Miracle Throne Chapter 304 Participates in Wang Yan
นิยาย บัลลังก์แห่งปาฏิหาริย์ ตอนที่ 304 เข้าร่วมงานเลี้ยงวังหลวง
บทที่ 304 เข้าร่วมงานเลี้ยงวังหลวง
อาณาจักรหนานเซี่ยนั้นจะมีการจัดงานเลี้ยงเหล่าคนที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จขึ้นมา.
ฉู่ซิงเหอของรัฐกลางทำไมคนนับหมื่นถึงต้องให้ความสนใจ,ถึงได้กลายเป็นที่กล่าวถึงไม่รู้จบกัน?นี่ไม่ใช่เพียงแค่ค้นหาคนที่จะได้กลายเป็นเฟิงโหวในอนาคต,ในวันข้างหน้าหากได้รับแต่งตั้งให้เป็นโหวแล้ว,นับว่าจะได้รับผลประโยชน์มากมาย,มีคนมากมายที่ต้องการที่จะได้ตำแหน่งดังกล่าวมากมายนับไม่ถ้วน!
เรื่องชื่อเสียงนั้นฉู่เทียนไม่ได้สนใจมากนัก.
หากแต่การได้เป็นโหวเยว์นั้นจะทำให้ได้รับผลประโยชน์มากมาย,ไม่เพียงแต่มีสิทธิทางภาษีและยังสามารถขนย้ายทรัพยากรได้อิสระในเขตราชอาณาจักรแห่งนี้,ราวกับว่ามีกระเป๋าส่วนตัวเลยก็ว่าได้,การได้เป็นเฟิงโหวนั้นจึงนับว่ามีเกียรติมาก,ชั่วชีวิตนี้ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการดำรงชีวิต,สามารถที่จะกลายเป็นเสือนอนกินได้เลย.
อย่างไรก็ตาม,ก็ใช่ว่าการเป็นโหวนั้นจะสามารถละเลยความสงบได้,และระบบการจัดการในอาณาจักรหนานเซี่ยนั้นยังมีรูปแบบการสืบทอดอยุ่,เหล่าลูกหลานนั้นจะได้รับสิทธิ์ในการสืบทอดความแข็งแกร่งและชื่อเสียงทางทหารจากผู้เป็นบิดา,แต่หากว่าไม่มีคุณสมบัติเพียงพอก็จะถูกราชอาณาจักรยึดคืน,กล่าวอีกอย่างหนึ่ง,ความรุ่งเรื่องของตระกูลนั้นก็จะขึ้นอยู่กับความสามารถในการรับตำแหน่งจากคนรุ่นต่อไปนั้นเอง.
โหวนั้นไม่เพียงแต่มีเกียรติยศชื่อเสียง,ยังสามารถเก็บเกี่ยวทรัพยากรในการฝึกฝนมากมาย,ยังทำให้ตระกูลของตัวเองสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว.
การที่ผู้เยาว์เช่นนี้สามารถที่จะเป็นเฟิงโหวนั้นนับว่าเป็นเรื่องที่พิเศษสุดในประวัติศาสตร์หนานเซี่ยเลยก็ว่าได้.
ทว่าจะอย่างไรก็ตามเรื่องชื่อเสียงอะไรนั้นฉู่เทียนสนใจด้วยรึ?
จักรพรรดิอู๋อานไม่ใช่คนโง่แน่นอน,เขารู้ว่าฉู่เทียนนั้นไม่ได้ต้องการที่จะอยู่ในอาณาจักรเช่นนี้,หากแต่เพื่อที่จะดึงดูฉู่เทียนให้อยู่ในอาณาจักรแห่งนี้จริงๆ,จะเงินหรือทรัพยากร?หอการค้าปาฏิหาริย์ก็ไม่ได้ขาดแคลน!หากว่าสามารถมอบความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ไว้กับเขาได้ละก็จะเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย!
หากว่าอาณาจักรหนานเซี่ยต้องขาดคนที่มีความสามารถเช่นนี้ไป,ก็นับได้ว่าเสียหายไม่น้อยเลย.
จักรพรรดิอู๋อานไม่ได้ต้องการที่จะใช้กำลังบังคับแน่นอน,ไม่เช่นนั้นผลที่ได้อาจจะออกมาตรงกันข้าม,ดังนั้นเขาจึงได้คิดจะใช้วิธีดังกล่าว,ไม่ได้เรียกร้องมากเกินไป,เพื่อหวังให้เขานั้นสนใจเองเท่านั้น.
"เรื่องนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องมาพูดคุยกันในตอนนี้ก็ได้."จักรพรรดิอู๋อานที่เปลี่ยนหัวข้อ"ด้วยความมั่งคั่งและร่ำรวยทีเกิดขึ้นอย่างทันทีทันใด,เจ้าไม่กลัวว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นหรอกรึ?"
"จักรพรรดิอู๋อานท่านกล่าวน่าขันนัก"ฉู่เทียนยักไหล่,จ้องมองอย่างทอดถอนใจ"ที่จริงแล้วถึงข้าจะมั่งคั่งหรือร่ำรวยเกินหน้าคนอื่นนั้นหาได้มีความสำคัญ,ในเมื่อมันเป็นเช่นนี้แล้ว,ก็ไม่สามารถที่จะปิดได้."
หอการค้าปาฏิหาริย์ของฉู่เทียนนั้นสามารถสร้างผลกำไรที่มากมายยิ่งนัก.
เรื่องความขัดแย้งของผลประโยชน์นั้นไม่มีทางที่จะหลีกเลี่ยงได้เป็นธรรมดา,ฉู่เทียนเองถึงต้องการความสงบสุขหรือหลบเลี่ยงเท่าที่จะทำได้ก็ตามดี,ในเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว,ทำไมต้องหวาดกลัวด้วยล่ะ?
息事宁人 ความหมายคือ (xī shì níng rén)พยายามไกล่เกลี่ยให้คู่กรณียุติข้อพิพาทซึ่งกันและกัน
"เจ้าเองก็ควรจะระมัดระวังตัวให้ดี."จักรพรรดิอู๋อานที่พูดได้ไม่เต็มปากเต็มคำ"แต่ว่า,เจ้าจำเอาไว้ให้ดี,แม้ว่าจักรพรรดิสุริยันแผดเผาและเหวินเฉิงต้องการจัดการเจ้า,แต่ว่าพวกเขาเองก็คงจะไม่ลงมือง่ายๆอย่างเปิดเผยแน่นอน."
不置可否 ความหมายคือ (bú zhì kě fǒu)ไม่ปริปากพูดว่าถูกหรือไม่ถูก ปิดปากเงียบ ไม่พูดสักคำ
"ทำไมรึ?"
"พวกเขาทั้งสองนั้นแตกต่างจากประมูขตระกูลใหญ่ของรัฐกลางที่เจ้าเจอมาก่อนแน่นอน,อีกไม่นานหลังจากนี้เจ้าจะเข้าใจเองไม่จำเป็นต้องให้ข้าต้องอธิบาย,ตอนนี้ปัญหาใหญ่ไม่ใช่คนทั้งสอง,แต่ว่าเป็นตระกูลหวัง."
"อะไรนะ?ตระกูลหวัง?"
หากว่าไม่เห็นท่าทางจริงจังของจักรพรรดิอู๋อานแล้วล่ะก็,ฉู่เทียนคงจะคิดว่านี่เป็นเพียงแค่เรื่องตลกเท่านั้น.
ตระกูลหวังในเวลานี้ถูกรุมประณาม,กำลังเจอสภาพลำบากอยู่ไม่น้อย,ทว่ายังไม่ตอบโต้อะไรมา,ด้วยพลังและอำนาจของพวกเขาแล้ว,พวกเขาคงจะไม่ยอมให้ต้องคับอกคับใจเช่นนี้ตลอดแน่?
ในเวลาเดียวกันนี้,จักรพรรดิอู๋อานที่จ้องมองไปที่ฐานและจ้องมองไปบนท้องฟ้าที่ไกลออกไป,ทันใดนั้นก็กล่าวออกมาเป็นนัยย์"วันนี้งานเลี้ยงเฉลิมฉลองในวังไม่ใช่งานธรรมดา,เจ้าจำเป็นต้องระมัดระวังตัวเอาไว้ด้วย."ก่อนที่จักรพรรดิอู๋อานจะกระโดดขึ้นไปบนซีจิวสีแดงชาดและมุ่งหน้าไปยังทิศเหนือ,ข้ามผ่านไปยังทิศของตำหนักจักรพรรดิ.
"จักรพรรดิอู๋อานกล่าวอะไรไม่ชัดเจน,ดูเหมือนว่าจะแนะนำอะไรบางอย่างแต่ก็คลุมเคลือนัก."ฉุ่เทียนที่จ้องมองไปยังกู่เซียนชิว"ท่านคิดว่าอย่างไร,จักรพรรดิอู๋อานต้องการสื่ออะไรกัน?"
กู่เซียนชิวที่กล่าวออกมาอย่าจริงจัง"ข้าคิดว่าจักรพรรดิอู๋อานต้องการเตือนเจ้า,งานเลี้ยงในวังวันนี้ดูเหมือนว่าจะซ่อนเรื่องไม่ดีเอาไว้."
"มีอะไรอย่างงั้นรึ?"ใบหน้าของฉู่เทียนรู้สึกสงสัย"ข้าไม่ได้โง่ถึงกับไม่รู้ว่ามีอะไรเป็นอะไร?มีสิ่งใดที่ข้ายังไม่รู้กัน!"
"ก็ไม่มาก..."กู่เซียนชิวที่ปาดเหงื่อกล่าวออกมาอย่างอึกอัก"ด้วยข้าต้องใช้เวลากับสถานบันวิจัยไปทั้งหมด,ตาแก่คนนี้จึงไม่ค่อยรู้สถานการณ์ภายในดีนัก,อย่างไรก็ตามที่เข้ารู้มา,งานเลี้ยงในวังวันนี้จะมีใครบางคนปรากฏตัวขึ้นมา,จักรพรรดิอู๋อานที่ต้องการให้เจ้าระวังนั้น,คาดว่ามีอยู่ด้วยกันสองคน."
"สองคนอย่างงั้นรึ?"
"ผู้คุมทัพภาคพื้นดิน หลี่ฮวอโหว."
"เป็นเขานั่นเอง!"
สถานะของหลีฮวอโหวนั้นไม่ธรรามดา,ไม่เพียงแต่เป็นโหวเยว์ที่ทรงเกียรติเท่านั้น,และยังเป็นจอมพลคุมทัพกำลังพลภาคพื้นดินที่แข็งแกร่ง,ด้วยสถานะของเขาแล้วสามารถที่จะรวบรวมกองกำลังทั้งหมดได้ภายในห้าวัน,โหวเย่ว์ทั้งแปดมีเพียงแค่สี่คนเท่านั้นที่เป็นกองกำลังพิเศษที่สามารถรวมเรียกรวมพลังได้,โหวเยว์ศัลย์ทองรัฐสายฟ้า,โหวเยว์ซือฟางรัฐใต้และโหวเยว์ซังหยุนโหวรัฐซัง,ซึ่งกองกำลังภาคพื้นดินพิเศษเหล่านี้,เป็นหลีฮวอโหวที่เป็นคนควบคุม.
ส่วนรัฐกลางที่มีโหวเยว์วายุเทพ,และโหวเยว์มูชิงของรัฐชิง,และคนอื่นๆ,แม้ว่าจะมีกองกำลังเหมือนกัน,แต่ก็ไม่นับว่าเป็นกองกำลังพิเศษที่แข็งแกร่ง,มีความสามารถในการปกป้อง,ทว่ากลับไม่มีหน้าที่ในการออกรบกับดินแดนภายนอกแต่อย่างใด.
"ใครเป็นคนที่สอง?"
"กองกำลังมังกรสงคราม,จอมพลหวังเทียนหลง!"
ประวัติศาสตร์ของตระกูลหวังนั้น,ฉู่เทียนไม่ประหลาดใจแต่อย่างใด,ถึงจะเป็นตระกูลราชวงศ์ต้าเซี่ยที่ถดถอย,ถึงถูกไล่ล่าสังหารไปเกือบหมด,ทว่าด้วยสายโลหิตที่เข้มข้นคาดไม่ถึงเลยว่าจะยังมีพลังอำนาจอยู่ไม่น้อย,ดังนั้นจึงมีคนมีความสามารถในครอบครอง,และยังเป็นคนที่ปกป้องชายแดนที่มีสงครามคุกรุ่น,แน่นอนว่าคนผู้นี้ต้องมีความสามารถที่โดดเด่นแข็งแกร่งสามารถแบกศักดิ์ศรีของตระกูลเอาไว้ได้.
ปู่ของหวังเทียนหลงนั้นนับว่าเป็นโหวเยว์ที่โดดเด่นที่สุด,ทว่าอีกสองรุ่นถัดมาไม่ได้มีคนที่มีพรสวรรค์ที่โดดเด่นออกมาเลย,จนท้ายที่สุดก็ปรากฏทายาทที่เหมาะสม
นั้นก็คือหวังเทียนหลง,ซึ่งจะกลายเป็นความหวังของตระกูลหลังเลยก็ว่าได้.
คนผู้นี้โดดเด่นมีพรสวรรค์ที่น่าอัศจรรย์ตั้งแต่ยังเด็ก,ไม่เพียงแต่มีพลังฝึกตนที่สูงล่ำ,ทว่ากลับมีความสามารถในการบัญชาการ,เมื่ออายุ
15 ปี ก็ได้เข้าร่วมกองทัพแล้ว,อายุ 20
ก็สามารถกลายเป็นผู้บัญชาการกองกำลังมังกรสงครามไปแล้ว.
สิบปีมาแล้ว,กองกำลังของพวกเขานับวันยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ,มีชื่อเสียงด้านการทหารและการรบมากมายเรื่อยๆ,นับเป็นเรื่องที่ไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆ.
ฉู่เทียนที่ได้สร้างความอับอายให้กับพวกเขา,หวังเทียนหลงคงไม่ยอมให้ตระกูลหวังของต้องถูกเล่นงานฝ่ายเดียวอย่างแน่นอน.
กู่เซียนชิวที่กล่าวเสริมขึ้นมาในทันที"ไม่จำเป็นที่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว,มีทั้งจักรพรรดิอู๋อานและตาแก่คนนี้,หอการค้าปาฏิหาริย์เองก็ไม่ได้อ่อนแอ,ไม่ใช่เรื่องงานที่จะเล่นงานพวกเรา!"
ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร.
ฉู่เทียนไม่สามารถวงใจได้ง่ายๆอย่างแน่นอน.
...
ตำหนักราชวังในเวลานี้ดูคึกคักเป็นอย่างมาก,ที่ด้านหน้าประตูของตำหนักจักรพรรดินั้นมีคนมากมาย,เหล่าสาวใช้นางสนมที่ต่างวุ่นวายในการเตรียมงาน.
พรมแดงที่ถูกปูไปทั่วห้องโถงหลักไปจนถึงประตูตำหนัก,องค์รักษ์ตั้งขบวนเป็นสองแถวยืนเรียงกัน,พร้อมกับชุดเกราะเต็มยศพร้อมกับอาวุธที่เงาวับวาว,มองดูมีรัศมีน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก,ที่ด้านหน้านั้นมีรูปปั้นสัตว์อสูรซีจิวขนาดมหึมาที่ยืนตระหง่าน,รูปร่างที่สมจริงราวกับว่ายังไม่ตาย,เป็นประติมากรรมที่ราวกับว่าได้รับการอวยพรในช่วงเวลาอันพิเศษในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ.
นอกจากองค์รักษ์ที่ทรงเกียรติแล้ว,ยังมีนักดนตรี,ที่ทำเตรียมการ,ในการสร้างบรรยากาศงานเลี้ยงที่รุ่งโรจน์.
ราชาหนานเซี่ย,ตงฟางเห่าที่เป็นผู้นำ,จักรพรรดิ์อู๋อานตงฟานเชวียนและจักรพรรดิสุรินยันต์แผดเผาหนานกงหยีน,จักรพรรดิเหวินเฉิง
ตงฟางซังเฟิง,ทั้งสี่ที่ยืนเรียงแถวกัน,เป็นประธานใหญ่ในการต้อนรับเหล่าแขกในงาน.
"เจ้ามาแล้วเหรอ? มาเร็วเข้า!"เมิ่งหยิงหยิงที่ลากฉู่เทียนเข้ามา,ที่กำลังเกาหัวพูดคุยกับคนอื่นอยู่"วันนี้นับว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก,เจ้าจะต้องดูดีรู้ใหม,ราชาและสามจักรพรรดิที่เป็นประธาน,งานในครั้งนี้จะพลาดไม่ได้เลย."
สองพี่น้องเมิ่งชิงอู๋,หนานกงหยุน,เฉินปิงยวี,ทั้งสี่สาวงาม.
เมิ่งชิงอู๋ที่ดูสวยสง่าเคร่งขรึม,ส่วนเมิ่งหยิงหยิงนั้นใบหน้าแจ่มใสปรากฏท่าทางตื่นเต้น,เฉินปิงยวีที่ดูท่าทางเย็นยะเยือบเป็นสาวงามไว้ทุกข์อยู่ตลอดเวลา,และหนานกงหยุนที่ดูกระวนกระวาย,นางที่ทำท่าหลบเลี่ยงอยู่ตลอดเวลา,ไม่กล้าที่จะเผยกายออกมาไม่ต้องการให้เป็นที่สะดุดตา.
"นางที่หวาดเกรงต่อจักรพรรดิสุริยันต์แผดเผานั่นเอง.
"คลื่นๆๆๆ!"
"จอมพลหลีฮวอโหว!"
ทันใดนั้น,เสียงดังกระหึ่มที่ผ่านเข้ามานั้น,ทำให้ใบหน้าของหนานกงหยุนถึงกับซีดเซียวทีเดียว,หมัดทั้งสองข้างที่กำแน่น,ราวกับว่าไม่สามารถที่จะทนสั่นเอาไว้ได้,ไม่รู้ว่าโกรธเกรี้ยวหรือหวั่นเกรง.
"อย่าได้กังวล."ฉู่เทียนที่ตบไปที่บ่าของหนานกงหยุน"ไม่ว่าจะช้าจะเร็วก็ต้องเผชิญหน้ากัน,ข้าไม่ปล่อยให้พวกเขาข่มเหงเจ้าแน่นอน."
หนานกงหยุนที่ปกติจะห้าวหาญเอาแต่ใจ,ตอนนี้กลับกลายเป็นเพียงกระต่ายน้อยไร้เดียงสา,ใบหน้าของนางดูน่าสงสารเลยทีเดียว.
เมิ่งชิงอู๋ที่ปลอบใจนางเช่นกัน"หนานกง,เจ้าเป็นคนของหอการค้าปาฏิหาริย์,ไม่ว่าจะเกิดเรื่องใดๆ,พวกเราก็ไม่คิดที่จะทิ้งเจ้าไปอย่างแน่นอน."
"ใช่,ใช่!"เมิ่งหยิงหยิงที่จับไปที่ฝ่ามือที่เรียวงามของนาง"พี่หนานกง,ท่านไม่จำเป็นต้องกังวลใจใดๆ,พวกเราทุกคนต่างก็อยู่ข้างท่าน!"
ภายในใจของหนานกงหยุนนั้นมีรู้สึกมากมาย.
ตระกูลหนานกงนั้นมีอิทธิพลมากมายนัก,ทุกคนต่างก็รู้ดี,แต่ก็ยังปกป้องนาง,ทุกๆคนไม่ลังเลเลยแม้ว่าจะต้องเจอกับสิ่งใดก็ตาม,ทำให้นางซาบซึ้งและสำนึกผิดไปพร้อมๆกัน,ทั้งที่หอการค้าปาฏิหาริย์หากต่อต้านตระกูลหนานกงล่ะก็ย่อมต้องจ่ายไปด้วยราคาที่มหาศาลเป็นแน่.
สิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้มันคุ้มค่าอยู่แล้วรึ?
หนานกงหยุนที่เฝ้าแต่ถามตัวเอง,นางมีความสามารถเพียงพอสำหรับหอการค้าปาฏิหาริย์หรือไม่?,นางไม่ได้มีภูมิปัญญาที่ลึกล้ำเช่นเมิ่งชิงอู๋,สามารถที่จะทำงานให้กับฉู่เทียนได้ดีเท่าไหร่,นางไม่ได้มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับเฉินปิงยวี,ที่จะสามารถรักษาความปลอดภัยให้กับฉู่เทียนได้,และไม่ได้มีความสัมพันธ์พิเศษแบบเดียวกับเมิ่งหยิงหยิง.
หนานกงหยุนที่ได้แต่คิด,ว่านางอาจจะไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับหอการค้าปาฏิหาริย์ก็ได้.
เสียงดังกระชับกระเฉง,เป็นเสียงของคนกลุ่มหนึ่งที่เดินสวนสนามเข้ามาช้าๆ,กลุ่มคนดังกล่าวที่สวมชุดเกราะที่ไม่ธรรมดา,เป็นชุดเกราะหนาที่ดูล้ำค่า,แต่ละคนนั้นมีกระบี่ขนาดใหญ่ห้อยอยู่ทุกคน,บนใบของกระบี่นั้นมีอักษรรูนเปลวเพลิง,ที่ส่งพลังที่น่าพรั่นพรึงออกมาตลอดเวลา.
นี่คือกองกำลังที่มีชื่อเสียงของตระกูลหนานกง,กองกำลังฮวอจวิน!
ตระกูลหนานกงนั้นนับว่าเป็นหนึ่งในตระกูลโบราณมาตั้งแต่อาณาจักรต้าเซี่ย,พวกเขาที่เป็นสายโลหิตของหงส์เพลิง,มีโลหิตในการต่อสู้ที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก.
ตระกูลหนานกงนั้นนับว่าเป็นตระกูลที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากของอาณาจักรหนานเซี่ย,เพราะว่าเหล่าขุนพลที่มีความสามารถมากมายนับไม่ถ้วน,เหล่านักรบของตระกุลหนานกงนั้นต่างก็ได้รับการฝึกฝนที่ลึกล้ำ,เป็นกองกำลังที่เป็นเหมือนไพ่ตายของอาณาจักรหนานเซี่ยแห่งนี้ก็ว่าได้.
นักรบฮวอจ้านซีนั้นเป็นนักรบที่มีทักษะการต่อสู้ที่น่าพรั่นพรึงเป็นอย่างมาก.
พวกเขาได้รับการยอมรับตั้งแต่ยังเด็ก,มีร่างกายที่ถูกปรับแต่งด้วยสมุนไพรลึกลับที่พิเศษเป็น,ทำให้ร่างกายของพวกเขานั้นแข็งแกร่งเหนียวแน่นราวกับศิลาแลง,นอกจากนี้ยังสามารถอดทนต่อความเจ็บปวด,สามารถที่จะรับวิชาลับไปฝึกฝน,ที่ต้องใช้เวลาหลายสิบปีในการฝึก.
ด้วยเป็นวิชาตกทอดที่เป็นความลับของตระกูลหนานกงที่สามารถพัฒนาความสามารถให้กับเหล่าทหาร,ทำให้ชีวิตของทหารมีความสามารถและอายุยืนขึ้น,นอกจากนี้ยังสามารถทำให้พวกเขาทะลวงขีดจำกัดไปได้,และเพิ่มความสามารถการต่อสู้ที่เกินกว่าปกติธรรมดา,ทุกคนต่างก็มีพลังปรุงร่างระดับ
9 ขั้นสูง,ช่ำชองในศิลปะการต่อสู้และการใช้อาวุธพิเศษ,เป็นนักรบที่ทรงพลังในสนามรบ,ด้วยชื่อเสียงของพวกเขาแล้วสามารถที่จะข่มขู่เผ่าเฉวียนหยงได้เลย.
ในอดีตนั้นหลีเหยี่ยนโหวที่นำกองกำลังดังกล่าวกว่า
80,000 นาย,แทบจะเป็นกองกำลังที่ไร้เทียมทานเลยก็ว่าได้.
สิบปีหลังจากที่จบสงครามครั้งใหญ่,โหวเยว์หลีเหยี่ยนที่ได้ตายไปในสนามรบทุ่งหญ้าเฉวียนหยิง,แต่ก็สามารถที่จะสังหารผู้นำทัพระดับสูงของเผ่าเฉวียนหยิงไปได้ถึงสามคน,เวลานี้กองกำลังดังกล่าวนั้นได้ตกอยู่ในมือของหลีฮวอโหวแล้ว,และได้กลายเป็นกองกำลังทางบกที่แข็งแกร่งที่สุดของอาณาจักรหนานเซี่ยแห่งนี้ไปแล้ว.
หลีฮวอโหวที่เดินทางมาด้านหน้า,ด้วยชุดที่เป็นเอกลักษณ์ของตระกูลหนานกง,ผมสีแดงทิ้งยาวมาด้านหลัง,รูปร่างแข็งแกร่งสมส่วน,ไม่อ้วนไม่ผอม,ดวงตาที่สองประกายสีแดงชาด,ราวกับมีเปลวเพลิงที่ครุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา,เต็มไปด้วยความดุร้ายและโหดเหี้ยม,เสื้อคลุมยาวที่สวมใส่ราวกับว่ามีกลิ่นอายของเปลวเพลิงที่ลุกไหม้อยู่ตลอดเวลา,เขาที่เดินตรงไปอย่างสง่า,ทำให้คนที่อยู่ข้างๆรับรู้ได้ถึงคลื่นพลังที่กดดันออกมาด้วยความร้อนเลยทีเดียว.
มีนักรบอีกเจ็ดคนที่เดินตามหลังเขามา.
คนเหล่านี้เป็นเหล่าคนระดับสูงของตระกุลหนานกง,ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นเสนาธิการเป็นผู้เชี่ยวชาญภายนอกที่รับเข้ามา,และทุกคนต่างก็เต็มใจที่จะทำงานให้กับหลีฮวอโหว,มีหลายคนที่มีพลังปลุกดวงจิตระดับ
9 กัน นับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูง,และมีคนหนึ่งคนทีมีอายุ 16-17 ปี
ที่ยังดูเยาว์วัย,เส้นผมสีแดงที่เป็นเอกลักษณ์ของสายโลหิตของตระกุลหนานกง,นอกจากนี้เด็กหนุ่มคนนี้ยังมีหน้าตาคล้ายกับหลีฮวอโหว
6-7 ส่วนอย่างคาดไม่ถึงทีเดียว.
แน่นอนว่าชายหนุ่มคนนี้ต้องเป็นบุตรชายคนสำคัญของหลีฮวอโหว,เป็นซื่อจื่อของหลีฮวอโหว,หนานกงเจี้ยน.
"คารวะองค์ราชา!"
"คารวะองค์จักรพรรดิ!"
กลุ่มคนทั้งแปดได้ทำความเคารพ,พร้อมกับนี้ยังมีเหล่าทหารหลายร้อยคนที่กำลังคุกเข่าลงข้างหนึ่งลง,ราชาหนานเซี่ยและจักรพรรดิทั้งสามขมวดคิ้วเล็กน้อย,โดยเฉพาะจักรพรรดิสุริยันตแผดเผาที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิ,เขาปลื้มปิติในทายาทของตระกูลหนานกงเป็นอย่างมาก!
ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/miracle-throne
#นิยาย บัลลังก์แห่งปาฏิหาริย์ #Miracle throne#นิยายแปลไทย
สนใจสนับสนุนพวกเรา เข้าร่วมกลุ่ม VIP (สถานปัจจุบัน แปลจบ 658 แล้ว)==> Click
-เว็ปฟรี วันละหนึ่งตอน
-กรุ๊ป vip ลงครบทุกลุ่มแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น