วันอาทิตย์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2561

Immortality Chapter 18 Of fluttering flags

Immortality Chapter 18 Of fluttering flags

นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 18 ภาพฉากที่งดงาม


บทที่ 18 ภาพฉากที่งดงาม




"ตูมมมม"

จงซานที่กระโดดขึ้นมาบนน้ำและพุ่งตรงขึ้นไปบนฝั่ง,ระหว่างทิศทางนั้นเขาที่ชำเลืองมองเห็นสาวงามผมสีขาว.


จงซานที่ลอยอยู่บนอากาศ,ใบหน้าที่ตื่นตะลึงอย่างรุนแรง,สาวงามที่ยืนกุมหน้าอกก็ตื่นตะลึงไม่แพ้กัน,ที่ปรากฏมีชายที่กระโดดลอยขึ้นมาจากน้ำพุร้อน.

ผู้ชาย?เป็นไปได้อย่างไร?สาวงามที่จ้องมองไปยังชายคนหนึ่งที่กระโดดขึ้นมาอย่างไม่อยากเชื่อ,ตลอดชีวิตนางนั้น,ไม่เคยมีบุรุษคนใหนเคยเห็นร่างเปลือยของนาง,เช่นนั้นควรทำอย่างไร?

ขณะที่จงซานกระโดดขึ้นมาจากน้ำ,ก็ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเช่นกันกับร่างที่งดงามอยู่ด้านหน้าของเขา.

ขาวไปหมด,จงซานที่เห็นร่างที่ยืนนิ่งงันอยู่ด้านหน้า,ผิวกาย,ผมและอื่นๆ,เขาที่คาดไม่ถึงมาก่อน,ผมสีขาว,เป็นสีขาวหิมะ,ขาวอย่างประณีต,ไม่ใช่ผิวขาวเช่นคนแก่,ทว่านี้ความความขาวที่ส่องประกายเป็นมันสีเงิน.
 ผิวกายที่มีสีชมพูอ่อนๆ,สายตาที่นิงงันของจงซานถึงกับต้องสะดุ้งตกใจ.

จงซานที่ได้สติเมื่อลอยอยู่บนอากาศ,เมื่อเขาเห็นชัดว่าเป็นหญิงสาว,เขารู้ทันทีว่าเป็นปัญหาใหญ่ได้เข้ามาแล้ว.

เป่ยชิงซือ,นี่คือเป่ยชิงซือแน่นอน,ศิษย์พี่ลำดับสามศิษย์ขั้นสองสำนักไคหยาง,และยังอยู่ขั้นแกนทองระดับสูงสุด,นางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? นางไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้า?

ร่างของเป่ยชิงซือที่เปลือยเปล่า,รูปร่างที่สมบูรณ์แบบ,ขาวบริสุทธิ์เป็นอย่างยิ่ง,ความงามสะพรั่งที่โลกต้องตกตะลึง,ราวกับเป็นเทพธิดาที่หล่นลงมาจากสวรรค์,ปรากฏขึ้นด้านหน้าของจงซาน.

นี่เป็นการตื่นตระหนกเป็นครั้งแรก,จงซาน,เขาไม่ได้หนุ่มอีกต่อไปแล้ว,มีเจตนาในใจที่บริสุทธิ์,ไม่มีทางที่จะต้องการจ้องมองไปยังร่างงามนั่นอย่างหื่นกระหายอยู่แล้ว,เขาที่คิดจะหลบฉากหลังจากพิจารณาสถานการณ์ที่เกิดขึ้น.

หากแต่ตอนนี้ลอยอยู่บนกลางอากาศแล้วและไม่สามารถที่จะเหวี่ยงตัวหลบได้ทันแล้ว,เขาที่พุ่งตรงไปยังทิศทางของเป่ยชิงซือ,หากว่าเขาหล่นลงไปบนร่างของนาง,เช่นนั้นเขาจะต้องตายไปอย่างแน่นอน,เป่ยชิงซือนั้นอยู่ในขั้นแกนทอง,นางจะต้องสังหารเขาแน่นอนเพราะว่าเขาล่วงละเมิดการอาบน้ำของนาง?

ทำอย่างไรดี?ต้องทำอย่างไรดี? จงซานที่กระวนกระวายใจขณะที่ลอยอยู่บนอากาศ.

อย่างไรก็ตาม,เป่ยชิงซือในเวลานั้นท้ายที่สุดก็ตั้งสติได้.
 "อ๋าๆๆๆ"

ท่ามกลางเสียงหวีดร้องและความสับสน,ฝ่ามือของนางกระแทกไปยังร่างของจงซานลอยออกไปทันที.

"ตูมมมมมมม"

ไร้ซึ่งพลังในการต้านทาน,จงซานลอยไกลออกมา.

"ตูมมมมม."จงซานถูกกระแทกหล่นลงไปในน้ำพุร้อนอีกครั้ง.

"พรึดๆๆ"

จงซานที่พ่นโลหิตคำโต,ฝืนยิ้มออกมาอย่างขมขื่น,อะไรจะโชคร้ายขนาดนี้,โชคร้ายเกินไปแล้ว.

เขาที่ตะเกียกตะกายพาตัวขึ้นมาบนฝั่งก่อนที่จะนอนอย่างอ่อนแรงอยู่บนฝั่ง.

ฝ่ามือของเป่ยชิงซือกระแทกเข้าไปบนอกของจงซาน,กลายเป็นรูปฝ่ามือที่บนอก,ส่องประกายสีแดง,ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสีม่วงและกลายเป็นสีดำคล้ำ,จงซานที่รู้สึกปวดแสบปวดร้อนไปหมด,หากไม่เพราะว่าเขาฝึกฝนวิชากายาเทพอสูร,บางทีเขาคงจะตายไปแล้ว.

"ซีๆๆ"

เป่ยชิงซือหลังจากที่สวมชุดเรียบร้อยแล้ว,กระบี่สีขาวของนางก็มาจ่ออยู่ที่คอของจงซาน,เป่ยชิงซือที่จ้องมองไปยังจงซานด้วยท่าทางซับซาน,ริมฝีปากที่ขบแน่น,ราวกับว่านางต้องการที่จะสังหารจงซาน,ทว่าทางกลับรั้งรอที่จะแทงกระบี่ลงไป,เพียงแค่จ่อไปที่คอของจงซานเท่านั้น.

จงซานในเวลานี้ยืนอยู่บนปากเหวแห่งความตายไปแล้ว,เขาที่ค่อนข้างหวั่นใจทีเดียว,หากเขาถูกนางลงโทษบาดเจ็บก็ยังสามารถรักษาได้,ทว่าหากนางสังหารเขา,เช่นนั้นทุกๆสิ่งที่เขาคาดหวังก็จะจบไปในทันที.

เขาที่เริ่มใช้ทักษาหงหลวน,สร้างหมอกหลงหลวนในมือพร้อมที่จะปล่อยออกมาได้ทุกเวลา,ทว่า,จงซานตอนนี้ยังไม่กล้าขยับ,เพราะกระบี่ที่กำลังจ่อคอของเขาอยู่,หากว่าเขาขยับเพียงเล็กน้อยจะต้องตายแน่นอน,เขาที่รั้งรอหากกระบี่พุ่งมาเมื่อไหร่เขาก็จะใช้หมอกกำหนัดหงหลวนทันที,ไม่เช่นนั้นเขาคงต้องตายเป็นแน่แท้.


จงซานที่หายใจหอบๆ,พร้อมกับกล่าวออกมาอย่างยากลำบาก."ท่านหญิง,ข้าขออภัยที่ล่วงเกินท่าน,ข้าจงซาน,ไม่ได้ต้องการทำเช่นนั้นเลย,ที่จริงข้าอยู่ในน้ำพุร้อนนี้,ก่อนที่ท่านจะมาถึงซะอีก."

หลังจากที่ได้ยินว่าจงซาน,สายตาของเป่ยชิงซือก็เปลี่ยนไป,นางที่ชักกระบี่กลับคืนมา.

"เจ้า,เจ้าคือจงซานอย่างงั้นรึ?"เป่ยชิงซือที่กัดริมฝีกปากแน่น,ท่าทางโศกเศร้าที่แสดงออกมา,ดูเหมือนว่าหากบุรุษที่หน้านางไม่ใช่จงซาน,นางคงจะสังหารเขาในทันที.

"ใช่แล้ว,ข้าคือศิษย์ใหม่ที่เพิ่งเข้าสำนักเมื่อปีที่แล้ว,จงซาน,"จงซานที่ตอบกลับมาเขาสัมผัสได้ว่าตอนนี้เขามีโอกาสรอดแล้ว,ทว่า,เขาก็ยังคงรวบรวมหมอกหลวนเอาไว้ในมือเตรียมพร้อมเอาไว้เช่นเดิม.

"หนึ่งปีที่แล้ว,เจ้าคือคนที่นำชิ้นส่วนหยกกลับมาสินะ?"เป่ยชิงซือที่จ้องมองจงซานด้วยความรู้สึกผสมปนเป,ราวกับว่ารู้สึกได้ถึงความยากลำบากของโลกใบนี้.

จงซานไม่เข้าใจกับท่าทางของเป่ยชิงซือเท่าใดนัก,ทว่าเขาก็พยักหน้าตอบรับ.

เมื่อจงซานยืนยันแล้ว,ทันใดนั้นเป่ยชิงซือก็เก็บกระบี่,นางที่หลับตาเงยหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้า,ราวกับว่านางได้นึกถึงเรื่องเศร้าอย่างสุดซึ้งอยู่.

ในเวลานี้,จงซานสามารถบอกได้ว่าเขาปลอดภัยแล้ว,เขาไม่รู้เหมือกันเหตุผลดังกล่าวนั้นอาจจะเกี่ยวข้องกับชิ้นส่วนหยกที่เขานำมา,อย่างไรก็ตาม,ในเมื่อนางไม่สังหารเขา,ทุกอย่างก็ถือว่าดีแล้ว.

"ขอบคุณ."เป่ยชิงซือลืมตาขึ้นมาทันที,ประกายแสงแห่งความเศร้ายังแฝงลึกอยู่ในสายตาของนาง,ขณะที่นางกล่าวต่อจงซาน.

ขอบคุณข้า?เรื่องอะไร? เรื่องที่เห็นนางอาบน้ำอย่างงั้นรึ?

เห็นท่าทางจงซานขมวดคิ้ว,เป่ยชิงซือตระหนักได้เขาอาจจะเข้าใจผิด,นางจึงได้กล่าวออกมาว่า,"ขอบคุณที่ส่งชิ้นส่วนหยกกลับมา."

"หาได้ใช่เรื่องใหญ่"จงซานพยักหน้าไม่ได้กล่าวอะไรอีก.

"นี่คือเม็ดยาหุ่ยชุน,ให้ถือว่าเรื่องในวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น."เป่ยชิงซือที่โยนขวดหยกสีขาว,ขนาดเล็กให้เขา,ทันทีที่รับมาก,นางก็ถอนธวัชขนาดเล็กทั้ง 16 ทำให้หมอกรอบๆหายไป,พร้อมกับก้าวขึ้นไปบนกระบี่เหิน,ลอยหายไปลับตาจงซาน.

จงซานที่รู้สึกดีใจที่เห็นเป่ยชิงซือจากไป,พร้อมกับทำการสลายหมอกหลงหลวนที่ฝ่ามือ.

จงซานที่จ้องมองดูขวดหยกสีขาว,ก่อนที่จะค่อยๆเปิดมันออกมา,กลิ่นยาที่แพร่ออกมาจากขวด,จงซานที่ทำการตรวจสอบขวดยาดังกล่าวอย่างระมัดระวัง.
 จงซานไม่รู้ว่าเม็ดยาหุ่ยชุนนั้นมีประโยชน์อะไรบ้าง,ทว่าเขามั่นใจว่ามันเป็นเม็ดยาในการรักษาแผลอย่างแน่นอน,เขาคิดว่าควรจะเก็บเอาไว้ใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินกว่านี้ดีกว่า,เขาในตอนนี้เองก็ไม่ได้บาดเจ็บเลวร้ายขนาดนั้น.

เขาเคยชินกับมันซะแล้ว,ทุกๆครั้งที่เขาใช้วิชากายาเทพอสูร,เขาก็ได้อยู่ในสภาพที่ไม่ต่างกันนี้นัก.

เขาที่กลับลงไปในสระน้ำร้อนเข้าไปยังถ้ำผลไม้เพลิงสวรรค์เพื่อรักษาแผลของเขาอีกครั้ง.

หลังจากนั้นสามวัน,อาการบาดเจ็บของจงซานก็หายไปจนหมดสิ้น.

เขาออกมาจากถ้ำอีกครั้ง,พร้อมกับปิดปากถ้ำเหมือนเดิม,และระมัดระวังกว่าเดิมในการโผล่ขึ้นบนผิวน้ำ,เขาจะต้องมั่นใจก่อนว่าไม่มีอันตรายใดๆ,จากนั้นก็กลับไปยังที่พักติงสุ่ยเซี่ยของเขา.

เขาที่เปลี่ยนชุดหลังจากที่เขากลับไปยังติงสุ่ยเซี่ย,และพักผ่อนอยู่ชั่วขณะ,ก่อนที่จะสะพายดาบเอาไว้ด้านหลัง,และเดินทางไปยังลานฝึกของยอดเขาไคหยาง,ซึ่งเป็นวันนัดรวมเหล่าศิษย์ใหม่นั่นเอง.

ขณะที่จงซานมาถึงลานฝึกนั้น,ที่แห่งนี้ก็มีคนมากมาย,ศิษย์ปีแรกยกเว้นจงซาน,ต่างก็มารวมตัวกันหมดแล้ว.

หนานป่าเทียนที่เป็นผู้คุมเหมือนดังปีที่แล้ว,เขาที่ยืนอยู่ด้านหน้าทุกคนที่เข้าแถวอย่างเป็นระเบียบ,เมื่อเขาเห็นจงซาน,ก็ชำเลืองมองเหล่ออกไปเล็กน้อย.

จงซานเข้าใจได้ทันทีและเร่งรีบเข้าแถวอย่างรวดเร็ว.

"ผ่านมาหนึ่งปีแล้ว,พวกเราได้พบกันอีกครั้งแล้ว,วันนี้,เป็นการรวมตัวเพื่อตรวจสอบพัฒนาการของทุกคน,หากว่ามีใครที่ประสบความยากลำบากในการฝึกฝน,พวกเจ้าสามารถเข้าไปยังหอคัมภีร์เพื่อที่จะค้นหาวิชาที่แตกต่างไปได้,นับจากตอนนี้เป็นต้นไปข้าไม่ใช่ศิษย์พี่เก้าอีกต่อไปแล้ว.ตอนนี้ข้าคือศิษย์พี่ลำดับหกแล้ว."หนานป่าเทียนกล่าว.

"ครับ."ทุกๆคนตอบรับ.

"ทุกๆคนเข้าแถวเรียงกันเอาไว้,อีกสักพัก,ท่านประมุขและศิษย์พี่ขั้นสองจะมาที่นี่เพื่อตรวจสอบพวกเจ้าทุกคน,"หนานป่าเทียนที่กล่าวออกไปเสียงดัง.

"ครับ."ศิษย์ใหม่ทั้งหมดที่ตอบรับด้วยความตื่นเต้น.

หลังจากที่หนานป่าเทียนกล่าวจบ,ก็มีคนกว่ายี่สิบคนที่เหินลงมาจากยอดเขาไคหยาง.

เมฆสีขาวขนาดใหญ่ที่เหินลอยมา,มีผู้เชี่ยวชาญระดับก่อตั้งวิญญาณของสำนักไคหยางนำหน้า,ตามมาด้วยศิษย์ขั้นสองอีกหลายคน.

หลังจากที่พวกเขาเหินลงมาบนพื้น,ประมุขเทียนซวินจื่อก็โบกมือให้เมฆเหล่านั้นหายไป,เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาสามารถอัญเชิญเมฆสีขาวได้.

จำนวนเหล่าศิษย์ขั้นสองนั้น,จงซานไม่เห็นเป่ยชิงซืออยู่ในนั้น,อย่างไรก็ตาม,เทียนหลิงเอ๋อที่อยู่ด้านหลังเทียนซวินจื่อ.

ประมุขและผู้นำขุนเขาทั้งสองเริ่มตรวจสอบศิษย์ทุกคนในลานฝึก.

จงซานได้ยินจากเทียนหลิงเอ๋อกล่าวก่อนหน้านี้,การจะสามารถมองเห็นพลังฝึกตนของคนอื่นๆได้นั้นจะต้องมีระดับมากกว่าคนๆนั้นสองขั้น,หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่ง,ในระดับเซียนเทียนจะต้องเป็นระดับก่อตั้งวิญญาณถึงจะสามารถมองเห็นได้,ส่วนระดับแกนทองนั้นไม่สามารถ.

หลังจากทำการตรวจสอบศิษย์ทั้งหมด,เหล่าอาจารย์ต่างก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก,อย่างไรก็ตาม,ขณะที่พวกเขาจ้องมองมายังจงซาน,ก็ทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก.

ระดับสามเซียนเทียนแล้วรึ?ด้วยพรสวรรค์ที่มีน้อยนิด,เขากลับพัฒนาได้รวดเร็วขนาดนี้เลยรึในหนึ่งปีนี้?

ประมุขและผู้นำขุนเขาได้แต่เพียงพยักหน้า,แต่ก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด,อย่างไรก็ตาม,แม้ว่าจงซานจะก้าวไปถึงระดับสามก็ตามที,ทว่าก็ยังไม่อยู่ในสายตาพวกเขาแต่อย่างใด.

"ข้าได้เห็นพลังฝึกตนของทุกคนแล้ว,สำหรับคนที่มีความเร็วยังไม่ดีนัก,สิบวันหลังจากนี้,จงไปเลือกคัมภีร์ที่แตกต่างออกไป,ส่วนคนที่เหลือ,คนที่ก้าวไปถึงระดับ 4 ให้ก้าวออกมา."ประมุขเทียนซวินจื่อกล่าว.

มีสี่คนในศิษย์ใหม่ที่ก้าวออกมาด้วยความตื่นเต้น,ชายสามคนและหญิงอีกหนึ่งคนที่ก้าวออกมายืนด้านหน้า.

ศิษย์ขั้นสองที่จ้องมองไปยังคนทั้งสี่ด้วยความยินดี,เห็นได้อย่างชัดเจนว่าคนทั้งสี่นั้นเป็นคนที่พวกเขาเลือกมาและในอนาคตข้างหน้าจะต้องเป็นหนึ่งในศิษย์ขั้นสองแน่นอน.

"สี่คน,ยอดเยี่ยม,ระดับสี่เซียนเทียน,ตามกฏของสำนักไคหยางคนที่อยู่ระดับสูงสามคนในปีแรกของศิษย์ใหม่จะได้รับ,มุกคงหลิง,ทว่าตอนนี้มีอยู่ด้วยกันถึงสี่คน."เทียนซวินจื่อกล่าว.

ศิษย์ทั้งสี่ในเวลานี้ต่างขมวดคิ้วขณะที่ได้ยินเทียนซวินจื่อกล่าวถึงมุกคงหลิง?

คนอื่นอาจจะไม่รู้,ทว่าจงซานได้ยินจากหนานป่าเทียนว่า,มุกคงหลิงนั้นสามารถใช้สร้างอาวุธวิเศษได้,มุกคงหลิงนั้นสามารถที่จะยกระดับอาวุธธรรมดาเป็นอาวุธวิเศษขึ้นได้นั่นเอง.

รองเท้าขับวายุของจงซาน,เป็นอาวุธวิเศษอยู่แล้วแต่ไม่มีระดับขั้น.

อาวุธวิเศษนั้นมีอยู่ทั้งหมดเก้าขั้น,ต่ำสุดคือระดับหนึ่ง,และสูงสุดอยู่ในระดับ 9 ,มุกคงหลินนั้นมีความสามารถในการปลูกฝังจิตสำนึกลงไปในอาวุธวิเศษได้,เป็นเหมือนไข่ที่ทำการหล่อเลี่ยงด้วยปราณแท้,เมื่อทำการสกัดกลั่นปราณแท้และแกนแท้ลงไปไม่หยุดหย่อน,จะสามารถสกัดกลั่นอาวุธวิเศษเหล่านั้นได้,ซึ่งจะทำให้อาวุธวิเศษนั้นทรงพลังมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วย.

จงซานรับรู้ดีว่าอาวุธวิเศษทั้งหลายนั้น,ถูกสร้างขึ้นมาด้วยปราณแท้,แก่นแท้จิตสำนึก,ซึ่งจะมีความแตกต่างกันตามแต่ผู้ฝึกตนแต่ละคน,จะทรงพลังขนาดใหนก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ฝึกตนนั้นๆ.


จงซานนั้นต้องการมุกคงหลิงอยู่ไม่น้อย,ผ้าแพรสีแดงของเทียนหลิงเอ๋อนั้นเป็นอาวุธวิเศษล่ะดับสอง,แม้แต่ง้าวยักษ์ของหนานป่าเทียนเองก็เป็นอาวุธวิเศษระดับสองเช่นกัน,เขาสามารถใช้มุกคงหลิง,เพื่อที่จะทำให้ดาบของเขาเป็นอาวุธวิเศษได้.


ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality

#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น