วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2561

Miracle Throne Chapter 253 Imperial City

Miracle Throne Chapter 253 Imperial City

นิยาย บัลลังก์แห่งปาฏิหาริย์ ตอนที่ 253 ตำหนักจักรพรรดิ


บทที่ 253 ตำหนักจักรพรรดิ


king ราชาหนานเซี่ย
Monarch(ควรจะใส่ว่าอ๋องแต่ใส่จักรพรรดิไปแล้ว) จักรพรรดิอู๋อาน,จักรพรรดิสุริยันแผดเผา,จักรพรรดิเหวินเฉิง
Hou  โหวทั้งแปด


เมื่อฉู่เทียนเสร็จสิ้นภารกิจกลับมายังรัฐกลาง,โหวเยว์วายุเทพเองก็เดินทางมาถึงตำหนักจักรพรรดิที่ห่างออกไปหมื่นลี้.

นครจักรพรรดินั้นอยู่ใจกลางของราชาอาณาจักรแห่งนี้,และอยู่ติดกับอาณาจักรอสูรวิญญาณทางภาคเหนือ,ที่จริงแล้วมันอยู่ห่างกันเพียงแค่สามพันลี้เท่านั้น,พรมแตนที่เป็นที่ลาบกว้าง,ไม่ได้มีสิ่งกีดกั้นทางธรรมชาติเลย,หากว่าอสูรวิญญาณบุกเข้ามาอย่างรวดเร็วแล้วล่ะก็,ด้วยกองกำลังเคลื่อนที่เร็วเพียงแค่สองวันก็มาถึงตำหนักจักรพรรดิทันที.

สถานที่แห่งนี้จึงนับว่าเป็นสถานที่อันตรายเกินกว่าจะคาดเดาได้!


นครจักรพรรดิที่ก่อตั้งขึ้นในดินแดนที่อันตรายถึงขนาดนี้เลยรึ?และนั่นจึงจำเป็นที่จะต้องเอ่ยถึงประวัติศาสตร์ของอาณาจักรหนานเซี่ย.

ประวัตศาสตร์หนานเซี่ยนั้นมีประวัติศาสตร์ออกเป็นสองส่วน,"เป่ยเซี่ย" และก็ "หนานเซี่ย" สองส่วน,ต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรเมื่อครั้งรุ่งเรื่องที่สุด,ในเวลานั้นพวกเขามีประชากรมากกว่า 1 พันล้านคน,มีขนาดใหญ่กว่าตอนนี้ถึงสามเท่า,และเรียกอาณาจักรทั้งหมดว่า อาณาจักรต้าเซี่ย.

อาณาจักรของพวกเขาก่อนนั้นไม่ได้วุ่นวาย,เต็มไปด้วยความสงบสุข.

อาณาจักรของเผ่ามนุษย์นั้นมีการแบ่งแยกชนชั้นที่ชัดเจน,และนั่นจึงเป็นเหตุให้มีการแบ่งแยกจักรวรรดิและอาณาจักรออกเป็นหลายแห่ง,จักรวรรดิที่แข็งแกร่งและทรงพลังที่ควบคุมหลายดินแดน,ควบคุมกฏของดินแดน,พวกเขาที่มีประชาการมากกว่า 10 พันล้าน,แน่นอนว่าพวกเขามีพื้นที่ขนาดใหญ่,ดังนั้นจึงเหมาะสมแล้วที่จะใช้คำว่าจักรพรรดิสำหรับพวกเขาอยู่หลายคน,ส่วนอาณาจักรที่มีขนาดเล็กกว่า,พวกเขาที่มีขนาดเล็กกว่ามาก,จึงทำให้ผู้ถือและควบคุมกฏนั้นมีเพียงแค่ราชาเพียงแค่คนเดียวเป็นคนกำหนด.

ราชอาณาจักรนั้นจะแยกออกเป็น,จั้นกว๋อ,ต้ากว๋อและเซี่ยวกว๋อ ,ซึ่งแบ่งแยกต่างความแข็งแกร่ง.

[战国 ความหมายคือ (zhàn guó)สมัยจั้นกว๋อ, สมัยรัฐสัประ-ยุทธ์ นั่นคือ ยุคหนึ่งหรือสมัยหนึ่งในประวัติศาสตร์จีน(ก่อน ค.ศ. 403 - ก่อนค.ศ.221) ซึ่งนับตั้งแต่ราชวงศ์โจวได้แต่งตั้งผู้ครองนครรัฐฮั่น, รัฐเว่ย,รัฐเฉา 3 รัฐ เป็นต้นมาจนกระทั่งถึงพระเจ้าจินซี้จักรพรรดิฮ่องเต้ได้รวบรวมรัฐต่างๆรวม 6 รัฐ เป็นจักรพรรดิจีนผืนแผ่นดิน]


ต้าเซี่ยนั้นนับว่าเป็นต้ากว๋อที่มีขนาดใหญ่เป็นอย่างมาก.

ก่อนหน้านั้นฉู่เทียนที่ได้เจอเข้ากับชายชราหน้ากากผีที่มีจาก ราชอาณาจักรต้าโจว,ซึ่งเป็นต้ากว๋อ,ส่วนในตอนนี้ความแข็งแกร่งของอาณาจักรแห่งนี้กลับมีความแข็งแกร่งมากกว่าอาณาจักรหนานเซี่ยถึงสิบเท่า,และใช้หน่วยเงินศิลาก่อเกิดเป็นการแลกเปลี่ยน,ซึ่งสามารถที่จะค้าขายไปได้ทั่วทั้งทวีป,และยังเป็นหน่วยเงินที่ทุกอาณาจักรในทวีปแห่งนี้ให้การยอมรับ.

อาณาจักรหนานเซี่ยนั้นมีประวัติศาสตร์ 700-800 ปีมาแล้ว,กล้าที่จะกล่าวได้เลยว่า"อาณาจักรต้าเซี่ยนั้น"ก่อนนั้นเป็นอาณาจักรที่มีราชวงศ์เป็นของตัวเอง,และแข็งแกร่งเป็นอย่างมากเกือบเทียบเท่ากับจั้นกว๋อเลยก็ว่าได้,หากว่าสามารถเติบโตต่อไปได้ล่ะก็,แน่นอนว่าพวกเขาจะสามารถกายเป็นอาณาจักรที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่เกรียงไกรเลยทีเดียว.

ใครจะรู้ล่ะว่าอาณาจักรต้าเซี่ยในวันนั้น,ดินแดนเป่ยเซี่ยเขตแดนภาคเหนือถูกสัตว์อสูรวิญญาณยึดครอง,อาณาจักรต้าเซี่ยล่มสลาย,ถูกทำลายย่อมยับด้วยสัตว์อสูรวิญาณ,เหล่าตระกูลราชวงศ์ของอาณาจักรถูกไปเกือบหมด,อาณาจักรแห่งนี้ได้ถูกยึดครองด้วยศัตรู.

เมื่อเข้าสู่สภาวะวิกฤติ,ตระกูลตงฟางร่วมมือกับตระกูลหนานแงและตระกูลซ่างกวน,ลุกขึ้นมาต่อสู้จึงสามารถที่จะยึดครองอาณาจักรครึ่งหนึ่งคืนกลับมาได้,หลังจากที่สงครามสงบลง,ตระกูลตงฟางสนับสนุนราชวงศ์ที่เหลืออยู่ให้ขึ้นเป็นราชา,และเปลี่ยนชื่อราชวงเป็น"หนานเซี่ย."

ราชายุคสมัยแรกของอาณาจักรหนานเซี่ยผู้เป็นเหมือนดั่งวีระบุรุษ,เขาได้ปฏิญาณว่าจะต่อสู้เป็นตายกับสัตว์อสูรวิญญาณเพื่อชำระหนี้โลหิตให้จงได้,เพื่อแสดงให้เห็นถึงปนิธานที่ยิ่งใหญ่,เพื่อที่จะกระตุ้นเตือนปลูกฝั่งเหล่าลูกหลานเพื่อให้ต่อสู้กับเหล่าอสูรวิญญาณ,จึงได้สร้างวังหลวงในสถานที่ในดินแดนที่อันตรายเช่นนี้,ตำหนักจักรพรรดิจึงอยู่ทางดินแดนทางภาคเหนือคอยจับจ้องไปยังดินแดนเป่ยหนานในอดีต,จ้องมองดินแดนของเหล่าอสูรวิญญาณเอาไว้.

ต้องเผชิญกับความยากลำบากก่อนเท่านั้นถึงจะพบกับความสงบสุขที่แท้จริงๆได้.

ราชาของอาณาจักรหนานเซี่ยรุนแรกนั้นดูเหมือนว่าจะตัดสินใจเสี่ยงอยู่เหมือนกัน,อันที่จริงแล้วก็เพื่อให้อาณาจักรหนานเซี่ยสามารถที่จะสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งและทรงพลังขึ้นมาได้นั่นเอง.

การก่อตั้งประเทศในอาณาจักรหนานเซี่ยแห่งนี้,อยู่ภายในการรบราฆ่าฟันกับสัตว์อสูรวิญญาณ,การดำเนินชีวิตที่ถูกปลุกความกล้าและความยุติธรรมของผู้คน,เหล่าสามตระกูลใหญ่รุนแล้วรุ่นเล่าที่ผ่านมาต่างก็มีความสามารถที่โดดเด่น,คอยปกป้องนครจักรพรรดิและอาณาจักร,ลงทุนในการต่อสู้ในจำนวนมหาศาล,แต่ถึงกระนั้นด้วยความแข็งแกร่งของเหล่าสัตว์อสูรวิญญาณ,ผลที่ออกมานั้นจึงพบแต่ความล้มเหลว.

อาณาจักรหนานเซี่ยที่ก่อตั้งมาแล้วหลายร้อยปีมีความแข็งแกร่งขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด,แม้ว่าต้องประจันหน้ากับเหล่าสัตว์อสุรวิญญาณก็ตามที,ด้วยเหตุเช่นนี้ทำให้อาณาจักรด้านใต้เองมีความเจริญรุ่งเรื่องได้ง่าย,และช่วยส่งเสริมความแข็งแกร่งของราชอาณาจักรได้อีกด้วย.

หลังจากที่โหวเยว์วายุเทพได้รับปืนพกพลังเวทย์ที่ได้รับจากฉู่เทียน,เขาก็เร่งรีบเดินทางมาจากตำหนักจักรพรรดิในทันที.

นครจักรพรรดินั้นเป็นเมืองที่คึกคักเป็นอย่างมาก,ภายในเมืองหลวงจักรพรรดิแห่งนี้มีประชากรเพียงครึ่งหนึ่งของรัฐกลาง,แต่กำแพงเมืองที่หนาซ้อนกันไปมา,สร้างขึ้นมาจากการหลอมโลหะหนัก,เป็นเงาสะท้อนแสงกับดวงตะวัน,โครงสร้างภายในเมืองนั้นแสงสว่างจ้าไม่ได้แตกต่างจากรัฐกลางเลย,แต่ทั้งนั้นกลับมีป้อมปราการเหล็กมากมายที่แข็งแกร่งไม่สามารถที่จะทะลวงได้โดยง่าย.

กองกำลังรักษาการในนครจักรพรรดนั้นมีกองกำลังขนาดมหึมามากมายกว่าแปดรัฐรวมกันซะอีก.

มีกองกำลังเคลื่อนที่เร็ว กองกำลังวายุกว่า 100,000 นาย!

กองกำลังทหารระดับสูงเหล่านี้มีความสำคัญในการต่อกรกับเหล่าอสูรวิญญาณเป็นอย่างมาก,กองกำลังดังกล่าวนับเป็นกองทัพที่ถูกรวบรวมมาประจำการในตำหนักจักรพรรดิ,สามารถที่จะเข้าร่วมรบได้ตลอดเวลา,สามารถตอบสนองและเคลื่อนที่ออกไปรบในทันที.

การเดินทางมายังตำหนักจักรพรรดินั้น,โหวเยว์วายุเทพรู้สึกได้ถึงความในใจมากมายนับไม่ถ้วน.

ตำหนักจักรพรรดิ,ผ่านมา 500-600 ปีแล้ว,ไม่เคยตกไปอยู่ในมือของศัตรูเลย,ซ้ำยังได้กลายเป็นกำแพงที่แข็งแกร่งต้านภัยทางทิศเหนือ,นับเป็นผู้นำที่ชาญฉลาดที่มีการก่อตั้งป้อมปราการที่แข็งแกร่งเอาไว้,ให้เป็นป้อมปราการที่แข็งแกร่งทรงพลังยากที่จะมีใครทะลวงผ่านมาได้.

อาณาจักรหนานเซี่ยตอนนี้,มีประชากรของอาชาศึก 2 -3 ล้านตน,มีทหารกล้าอีกหลายล้านคน,ทว่าด้วยสถานการของอาณาจักรสัตว์วิญญาณนั้นเกิดสงครามภายในขึ้นมาเมื่อเร็วๆนี้,ทำให้ไม่มีเวลาที่จะบุกเข้าโจมตีเข้ามา,ตอนนี้อาณาจักรหนานเซี่ยที่คอยจับตามอง,เตรียมพร้อมที่จะบุกชำระแค้น หนี้เลือดในทุกเวลา!

โหวเยว์วายุเทพที่มองไปยังกล่องผลึกคลิสตัลที่มีผนึกสามารถนำกุญแจใส่เข้าไป!

"ข้าเฟิงหยุนเทียนมาจากรัฐกลาง,มีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงานจักรพรรดิอู๋อาน!"

"โหวเยว์วายุเทพอย่างงั้นรึ?เร็วเข้า,ไปรายงานจักรพรรดิอู๋อานเร็วเข้า!"

พระราชวังอู๋อานนั้นหรูหราเป็นอย่างมาก,ไม่ใช่เพียงแค่หรูหราแต่ยังเป็นสถานที่หลัก,ที่มีกองกำลังอันเกรียงไกร,ภายในตำหนักจักรพรรดิด้านในนั้น,มีคฤหาสน์ขนาดใหญ่ที่สุด,เป็นตระกูลตงฟางที่เป็นเจ้าของ,และตระกูลตงฟางยังเป็นราชาอันดับหนึ่งอีกด้วย,และตระกูลตงฟางแต่ละรุ่นนั้นต่างก็เรียกได้ว่าเป็นเหมือนกับเสาหลักที่คอยปกป้องจักรพรรดิอู๋อานในแต่ละรุ่น.

ความแข็งแกร่งของตระกูลตงฟางนั้น,แข็งแกร่งมากกว่าตระกูลหนานกงและตระกูลซ่างกวนเป็นอย่างมาก,ฉู่เทียนได้คำนวณอย่างดีแล้ว,จะเป็นการดีมากหากว่าได้รับการสนับสนุนจากตระกูลตงฟาง.

ชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดสีแดงโลหิตเดินเข้ามา"เรียนโหวเยว์,จักรพรรดิไม่ได้อยู่ภายในตำหนัก!"

สถานะของเฟิงจวินนั้นมีสถานะที่สูงเป็นอย่างมาก.
(封君 เฟิงจวิน ผู้ดูแลรัฐ)

ที่จริงแล้วในจักรวรรดิขนาดใหญ่นั้น,เฟิงจวินนั้นก็คือ จวิ๋นกว๋อของอาณาจักรต่างๆ,หรือเป็นผู้ดูแลรัฐนั้นๆ,ถึงแม้ว่าจะมีอำนาจในการปกครองตัวเองแต่ก็ไม่ได้มีเอกราชโดยสมบูรณ์,ไม่สามารถเทียบได้กับผู้ปกครองอาณาจักรหรือจักรวรรดิได้แต่อย่างใด.

อาณาจักรหนานเซี่ยนั้นไม่ได้มีพื้นที่ใหญ่นัก,มีราชวงศ์ทั้งสามที่เป็นเฟิงจวิน,ถึงจะไม่ได้มีเกียรติเทียนเท่ากับราชาที่แท้จริงแต่ก็นับว่าเป็น"ราชวงศ์"มีอำนาจรองจากราชาหนานเซี่ย.

โหวเยว์วายุเทพขมวดคิ้วเล็กน้อย"จักรพรรดิอู๋อานไม่อยู่ในตำหนักจักรพรรดิอย่างงั้นรึ?"

จักรพรรดิอู๋อานที่ออกเป็นผู้นำอยู่แนวหน้า,เพื่อที่จะเข้ารับฟังรายงานด้วยตนเอง,ซึ่งเป็นเรื่องปรกติ,การออกไประยะเวลาสั้นๆก็เพียงแค่ห้าวันสิบวันหรืออาจจะเป็นหลายเดือนก็มี,หากไม่สามารถพบกับจักรพรรดิอู๋อานเร็วๆนี้ล่ะก็,บางทีสถานการณ์อาจจะไม่ดีนัก.

สถานะของโหวเยว์วายุเทพนั้นค่อนข้างสูงทีเดียว,มีสิทธิที่จะเข้าเฝ้าเฟิงจวินโดยตรงได้ทุกคน,ซึ่งยังมีคนอื่นๆอีกเป็นต้นว่าจักรพรรดิสุริยันแผดเผาและจักรพรรดิเหวินเฉิง,หากว่าเกิดการโต้แย้งล่ะก็ คงจะไม่ใคร่ดีนัก,แน่นอนว่าโหวเยว์วายุเทพนั้นไม่ต้องการที่จะเกี่ยวพันธ์กับพวกเขา.

เรื่องที่สำคัญที่สุดนั้น

โหวเยว์วายุเทพ เชื่อมั่นในจักรพรรดิอู๋อาน,เขาจำเป็นต้องชักนำจักรพรรดิอุ๋อานก่อนเป็นคนแรก.

องค์รักษ์ในชุดสีแดงโลหิตที่ยกมือคารวะไปด้านหน้า"จักรพรรดิตอนนี้ถูกเรียกตัวเขาไปในพระราชวังหลวง,ตอนนี้จึงยังไม่กลับมา."

โหวเยว์วายุเทพที่ถอนหายใจยาว.

หากว่าจักรพรรดิอู๋อานยังอยู่ภายในราชวังหลวงอยู่ล่ะก็,เช่นนั้นก็อาจถือว่ายังมีโชคอยู่บ้าง.
............

ตำหนักจักรพรรดิหนานเซี่ย.

กระเบื้องเคลือบสีทองส่องประกายแสงวับวาวสะท้อนแสงตะวัน,มังกรสองตัวทอดตัวเลื้อยขึ้นบนชายคา,มีเกร็ดสีทอง,ดูราวกับมีชีวิต,ที่กำลังคำรามและเหินขึ้นไปบนท้องฟ้า,องค์รักษ์ประจำราชวัง,มีมากมายนับไม่ถ้วน,ถือหอกยาวและกระบี่วิเศษกันทุกคน,ทำให้รอบๆตำหนักพระราชวังศ์ที่หรูหรานั้นถูกปกคลุมไปด้วยจิตสังหาร!

บนตำหนักหยกที่สูงศักดิ์.

บนบันลังก์ของราชันย์,มีชายอายุที่ดูมีอายุ 60 ปี,มีหนวดและผมสีเทา,สวมชุดสีม่วงทอง,พร้อมกับสวมมงกุฏของราชวงศ์,ที่เอวของเขานั้นมีกระบียาว,พี่แผ่กลิ่นอายที่ทรงพลังออกมา,นี่คือกระบี่ของราชวงศ์ต้าเซี่ยที่ได้ถูกส่งต่อมาหลายรุ่นแล้ว.

ในเวลาเดียวกัน,ภายในห้องโถงหลังที่สร้างขึ้นมาจากหยกและทองคำส่องแสงเป็นประกาย,องค์รักษ์กลุ่มหนึ่งที่กำลังกลับมา,มีสามคนที่ปล่อยกลิ่นอายน่าพรั่นพรึงออกมา.

คนด้านซ้ายนั้น,เป็นชายชราผมแดง,แม้ว่าจะดูมีอายุ,ทว่าก็ยังปลดปล่อยกลิ่นอายพลังราวกับขุนเขาขนาดมหึมา,เป็นกลิ่นอายที่รุนแรงบ้าคลั่งเป็นอย่างมาก.

คนด้านขวามือนั้น,เป็นชายแก่ที่สวมชุดราวกับนักศึกษา,รูปร่างดูสามัญ,ดูสุภาพ,หนวดเคราและผมเป็นสีเทาแผ่กลิ่นอายของนักศึกษาออกมา.

ส่วนคนที่อยู่ตรงกลางนั้น,ดูเหมือนจะมีอายุน้อยที่สุด,หน้าตาของเขานั้นไม่สามารถที่จะบอกได้เลยว่ามีอายุเท่าไหร่,มีเพียงแค่ตรงขมับเท่านั้นที่มีผมขาวเล็กน้อย,ทั่วทั้งร่างของเขานั้นสวมชุดเกราะสีดำทมิฬ,มือซ้ายที่ถือหมวกเหล็ก,แก้มทั้งสองข้างนั้นมองเห็นกระดูกหนา,ดวงตาที่คมกริบราวกับนกอินทรี,ทำให้คนที่สบตามราวกับกำลังถูกจ้องมองให้สั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว!

"วันนี้เป็นวันรวมตัวกันของจักรพรรดิทั้งสาม,มีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งของจักรพรรดิสุริยันแผดเผา,เจ้ากล่าวมาก่อนเลย!"

"เรียนองค์ราชา!"พลังที่รุนแรงโหมกระหน่ำไปทั่วห้องโถง,จักรพรรดิสุริยันแผดเผาของตระกูลหนานกงทั่วร่างของเขาที่ร้อนระอุ,ราวกับความโกรธเกรี้ยวของเทพแห่งเปลวเพลิง,ทุกก้าวที่เขาก้าวออกมานั้นมีปราณเปลวเพลิงพวยพุ่งออกมา,มากขึ้นและก็มากขึ้น"อาวุโสหลักของตระกูลหนานกง,หนานกงจี,ตอนนี้ได้เป็นตัวแทนไปตามคำสั่งของตำหนักจักรพรรดิเพื่อสืบเรื่องราวในรัฐกลาง,ตอนนี้ยังไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำกลับกลายเป็นคนพิการด้วยฝีมือของฉู่เทียน!เรื่องในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับหน้าตาของตระกูลหนานกง,ขอให้องค์ราชาให้ความเป็นธรรมกับพวกเราด้วย!"

"ฉู่เทียน?"ราชาอาณาจักรหนานเซี่ยที่คำรามออกมาทั่วทั้งห้องโถงแสดงความโกรธที่รุนแรงออกมา"ถึงกับไม่เห็นตำหนักจักรพรรดิอยู่ในสายตาเลยเหรอ,ยโสเย่อเหยิ่ง,ไม่เพียงแต่เป็นผู้นำสร้างความวุ่นวายยังทำลายสามตระกูลใหญ่,ไม่สนใจกฏหมาย,ไม่ไว้หน้าราชาของอาณาจักรแห่งนี้,ถือดียิ่งนัก!"

ด้วยคำพูดเหล่านั้นของราชาหนานเซี่ย,แม้ว่าทางใบหน้าของพวกเขาจะไม่ได้เปลี่ยนไป,ทว่าจักรพรรดิทั้งสามเองก็รู้สึกว่าราชาหนานเซี่ยนั้นโกรธเกรี้ยวฉู่เทียนเป็นอย่างมาก.

ราชาหนานเซี่ยนั้นครองราชย์มากว่า 20 ปีแล้ว.

เขาที่เป็นผู้สืบทอดอันชอบธรรมของอาณาจักรหนานเซี่ย,ถึงแม้ว่าทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับจักรพรรดิทั้งสามก็ตาม,แต่หากว่าเป็นรับสั่งของเขาล่ะก็,เพียงแค่ชายคนหนึ่งในรัฐกลางจะมีค่าอะไร?,

จักรพรรดิอู่อานกล่าวออกมาในทันที"ฉู่เทียนนั้นมีความดีความชอบในรัฐสายฟ้า,คนผู้นี้มีความรู้ทีแท้จริงและเป็นอัจฉริยะที่หายาก,จะสามารถช่วยเหลือเป็นกำลังให้พวกเรา,ขอให้ราชาใคร่ครวญให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจ,อาณาจักรหนานเซี่ยของเรานั้นควรที่จะเก็บคนผู้นี้เอาไว้!"

"อาณาจักรหนานเซี่ยไม่มีคนที่มีความสามารถคนอื่นแล้วรึอย่างไร?"สายตาที่ดุร้ายเย็นชาที่ส่งออกมา เป็นจักรพรรดิเหวินเฉิง,ซ่างกวนซังเฟิง"เขามีความรู้เทียบเท่ากับต้าเซวจื่อเลยรึ?"

จักรพรรดิอู๋อานขมวดคิ้วแน่น.

"เหวินเฉิงกล่าวมีเหตุผลหนึ่ง,อาณาจักรหนานเซี่ยนั้นไม่ได้ขาดแคลนคนมีฝีมือ,ฉู่เทียนอาจนับว่ามีความสามารถ,พอที่จะกล่าวยกย่องได้,ฉู่เทียนหรือซูยวีไฉ่ ,ยากที่จะควบคุมได้,ไม่ได้มีความจำเป็นต่ออาณาจักรขนาดนั้น!"หากเป็นคำพูดของราชาอาณาจักรหนานเซี่ยแล้วล่ะก็คงยากที่จะปฏิเสธได้,"การลบหลู่ราชา เรื่องเช่นนี้,หากว่ามันแพร่กระจายออกไปทั่วอาณาจักรหนานเซี่ยแล้วล่ะก็,ตำหนักจักรพรรดิจะไม่เสี่ยมพระเกียรติหรอกรึ?"

เหวินเฉิงซ่างกวนซังเฟิงนั้นเข้าใจดีว่าราชาอาณาจักรหนานเซี่ยนั้นคิดอย่างไร,ทันใดนั้นเขาก็กล่าวออกมาในทันที"ข้าลงความเห็น,ควรลงโทษฉู่เทียน,ไม่เช่นนั้นแล้วเขาจะกระทำเรื่องที่ใหญ่โตกว่านี้,บางทีอาจจะทำให้คนทั่วทั้งรัฐกลางต้องรับความยากลำบาก,ควรที่จะตัดไฟแต่ต้นลม!"

"จักรพรรดิสุริยันต์แผดเผาว่าอย่างไร?"

"ข้าเห็นด้วย!"จักรพรรดิสุริยันต์แผนเผานั้นดูเหมือนว่าจะโกรธเกรี้ยวเป็นทุนเดิมแล้ว"เขากล้าทำลายอาวุโสหลักของตระกูลหนานกง,เท่ากับว่าไม่ไว้หน้าตระกูลหนานกงเลย!"

จักรพรรดิอู๋อาน,ตงฟางเชวียนขมวดคิ้วไปมา"ขอให้องค์ราชาใครครวญให้ดี!"

"ข้าได้ตัดสินใจแล้ว!"ราชาหนานเซี่ยได้ประกาศรับสั่ง"ฉู่เทียนไม่ปฏิบัติตามกฏหมายของอาณาจักร,ซ้ำยังเย่อหยิ่งถือตน,ลบหลู่ราชวงศ์,กระทำตัวเป็นกบฏ,ถึงแม้ว่าจะมีความชอบ,ก็ไม่เพียงพอที่จะชดใช้,ขอให้ตำหนักจักรพรรดินำคนผู้นี้มาลงโทษ,โดยให้เหวินเฉิงเป็นผู้รับผิดชอบด้วยตัวเอง"

"เป็นกษัตริย์ที่ปราดเปรื่อง!"เหวินเฉิงเผยสีหน้ามีความสุข"ข้าขอนำกองกำลังของรัฐใต้,โหวเยว์ซือฟางเป็นคนเข้าควบคุมรัฐกลาง."

ราชาหนานเซี่ย"!!"

จักรพรรดิสุริยันต์แผดเผา,แสดงท่าทางพึงพอใจ.

"เท่าที่ข้ารู้นั้น,โหวเยว์ซือฟางและฉู่เทียนนั้นมีความแค้นต่อกัน"จักรพรรดิอู๋อานที่กล่าวออกมาทันที"หากว่าส่งโหวเยว์ซือฟางไปจับฉู่เทียนเกรงว่าฉู่เทียนคงจะไม่มีชีวิตกลับมา,ควรที่จะให้ต้าเซวจื่อเดินทางไปควบคุมกองกำลังทหารเป็นการส่วนตัว,เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้โหวเยว์ซ์อฟางกระทำการเกินเลย."

เหวินเฉิงขมวดคิ้วแน่น.

ที่จริงแล้วเขาจงใจที่จะให้โอกาสโหวเยว์ซือฟางด้วยความจงใจ,และเปิดโอกาสที่จะให้โหวเยว์ซือฟางนั้นล้างแค้นส่วนตัว.

"เอาล่ะ!"ราชาหนานเซี่ยไม่รอให้เหวินเฉิงโต้แย้ง"งั้นให้นำองค์รักษ์ราชวงศ์ 100 คนจากตำหนักจักรพรรดิเดินทางไปยังรัฐชิง,ให้ต้าเซวจื่อเป็นคนออกคำสั่งด้วยตัวเอง,และให้โหวเยว์ซือฟางเป็นผู้ช่วยในภารกิจนี้!"

หัวใจของจักรพรรดิทั้งสามสั่นไหวเล็กน้อย.

ให้องค์รักษ์ราชวงศ์เดินทางไปด้วยตัวเองเลยรึ?

ราชาหนานเซี่ยนั้นต้องการที่จะจับตัวของฉู่เทียนจริงๆ!

"เอาล่ะ,เรื่องนี้ยุติเพียงเท่านี้."ราชาหนานเซี่ยไม่คิดที่จะเอ่ยถึงเรื่องในรัฐกลางอีก,สายตาของเขาจับจ้องมองไปยังจักรพรรดิอู๋อาน"สถานการณ์ของดินแดนเป่ยเซี่ยเป็นอย่างไรบ้าง?"

จักรพรรดิอู๋อานนั้นไม่ค่อยจะพอใจนัก.

ทว่าการกระทำของฉู่เทียนก็เกินไปจริงๆ,จักรพรรดิอู๋อานนั้นรู้ถึงนิสัยของราชาหนานเซี่ยดี,ดังนั้นเขาจึงไม่ได้แนะนำอะไรออกไปมากนัก,เพียงแค่เอ่ยให้ต้าเซวจือเป็นคนจัดการ,ด้วยการกระทำที่มีคุณธรรมของต้าเซวจื่อแล้ว,อย่างน้อยที่สุดก็สามารถรับประกันชีวิตของฉู่เทียนได้,หากว่าฉู่เทียนตายไป,มันคงเป็นเรื่องที่ไม่ดีแน่.

"เรียนองค์ราชา,เผ่าอสรูวิญญาณนั้นเกิดการสู้รบภายใน,ตอนนี้พวกเขายังคงไล่ล่ากันมาหลายสิบปีแล้ว,ตอนนี้เกิดกองกำลังที่ดุร้ายหลายฝักหลายฝ่าย,บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสของหนานเซียพวกเรา!"

"โอ้ว?อย่างงั้นรึ?"

ราชาหนานเซียเผยท่าทางมีความสุขมาก,ทันใดนั้นเขาได้กล่าวรายละเอียดต่างๆ,ปรึกษาเกี่ยวกับการนี้แทบจะทั้งคืน.


ราชาหนานเซี่ยนั้นรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นและก็มากขึ้น,ราวกับว่าไม่ได้สนใจเรื่องของฉู่เทียนแล้ว,ต้องไม่ล้มว่าเรื่องของฉู่เทียนนั้นนับไม่ได้กับปัญหาใหญ่กับเล่าสัตว์อสูรวิญญาณทางภาคเหนือเลย,"ให้จักรพรรดิอู๋อานนำกองกำลังออกไปสำรวจด้วยตัวเอง,หากว่าพบโอกาสที่ดีและก็,พวกเราจะเข้าโจมตีในทันที!"


ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/miracle-throne

#นิยาย บัลลังก์แห่งปาฏิหาริย์ #Miracle throne#นิยายแปลไทย



สนใจสนับสนุนพวกเรา เข้าร่วมกลุ่ม VIP (สถานปัจจุบัน แปลจบ 658 แล้ว)==>  Click


-เว็ปฟรี วันละหนึ่งตอน

-กรุ๊ป vip ลงครบทุกลุ่มแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น