วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2561

Immortality Chapter 72 Even Heroes have Depressing Moments

Immortality Chapter 72 Even Heroes have Depressing Moments

นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 72 ความหงุดหงิดของยอดฝีมือ.


บทที่ 72 ความหงุดหงิดของยอดฝีมือ.


เมื่อเป่ยชิงซือมาถึง,นางก็เห็นจงซานเก็บดาบของเขาแล้ว.

นางสามารถบอกได้ว่าด้วยพลังของฝ่ายตรงข้ามขณะเหวี่ยงกระบี่แล้วน่าจะอยู่ในระดับสี่เซียนเทียน,ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับจงซาน,ทว่าจงซานกับสังหารพวกเขาไปหมดโดยไร้ซึ่งรอยขีดข่วน,พวกเขาไม่สามารถทำอะไรจงซานได้เลยรึ?


เป่ยชิงซือที่ชำเลืองมองตาโต,แสงท่างงงงวย,นางประหลาดใจเป็นอย่างมาก,แม้แต่คนที่อยู่รอบๆเองก็ประหลาดใจไปด้วยเช่นกัน,ต้องไม่ลืมว่า,ฝ่ายตรงข้ามีสี่คน,คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะได้รับชัยชนะแบบเบ็ดเสร็จ,เพลงดาบของเขาทรงพลังและร้ายกาจมากๆ.

"ศิษย์ที่สาม."เทียนหลิงเอ๋อที่ร้องตะโกนออกไป ปลุกนางที่กำลังงงงวยกับฝีมือของจงซาน.

จงซานที่หันหน้ากลับไปซึ่งพบว่าเป่ยชิงซือได้ปรากฏขึ้นลอยอยู่บนอากาศแล้ว.

"หลิงเอ๋อรึ?"เป่ยชิงซือที่นำกระบี่ร่อนลงมาบนพื้นที่ด้านหน้าเทียนหลิงเอ๋อจ้องมองนางด้วยท่าทางสงสัย.

เทียนหลิงเอ๋อที่นำฮูดลง,ก่อนที่จะเผยยิ้มอย่างเฉิดฉาย.

"ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่ล่ะ?"เป่ยชิงซือที่มองเทียนหลิงเอ๋อ,ก่อนที่จะมองไปยังจงซานและมองไปยังด้านข้างซึ่งมีอีกคนในชุดดำด้วยท่าทางสงสัย.

"กู่เหยี่ยเหยี่ย.นางเป็นใครอย่างงั้นรึ?"หยิงหลานที่สอบถามออกไป,ทว่ายังค่อนซ่อนอยู่ในเสื้อคลุมดำ.

ทำไมไม่รู้,เมื่อเห็นเป่ยชิงซือบินมา,นางราวกับว่าสัมผัสได้ถึงความกังวลใจที่เกิดขึ้นในใจ,เป่ยชิงซือเป็นคนที่งดงามสมบูรณ์แบบ,เส้นผมที่ขาวบริสุทธิ์,รูปร่างที่สมส่วน,มีสง่า,ไร้ที่ติดเลย? กับคนที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้,หยิงหลานราวกับว่ารู้สึกเป็นปฏิปักษ์อย่างช่วยไม่ได้.

กู่เหยี่ยเยี่ยอย่างงั้นรึ?

เป่ยชิงซือที่รู้สึกประหลาดใจที่เห็นหญิงสาวในชุดดำนั้นเรียกจงซานว่ากู่เหยี่ยเยี่ย.

กู่เหยี่ยเยี่ย?นางเรียกจงซานว่ากู่เหยี่ยเยี่ยอย่างงั้นรึ?

"นางเป็นสหายของข้า."จงซานกล่าวต่อหยิงหลาน.

ทว่าเขาก็ไม่ได้แนะนำหยิงหลานต่อเป่ยชิงซือ,เพราะเขาไม่อยากให้มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น.

"ศิษย์พี่สาม,ทำไมศิษย์พี่ใหญ่ต้องต่อสู้กับชายคนนั้นด้วยล่ะ?"เทียนหลิงเอ๋อที่สอบถามออกมาด้วยความสงสัย.

"ชายคนนั้นคือประมุขของสำนักกระบี่โลหิต,เสี๋ยชา หลายวันก่อน,พวกเราได้เข้าไปในค่ายกล,และศิษย์น้องสองคนถูกสังหารด้วยน้ำมือของศิษย์สำนักกระบี่โลหิต,ศิษย์พี่ใหญ่จึงได้สังหารศิษย์ของสำนักกระบี่โลหิตแก้แค้นให้พวกเขา,หลังจากนั้นเสี๋ยชาก็ทราบข่าว,เขาจึงได้เดินทางมาประลองเป็นตายกับศิษย์พี่ใหญ่ในตอนนี้."เป่ยชิงซืออธิบาย.
 
"ดูเหมือนชายคนนั้นจะอ่อนแอกว่าศิษย์พี่ใหญ่แน่นอน,"เทียนหลิงเอ๋อที่เฝ้ามองจากที่ไกลออกไปก่อนที่จะกล่าวออกมา.

"ไม่ๆ,ศิษย์พี่ใหญ่นั้นอยู่ในระดับเก้าแกนทอง,ส่วนเสี๋ยชานั้นอยู่ในระดับสิบแกนทองแล้ว."เป่ยชิงซือขมวดคิ้วไปมา.

"อ๋า?เช่นนั้นทำไมพวกเราไม่เข้าไปช่วยเขาสู้ล่ะ?"เทียนหลิงเอ๋อสอบถาม,หลังจากที่นางเดินทางกับจงซานมาจนถึงตอนนี้,นางตระหนักได้ถึงอันตรายได้ดี,ทางที่ดีที่สุดควรจะช่วยกันต่อสู้,เหมือนกับพวกนางที่ช่วยกันสู้กับเมียวเซียนเหรินเมื่อสองวันที่แล้ว.

"ศิษย์พี่ใหญ่กล่าว่าเขาจะจัดการด้วยตัวเอง,เขาต้องการให้พวกเราคอยดูอยู่ห่างๆ."เป่ยชิงซือที่จ้องมองไปยังเทียนชาที่อยู่ไกลออกไป,ที่จริงนางคิดว่าเทียนชานั้นแตกต่างจากคนอื่น,เขามีพลังเพียงพอที่จะต่อกรกับคนที่มีพลังฝึกตนเหนือกว่าเขาได้.

จงซานไม่มีข้อคิดเห็นใดๆ,หากว่าเป็นก่อนหน้าที่เขาจะเข้าสำนักไคหยางเขาอาจจะหัวเราะการตัดสินใจของเทียนชา,ทว่าเวลานี้เขากับได้รู้ว่าในชั่วระยะเวลาเป็นตายนั้น,มันกลับเป็นอีกหนึ่งในวิธีที่เขารับรู้ได้เมื่อเข้าสำนักเซียน,ว่ามันสามารถผลักดันตัวเองไปจนถึงขีดสุดสามารถดึงศักยภาพที่มีทั้งหมดของร่างกายออกมาได้และทำให้เลื่อนความสามารถไปอีกขั้นด้วย.

การเผชิญหน้ากันระหว่างเทียนชาและเสี๋ยชานั้นกินเวลาหกชั่วโมงแล้ว,ระหว่างเวลาที่พวกเขาประลองกัน,ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใหนก็ตามที่ขยับ,ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเขตแดนรอบๆพวกเขานั้นเป็นเขตแห่งความตาย.

ขณะที่คนทั้งสองรวบรวมพลังภายในร่างกายตัวเอง,พวกเขาจะยืนนิ่งเหมือนกับรูปปั้น,ทว่าเมื่อพวกเขาขยับล่ะก็,จะเกิดพายุหมุนบดทำลายขึ้นมาในทันที....

ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามหากอยู่ในระดับเซียนเทียนไม่สามารถเข้าใกล้พวกเขาได้เลย,แม้แต่ระดับแกนทองยังรับรู้ได้ถึงอันตราย,ความกดดัน,ความหนาแน่นของพลังยากที่จะมีใครสามารถแบกรับได้หากว่าอยู่ใกล้ๆ.

หนึ่งคือประมุขของสำนักกระบี่โลหิต,ส่วนอีกคนคือศิษย์ลำดับหนึ่งขั้นสองของสำนักไคหยางและมีโอกาสได้เป็นประมุขสำนักไคหยางในวันข้างหน้าด้วย.

ทั้งคู่ต่างก็ใช้กำลังเพื่อห้ำหั่นสังหารอีกฝ่ายให้ได้.

หกชั่วโมง,เวลาที่ผ่านไปหกชั่วโมงพวกเขายังไม่สามารถตัดสินได้,ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างรออีกฝ่ายเปิดช่องว่าง,ทั้งคู่ต่างก็รวบรวมพลัง,รอที่จะปิดฉากในกระบวนท่าต่อไปอย่างแน่นอน.

เสี๋ยชานั้นคาดไม่ถึงเลยว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นจะแข็งแกร่งขนาดนี้,เขาเหลืออีกแค่ก้าวเดียวก็จะไปถึงระดับก่อตั้งวิญญาณแล้ว,ฝ่ายตรงข้ามที่มีแกนแท้ไม่ได้มากมายเท่ากับเขาอย่างชัดเจน,ทว่าคาดไม่ถึงเลยว่าพลังกดดันที่เขามีนั้นกับไม่สามารถข่มอีกฝ่ายได้เลย.เป็นไปได้อย่างไร? นี่คือสำนักไคหยางอย่างงั้นรึ? สำนำไคหยางแข็งแกร่งขนาดนี้เลยรึ?

ขณะที่เสี๋ยชาเริ่มเสียสมาธิ,ดวงตาของเทียนชาเปล่งประกายในทันที,โอกาสมาถึงแล้ว.

"ฟิ้ว,ย๊ากๆ!!!"

เทียนชาวาดกระบี่ออกไป.

แทบจะในทันทีที่เทียนชาเหวียงกระบี่ออกไป,เสี๋ยชาเองก็ตะวัดกระบี่ดื่มโลหิตของเขาออกมาด้วยเช่นกัน.

จงซานจับจ้องพวกเขาแทบไม่วางตาทีเดียว,ในช่วงระยะเวลาสุดท้ายนั่น,เทียนชารวดเร็วจนเขาแทบมองเห็นได้อย่างชัดเจนนัก,เขาที่จำเป็นต้องเพ่งอย่างตั้งใจ.

กระบี่สุดท้ายของเทียนชาที่ปล่อยออกมา จงซานที่เห็นประกายแสงที่ระเบิดออกมาจากกระบี่,ราวกับว่าความมืดที่มีทั้งหมดถูกแสงกระบี่ของเขากลบไปในทันที,จงซานรู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก.

บางทีเพราะว่าเขาอยู่ไกลออกมาจึงเห็นเหมือนกับเป็นแสงกระพริบ.

เพียงพริบตาเดียว,กระบี่ก็พุ่งออกจากฝักแล้ว,เหตุการณ์ทั้งหมดนั้นมันเร็วจนเกินไป,เขาแทบไม่สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวทั้งหมดได้เลย.

ฝ่ายตรงข้ามเองขณะที่เขาชักกระบี่ออกมาก็เกิดเป็นหมอกสีแดงมากมาย,เหมือนกับทะเลโลหิต,เพียงแค่เสี้ยวนาที,จงซานรับรู้ได้ว่าหมอกเหล่านั้นปรากฏออกมารอบๆร่างของเสี๋ยชาเป็นเหมือนประกายแสงสีแดงที่เกิดขึ้นในทันที,เหมือนกับเมฆยักษ์รวมตัวกันขึ้นมา,ทว่าพริบตาเดียวที่กระบี่เทียนชากระพริบ,ลำแสงก็ถูกยิงทะลวงก้อนเมฆนั่นไป.

จงซานที่รู้สึกประหลาดใจกับประกายแสงที่ออกมาจากกระบี่ของเทียนชาราวกับว่าประกายแสงนั่นมันถูกยิงมาจากบนท้องฟ้าและทะลวงก้อนเมฆโลหิตไปพร้อมๆกัน,เขาไม่สามารถเห็นได้ชัดเจนนัก,ดูเหมือนลำแสงนั่นจะไม่ได้มีแค่ลำแสงเดียว,แต่เป็นสองลำแสงที่พุ่งมารวมยังจุดเดียวกัน.

"คลื่นๆ พรึดๆ!"

หลังจากเสียงดังสนั่น,ประกายแสงที่หายไป,จงซานก็เห็นหมอกโลหิตค่อยๆหายไปช้าๆ.

มันรวดเร็ว,และทรงพลังมาก,จงซานไม่อาจรับรู้ถึงวิถีกระบี่ได้ทั้งหมด.

ก่อนที่เสียงกังวานจะหายไป,การต่อสู้ทั้งหมดก็จบแล้ว,เทียนชาเก็บกระบี่เข้าฝัก,ทว่าฝ่ายตรงข้าม,กระบี่ดื่มโลหิตของเสี๋ยชาขาดเป็นสองท่อน,ส่วนหนึ่งกำลังกุมอยู่,อีกส่วนหนึ่งหล่นลงบนพื้น,เสี๋ยชาไม่สามารถโจมตีออกไปได้,เขาไม่สามารถโจมตีได้แล้ว.

มีรอยแยกเกิดขึ้นที่ศีรษะของเขา,มันค่อยๆแยกออกจากกันถูกผ่าเป็นสองซีก,โลหิตพุ่งกระฉูดดันทั้งสองฝั่งแยกออกจากกัน,

กระบี่ของเทียนชาที่สังหารเขาในกระบี่เดียว.

โลหิตที่พุ่งกระฉูดเป็นสาย,ก่อนที่ร่างของเสี๋ยชาจะล้มลงบนพื้น,ศีรษะของเขาเองก็ถูกแยกออกเป็นสองส่วน,ประมุขของสำนักเซียนอีกแห่งหนึ่งจางหายไปในประวัติศาสตร์แล้ว.

ทุกคนที่จ้องมองการประลองต่างก็รู้สึกตะลึงกับฝีมือของเทียนชา,สำนักไคหยาง? นี่คือพลังของสำนักซ่างเซียนอย่างงั้นรึ?

"ฉู่จิว,กระบวนท่าเมื่อครู่นี้เป็นอย่างไร?"ชายหนุ่มที่สอบถามชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านหลัง.

"ชายคนนี้มีการตระหนักรู้ที่ยอดเยี่ยมมาก,เขาสามารถเข้าใจได้ถึงจิตกระบี่ระดับต้นแล้ว,หากว่ามีพลังฝึกตนเท่ากัน,เขามีคุณสมบัติพอที่จะประลองกับกงจื่อได้เลย."ฉู่จิวที่กล่าวออกมาด้วยเสียงเบาๆ.

"ต้องได้เจอกันแน่,เพลงกระบี่ตัดสวรรค์กลืนนภาสำนักไคหยางอย่างงั้นรึ?"ชายหนุ่มที่หรี่ตามองจับจ้องไปยังทิศไกลออกไป,แสดงท่าทางตื่นเต้นต้องการต่อสู้เป็นอย่างมาก.

ที่ชายขอบค่ายกลทิศเหนือ,เฉียนโหยวที่กล่าวออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา,"เพลงกระบี่ตัดสวรรค์กลืนนภา สมชื่อแล้วที่มีชื่อเสียง."

เซียนเซิงสุ่ยจิงที่สะบัดพัดปรบไปยังมือของเขา."ชายผู้นี้ยอดเยี่ยมมาก,เขาสามารถที่จะต่อกรกับคนที่กำลังจะก้าวไปถึงระดับก่อตั้งวิญญาณได้ด้วย."

จงซาน,ที่กำหมัดแน่น,เขาสงสัยว่าไท่จื่อเหล่ยเทียนนั้นมีพลังมากหรือน้อยกว่าระดับนี้กัน?

"ศิษย์พี่ใหญ่ร้ายกาจมากๆเลย."เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวออกมา,ทว่าดูเหมือนว่ามันจะไม่ตื่นเต้นเหมือนเช่นเคย,หลังจากที่เห็นจงซานเอาชนะเมียวเซียนเหรินที่มีระดับสูงกว่าตัวเองมากๆในการฟันร่างของเขาเพียงครั้งเดียว,ชัยชนะครั้งนี้จึงไม่ได้น่าประหลาดใจมากมายนัก.

หยิงหลานที่เงียบอยู่ตลอดเวลา,นางมีพลังฝึกตนต่ำที่สุดไม่มีความเห็นใดๆได้เลย,ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนางเห็นเพียงประกายแสงที่สว่างวูบวาบเท่านั้น.

"พวกเราไปยังเนินเขาด้านบนกันเถอะ."เป่ยชิงซือกล่าว.

อืม."จงซานพยักหน้า.

จงซานที่พาหยิงหลานขึ้นไปบนเนินเขาที่เทียนชาอยู่,เป่ยชิงซือและเทียนหลิงเอ๋อลอยบนอากาศ,ทว่าก็ชลอคอยจงซานไปด้วยเช่นกัน.

หลังจากที่เทียนชาจัดการเสี๋ยชาได้,เหงื่อเม็ดใหญ่ก็หลั่งออกมาทั่วหน้าของเทียนชาเหมือนกัน,ทว่าเขาก็ซ่อนมันไว้ตลอดจนทำให้มันระเหยไปในทันที.

เทียนชาต้องการประลองกับเสี๋ยชานั้น,เหตุผลหนึ่งเขาต้องการผลักดันประสิทธิภาพของเขาให้ก้าวไปถึงขีดสุด,อีกเหตุผลหนึ่งนั้น,ก็เพื่อเป่ยชิงซือ,เขาต้องการให้นางประทับใจในความแข็งแกร่งของเขา,ด้วยหวังว่านางจะชื่นชมเขาบ้าง.

ซึ่งคนส่วนมากนั้นต่างก็ประทับใจในความแข็งแกร่งของเขาทั้งนั้น.

เทียนชาที่หันหน้ากลับไป,คาดหวังว่านางจะจ้องมองมาที่เขาเหมือนกับคนอื่นๆ,ทว่านางไม่อยู่อย่างงั้นรึ?

นางไปใหนกัน?เทียนชาที่กวาดตามองไปรอบๆก่อนที่จะเห็นนางกำลังคุยกับผู้ชายอีกคน.

ชายอีกคน? สายตาของเทียนชาที่ลุกวาวจ้องมองไปยังคนดังกล่าวซึ่งเขาก็พบว่าเป็นจงซานนั่นเอง.

ปรกติเทียนชานั้นไม่ได้กังวลอะไรมากนักกับศิษย์ขั้นสาม,โดยเฉพาะอย่างยิ่ง,จงซาน,อาจารย์บอกกับเขาว่าจงซานนั้นมีพรสวรรค์ที่ต่ำ,ในสายตาของเทียนชา,จงซานก็ไม่ได้ต่างจากแมลงตัวหนึ่ง,อย่างไรก็ตาม,แมลงตัวนี้กับมีความสามารถที่จะนำเป่ยชิงซือออกไปจากชีวิตเขาอย่างงั้นรึ? ในสาตาของเป่ยชิงซือ,เขาให้ความสำคัญ ถึงกับออกไปต้อนรับจงซานเลยรึอย่างไร?



ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality

#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)


สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click

***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ อัพ 2-3 ตอนต่อวัน.

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น