Miracle Throne Chapter 316 First armed forces fort
นิยาย บัลลังก์แห่งปาฏิหาริย์ ตอนที่ 316 ป้อมปราการด่านหน้า
บทที่ 316 ป้อมปราการด่านหน้า
งานก่อสร้างโครงข่ายกระจายสัญญาณนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องให้ฉู่เทียนไปด้วยตัวเองก็ได้,สามารถส่งหยุนเหยาและเฟิงไฉ่เตี๋ยออกไปจัดการด้วยตัวเองได้,ทว่าด้วยการกระทำของราชาหนานเซี่ยที่เอ่ยนามฉู่เทียนด้วยตัวเอง,เพราะต้องการที่จะสร้างการสื่อสารครั้งแรกนี้ขึ้นมา,ที่สำคัญเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในสงคราม,จึงไม่สามารถที่จะให้มีความผิดพลาดได้เลยแม้แต่น้อย.
หลังจากที่เมิ่งชิงอู๋ได้ยินเรื่องดังกล่าว,นางได้บอกกล่าวต่อฉู่เทียน"โดยทั่วไปแล้วไม่ว่าจะเป็นหอการค้าใหญ่ไม่อนุญาตให้เข้าใกล้,ป้อมปราการด่านหน้าเลย,นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากมากๆ,ข้าจะไปกับเจ้าด้วย."
ฉู่เทียนที่ค่อนข้างประหลาดใจ"ท่านหญิงเองก็ต้องการจะไปอย่างงั้นรึ?"
เมิ่งชิงอู๋ที่กล่าวออกมา"ป้อมปราการหน้านั้นนับเป็นตลาดขนาดใหญ่,ที่มีสินสงครามที่ได้รับมาจากการสู้รบ,อาหาร,อาวุธทางทหาร,อุปกรณ์ต่างๆ,มากมาย,และยังมีความต้องการสินค้าอื่นๆในปริมาณมหาศาลทีเดียว,หากว่าหอการค้าปาฏิหาริย์ได้ไปเปิดทำการได้แล้วล่ะก็,จะสามารถขยายขนาดหอการค้าปาฏิหาริย์ได้อีกมาก,และยังสามารถที่จะสร้างเป็นศูนย์การค้าที่สามารถสนับสนุนสงครามได้อีกด้วย."
เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล.
หากจะนำท่านหญิงไปด้วย.
ฉู่เทียนรับผิดชอบในการก่อสร้างสถานีการสื่อสาร,ส่วนท่านหญิงรับผิดชอบในการตรวจสอบตลาดของป้อมปราการด่านหน้า,ยังสามารถที่จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการร่วมมือลงทุนที่ป้อมปราการด่านหน้าได้ด้วย,ทว่าก็ดูเหมือนว่ายังมีเรื่องที่น่าเป็นห่วงอยู่เช่นกัน.
หากว่าฉู่เทียนและเมิ่งชิงอู๋ไปทั้งสองคนไป,หอการค้าปาฏิหาริย์ก็จะขาดผู้นำไปพร้อมกัน.
ฉู่เทียนที่ต้องออกไปป้อมปราการหน้าพร้อมกับเหล่าองค์รักษ์วังหลวง,กู่เซียนชิวเองก็ต้องเดินทางไปด้วย,ซ้ำจักรพรรดิอู๋อานที่ยกทัพออกไปสนามรบ,หอการค้าปาฏิหาริย์ในเวลานี้จึงดูเหมือนว่าจะถูกตัดขาดให้โดดเดี่ยวในตำหนักจักรพรรดิเลยไม่ใช่รึ?
เพราะว่ากังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยที่อาจจะมีใครบางคนลอบโจมตี,เพื่อความปลอดภัยจึงไม่ได้นำเฉินปิงยวีและศพทมิฒ
18
ตนออกไปด้วย,ในการเดินทางในครั้งนี้,มีต้าเซวจื่อ,รวมทั้งจิ้งจอกน้อยที่พอจะเป็นองค์รักษ์ปกป้องเขาได้,หรือหากว่าต้องเจอกับสิ่งไม่คาดฝัน,ฉู่เทียนก็จะต้องจัดการมันด้วยตัวเขาเอง!
ป้อมปราการของอาณาจักรหนานเซี่ยนั้น,มีอยู่ด้วยกันทั้งหมดห้าแห่ง,แต่ละแห่งนั้นมีกองกำลังขนาดใหญ่ตั้งอยู่,สามารถที่จะป้องกันความปลอดภัยให้อาณาเขตหวังหยีได้ได้,ตอนนี้ราชาหนานเซี่ยที่ขอให้ฉู่เทียนเดินทางไปด้วยตัวเอง,จะทำให้ฉู่เทียนนั้นมีบทบาทที่สำคัญเป็นอย่างมาก,ราชาหนานเซี่ยที่จริงเป็นคนที่ค่อนข้างใจแคบอยู่ไม่น้อย,แต่ติดสินใจเช่นนี้ไป
เหมือนว่าไม่ต้องการที่จะล่วงเกินหรือสร้างปัญหาใดกับฉู่เทียนในเวลานี้นั่นเอง.
เช้าวันถัดมา.
เหล่าคณะผู้ติดตามได้เตรียมพร้อมแล้ว,ราชสีห์ทองคำปลุกดวงจิตระดับ
9 สามตน,พร้อมกับนักรบซีจิว สองร้อยคน,
และมีจอมพลหวังเทียนหลงที่ได้ควบคุมกองกำลังมังกรดินอีกจำนวนหนึ่งนำหน้า,กู่เซียนชิวและฉู่เทียนที่รั้งหลังตามมาช้าๆ.
เป็นขบวนที่น่าอัศจรรย์ใจเป็นอย่างมาก,การจะถูกลอบโจมตีนั้นไม่มีโอกาสเป็นไปได้เลย,คงไม่มีใครกล้าลอบสังหาราชาหนานเซี่ยเป็นแน่.
ทุกคนในเวลานี้ต่างก็เป็นสุดยอดผู้เชี่ยวชาญกันทั้งนั้น,ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งที่แข็งแกร่งที่สุด,แต่ก็ใช่ว่าจะอ่อนแอ,ราชานนานเซี่ยนั้นอ่อนด้อยกว่าจักรพรรดิอู๋อาน,ทว่าอย่างน้อยก็เป็นผู้เชี่ยวชาญเขตแดนภูติแท้,มีน้อยคนมากที่จะสามารถต้านทานเขาได้.
ทั่วทั้งเขตแดนของอาณาจักรหนานเซี่ยแห่งนี้ยากที่จะมียอดฝีมือในการลอบสังหารราชาหนานเซี่ยได้?
อย่างไรก็ตามราชาหนานเซี่ยที่ไว้วางใจหวังเทียนหลงเช่นนี้,ทำให้ฉู่เทียนคาดไม่ถึงเลยจริงๆ,แม้ว่าฉู่เทียนจะไม่สนใจราชาหนานเซี่ยก็ตามที,ทว่าราชาหนานเซี่ยที่ปกครองตำหนักจักรพรรดิ,มีผลประโยชน์กับหอการค้าปาฏิหาริย์ของเขา,อย่างน้อยก็จำเป็นต้องคำนึงถึงว่าหอการค้าปาฏิหาริย์นั้นจะต้องขัดแย้งกับอิทธิพลของตระกูลหวังในวันหน้าหน้าอย่างแน่นอน.
ทุ่งหญ้าเฉวียนหยงที่มีอาณาเขตหลายหมื่นลี้,มองไปสุดลูกหูลุกตา,จนสามารถมองเห็นเส้นขอบฟ้าที่ไกลออกไปเลยก็ว่าได้.
ท้ายที่สุดก็มาถึงจนได้!
นี่คือชายแดนที่ติดกับดินแดนภาคเหนือ!
ทุกคนที่มองเห็นมาแต่ไกลเป็นสิ่งก่อสร้างขนาดมหึมา,เป็นปราการใหญ่ที่สุดหนึ่งในห้า,มีชื่อว่า
ป้อมปราการเหล็กกล้า,หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า,กำแพงเล็ก,
ด้วยกำแพงเหล็กกล้าพร้อมกับกองกำลังรักษาการณ์กว่า 500,000
เป็นป้อมปราการที่ใช้ในการป้องกันเผ่าเฉวียนหยงนั่นเอง.
เมืองที่ตั้งขึ้นอย่างโดดเดี่ยวบนทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่เป็นเหมือนแท่งเหล็กที่ร่วงหล่นลงมาจากบนท้องฟ้าทอดยาวออกไปไกสุดตา,ชี้เด่อยู่กลางทุ่ง,ยืนเด่นตั้งตระหง่านบนพื้นที่ราบอันกว้างใหญ่,
ไม่ว่าจะใครก็ตามที่เห็นฉากดังกล่าวแล้ว,เมื่อเห็นกำแพงเหล็กที่ตั้งตระหง่านขึ้นมานี้,อดไม่ได้เลยที่จะเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง.
กำแพงเหล็กไม่เพียงแต่เกิดขึ้นมาบนดินแดนที่รกร้าง,รอบกำแพงเหล็กเองยังขยายออกไปเป็นแนวกว้างใหญ่ยืดขยายออกไปหลายร้อยกิโลเมตร,กำแพงเหล่านี้มีความสูง
50 เมตร,สร้างขึ้นมาจากหินผาที่แข็งแกร่ง,ฉาบผิวด้วยโลหิตที่ใช้สร้างชุดเกราะ,สะท้อนแสงตะวันเป็นเงา,ราวกับได้กลายเป็นกำแพงแสงป้องกัน,ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ทำให้มหัศจรรย์ได้ตลอด.
ดูคล้ายกลับอสุรกายตัวใหญ่มหึมาที่มีแขนยาวยื่นออกไปไม่รู้จบ,ต้องการที่จะโอบกอดทุ่งหญ้าเฉวียนหยงเอาไว้,ปลดปล่อยกลิ่นอายที่น่าเกรงขามกดข่มทุกคนที่พบเห็น.
นี่คือเมืองกำแพงเหล็กที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากของอาณาจักรหนานเซี่ย.
เมืองแต่ละแห่งของป้อมปราการแห่งนี้นั้นอยู่ห่างกันหลายพันกิโลเมตร,เป็นป้อมปราการทั้งห้าที่เชื่อมติดกัน.
แต่ละเมืองป้อมปราการนั้นต่างก็มีกองกำลังต่างๆปกป้องรวมทั้งกองกำลังมังกรสงครามด้วย.
กองกำลังทั้งห้าที่ปกป้องป้อมปราการแต่ละแห่งและเมืองแต่ละเมืองเพื่อสนับสนุนการป้องกันอาณาจักร,เป็นเมืองที่ถูสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันเขตแดนหวังยวีจากเผ่าเฉวียนหยงให้ปลอดภัยมาจนถึงทุกวันนี้.
กำแพงที่ยิ่งใหญ่ของชายแดนภาคเหนือนั้น,เป็นราชาหนานเซี่ยรุ่นแรกสั่งสร้างขึ้นมา,ใช่ประชาชนกว่า
1
ล้านคนในการสร้าง,ใช้เวลาในการสร้างกว่าสามรุ่น,จึงสร้างขึ้นมาได้สำเร็จ,ใช้ทรัพยากรมากมายมหาศาลไปเป็นจำนวนมากทีเดียว,ทำให้อาณาจักรหนานเซี่ยอยู่ในสถานะยากจนอยู่เป็นระยะหนึ่งทีเดียว,แต่ก็นับว่าคุ้มค่าเพียงพอในการป้องกันอาณาจักรหนานเซี่ยเอาไว้.
เมิ่งชิงอู๋ที่รู้สึกตื่นตะลึง,"อัศจรรย์นักอาณาจักรหนานเซี่ยสามารถสร้างสิ่งก่อสร้างเช่นนีได้ด้วยอย่างงั้นรึ?"
กำแพงภาคเหนือของอาณาจักรหนานเซี่ยที่ใหญ่โตที่เคยได้ยินแต่ในบทกวีเท่านั้น,แม้แต่เป็นเพียงแค่กวียยังสร้างความอัศจรรย์ใจเมื่อได้ยิน,ตอนนี้เมิ่งชิงอู๋ได้เห็นมันด้วนตาตัวเองแล้วไม่ได้เกินเลยไปจากในบทกวีเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย.
อัศวินซีจิวที่นำขบวนตรงมายังป้อมปราการแรก.
ขบวนราชวงศ์ได้เดินทางมาถึงประตูขนาดมหึมา,ก่อนที่จะส่งเสียงดังก้องกังวานออกไป"เปิดประตู!"
คลื่นๆๆๆๆ..
โซ่ขนาดมหึมาสีดำแข็งแรงทนทานที่,ถูกชักยึดกับแผ่นกระดานขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนลงมาช้าๆ,สร้างเป็นทาง,เกิดช่องว่างขึ้นที่กำแพงเหล็กให้ลอดเข้าไป,เหล่าทหารม้าหลายร้อยคนที่อยู่ด้านใน,สวมชุดเกราะสีดำ,พร้อมกับจับยึดหอกตั้งแถวสองแถวรอคอยริ้วขบวนของราชวงศ์.
นักรบชาญศึกในชุดเกราะสีดำใบหน้าเหี้ยมเกรียมมีหนวดสีน้ำตาล,เป็นผู้นำที่ออกมาต้อนรับขบวนในครั้งนี้"เหล่าสู
ตงฟานเจวียน,คารวะเหนือหัว!"
ชายในชุดเกราะสีดำทมิฬ,พร้อมกับเหล่านักรบชาญศึกต่างทำความเคารพตั้งแถวหน้าประตู,ที่หมวกเหล็กและชุดเกราะของพวกเขานั้นมีตราสัญลักษณ์ของตระกูลตงฟาง,กองทหารทั้งหมดนี้เป็นของตระกูลตงฟาง,และยังมีแม่ทัพอาวุโสที่คอยปกป้องป้อมปราการหลักที่สำคัญที่สุด,คาดว่าสถานะในตระกูลตงฟางเองก็อยู่ในระดับสูงอย่างแน่นอน.
ท่าทางที่เคารพนอบน้อมในรูปร่างที่น่าเกรงขามเปล่งกลิ่นอายที่หนักหน่วงเต็มไปด้วยความเชี่ยวชาญศึกที่มากมายเหลือคณา.
เมิ่งชิงอู๋ที่รู้สึกเคารพเป็นอย่างมาก"นี่คือจอมพลอาวุโส
ตงฟางเจวียนอย่างงั้นรึ?"
ฉู่เทียนที่ไม่เคยได้ยินชื่อของเขามาก่อน"เขามีชื่อเสียงขนาดนั้นเลยรึ?"
เมิ่งชิงอู๋ที่กล่าวอกมา"จอมพลตงฟางเจวียนนั้นเป็นคนผู้คุมกันป้อมปราการแห่งนี้มากว่าห้าสิบปีแล้ว,โหวเยว์วายุเทพและโหวเยว์ศัลย์ทองเองต่างก็เป็นขุนพลผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา,ตงฟางเจวียนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับปลุกดวงจิตระดับ
9
ขั้นปลาย,แต่ก็มีชื่อเสียงและความสามารถยิ่งหว่าเหล่าโห่วทุกคนเลยก็ว่าได้."
"แล้วทำไมเขาถึงยังไม่ได้รับตำแหน่งโห่วซะทีล่ะ?"
"จอมพลอาวุโสเป็นคนที่ได้รับการเคารพมากที่สุดในสถานที่แห่งนี้."เมิ่งชิงอู๋ที่กล่าวออกมาด้วยความชื่นชม"จอมพลอาวุโสเชื่อว่าตะกูลตงฟางนั้นมีเกียรติยศเพียงพอแล้ว,มีทั้งองค์ราชาเป็นประมุขปกครองแผ่นดิน,และยังมีจักรพรรดิอีกหนึ่ง,สถานะของตระกูลก็นับว่ามั่นคง,ทำไมจะต้องเพิ่มโหวเยว์อีกด้วยล่ะ?
อีกอย่างหากว่าเขาได้รับตำแหน่งโหวล่ะก็,ย่อมไม่สามารถที่จะอยู่ที่ป้อมปราการหน้าได้ตลอดเวลา,ด้วยความต้องการที่จะอยู่เพื่อต่อสู้กับเหล่าศัตรูแนวหน้าอย่างถึงที่สุด,จึงไม่คิดที่จะจากไปจากแนวหน้านั่นเอง."
ความจริงเป็นเช่นนี้นั่นเอง!
ตงฟางเจวียนแม่ทัพควบคุมกองกำลังด้านหน้า,แม่ทัพที่นอกจากจักรพรรดิอู๋อานแล้ว,สถานะของเขานั้นยากที่จะหาใครมาเปรียบเทียบได้,ไม่เพียงแต่อุทิศทุกอย่างเพื่ออาณาจักรแล้ว,ชั่วชีวิตของเขายังไม่แต่งงาน,ไม่มีบุตร,ชั่วชีวิตนี้เสียสละเพื่อตระกูลและอาณาจักรหนานเซี่ย,ปกป้องชายแดนป้อมปราการแห่งนี้เอาไว้.
จักรพรรดิอู๋อานเองก็เคยกล่าวสดุดีตงฟางเจวียนเอาไว้เช่นกัน."ผู้กล้าที่อุทิตชีวิตให้กับอาณาจักร,ภายในหัวใจไม่มีภาระกังวล,เต็มไปด้วยความกล้าหาญหาใครเปรียบได้,เชี่ยวชาญกลยุทธ์ชั้นยอด,ตราบเท่าชีวิตของเขายังไม่สิ้น,ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าเผ่าเฉวียนหยงจะบุกเข้ามาในดินแดนอาณาจักรหนานเซี่ย?!"
แม้แต่จักรพรรดิอู๋อานเองยังเต็มไปด้วยความเคารพจอมพลผู้นี้เป็นอย่างมาก.
ตงฟางเจวียนที่เพียงแต่เป็นที่เคารพ,ที่จริงแล้วสถานะของเขาในตระกูลตงฟางนั้นสูงกว่าจักรพรรดิอู๋อาน,โดยที่เขานั้นเป็นญาติผู้พี่ของจักรพรรดิอู๋อานและราชาหนานเซี่ยนั่นเอง.
ก่อนหน้าที่จะได้รับตำแหน่งเฟิงจวิน,จักรพรรดิอู๋อานได้ศึกษากลยุทธ์ทางทหารมาจากตงฟางเจวียน,จวบจนเขาได้รับตำแหน่งจักรพรรดิ,จนสถานะของเขาตอนนี้สูงกว่าตงฟางเจวียน,ตงฟางเจวียนนั้นไม่ได้สนใจในลาภยศ,ยังคงช่วยเหลือสอนสั่งจักรพรรดิอู๋อานมาโดยตลอด,นับว่าเป็นผู้ช่วยที่ยอดเยี่ยมที่สุดของจักรพรรดิอู๋อานเลยก็ว่าได้.
"แม่ทัพใหญ่,รีบลุกขึ้นเร็วเข้า!"ราชาหนานเซี่ยที่เข้าไปพยุงตงฟางเจวียนด้วยตัวเอง,พร้อมกับออกมาทักทายและกล่าวด้วยท่าทางสำนึกผิด"ต่อหน้าแม่ทัพที่ปกป้องชายแดนมาหลายปี,กองกำลังป้อมปราการหน้านั้น,นับว่ามีความดีความชอบที่สุด,ไม่มีใครเทียบได้แล้ว,หากพูดถึงคุณความดีมากมายแล้ว,ราชาเช่นข้าที่มีแต่ตำแหน่งรู้สึกละอายใจยิ่งนัก,จะให้แม่ทัพใหญ่ต้องออกมาเคารพเช่นนี้ได้อย่างไร?"
ตงฟางเจวียนที่กล่าวออกมาด้วยความละอาย,"ราชาก็คือราชา,จะให้ตาเฒ่าผู้นี้ไม่แสดงความเคารพได้อย่างไร?"
ราชาหนานเซี่ยนั้นไม่คิดเลยว่าท่านลุงตัวเองนั้นจะดื้อรั้นถึงเพียงนี้,จึงได้เปลี่ยนหัวข้อคำพูดอื่น,หันหน้าไปแนะนำคนอื่นๆ,"นี่คือจอมพลหวังเทียนหลงแม่ทัพมังกรสงคราม,ต้าเซวจื่อกู่เซียนชิว,แม่ทัพใหญ่คงจะคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่แล้ว."
หวังเทียนหลงและกู่เซียนชิวยกมือคารวะไปด้านหน้าเล็กน้อย.
ตงฟงเจวียนนั้นเห็นกุ่เซียนชิวก็ก้มหัวให้,ทว่ากลับแสดงท่าทีไม่แยแสหวังเทียนหลงเลยแม้แต่น้อย,เหตุการณ์ที่ดูแปลกประหลาดดังกล่าวนั้นแน่นอนว่าไม่มีทางหลุดพ้นสายตาของเมิ่งชิงอู๋และฉู่เทียนได้,เรื่องดังกล่าวนี้ดูแปลกประหลาดเล็กน้อย,ตงฟางเจวียนนั้นไม่ค่อยได้พบกับกู่เซียนชิวบ่อยนัก,ทว่าหวังเทียนหลงนั้นแตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง.
หวังเทียนหลงนั้นเป็นหนึ่งในแม่ทัพดูแลกองกำลังแนวหน้า,กองกำลังมังกรสงครามเองก็เป็นหนึ่งกองกำลังที่ปกป้องชายแดน,ก่อนที่เขาจะย้ายกลับไปรับตำแหน่งโหว,กองกำลังทัพหน้ากองหนึ่งก็ยังถูกควบคุมโดยหวังเทียนหลง,ทำไมตงฟางเจวียนที่ดูไม่เห็นหวังเทียนหลงในสายตาเลย?
ระหว่างคนทั้งสองนั้นมีความขัดแย้งใดอย่างงั้นรึ?
สายตาของตงฟงเจวียนที่จ้องมองไปยังกลุ่มของฉู่เทียน,คิ้วที่ขาวของเขาขมวดแน่นในทันที"เจ้าทั้งสองคนเป็นใคร?อย่าหาว่าเหล่าสู
ไม่มีมารยาทเลย,หากไม่ใช่คนของกองทัพแล้วล่ะก็ห้ามเข้ามาภายในป้อมปราการ,หากเป็นประชาชนทั่วไปล่ะก็ไม่สามารถให้เข้าไปได้."
老卒 Lǎo zú เหล่าสู ทหารเฒ่า,ตาแก่ปลดเกษียน.
จอมพลอาวุโสแสดงท่าทางไม่พอใจเป็นอย่างมาก.
การตรวจการของรายชื่อของคนด้านหน้าที่ละเอียด,เรื่องนี้ราชาหนานเซี่ยเองก็รู้เรื่องดังกล่าวนี้ดี.
ราชาหนานเซี่ยที่เดินทางมาตรวจสอบป้อมปราการทุกปี,มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวดเกี่ยวกับระบบป้องกัน,พร้อมกับชื่นชมเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวมาก,หากแต่สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ราชอาณาจักรละเลยพวกเขาได้อย่างไร,ให้พวกเขาเข้ามาภายในป้อมปราการแห่งนี้ได้อย่างไร.
ไม่ใช่ว่าราชาหนานเซี่ยรู้เรื่องนี้อยู่หรอกรึ?
ป้อมปราการเหล็กที่แข็งแกร่งนี้,ไม่ว่าจะพลเรือนคนใดก็ตามไม่สามารถอนุญาตให้เข้ามาได้โดยเด็ดขาด!
ด้วยการออกแบบตลอดจนแผนการในการป้องกันที่อยู่ภายในป้อมปราการแห่งนี้นั้น,ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นความลับระดับอาณาจักร,แน่นอนว่าย่อมไม่สามารถอนุญาตคนธรรมดาทั่วไปเข้ามาได้?
ตอนนี้ไม่รู้ว่านำคนจากใหนไม่รู้เข้ามา,ไม่เคยได้ยินเลยว่ามีประชาชนชั้นพิเศษเช่นนี้มาก่อนเลย!
ฉู่เทียนที่เป็นเพียงแค่ผู้เยาว์คนหนึ่งดูจะไม่สมเหตุผลเลย,จนทำให้ตงฟางเจวียนที่รู้สึกไม่ใคร่ดีนัก,แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงเลยนั้นก็คือมีผู้หญิงเข้ามาอีกด้วย.
หญิงสาวที่ดูงดงามผู้นี้!
เกี่ยวกับกองทัพนั้นนับว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง,หลายปีมาแล้วที่เหล่าทหารหาญในป้อมแห่งนี้ไม่ได้กลับบ้านเกิดมาหลายปี,การที่มีสาวงามขนาดนี้มาปรากฏตัวขึ้นที่แห่งนี้,มีแต่จะก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในป้อมปราการแห่งนี้,จะเป็นการลดขวัญกำลังใจทางทหารเป็นอย่างมาก,แน่นอนว่าทำให้ตงฟางเจวียนนั้นแทบจะไม่สามารถทนได้เลย!
ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/miracle-throne
#นิยาย บัลลังก์แห่งปาฏิหาริย์ #Miracle throne#นิยายแปลไทย
สนใจสนับสนุนพวกเรา เข้าร่วมกลุ่ม VIP (สถานปัจจุบัน แปลจบ 658 แล้ว)==> Click
-เว็ปฟรี วันละหนึ่งตอน
-กรุ๊ป vip ลงครบทุกลุ่มแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น