วันอาทิตย์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2561

Miracle Throne Chapter 274 Starting

Miracle Throne Chapter 274 Starting

นิยาย บัลลังก์แห่งปาฏิหาริย์ ตอนที่ 274 เริ่มต้นเดินทาง


บทที่ 274 เริ่มต้นเดินทาง





ท้องฟ้ามืดคลึ้มมีแสงสลัวๆพล่าเลือนในเวลากลางคืน,เสียงหวีดหวิวลมเย็นพัดผ่าน.

บ้านเรือนของรัฐกลางตอนนี้ยังคงปิดประตูมิดชิด,ในเวลาเดียวกันเสียงกระทบกันของลังเหล็กและขบวนของนักรบที่ปกป้องรถเทียมอสูรเข้ามาตรงมายังท่าเรือสะท้อนแสงจันทร์,ขนสินค้ามากมายขึ้นไปบนเรือที่กำลังจอดเทียบท่า.


ในเวลาค่ำคืนเช่นนี้.

ทำให้สี่คาบสมุทรดูไร้ที่สิ้นสุด.

โหวเยว์วายุเทพและหยุนเทียนเหองที่จ้องมองไปยังคลื่นทะเล,ภายในใจรู้สึกหดหู่ไม่น้อย.

หยุนเทียนเหอเผยยิ้มออกมาอย่างข่มขื่น"เจ้าจะเดินทางในเวลานี้เลยรึ?"

ฉู่เทียนที่คลุมผ้าคลุมไหล่เหมือนกับนักเดินทาง,ที่ด้านหลังของเขานั้นมีน้ำเต้าอู๋จี้และกระบี่โบราณ,ที่ข้อมือมีกระดิ่งวิญญาณ,และมีศพทมิฬ 18 ตนยืนอย่างเงียบงันไม่กระดุกกระดิกยืนรอคอยอยู่อีกข้างหนึ่ง,หากมองไม่ดีจะไม่สามารถมองเห็นได้เลย"ใครให้ข้าเป็นที่นิยมต่อคนหลายหมื่นคนกันเล่า,หากว่าข้าไม่ไปเวลานี้,ข้ายังจะจากไปได้อีกรึ? ไม่ต้องเอ่ยถึงเลยว่าหญิงสาวมากมายที่จะต้องอกหักหัวใจสลายเป็นชิ้นๆ,ข้าไปตอนนี้ล่ะดีแล้ว,ท่านน่าจะเข้าใจข้าได้."

โหวเยว์วายุเทพที่หัวเราะ"เด็กเช่นเจ้าไม่รู้จักถ่อมต้นบ้างรึไง!"

"ที่จริงข้าเป็นคนเจียมนัวเจียมตัวจะตายไป."ฉู่เทียนโบกมือไปมา."อย่าให้พูดเลย,พวกท่านดูแลตัวเองด้วยล่ะ!"

"ดูแลตัวเองด้วย!"

"ตำหนักจักรพรรดินั้นแตกต่างจากรัฐกลาง,ดินแดนด้านนอกนั้นไม่ได้มีเพียงเผ่าเฉวียนหยง 12 เผ่าเท่านั้นที่คุกคาม,บุคคลภายในก็พร้อมที่จะลอบทำร้ายเจ้าด้วย,เจ้าจะกระทำอะไร,ควรที่จะระวังเอาไว้ให้ดี."

"รู้,ข้ารู้แล้ว!"

โหวเยว์วายุเทพกล่าวออกมาไม่ใส่ใจนัก.

หากเขาเชื่อฟังแต่โดยดีคงไม่ใช่ฉู่เทียน?

ขณะที่เรือกำลังจะออกจากท่า,ก็มีแสงไฟมากมาจากทางฝั่งของเมืองหลวงรัฐกลาง,คนหลายร้อยคนที่เร่งรีบตามมา.

ฉู่เทียนรู้สึกประหลาดใจ"เอ๊ะ? เรื่องที่ข้าจะไปนั้นเป็นความลับ,คาดไม่ถึงเลยว่าคนเหล่านี้จะรู้!"

"วีระบุรุษ!"

"พวกเรามาส่งท่าน!"

"หลังจากท่านไปยังตำหนักจักรพรรดิ,ขอให้ท่านประสบโชคดี!"

"สร้างปาฏิหาริย์ให้กับตำหนักจักรพรรดิ,นำความเจริญมาสู่ทุกคนทั่วทั้งทวีป!"

คนหลายร้อยคนที่มีถือไฟฉายแห่งปาฏิหาริย์,และยังมีหลอดไฟส่องสว่าง,ที่โบกไปมาให้กับฉู่เทียน,มีคนหลายคนที่ร้องไห้โฮเสียงดังพร้อมกับสายไฟแสงสีไปมา,และยังมีอักษร "เทียน"ตัวใหญ่เป็นป้ายไฟโบกให้กับเขาด้วย!

"ลาก่อน!"ฉู่เทียนที่โบกมือไปมาให้กับพวกเขา"หอการค้าปาฏิหาริย์ของข้า,รอคอยพวกเจ้าอยู่!"

"พวกเราจะเข้าร่วมหอการค้าปาฏิหาริย์อย่างแน่นอน."

"พวกเราจะต้องพบกันแน่!"

หลินฟ่านและหลินเฉวียนสองพี่น้องและสมาชิกหลายร้อยคนของพันธมิตรเทียน ที่น้ำตาไหลริน.

ฉู่เทียนที่เดินทางมารัฐกลางเมื่อหลายเดือนที่แล้ว,ตอนนี้กำลังเดินทางไปยังนครจักรพรรดิแล้ว,เขาก้าวไปข้างหน้าเร็วเป็นอย่างมาก,ทำให้พวกเขานั้นยากที่จะก้าวตามทันได้.

แต่ถึงกระนั้น,พวกเขาทั้งหมดต่างก็มีอุดมการณ์ศรัทธาอันแรงกล้า.

หากว่าสามารถก้าวตามได้โดยง่าย,คงไม่มีสิทธิที่จะเป็นวีระบุรุษและเป้าหมายของพวกเขารึ?

เหล่าผู้เยาว์ทั้งหลายต่างก็แอบปฏิญาณอยู่ในใจพวกเขาจะต้องเข้าร่วมหอการค้าปาฏิหาริย์ให้จงได้,ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถก้าวได้ทันฉู่เทียน,อย่างน้อยที่สุดก็ขอให้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์ปาฏิหาริย์,ขอให้ได้มีส่วนร่วมและได้เห็นยุคแห่งปาฏิหาริย์!

เรือลำใหญ่ที่ค่อยๆหายไปลับตา.

เมืองหลวงรัฐกลางที่ส่องสว่าง,เปล่งประกายตัดความมืดของพื้นโลกใบนี้.

ภายห้องโดยสารเรือนั้น,หนานกงหยุนที่นั่งอยู่บนโต๊ะด้วยท่าทางเหม่อลอย,เปิดอาหารกระป๋องแต่ไม่กิน,ทว่านางขมวดคิ้วเล็กน้อย,แสดงถึงว่ามีเรื่องกังวลใจเป็นอย่างมาก.

"ดูเหมือนว่าหนานกงหยุนคงจะกำลังเป็นกังวลอยู่."

ฉู่เทียนที่เดินมาพร้อมกับเฉินปิงยวี,ฉู่เทียนรู้ดีว่าทำไมหนานกงหยุนถึงได้เป็นกังวล,หนานกงหยุนเกรงว่าจะทำให้ฉู่เทียนต้องลำบาก,และนางก็เป็นคนของตระกูลหนานกง,สถานะของนางนั้นค่อนข้างบอบบาง,โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ฉู่เทียนได้ทำลายพลังฝึกตนของหนานกงจี,ตอนนี้ตระกูลหนานกงเองก็ทำกับว่านางนั้นเป็นกบฏไปแล้ว.

"ดื่มสักแก้วใหม?"

"ก็ดี!"

ฉู่เทียนได้นำเหล้าหวานรินให้กับนางหนึ่งแก้ว"เจ้าจำอะไรได้บ้างเกี่ยวกับตระกูลหนานกงที่ตำหนักจักรพรรดิ?"

"ก็ไม่ชัดเจนนัก,ความทรงจำของข้าค่อนข้างลางเลือน"หนานกงหยุนที่ยกเหล้าหวานกระดกกินทั้งจอก"เก้าปีก่อนข้าได้จากตำหนักจักรพรรดิไปกับบิดา,ตอนนี้ข้าอายุ 19 ปีแล้ว,คงจะผ่านมาสิบปีแล้ว,ข้าไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอันใดกับการกลับไปยังตำหนักจักรพรรดิ,ข้าจำได้ถึงประมุขที่ได้ตายไปในการต่อสู้กับเผ่าเฉวียนหยง,ตระกูลของพวกเรานั้นโชคไม่ดีนัก."

ประมุขนั้นไม่ใช่ผู้นำสูงสุด,เป็นเพียงแค่ผู้สืบทอดที่จะได้รับตำแหน่งสูงสุดซึ่งเป็นเพียงแค่ประมุขในนามเท่านั้น.

ตระกูลหนานกงนั้นมีโหวเยว์สองคน,คนหนึ่งนั้นดูแลรัฐหลู่มีนามว่า หลี่ฮวอโหว,อีกคนหนึ่งนั้นคือโหวเยว์ หลี่เหยี่ยน,ทั้งสองคนนั้นต่างก็เป็นบุตรชายโยสายโลหิตของจักรพรรดิสุริยันแผดเผา,ทั้งคู่ต่างก็เป็นความหวังของตระกูล,หลี่เหยี่ยนโหวนั้นเป็นบุตรชายคนโต,ส่วนหลีฮวอโหวนั้นเป็นบุตรชายคนที่หก.

ตระกูลหนานกงนั้นเป็นตระกูลที่มีมาแต่โบราณ.

ประวัติศาสตร์ของพวกเขานั้นรุ่งโรจน์มาก่อนตระกูลตงฟางและตระกูลซ่างกวนซะอีก.

ตระกูลหนานกงมีชื่อเสียงนับตั้งแต่ก่อนเป็นอาณาจักรต้าเซี่ยด้วยซ้ำ,ทว่าหลังจากอาณาจักรต้าเซี่ยล่มสลาย,ค่อยปรากฏตระกูลตงฟาง,ตระกูลหนานกงที่ช่วยเหลือประคับประคองกันขึ้นมา.

จนถึงวันนี้.

ตระกูลหนานกงก็ยังคงมีกองทัพที่แข็งแกร่งอยู่เหมือนเดิม.

จักรพรรดิอู๋อานนับเป็นแม่ทัพที่ทรงพลังที่สุดของอาณาจักรในเวลานี้,ทว่าความเป็นจริงก็ยังหวาดหวั่นตระกูลหนานกงอยู่เหมือนกัน,ในอดีตกองกำลังที่อยู่ในมือหลี่เหยียนก่อนหน้านั้น,เคยถูกเรียกว่ากองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดและดีที่สุดของอาณาจักรหนานเซี่ยมาก่อน,พวกเขามีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในทุ่งหญ้าเฉวียนหยง.

หนานกงหยุนนั้นเป็นตระกูลสาขาที่สนับสนุนหลี่เหยี่ยน.

กองกำลังโหวหลี่เหยี่ยนนั้นทรงพลังสั่นสะเทือนไปทั้งอาณาจักรหนานเซี่ย,โหวหลี่เหยี่ยนนั้นแข็งแกร่งและชาญฉลาด,ในตอนนี้เขาคือความหวังที่จะกลายเป็นจักรพรรดิสุริยันแผดเผาคนต่อไป,ใครจะรู้ล่ะในสิบปีหลังจากนั้นจะมีการต่อสู้ที่หนักหน่วง,ทำให้กองกำลังของโหวหลี่เหยี่ยนถูกสังหาร,โหวหลีเหยี่ยนเองก็ตายไปในสนามรบ.

ตระกูลหนานกงที่เป็นหนึ่งในสามตระกูลหลักในอันดับสอง,หลังจากสูญเสียครั้งนั้นทำให้ตระกูลถดถอยลงทีเดียว,ตอนนี้ตระกูลซ่างกวนได้ไล่มาทันเรียบร้อยแล้ว,ตระกูลหนานกงที่เคยมีโหวถึงสองคน,ตอนนี้เหลือแค่เพียง หลี่ฮวอโหวเพียงคนเดียว,และได้กลายเป็นคนที่จะได้รับสืบทอดและกลายเป็นจักรพรรดิสุรยันต์แผดเผาคนต่อไป.

เหล่าทายาทของหลี่เหยี่ยนโหวนั้นไม่ยินดีอย่างแน่นอน.

แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีหลายคนในตระกูลต้องการที่จะให้สายโลหิตของบุตรชายคนโตของหลี่เหยียนได้รับการสืบทอด,บุตรชายคนโตของหลี่เหยี่ยนมีลูกพี่ลูกน้องคือหนานกงอี้,ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มที่สนับสนุนบุตรชายของหลี่เหยี่ยนต้องระเห็จ ระเหเร่ร่อนออกไป,ซึ่งมารู้ทีหลังว่าเป็นการตัดกำลังของหลี่ฮวอโหว,ทำให้บุตรชายคนโตของหลี่เหยี่ยนไม่ได้รับการสนับสนุน,ท้ายที่สุดก็ไม่ได้เป็นผู้สืบทอด.

หลีฮวอโหวนั้นได้เด็ดปีกทุกคนที่สนับสนุนทายาทหลี่เหยี่ยน

เหล่าทายาทของหลี่เหยียนนั้นทุกคนต่างก็ถูกส่งไปชายแดน,หรือไม่ก็ส่งไปทำงานต่างรัฐ,ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตำหนักจักรพรรดิอีกต่อไป.

ในตอนนั้นหนานกงอี้มีอายุ 28 ปี,นับว่ามีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมทีเดียว,ทว่าด้วยมีส่วนเกี่ยวข้องกับบุตรชายคนโตของหลี่เหยียน,เป็นตระกูลสาขาที่ให้การสนับสนุน,จึงไม่ได้อยู่ในความสนใจของหลีฮวอโหว,ต้องกล่าวว่าหนานกงอี้ถูกเนรเทศอย่างไม่เป็นธรรมทีเดียว,และนั่นก็เป็นเหตุผลใหญ่ที่หนานกงหยุนไม่พึงพอใจต่อตระกูลเท่าใดนัก.

ต้องไม่ลืมว่าพรสวรรค์ของหนานกงหยุนเองก็นับว่าแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก.

จักรพรรดิสุริยันแผดเผาในเวลานี้มีอายุร้อยปีแล้ว,มีเพียงแค่หลีฮวอโหวเท่านั้นที่เป็นความหวัง,จึงได้ให้สิทธิพิเศษหลายอย่างมากมายและอะไรที่เป็นความผิดของเขาก็จะเปิดตาข้างปิดตาข้างเสมอมา,ซึ่งแน่นอนไม่ว่าเขาจะทำเรื่องอะไรเขาก็ไม่เคยไต่ถามหรือสอบสวนเลย.

"ช่างน่าขันจริงๆ!"ฉู่เทียนที่ได้ยินหนานกงหยุนอธิบาย"จักรพรรดิสุริยันแผดเผานี่แก่จนเลอะเลือนจริงๆ,หนานกงหยุนที่มีภูติวิญญาณระดับพระเจ้า,กลับไม่ได้รับความเชื่อใจและยังถูกขับไล่ซะอีก,มันช่างน่าหัวร่อจริงๆ!"

เฉินปิงยวีที่กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล"ต้องไม่ลืมว่าหลี่ฮวอโหวนั้นเป็นบุตรชายโดยสายโลหิต,หนานกงหยุนนั้นเกิดในตระกูลสาขา,จักรพรรดิสุริยันแผดเผาเองก็หาได้ใช่นักบุญ,ยากที่จะรับประกันได้ว่า จะไม่เห็นแก่ตัว."

นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้น.

"เข้าใจแล้ว!"หนานกงหยุนที่ดื่มเหล้าหวานไปหลายจอก,สมองของนางนั้นรู้สึกพล่าเลือนเล็กน้อย,นางตบโต๊ะไปด้วยความโกรธ"สิบปีที่ข้าต้องเป็นคนเร่ร่อน,เหล่าทายาทของหลี่เหยี่ยนโหวนั้นเหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้น!ท้ายที่สุดก็เป็นเหตุให้ตระกูลหนานกงตกต่ำเป็นอย่างมาก,แทนที่จะช่วยเหลือกัน,ทุกอย่างนี้ก็ได้กลายเป็นเดินไปตามแผนของตระกุลซ่างกวนบัดซบนั่น!"

ตระกูลตงฟางที่มอบกายถวายชีวิต,แบกทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้อย่างยากลำบาก,เพื่อที่จะป้องกันอาณาจักรของเผ่ามนุษย์เอาไว้.

临危授命 ความหมายคือ (lín wēi shòu mìng)มอบกายถวายชีวิตเมื่อเผชิญกับอันตราย


ส่วนตระกูลหนานกงมากมายหลากหลายรุนแล้วรุ่นเล่า,เสียเลือดเสียเนื้อไปมากมายเท่าไหร่,นับว่าเป็นกองกำลังชั้นเยี่ยมที่คอยสนับสนุนสงคราม.

แล้วตระกูลซ่างกวนล่ะทำสิ่งใดกัน?มีสิทธิที่จะได้รับเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลหลักทั้งสามเหรอ!

ตระกูลซ่างกวนที่เป็นเพียงนักการทูตคอยจัดการกับกิจการภายใน,ในอดีตอาณาจักรตาเซี่ยที่ถูกทำลายไปนั้น,นับเป็นประเทศที่ร่ำรวยเป็นอย่างมาก,เป็นตระกูลซ่างกวนนี่เองที่ทำให้เกิดปัญหาภายในและภายนอก,สร้างความบาดหมางกับเผ่าเฉวียนหยงมากมาย,เป็นเหตุให้เกิดปัญหาภายใน,ลุกลามจนกลายเป็นปัญหาใหญ่จนทำให้อาณาจักรแห่งนี้เหลือเพียงแค่ครึ่งเดียว.

พวกเขาที่เสนอนโยบายหลบหลีก,เพื่อที่จะให้สถานการณ์สงบ.

ด้วยการสร้างความแตกแยกกับเผ่าเฉวียนหยง,ทำให้อาณาจักรถูกแบ่งครึ่งนับเป็นผลงานชิ้นใหญ่ของตระกูลซ่างกวน,นอกจากนี้พวกเขาที่เป็นตระกูลธุรกิจขนาดใหญ่,ได้ทำการก่อตั้งพันธมิตรไปยังอาณาจักรรอบๆและหลายเผ่าพันธุ์ด้วย.โดยทำสัญญาว่าหากเกิดสภาวะวิกฤติอาณาจักรหนานเซี่ยจะยกกองกำลังไปช่วย.

กล่าวสรุป.

สามตระกูลใหญ่ที่มาถึงวันนี้ได้นับว่ามีสถานะที่สูงเป็นอย่างมาก.

จากคำบอกเล่าของหนานกงหยุน,ทำให้ฉู่เทียนเริ่มที่จะเข้าใจในสถานการณ์ของอาณาจักรหนานเซี่ยอย่างช้าๆ.

เกี่ยวกับความขัดแย้งเกี่ยวกับผลประโยชน์ในตระกูลนั้นทำให้ฉู่เทียนแค่นเสียงอย่างเหยียดหยันอยู่ตลอดเวลา,ทว่าหากเขาเข้าไปในวงโคจรดังกล่าวแล้ว,เขาจะต้องหาวิธีในการป้องกันตัวเอาไว้.

เพราะว่าทรัพยากรในเมืองเทียนหนานนั้นนับว่าขาดแคลนเป็นอย่างมาก,สิบปีมานี้พลังความแข็งแกร่งของนางจึงพัฒนาขึ้นมาช้ามา,อย่างไรก็ตามในเวลานี้ในเวลานี้หลายเดือนที่ผ่านมาพลังของนางที่ก้าวกระโดดเป็นอย่างมาก,หลีฮวอโหวคงจะจ้องมองมายังหนานกงหยุนแน่.

หลี่ฮวอโหวที่พยายามจะกลืนกินหอการค้าปาฏิหาริย์,ที่จริงมันเป็นแผนการหนึ่งที่ต้องการจะปิดกั้นสองพ่อลูกหนานกงอี้ไม่ให้เติบโต,แม้ว่าแผนการจะล้มเหลวไปในที่สุด,ทว่าก็ยากที่จะรับประกันว่าพวกเขาจะไม่หาวิธีการอื่นใดอีก.

จากการคาดการณ์แล้ว!

ฉู่เทียนที่กล้ายุแหยราชาหนานเซี่ยและจักรพรรดิเหวินเฉิง,แล้วหลีฮวอโหวละนับเป็นอะไรได้?

เขาไม่เคยเห็นโหวเยว์ทั้งแปดอยู่ในสายตาเลย,โหวเยว์วายุเทพท้ายที่สุดก็เป็นเพียงผู้ช่วยของเขา,โหวเยว์ศัลย์ทองที่ติดหนี้บุญคุณของเขาพร้อมที่จะช่วยเหลือเขา,ส่วนโหวเยว์ซือฟางนั้นถึงจะร่ำรวยและมีอำนาจ,ไม่ใช่ว่าถูกฉู่เทียนจับตัวเอาไว้สร้างความอับอายให้แล้วหรอกเหรอ.

หนานกงหยุนที่จ้องมองไปยังฉู่เทียน,"เจ้านาย,ท่านจะโค่นตระกูลหนานกงรึ?"

"เจ้าต้องการให้ข้าจัดการพวกเขาหรือเปล่า?"

"ขอให้ท่านทำอย่างงั้นรึ?"

"หากว่าเจ้าต้องการให้ข้าจัดการ,ข้าจะช่วยเจ้าสั่งสอนคนตระกูลหนานกงเอง,เจ้าคิดว่าเจ้านายของเจ้า ใจแคบรึอย่างไรกัน,ในเมื่อพี่น้องตัวน้อยของข้าได้รับความคับข้องใจ,แน่นอนว่าข้าจะต้องช่วยเหลือเจ้าอยู่แล้ว."

หนางกงหยุนที่จ้องมองไปยังฉู่เทียน"มันจะง่ายขนาดนั้นเลยเหรอท่านก็รู้ว่าตระกูลหนานกงนั้นนับเป็นอสูรร้ายขนาดมหึมา,ท่านต้องการจะยุแหย่สัตว์ร้ายที่น่ากลัวขนาดนั้นเพื่อข้ารึ?"ถึงนางจะกล่าวเช่นนั้นทว่าภายในใจของนางนั้นมีความสุขเป็นอย่างมาก,เจ้านายที่ต้องการจะช่วยทวงยุติธรรมให้กับนาง,นับว่านางเลือกคนไม่ผิดจริงๆ!

ฉู่เทียนส่ายหน้าไปมา"ถึงจะเป็นราชาหนานเซี่ยก็ยังไม่ได้ใหญ่โตอะไร!"
....

ระยะทางระหว่างตำหนักจักรพรรดิและรัฐกลางนั้นนับว่าไกลโขทีเดียว,ต้องเดินทางไปสุดคาบสมุทรทั้งสี่และยังต้องเดินเท้าอีกครึ่งหนึ่งอีกด้วย,จากนั้นก็ต้องล่องเรือข้ามไปยังทิศเหนืออีก,เช่นนั้นจึงจะสามารถเข้าเขตแดนหวังยวี

เขตแดนของอาณาจักรหนานเซี่ยประกอบด้วยรัฐทั้งแปด

เขตแดนหวังยวีเป็นส่วนหนึ่งของตำหนักจักรพรรดิ,มีขนาดเท่ากับแคว้นต่างๆของอาณาจักรแห่งนี้ซึ่งประกอบด้วย,รัฐกลาง,รัฐสายฟ้า,รัฐใต้,รัฐชิง,รัฐซัง,รัฐหลู่,รัฐซีและรัฐตง

แต่ละรัฐนั้นต่างก็มีหน้าที่และจุดเด่นต่างกัน,หากไม่นับรัฐกลางในแปดรัฐแล้วล่ะก็,ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของทั้งแปดรัฐนับว่าสำคัญเป็นอย่างมาก,แต่ละตำแหน่งและสถานที่ต่างก็มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนอาณาจักรแห่งนี้,รัฐสายฟ้าเป็นสถานที่ฝึกฝนนักรบให้กับวังหลวง,รัฐใต้ที่มีกองกำลังต่อต้านเผ่าคนเถื่อน,รัฐชิงที่เป็นแหล่งสนับสนุนทรัพยากร,รัฐซังของอาณาจักรแห่งนี้ก็นับเป็นสถานที่ฝึกฝนสัตว์ขี่ให้กับอาณาจักร,โดยเฉพาะกองกำลังวายุ,อาชาสีน้ำเงิน,พวกมันล้วนแล้วแต่มาจากรัฐซังกันทั้งนั้น....

แต่ละรัฐของอาณาจักรแห่งนี้ล้วนแล้วแต่เป็นยุทธ์ศาสตร์ที่สำคัญมากของอาณาจักรหนานเซี่ย.

ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นต้องส่งบุคคลที่มีความสามารถและมีเกียรติไปประจำในแต่ละรัฐ,เพื่อใช้ในการปกป้องแคว้นเหล่านั้นเอาไว้,โหวเยว์ทั้งแปดของอาณาจักรหนานเซี่ยนั้นไม่เพียงแต่เป็นบุคคลลำดับหนึ่งเท่านั้น,ยังมีเกียรติยศและชื่อเสียงมีการกำหนดเกณฑ์ที่แน่นอน,พวกเขาเหล่านั้นต้องมีความสามารถแข็งแกร่งที่จะปกป้องอาณาจักรแห่งนั้นได้.

และด้วยสิ่งที่เขาเป็นคนกำหนด,ฉู่เทียนที่ได้มีอำนาจสูงสุดแต่เพียงผู้เดียวในรัฐกลาง,ส่งผลให้ราชาหนานเซี่ยนั้นไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก.

ราชาหนานเซี่ยยอมทนฉู่เทียนที่ทำร้ายทูตพิเศษได้,ราชาหนานเซี่ยยอมทนฉู่เทียนที่ได้ทำลายสามตระกุลใหญ่ได้,ราชาหนานเซี่ยยอมทนที่ฉู่เทียนเกเรได้,ทว่าเขาจะไม่ยอมทนที่จะมอบนามโหวเยว์,ไม่มีทางยอมให้ฉู่เทียนได้กลายเป็นโหวเยว์แน่.

ด้วยเหตุนี้ฉู่เทียนจำต้องเดินทางออกมาจากรัฐกลาง,ไม่ใช่ว่าต้องการมา,แต่ว่าจะต้องมา.

"ท่านประธาน!"หนึ่งในสมาชิกกลุ่มฉลามเขี้ยวยักษ์"พวกเราน่าจะเปลี่ยนเส้นทางหรือไม่?"

ฉู่เทียนได้สอบถามออกไปด้วยท่าทางประหลาดใจ"ทำไมรึ?"

"พวกเราวางแผนที่จะเดินทางไปยังรัฐซังและชายแดนของเขตหวังยวีลอยไปตามคลอง,ใช้เส้นทางดังกล่าวนั้นเข้าไปในตำหนักจักรพรรดิ,ทว่าทางเดินด้านหน้านั้นเป็นเขตแดนของรัฐซังตอนนี้มีเหตุฆาตกรรมเกิดขึ้น,นับว่าเป็นเรื่องที่น่าตื่นตะลึงทีเดียว,บางทีอาจจะมีเหล่าผู้เชี่ยวชาญของตำหนักจักรพรรดิกระจายอยู่เต็มเลยก็ได้."

มีเรื่องอะไรอย่างงั้นรึ?

ฉู่เทียนเดินทางเข้ามาตำหนักจักรพรรดิอย่างเงียบๆ.

ความหมายคือ (dīdiào)จัดการอย่างเงียบๆ


ดังนั้นจึงไม่สามารถที่จะสร้างจุดสนใจได้.

ตอนนี้คงมีการตรวจสอบอย่างหนาแน่นอย่างแน่นอน,ยิ่งเป็นเรือที่มาจากรัฐกลางด้วยแล้ว,เกรงว่าจะเป็นการสร้างความสนใจอย่างแน่นอน.

"คดีฆาตกรรม?"หนานกงหยุนที่แสดงท่าทางสนใจ"คดีฆาตกรรม?เป็นคดีอะไร,ร้ายแรงใหม?"

สมาชิกของกลุ่มฉลามเขี้ยวยักษ์คนหนึ่งส่ายหน้าไปมา,"มีประชาชนหลายพันหมู่บ้านเป็นเหยื่อและยังมีแม้แต่เมืองขนาดเล็กถูกสังหารไปทั้งหมด,ด้วยวิธีการที่โหดเหี้ยมน่าหวาดกลัว,เป็นเหตุให้หวาดผวาไปทั่วเลยทีเดียว."

"อะไร?คาดไม่ถึงเลยว่าจะมีเรื่องเช่นนี้?"

"มีคนกล่าวว่าเป็นกองกำลังของเผ่าเฉวียนหยงลักลอบเข้ามา,บางคนก็บอกว่ามีผู้เชี่ยวชาญสายมารที่ฝึกฝนวิชาอสูรที่ทรงพลังผ่านมา,มีข่าวลือมากมายไม่สามารถบอกได้ว่าอันใหนเรื่องจริง..."

ฉู่เทียนกล่าวออกมา"ขึ้นฝั่งทันที!"
”?”


"เส้นทางแห่งนี้ไม่ไกลนัก,พวกเราเลือกเดินทางบนพื้นดิน,ก็นับว่าสะดวกอยู่ทีเดียว."


ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/miracle-throne

#นิยาย บัลลังก์แห่งปาฏิหาริย์ #Miracle throne#นิยายแปลไทย



สนใจสนับสนุนพวกเรา เข้าร่วมกลุ่ม VIP (สถานปัจจุบัน แปลจบ 658 แล้ว)==>  Click


-เว็ปฟรี วันละหนึ่งตอน

-กรุ๊ป vip ลงครบทุกลุ่มแล้ว

1 ความคิดเห็น: