วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2561

Immortality Chapter 74 Gu Qianyou

Immortality Chapter 74  Gu Qianyou

นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 74 กู่เฉียนโหยว.


บทที่ 74 กู่เฉียนโหยว.



จงซานที่จ้องมองไปยังหยิงหลานด้วยท่าทางสงสัย,กับสี่อักษรที่นางเขียนบนฝ่ามือ,ทำให้เขาชำเลืองมองนาง,ดูเหมือนสาวน้อยคนนี้จะซนเกินไปแล้ว.

จงซานที่จ้องมองไปที่นาง,หยิงหลานที่แลบลิ้นน้อยๆด้วยท่าทางทะเล้นออกมา,ดวงตาที่บ้องแบ้วแสดงท่าทางใสซื่อ,ไม่ว่าอย่างไรกับเรื่องที่นางเห็น,ภายในใจของหยิงหลานได้คิดว่าจงซานจงใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว.


"หลิงเอ๋อ,เกิดอะไรขึ้นอย่างงั้นรึ?เจ้าร้องไห้รึอย่างไร?"หยุนเฉียนที่กลับมาพร้อมกับศิษย์น้องอีกหลายคนของสำนักไคหยาง.

"ไม่ๆ,ศิษย์พี่หยุนเฉียน,ท่านเข้าใจผิดแล้ว."เทียนหลิงเอ๋อเผยยิ้มออกมาราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย.

แน่นอนที่รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นมีไม่กี่คนเท่านั้น,เป่ยชิงซือ,เทียนชา,จงซานและหยิงหลานเท่านั้น,และก็ไม่มีใครกล่าวอะไรออกมาแน่นอน.

หยุนเฉียนที่กำลังจะสอบถามเทียนชาและเป่ยชิงซือ,ทันใดนั้นพวกเขาก็เปลี่ยนมาเป็นระวังในทันที,หันหน้าจ้องมองไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือ.

คนสามคนที่บินมายังทิศทางของพวกเขา.

หญิงสาวคนหนึ่งที่นำชายสองคนด้านหลังมาด้วย,ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของนาง,คนทั้งสามที่มุ่งตรงมายังทิศทางที่พวกเขาอยู่,ขณะเดียวกันจงซานที่จ้องมองออกไป,รู้สึกต้องระมัดระวังขึ้นมากมายเลยทีเดียว.

คนเหล่านั้นไม่ได้เหยียบอยู่บนกระบี่เหิน,ทว่าพวกเขาเหยียบอยู่บนสายลมลอยมา.

การที่สามารถบินได้โดยไม่ใช้ของวิเศษนั่นก็หมายความว่าพวกเขาได้ก้าวไปถึงระดับก่อตั้งวิญญาณแล้วเท่านั้น,แน่นอนแม้แต่คนที่ก้าวไปถึงระดับสูงสุดของขั้นแกนทองยังไม่สามารถบินได้หากว่าไร้ซึ่งของวิเศษช่วย.

คนทั้งสามต่างก็อยู่ในระดับก่อตั้งวิญญาณอย่างงั้นรึ?

ทำไมพวกเขาบินมาที่นี่ล่ะ?พวกเขาเป็นใครกัน?มาจากสำนักใหน? เป็นกลุ่มเดียวกันทั้งสามคนเลยรึ?

กลุ่มของจงซานเวลานี้ไม่มีใครกล่าวสิ่งใดออกมา,ทุกคนต่างก็อยู่ในสภาวะเฝ้าระวัง.

คนทั้งสามที่ลอยมาก่อนที่จะร่อนลงที่ด้านหน้าของพวกเขา.

หญิงสาวที่นำมานั้น,นางสวมรองเท้าหนังอวดเรียวขาที่งดงามเป็นอย่างมาก,พร้อมกับชุดคลุมสีม่วงที่ดูสมส่วนเข้ารูป,ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ,เผยความอหังการออกมา,ท่าทางที่แผ่กลิ่นอายความสูงศักดิ์ออกมาเป็นระยะ

มือกระบี่สองคนดูเหมือนว่าจะเป็นองค์รักษ์ของนาง,ซึ่งมองออกง่ายมากเพราะดูเจียมเนื้อเจียมตัวสงบเสงี่ยม,ทว่าพวกเขาอยู่ระดับก่อตั้งวิญญาณเลยรึ? แม้จะดูธรรมดาแต่กับดูทรงพลังไม่น้อย.

"พวกเจ้าเป็นใคร?"เทียนชาสอบถามออกไปด้วยความเย็นชา,มือของเขาที่กุมกระบี่เอาไว้.

เทียนชาเองก็เป็นคนอหังการอยู่แล้ว,ถึงแม้ว่าพลังฝึกตนจะด้อยกว่า,ทว่าก็ยังเต็มไปด้วยความมั่นใจ.

ทุกๆคนต่างก็จับจ้องไปยังคนทั้งสาม,จงซานเองก็หรี่ตาลงอยู่ชั่วครู่เช่นกัน,เขาสังเกตเห็นว่าหญิงสาวที่อยู่ด้านหน้านั้นชำเลืองมองมายังเขาอยู่ชั่วขณะ,นางรู้จักเขาอย่างงั้นรึ?

หญิงสาวคนดังกล่าวเผยยิ้มออกมาอย่างนุ่มนวลพร้อมกับโบกสะบัดมือเบาๆ,ก่อนที่จะปรากฏสิ่งของบางอย่างออกมปรากฏอยู่บนมือ,เป็นตราหยกเจ็ดสี.

มันคืออะไรกัน?

"ตราคำสั่งอาวุโส? ท่านคืออาวุโสจื่อซวิน?"หยุนเฉียนที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางประหลาดใจ.

อาวุโสจื่อซวิน? จื่อซวิน? จงซานที่ถอยหลังโดยไม่รู้ตัวเมื่อได้ยินชื่อ,เทพธิดาจื่อซวินอย่างงั้นรึ? เป็นเทพธิดาจื่อซวินที่เขาพบหลังจากงานชุมนุมประตูมังกรเมื่อครั้งเขาได้เคล็ดวิชาหงหลวนหรือไม่? เทพธิดาจื่อซวินที่ได้ร่วมเรียงเคียงหมอนหนึ่งคืนกับเขา? ไม่,นี่ไม่ใช่นางแน่.

"นั่นไม่ใช่ตราคำสั่งของสำนักไคหยาง.เจ้าเป็นใคร?"เทียนชาขมวดคิ้ว.

หญิงสาวผู้นั้นเผยยิ้มให้กับเทียนชา."ข้าคืออาวุโสของสำนักยวีเหิง,กู่เฉียนโหยว."

"สำนักยวีเหิงรึ?"ทั้งเทียนชาและเป่ยชิงซือขมวดคิ้วเล็กน้อย.

"อาวุโส,ข้าขอดูป้ายคำสั่งนั่นได้หรือไม่?"เทียนชากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล.

หญิงสาวได้มอบป้ายตราให้กับคนของเขาด้านหลังส่งให้กับเทียนชา.

เทียนชาที่ตรวจสอบก่อนที่จะส่งคืนให้กับองค์รักษ์ของหญิงสาวคนดังกล่าว.

"สำนักไคหยาง,เทียนชา,คารวะอาวุโสพันธมิตร."

"คารวะอาวุโสพันธมิตร."ทุกคนที่โค้งคำนับหญิงสาวคนดังกล่าว.

จงซานเองก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดเช่นกันในเมื่อเขาเองก็ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับอาวุโสพันธมิตรมากนัก,เขาคาดเดาได้แค่เพียงบางคำว่า,พันธมิตร? ดูเหมือนว่าจะเป็นสำนักพันธมิตรของสำนักไคหยาง?สำนักยวีเหิง?

สำนักไคหยางนับว่าเป็นสำนักเซียนขนาดใหญ่,ทว่าพวกเขาก็จำเป็นต้องมีสำนักพันธมิตรอย่างงั้นรึ?

อย่างไรก็ตาม,จากบทสนทนาสั้นๆนั่น,จงซานที่ได้ข้อมูลสำคัญบางอย่างมา,เขาเริ่มมั่นใจแล้วว่าตอนนี้เทพธิดาจื่อซวินนั้นอยู่ในสำนักไคหยาง,และเป็นอาวุโสคนหนึ่งด้วย,แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นนางเลยก็ตามที.

"มีสิ่งใดที่อาวุโสต้องการให้พวกเราทำอย่างงั้นรึ?"เทียนชาที่สอบถามกู่เฉียนโหยว.

"พวกเจ้าไม่ได้วางแผนที่จะผ่านค่ายกลแปดประตูกุญแจทองหรอกรึ?"กู่เฉียนโหยวที่ตอบกลับ.

"อาวุโส,ท่านโปรดกล่าวออกมาตรงๆเถอะ."เทียนชาที่จับจ้องมองไปยังกู่เฉียนโหยว.

กู่เฉียนโหยวที่เผยยิ้มออกมาอย่างนุ่มนวล."เอาล่ะๆ,ในเมื่อสำนักของพวกเราเป็นพันธมิตรกัน,ข้าไม่ต้องการให้เป็นพิธีการมากเกินไป,ข้าสังเกตว่าพวกเจ้าอยู่ที่นี่มาระยะหนึ่งแล้ว,ดูเหมือนว่าพวกเจ้าเองต้องการจะเข้าไปในค่ายกลแต่ก็ไม่สามารถทำได้สำเร็จ,ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าเองก็ต้องการสิ่งตกทอดที่อยู่ในค่ายกลแปดประตูกุญแจทองใช่รึไม่?"

เป่ยชิงซือขมวดคิ้วไปมาทว่าไม่ได้กล่าวสิ่งใด,สิ่งที่นางต้องการนั้นคือหลักฐานที่จะสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์บิดาของนางเท่านั้น.

เทียนชาจ้องมองไปยังกู่เฉียนโหยวก่อนที่จะตอบกลับไปโดยไร้ซึ่งลังเล."ในเมื่ออาวุโสได้เอ่ยถึงค่ายกลสงคราม,แสดงว่าที่นี่มีจิตวิญญาณค่ายกลอย่างงั้นรึ?"

"ข้าเองก็รับประกันไม่ได้หรอกว่าที่นี่มีจิตวิญญาณค่ายกล,ทว่าข้าสามารถคาดเดาได้ว่า,พวกเจ้าก่อนหน้าได้ลองพยายามแล้ว,ทว่าก็ไม่สามารถทะลวงผ่านเข้าไปข้างในได้ใช่หรือไม่?"สายตาที่เต็มไปด้วยมารยาเป็นประกายในสายตาของนาง.

เทียนชาเองก็ได้แต่เงียบ! คนอื่นๆเองก็ไม่ต่างกัน.

"ค่ายกลนี้ซับซ้อนเป็นอย่างมาก,มันเป็นไปไม่ได้ที่จะทะลวงไปได้หากว่ามีคนไม่พอ,เช่นนั้นข้าจึงต้องการพันธมิตรเช่นพวกเจ้าเพื่อช่วยในการทะลวงคายกลแห่งนี้,เอาเป็นว่าใครที่ได้จิตวิญญาณค่ายกลก่อนเป็นคนแรก,ให้เป็นของคนๆนั้นเลยเป็นอย่างไร?"กู่เฉียนโหยวที่รู้สึกมั่นใจในตัวเองเป็นอย่างมาก,นางเชื่อว่าด้วยข้อเสนอนี้เทียนชาจะไม่ปฏิเสธข้อเสนอของนางอย่างแน่นอน.

เทียนชาที่ขมวดคิ้วไปมา,ครุ่นคิดและมองไปรอบๆ,ดวงตาของเทียนชาหรี่ลง,ท้ายที่สุดก็หันกลับไปมองกู่เฉียนโหยวอีกครั้งและกล่าวว่า,"แล้วศิลาวิญญาณในค่ายกลล่ะ?"

"หากเจ้าตกลง,พวกเราจะไม่แตะศิลาวิญญาณในนั้นเลยแม้แต่น้อย,ทว่าพวกเราจะต้องเป็นผู้นำในการจัดแจงทุกอย่างในการเข้าไปในค่ายกลนั่น."กู่เฉียนโหยวที่ตอบ.

"ตกลง."เทียนชาพยักหน้าในทันที.

ด้วยคำมั่นของเทียนชา,กู่เฉียนโหยวที่เผยยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ,"เช่นนั้นก็ตามข้ามา."

กู่เฉียนโหยวและองค์รักษ์ของนางที่บินตรงไปยังภูเขาทิศตะวันออกเฉียงเหนือ.

เทียนชาและเป่ยชิงซือ ต่างก็มองหน้ากันและกัน,พวกเขาที่สั่งการคนอื่นๆ.จงซานที่ขึ้นกระบี่เหินไปกับหยุนเฉียน,เทียนหลิงเอ๋อบินไปด้วยผ้าแพรไหมของนางและหยิงหลานก็ขึ้นกระบี่เหินไปกับเป่ยชิงซือ.คนทั้งหมดสิบเอ็ดคนตามกู่เฉียนโหยวไป.

บนยอดเขาทางทิศเหนือนั้น,กู่หลินและเซียนเซิงสุ่ยจิงที่เฝ้ามองไปยังทิศทางที่เฉียนโหยวกำลังกลับมา.

"สุ่ยจิง,เจ้าบอดว่าคนกลุ่มนี้ยังไปไม่ถึงระดับก่อตั้งวิญญาณอย่างงั้นรึ? เช่นนั้นพวกเราจำเป็นต้องให้พวกเขามาช่วยด้วยรึ?"กู่หลินที่สอบถามเซียนเซิงสุ่ยจิงพร้อมกับขมวดคิ้วไปมา.

"การจะทะลวงผ่านค่ายกลแห่งนี้นั้นเป็นการประลองด้วยการต่อสู้ในศาสตร์ต่างๆหลายอย่าง,การให้พวกเขาช่วยนั้นไม่ได้แตกต่างจากผู้ฝึกตนก่อตั้งวิญญาณแม้แต่น้อย,อีกอย่างมันยังง่ายในการควบคุมพวกเขาด้วย,ยกตัวอย่างเช่น,หากว่าเกิดความขัดแย้งขึ้นมา,การที่พวกเราจะสังหารผู้เชี่ยวชาญก่อตั้งวิญญาณนั้นยุ่งยากยิ่งกว่าขั้นแกนทองอย่างแน่นอน."เซียนเซิงสุ่ยจิงที่โบกสะบัดพัดไปมา.

"อืม."กู่หลินที่พยักหน้า,แสดงท่าทางมีความสุขกับคำตอบของเซียนเซิงสุ่ยจิงเป็นครั้งแรก.

ไม่นานหลังจากนั้นทุกคนก็มาถึงยอดเขา.

จงซานที่ก้าวลงกระบี่เหินของหยุนเฉียน,และจ้องมองไปยังกลุ่มที่อยู่ด้านหน้า,มีผู้เยาว์ที่หล่อเหลาคนหนึ่งยืนอยู่,และมีชายที่เหมือนกับนักศึกษาถือพัดสะบัดไปมา,และกลุ่มคนอื่นๆที่ดูเหมือนว่าจะเป็นเหล่าองค์รักษ์.

ทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนแล้วแต่แสดงท่าทางอหังการ,แม้แต่เหล่าองค์รักษ์ยังเต็มไปด้วยท่าทางดูถูกกลุ่มของจงซานเป็นอย่างมาก.

"เซียนเซิงสุ่ยจิง,ข้าได้นำคนของสำนักไคหยางมาที่นี่แล้ว,คงต้องรบกวนท่านในการอธิบายวิธีในการทะลวงผ่านค่ายกลแล้ว."กู่เฉียนโหยวที่กล่าวต่อชายคนหนึ่งที่กำลังโบกสะบัดพัดอยู่.

ชายคนดังกล่าวที่เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม,มีเพียงชายหนุ่มที่จ้องมองไปยังเป่ยชิงซือ,เทียนหลิงเอ๋อและเทียนชา,จากนั้นก็หันหน้าไปยังกู่เฉียนโหยว.

"ของคุณต้องลำบาก,กงจูแล้ว."เซียนเซิงสุ่ยจิงพยักหน้า.

"ข้าพรตเต๋า,สุ่ยจิง,ทุกท่านคงจะมาจากสำนักไคหยาง,มีใครรู้อะไรเกี่ยวกับค่ายกลแปดประตูกุญแจทองหรือไม่?"เซียนเซิงสุ่ยจิงที่สอบถามออกมาทันทีหลังจากที่จ้องมองไปยังกลุ่มคนของสำนักไคหยาง.



"ข้ารู้แค่เพียงว่าค่ายกลแปดประตูกุญแจทองนั้นเป็นค่ายกลสงครามที่ยากจะผ่านไปได้,พวกเราเองลองผ่านเข้าไปแล้วแต่ดูเหมือนว่ามันซับซ้อนจนเกินไป."

ทุกๆคนที่อยู่ด้านหลังเทียนชาต่างก็พยักหน้าเช่นกัน.

เป่ยชิงซือที่ขบริมฝีปากแน่นแม้ว่านางจะค่อนข้างเข้าใจเกี่ยวกับค่ายกลดังกล่าว,ทว่าก็เลือกที่จะเงียบ,ส่วนจงซานเองก็เงียบ,ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา,ในเวลานี้เขาควรที่จะซ่อนแสงสว่างเอาไว้เพื่อรักษาตัวในที่มืด

"ชิ!"

ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ไม่แม้แต่มองมายังจงซานทันใดนั้นก็แค่นเสียงออกมา,เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขารู้สึกเหยียดหยันดูถูกคนของสำนักไคหยางเป็นอย่างมาก.

"ค่ายกลแปดประตูกุญแจทอง ประกอบด้วย ประตูทำลาย(), ประตูชีวิต(), ประตูบาดเจ็บ(), ประตูอุปสรรค(), ประตูทางออก(), ประตูความตาย(),ประตูความตื่นตระหนก(), และประตูเปิด()  เป็นค่ายกลสงครามที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา,สามลึกลับ,หกมั่นคง.สิบวันไม่เปลี่ยนผัน,ค่ายกลที่ก่อตัวขั้นนั้น,ประตูชีวิต()และประตูความตาย() จะสับเปลี่ยนกันได้ตลอดเวลา,เหมือนกับขุนพลและทหารสามารถสับเปลี่ยนตำแหน่ง,เปลี่ยนแปลงไร้ที่สุดสุด,การจะทะลวงผ่านค่ายกลนั้น,กลุ่มที่จะผ่านค่ายกลจะต้องเข้าไปในประตูชีวิต(),  พร้อมกันนี้จะต้องมีอีกกลุ่มหนึ่งเข้าไปรบกวนค่ายกลที่ประตูทางออก()jǐng,และกองกำลังหลักจะต้องทะลวงประตูบาดเจ็บ()จะทำให้ในช่วงเวลานั้น,กลุ่มที่อยู่ประตูชีวิต()ผลักดันปรับเปลี่ยนกลุ่มอื่นๆเข้าไปยังดวงตามังกรได้."

หยิงหลานที่เป็นคนตรงไปตรงมา,บางทีการที่นางนำทัพมาหลายปีทำให้ค่อนข้างร้อนรุ่ม,เมื่อเห็นคนมากมายที่กำลังดูถูกมายังกลุ่มของนาง,ดังนั้นนางจึงเอ่ยปากออกมาโดยไม่ลังเลเลย.


เมื่อเห็นหยิงหลานเอ่ยปากออกมา,จงซานชำเลืองมองไปยังนาง,ภายในแววตาแสดงท่าทางพอใจ,เขาภูมิใจที่นางมีความรู้เกี่ยวกับค่ายกลสงคราม,นางที่ได้รับการศึกษาความรู้มาจากเขามากมาย,ก่อนที่นางจะสามารถนำมันไปใช้ในการรบได้เป็นอย่างดี,ทำการจัดทัพในสงครามได้,เพียงแต่ทัพที่สร้างขึ้นในเวลานี้เป็นพายุทรายที่เกิดจากอาคมนั่นเอง,


ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality

#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)


สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click

***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ อัพ 2-3 ตอนต่อวัน.

 

3 ความคิดเห็น:

  1. ตอนที่ 73 อ่านไม่ได้ครับ ติด permission

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. https://www.facebook.com/novel.translateshare/posts/241271686577906?__xts__[0]=68.ARCVnyQZdSYch7M3ZCaWhQimMVWzWK3cn1v5QzpgV8A47SW2fowkHpGDuyjDDGY-2Gqb8kZMxxklGZVGUuRwMwqbrEaswfJ2zJ8BR_GJBBcwDGBFJiOWM383wGlO3eQ5tBpTrJkcEWgceennStDQOBG4AdVtSfL1FZplFViFY06RcyVhZ8eU&__tn__=-R

      ลบ
    2. ตั้งค่า==> ไซต์เวอร์ชันเดสก็ทอป

      ลบ