากถูกโลหิตของนางดูดซึมเข้าไป,มันก็ค่อยๆจางลงเรื่อยๆจนในที่สุดก็หายไป.

"จำเป็นต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงที่จะผ่านสานเข้ากับจิตวิญญาณค่ายกล,เจ้าจะต้องรอคอยอย่างอดทน."ไท่ซูจื่อกล่าว.

"ผู้น้อยรับทราบ"หยิงหลานพยักหน้า.

ไทซือจื่อที่หันหน้ากลับไปมองเป่ยชิงซือ.

"ชิงซือ,ข้ากำลังจะตาย,เวลาของข้าได้มาถึงแล้ว,ตอนนี้มีสัญญาณสี่ในห้าแล้ว,เสื้อผ้าแปดเปื้อน,เส้นผมร่วงโรย,รักแร้เปียกแฉะ,ร่างกายส่งกลิ่นเหม็น,ข้ากำลังจะตาย,ข้าวางแผนไว้ว่าจะมอบทุกสิ่งที่อยู่ในกำไลเก็บของให้กับคนที่ได้รับจิตวิญญาณค่ายกล,อย่างไรก็ตาม,ในเมื่อเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว,ข้าต้องการมอบมันให้กับจื่อนวี่แทน,เจ้ารับมันไปเถอะ."ไท่ซูจื่อกล่าวต่อเป่ยชิงซือ.

"ต้าโป๋."เป่ยชิงซือที่จ้องมองไปยังไท่ซูจื่อด้วยความเศร้า,เหมือนกับญาติที่นางเพิ่งได้พบไม่นาน,ก็จะตายไปในเร็วๆนี้เลยอย่างงั้นรึ?

"เร็วเข้า."ไท่ซือจื่อกล่าวออกมา.

"อืม."เป่ยชิงซือพยักหน้า.

คนทั้งสองที่นำกำไลเก็บของมาสัมผัสกันเบาๆ,จากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างในกำลังเก็บของก็ถูกส่งมายังกำลังเก็บของ,ของนาง,นางไม่ได้ทำการตรวจสอบสิ่งของดังกล่าวแต่อย่างใด,สายตาของนางที่เต็มไปด้วยความเศร้า.

หลังจากนั้น,ไท่ซูจื่อก็นั่งอยู่บนศิลาพร้อมกับพูดคุยเรื่องเป่ยชิงเฟิง,บิดาของนางเป็นครั้งสุดท้าย,ส่วนหยิงหลานก็ตั้งสมาธิในการผสานจิตวิญญาณค่ายกล.

จงซานที่หันกลับมาหาเทียนหลิงเอ๋อ.

"หลิงเอ๋อ,ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าเห็นสิ่งใดอย่างงั้นรึ?"จงซานสอบถาม.

เทียนหลิงเอ๋อที่ชี้ไปยังหนึ่งในรูปภาพที่อยู่ด้านล่าง"ที่นั่น,ข้าเคยมากับเตี่ยของข้า,มีบุพผาอสนีสองดอกที่นั่น,เตี่ยของข้าบอกว่าค่อยมาเก็บใหม่วันหลัง."

จงซานที่จ้องมองไปยังเทียนหลิงเอ๋อด้วยท่าทางประหลาดใจ,เทียนหลิงเอ๋อแม้ว่าจะพาเขาไปพบกับอันตรายทุกๆครั้ง,ทว่าหลังจากผ่านอันตรายมาได้ก็มักพบกับสมบัติล้ำค่า,ยกตัวอย่างสูตรยากวงหัวหรือหนอนไหมมังกรเก้าสี,และยังมีส่วนช่วยในการยกระดับการฝึกฝน,ยกตัวอย่างหลังจากผ่านพ้นอันตรายจากอีกาเหมันตร์,วิชาหงหลวนของเขาก็ทะลวงไปยังระดับสองได้,และยังมีเหตุการณ์พบกับชายประหลาดที่โดนพิษเหมันตร์,วิชาหงหลวนก็ยกระดับไปถึงขั้นสาม,และยังมีเมื่อครั้งเขาถูกอสรพิษกลืนเข้าไป,หลังจากที่เขาออกมาจากท้องของอสรพิษได้,วิชากายาเทพอสูรก็ถูกยกระดับไปยังระดับสองด้วยเช่นกัน.

แม้ทุกครั้งจะเต็มไปด้วยปัญหา,แต่ก็นำมาด้วยผลประโยชน์ด้วยเช่นกัน,ครั้งนี้กลับเป็นสมบัติเลยอย่างงั้นรึ?

จงซานที่จ้องมองภาพดังกล่าว,ไม่สามารถที่จะตัดสินใจได้,เทียนหลิงเอ๋อเมื่อนางบอกว่ามีของวิเศษอยู่ในนั้น,ทว่าเขายังคิดใครครวญว่าจะมีอันตรายขนาดใหนที่จะเข้ามาเกี่ยวข้อง.

เหมือนจะเห็นจงซานที่กำลังลังเลอยู่,เทียนหลิงเอ๋อกล่าวออกมาในทันที,"ที่นั้นค่อนข้างปลอดภัย,ครั้งล่าสุดที่ข้าไปที่นั้นครึ่งวันไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอยู่รอบๆเลย."

"เช่นนั้น,ทำไมไม่เก็บพวกมันกลับไปในครั้งนั้นล่ะ?"จงซานสอบถาม.

"เตี่ยบอกว่ายังเก็บไม่ได้,เพราะมันยังไม่โตเต็มที,อีกสามปีมันถึงจะพร้อม,นี่ก็ผ่านมาสามปีแล้ว."เทียนหลิงเอ๋อตอบ.

จงซานที่แข็งขาอ่อนอย่างไม่มีเหตุผล.

"บุพผาอสนีนั้นเป็นส่วนผสมหลักที่ใช้ในการปรุงยาระดับสามที่หายากมากๆ,แม้ว่าจะเป็นยาระดับสามก็ตาม,แต่ก็เป็นยาที่ล้ำค่ากว่าเม็ดยาระดับห้าซะอีก."เทียนหลิงเอ๋อกล่าว.

"เป็นเม็ดยาอะไรกัน?"จงซานที่แสดงท่าทางอยากรู้.

"เม็ดยาเพิ่มระดับ."เทียนหลิงเอ๋อกล่าว.

"อะไร?"สีหน้าของจงซานที่เปลี่ยนไปในทันที.

"เม็ดยาเพิ่มระดับ."เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มราวกับว่านางคาดเดาได้ถึงอาการของจงซานได้.

ไม่ว่าจะเป็นเม็ดยาอะไรจงซานก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก,ทว่ากลับเม็ดยาดังกล่าวนี้,เขาได้ยินจากเทียนหลิงเอ๋อและหนานป่าเทียนขณะที่อยู่ในสำนักไคหยางมาก่อนแล้ว.

เม็ดยาเพิ่มระดับนั้นก็เหมือนกับเม็ดยาโพวจวิน,เม็ดยาโพวจวินนั้นจะช่วยยกระดับคนที่มีระดับโหวเทียนไปยังระดับเซียนเทียน,ส่วนเม็ดยาเพิ่มระดับนั้นจะช่วยยกระดับจากคนที่มีระดับเซียนเทียนไปยังระดับแกนทองนั่นเอง.

เม็ดยาดังกล่าวนั้นอาจะไม่จำเป็นสำหรับคนอื่นนัก,ทว่ามันกลับสำคัญกับจงซานเป็นอย่างมาก,มันจะกลายเป็นสิ่งที่จะทำให้เขาก้าวไปถึงระดับขั้นแกนทอง,ด้วยพรสวรรค์ที่ต่ำต้อย,มีเพียงแต่ต้องใช้เม็ดยาเท่านั้น.

"เจ้ามั่นใจว่าจะไม่มีอันตรายที่นั่นนะ?"จงซานที่กล่าวสอบถามอีกครั้ง.

"ไม่มีอย่างแน่นอน."เทียนหลิงเอ๋อกล่าวอย่างมั่นใจ.

"อืม."จงซานพยักหน้า.

ทันใดนั้นที่ภาพๆหนึ่งจงซานก็เห็นกงจูเฉียนโหยวที่จับจ้องมองมายังประตูที่พวกเขาได้เข้ามา.

"เฮ้ ไม่! จงซานที่แสดงท่าทางกระวนกระวายใจในทันที,ขณะนี้หยิงหลานยังคงหลอมจิตวิญญาณค่ายกลเข้ามาสู่ร่างของนางอยู่นั่นเอง.

กงจูเฉียนโหยวที่เพ่งมายังประตูดังกล่าวนานแล้ว,นางที่เฝ้ามองกลุ่มของจงซานที่เข้ามายังประตูดังกล่าวกลับยังไม่ออกมาอีกรึ?หรือว่าพบอะไรเข้า?

ขณะที่กงจูเฉียนโหยวกำลังจะส่งใครบางคนเข้าไปในประตู,ทันใดนั้นก็มีใครคนหนึ่งออกมา,จงซานนั่นเอง.

จงซานออกมาอย่างงั้นรึ?แม้ว่าจะไม่เห็นหญิงสาวทั้งสามคนอยู่ที่ใหน,ทว่าในเมื่อจงซานออกมาก็หมายความว่าไท่ซูจื่อไม่ได้อยู่หลังประตูนั่นเอง.

กงจูเฉียนโหยวที่ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย,นางที่หันหน้าไปยังอาเอ้อ,ซึ่งอาเอ้อยังคงจ้องมองด้านล่างพลางขมวดคิ้ว,เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาจับจ้องมองทุกคนที่เข้าไปในประตู,ซึ่งเขาจะตรวจสอบทุกคนที่เข้าไปในประตูแล้วไม่ออกมา,เขาเองก็สงสัยในกลุ่มของเป่ยชิงซือเช่นกัน,ทว่าในเมื่อจงซานออกมา,เช่นนั้นเขาก็จะตัดการจับตาออกไป.

ผ่านไปอย่างช้าๆ,ทุกๆคนที่เข้าไปในประตูต่างๆ,ซึ่งเริ่มผ่านไปอย่างรวดเร็วประตูมากมายต่างก็ถูกเปิดออก,ทุกๆคนราวกับว่าพวกเขาคาดการณ์แล้วว่า จะเริ่มมีคนมายังที่แห่งนี้มากขึ้นเรื่อยๆ.

หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง,เซียนเซิงสุ่ยจิง,ก็ได้นำกลุ่มของเทียนชาและผู้ติดตามมาถึง.

"กงจู,โชคดีนัก,ข้าสามารถทำงานของข้าได้สำเร็จ."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่กล่าวออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม.

"ขอบคุณ,ต้องลำบากท่านแล้ว."กงจูเฉียนโหยวตอบกลับ.

เทียนชารู้สึกประหลาดใจมาที่เห็นกงจูเฉียนโหยวและคนอื่นๆที่นี่,เมื่อเขาจ้องมองไปยังเซียนเซิงสุ่ยจิงอีกครั้ง,ก็ต้องรู้สึกนับถือเขาเป็นอย่างมาก.

"ทุกๆท่าน,จิตวิญญาณค่ายกลนั้นอยู่ที่ใหนซักแห่งด้านล่างนี้,ไม่จำเป็นต้องกล่าวอะไรอีก,ขึ้นอยู่กับวาสนาของพวกเจ้าแต่ละคนแล้ว."เซียนเซิงสุ่ยจิงกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม.

"อืม."เทียนชาที่พยักหน้าและนำกลุ่มของศิษย์ไคหยางออกไปยังประตูต่างๆ.

หลังจากที่กลุ่มของเทียนชาจากไปแล้ว,เซียนเซิงสุ่ยจิงก็สอบถามกงจูเฉียนโหยว."ซือจื่อ,กงจู,เป็นอย่างไรบ้าง?"

"อาเอ้อยังไม่พบอะไรเลย."กงจูเฉียนโหยวที่ส่ายหน้าไปมา.

"อืม."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่พยักหน้า,กู่หลินที่จ้องมองไปยังประตูต่างๆด้วยท่าทางกระวนกระวายใจ,ราวกับว่าจะมีใครมาแย่งชิงมันไปก่อนกลุ่มพวกเขา.

จงซานที่ปรากฏออกมาทันที,ที่กงจูเฉียนโหยวเห็นนั้น,เป็นร่างแยกเงาของเขานั่นเอง,ร่างหลักและคนอื่นๆเองก็ยังคงอยู่หลังประตูเช่นเดิม.

เพื่อจัดการกับกลยุทธ์ของกงจูเฉียนโหยว,ดังนั้นเขาจึงได้ใช้ร่างแยกเงาเพื่อทำให้นางสับสน.

และในเวลานั้นเมื่อร่างแยกเงาเดินเข้าไปยังประตูอีกประตูหนึ่ง,ก็มีชายสองคนในชุดสีขาวตามเขาเข้าไปด้วย.

ร่างแยกเงาที่ก้าวเข้าไปในประตูอีกบานนั้น,เขาพบว่าสภาพแวดล้อมนั้นแตกต่างจากดวงตามังกรที่มีไท่ซูจื่ออยู่เป็นอย่างมาก.

ด้านหลังประตูนั้นเป็นพื้นที่โล่งรัศมีหนึ่งร้อยเมตร,มีศิลาวิญญาณกว่าสามร้อยก้อนตกอยู่กระจายไปทั่วพื้น,มีหมอกสีขาวกระจายตัวเต็มไปหมด,และยังมีผนังเป็นผลึกคลิสตัลอีกด้วย.

นอกเหนือจากประตูที่ร่างแยกเงาเดินเข้ามา,ยังมีประตูอีกเจ็ดบานอยู่ที่นี่,ตั้งล้อมรอบเป็นวงกลม,เหมือนว่าประตูทั้งแปดเองก็เป็นหนึ่งในค่ายกลด้วย.

ร่างแยกเงาจงซานที่เดินเข้าออกประตูทั้งเจ็ด,เพื่อที่จะให้อยู่ในสายตาของกงจูเฉียนโหยวเหมือนกับคนอื่นๆ.

ภายในกำไลเก็บของร่างแยกเงา,นอกจากจี้หยกเก้ามังกรสวรรค์แล้ว,เขายังได้เก็บศิลาวิญญาณกลับมาด้วยเป็นจำนวนมาก,ดังนั้นเขาจึงไม่หยุดเก็บศิลาวิญญาณที่ตกอยู่ที่นี่เลย.

และขณะที่เขากำลังจะออกจากประตูบานหนึ่งนั้น,ดูเหมือนว่าจะมีชายหนุ่มและชายวัยกลางคนซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นบ่าวรับใช้ของเขาปรากฏตัวออกมาในทันที,ขณะที่ร่างแยกเงาจงซานจ้องมองไปยังพวกเขา,ภายในใจนั้นสังหรใจไม่ดีนัก.

คนทั้งสองสะพายกระบี่สะพายหลัง,ชายวันกลางคนและชายหนุ่มผู้เยาว์,สายตาที่ดูแหลมคมน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก.

เมื่อชายหนุ่มผู้เยาว์ก้าวออกมา,สายตาของเขานั้นดูส่องประกายเต็มไปด้วยความต้องการสู้.


เมื่อพบเข้ากับคนแปลกหน้า,ร่างแยกเงาจงซานที่ขมวดคิ้วไปมาทอแสงประหลาดใจนิ่งงันอยู่ชั่วขณะ.



ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality

#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)


สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click

***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ อัพ 2-3 ตอนต่อวัน.

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น