Miracle Throne Chapter 189 The tenth eye
นิยาย บัลลังก์แห่งปาฏิหาริย์ ตอนที่ 189 เนตรที่สิบ
บทที่ 189 เนตรที่สิบ
"ข้าไม่สามารถอธิบายสิ่งต่างๆที่เจ้าสงสัยได้."เสียงของตำหนักสัมฤทธิ์โบราณที่กล่าวออกมาอย่างสุขุม,ราวกับว่ามันสามารถอ่านความคิดของฉู่เทียนได้"เพราะว่าข้านั้นได้ตายไปนานแล้ว,เป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กน้อยที่ถูกผนึกเอาไว้,ดังนั้นความทรงจำที่ข้าเคยมีมันจึงได้หายไปกับอากาศหมดแล้ว."
อ่านใจได้อย่างงั้นรึ?
สิ่งนี้เห็นได้ชัดเจนว่ามันแสงทุกอย่างไปตามตรรกะที่ได้บันทึกไว้,และไม่สามารถคิดเองได้
ดังนั้นมันจึงได้กล่าวมันเป็นเพียงแค่สิ่งของที่เหลืออยู่?หากว่าความทรงจำของเทพเจ้าคงอยู่ล่ะก็มันย่อมทรงพลังยิ่งกว่านี้,แม้จะเป็นเพียงแค่จิตสำนึกที่เหลืออยู่,ยังน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก!
"ทว่าไม่จำเป็นที่ต้องเสียใจ."
เสียงของตำหนักสัมฤทธิ์โบราดังก้องขึ้นอีกครั้ง,ก่อนที่ผลึกสีเทาหม่นจะลอยออกมากลางอากาศ,ลอยอยู่ต่อหน้าของฉู่เทียน.
"รับมันไป,นี่คือผนึกความทรงจำหลายปีที่ข้าได้ผจญภัยมา,หากว่าเจ้าสามารถรอดชีวิตรับมรดกของข้าไปได้,บางทีคำตอบที่เจ้าค้นหาอยู่,อาจจะมีอยู่บ้างก็ได้."
ผลึกความทรงจำของเทพบรรพกาล?
เป็นสมบัติล้ำค่าประเมินค่าไม่ได้เลย!
ฉู่เทียนเผยสีหน้าที่มีความสุขเป็นอย่างมาก,ค่อยๆประคองมันอย่างระมัดระวัง.
ยุคเทพบรรพกาลนั้นได้ล่มสลายไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งนั่นจึงทำให้ไม่มีผู้สืบทอดใดๆเลย,ถึงแม้ว่าผลึกความทรงจำนี้อาจจะเสียหายเป็นอย่างมาก,บันทึกดังกล่าวนี้
ก็ยังคงต้องใช้เวลาอีกนานเหมือนกันในการศึกษาและอธิบายทุกอย่างข้างในนั้น.
ตำหนักสัมฤทธิ์โบราณยังคงกล่าวต่อ"ข้าสามารถสัมผัสได้ว่า
จากความแข็งแกร่งและภูมิปัญญาเดิมของเจ้าแล้ว,เศษเสี้ยวภูมิปัญญานั่นจะสามารถช่วยเจ้าได้,ทว่ามันก็ยังไม่สามารถช่วยเหลือ,ความฝัน,ความทะเยอทะยาน,สิ่งที่เจ้าไล่ตามอยู่,มันยังคงไม่เพียงพอ."
การอ่านความคิดของเศษเสี้ยวเทพบรรพกาลสามารถที่จะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของเขาได้!
ฉู่เทียนรู้สึกคาดไม่ถึงเล็กน้อย,ทว่าเขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก.
"ที่ข้าต้องการที่จะหนีให้พ้นจากโชคชะตาที่ถูกตรึงเอาไว้นั้น?เขตเขตจำกัดของมนุษย์นั่นไม่สามารถทำให้สำเร็จได้อย่างงั้นรึ!"
"มนุษย์ตัวน้อย,เจ้าตอนนี้ยังเด็กจนเกินไป."ตำหนักสัมฤทธิ์โบราณได้แต่ทอดถอนใจ,พร้อมกับรู้สึกหดหู่อยู่ไม่น้อย"โชคชะตาที่ต้องดับสูญนั้นไม่สามารถเปลี่ยนได้,แม้แต่เทพอสูรยังไม่สามารถหลีกพ้น,เหมือนดั่งยุคบรรพกาลที่ต้องล่มสลายนั่นล่ะ."
"ข้าไม่เชื่อ!"ฉู่เทียนที่ขมวดคิ้วแน่น"ในโลกนี้ไม่มีเรื่องที่เป็นไปไม่ได้!"
ตำหนักสัมฤทธิ์โบราณได้ปลดปล่อยคลื่นพลังออกมา.
ฉู่เทียนได้ถูกส่งเข้าไปสู่แม่น้ำที่กว้างใหญ่,สายน้ำดังกล่าวนั้นกำลังไหลผ่านร่างของเขา,ดูงดงาม,ยิ่งใหญ่และไร้ที่สิ้นสุด,มีปลาตัวเล็กๆหลายล้านล้านตัวที่กำลังแหวกว่ายอยู่ภายในสายน้ำดังกล่าว,พวกมันถูกผลักด้วยความแข็งแกร่งของสายธาราให้ต้องไหลไปทางเดียว.
นี่คืออะไร?
ฉู่เทียนได้กลายเป็นปลาน้อยสีเงิน,ทว่าในหมู่ของปลาเล็กหลายล้านล้านนั้น,เขาไม่ธรรมดา,ไม่เหมือนกับเหล่าปลาน้อยตัวอื่นๆเลย,ฉู่เทียนที่กำลังพยายามอย่างเต็มที่กระเสือกกระสนว่ายทวนน้ำ,ทว่าไม่ว่าเขาจะพยายามมากมายเท่าไหร่,ด้วยพลังของเขานั้นก็ยากที่จะสามารถตรงไปด้านหน้าได้.
ฉู่เทียนนั้นราวกับว่าสามารถเข้าใจได้ถึงบางสิ่ง.
โชคชะตาก็เหมือนกับสายน้ำ,เทพวิญญาณเองก็เปรียบเหมือนกับมด,ถึงจะมีความแข็งแกร่งสุดยอด,แต่พลังของพวกเขาก็ไม่ได้มากไปกว่าปลาที่ตัวใหญ่ขึ้นมาหน่อยในกระแสน้ำ,ทุกสิ่งมีชีวิตล้วนแล้วแต่ถูกลิขิตให้ถูกนำไปยังจุดสิ้นสุดของชะตากรรม,ที่ปลายของแม่น้ำกันทั้งหมด?
ฉู่เทียนเริ่มรู้สึกโกรธเกรี้ยวขึ้นมา!
จะมาว่ากล่าวไร้สาระอะไรเช่นนี้!
บิดาไม่เชื่อเรื่องเช่นนี้!
ฉู่เทียนที่ตะเบ็งเสียงดัง,ปลาเล็กสีเงินที่มีกลิ่นอายที่น่าเกรงขาม,ดวงตาตอนนี้ส่องประกายแสงจ้า,ร่างกายถูกปกคลุมไปด้วยพลังกลิ่นอายที่ลึกลับและเก่าแก่,พร้อมกับต้านทานการไหลของสายน้ำเอาไว้.
ปลาเล็กสีเงินที่ว่ายตรงไปด้านข้างและชนเข้ากับน้ำวนที่อยู่ใจกลางของแม่น้ำ.
ภาพลวงตาที่ทรงพลังทั้งหมดก็หายไปในทันที,ฉู่เทียนได้กลับมาอยู่ภายในตำหนักสัมฤทธิ์บรรพกาลเรียบร้อยแล้ว.
"สิ่งมีชีวิตทั้งหมดก็เปรียบได้เหมือนปลาที่ว่ายอยู่ในสายน้ำแห่งชะตากรรม"เสียงของตำหนักโบราณดังราวกับระฆังขนาดใหญ่ที่ก้องกังวานสั่นสะท้านไปทั้งตำหนัก,เต็มไปด้วยภูมิปัญญาที่ลึกล้ำฟังดูรื่นหู"บางทีอาจจะมีสักคนที่มีพลังที่ยิ่งใหญ่และจิตใจที่มั่นคงเช่นเจ้า,อาจสามารถเปลี่ยนพวกมันได้สักตัว,ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงปลาตัวเดียวในฝูง.แต่ถึงกระนั้น,จงจำไว้เสมอ,ไม่ว่าจะเป็นปลาตัวใหนก็ไม่สามารถเปลี่ยนทิศทางของสายน้ำ,และไม่สามารถที่จะออกจากแม่น้ำแห่งโชคชะตาได้."
เปรียบได้ดั่งชายชราที่กำลังสั่งสอนบุตรอย่างจริงจัง.
"ชีวิตและความตาย,ความรุ่งเรื่องและแตกดับ,เมื่อมีการสร้างก็ต้องมีการทำลายและเมื่อมีชีวิตก็จะต้องมีจุบจุดของชีวิต,โชคชะตาเป็นเหมือนวงเวียนที่ต้องเวียนว่ายในสังสารวัฎ,ในโลกใบนี้ไม่มีคำว่าเป็นอมตะที่แท้จริง,ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าตลอดกาล,ข้าสามารถสัมผัสได้ถึงความปรารถนาของเจ้า,ทว่าไม่ว่าเจ้าจะมีพลังมากมายสักเพียงใด,ก็ไม่สามารถที่จะท้าทายโชคชะตาได้,หากว่าเจ้ายังดื้อรั้น,เจ้าจะถูกดูดลงไปในกระแสน้ำวนแห่งโชคชะตาและถูกฉีกให้แหลกสลายกลายเป็นชิ้นๆ!"
นี่คือบันทึกที่เหลืออยู่ภายในเศษเสี้ยวของเทพบรรพกาล.
ฉู่เทียนอดไมได้เลยที่จะชื่นชมเทพบรรพกาลตนนี้.
ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้เขาได้พบกับสิ่งต่างๆมากมาย,นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขารู้สึกว่าภูมิปัญญาของมนุษย์นั้นมันช่างมีจำกัด!
ฉู่เทียนที่จ้องมองออกไปอย่างหม่นหมองพร้อมกับกล่าวว่า"สิ่งตกทอดที่ท่านเอ่ยถึงคือสิ่งใด?มันจะช่วยอะไรข้าได้บ้าง."
"พลังอย่างหนึ่ง"ตำหนักสัมฤทธิ์โบราณกล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม"นี่คือพลังอย่างหนึ่งที่ได้มาจากสายน้ำแห่งชะตากรรมและเป็นพลังอย่างหนึ่งที่สังหารข้า!ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถรับมันไปได้และสามารถเข้าใจได้ถึงกฎเกณฑ์บนสายธารแห่งโชคชะตา."
"พลังที่สามารถสังหารเทพได้อย่างงั้นรึ?"
"ใช่แล้ว,ข้าได้ล่วงหล่นลงมาจากยุคของเทพบรรพกาลและต้องตายด้วยพลังนี้!"
ตามทฤษฎีแล้วตัวตนเช่นเทพอสูรนั้นไม่สามารถที่จะถูกสังหารได้!
เมื่อมาถึงยุคแห่งการล่มสลายของยุคบรรพกาลนั้น,ได้เกิดความขัดแย้งและการต่อสู้,ถึงแม้ว่าเหล่าเทพอสูรจะล่วงหล่นลงมา
อยู่บนผืนปฐพีพวกเขาก็ยังมีชีวิต,เหล่าเทพอสูรยังไม่ได้ตกตายไปแต่อย่างใด,ดังนั้นถึงดินแดนบนผืนนภาจะสิ้น
ก็เป็นเหตุให้พวกเขาล่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าเท่านั้น.
เป็นไปได้ด้วยรึที่เหล่าเทพและอสูรจะถูกสังหารไปด้วยพลังอื่น?
"ตัวข้านั้น,แม้ว่าจะถูกสังหารไปแล้ว,หากแต่ด้วยพลังของข้า
ได้ผนึกพลังสังหารนั้นเอาไว้ในศีรษะ,ผ่านมาแล้วหลายล้านปีข้าก็สามารถสร้างเมล็ดพันธ์แห่งพลังดังกล่าวขึ้นมาได้อย่างช้าๆ,ตอนนี้มันได้กลายมาเป็นเมล็ดพลังเรียบร้อยแล้ว,ข้าหวังว่าสักวันหนึ่งเมล็ดพันธ์ดังกล่าวนี้จะสามารถนำมาปลูกในโลกใบนี้ได้,และการสร้างหอคอยฝึกฝนแห่งนี้ก็เพื่อเป้าหมายนั่น,เพื่อจะสามารถหาผู้สืบทอดมรดกเช่นเจ้านั่นเอง."
เดิมทีพลังนี้คือพลังสังหารเทพ,ฉู่เทียนจะสามารถทนมันได้รึ?
เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามรดกชิ้นนี้มีความเสี่ยงเป็นอย่างมาก.
จิ้งจอกน้อยตอนนี้เผยสีหน้ากะวนกระวายเป็นอย่างมาก.
มันได้ข่วนฉู่เทียนไปมา,เพื่อไม่ใช้เจ้านายของมันรับสิ่งนี้มา.
ฉู่เทียนไม่ใส่ใจ,เขายังคงต้านทานแรงกดดันของศีรษะเทพอสูร,ก่อนที่จะเดินตรงไปข้างหน้าช้าๆ,เขารู้สึกราวกับขุนเขาที่ยิ่งใหญ่กำลังกดทับลงมาบนร่างของเขาทุกๆครั้งที่ก้าวออกไป,ราวกับว่าได้สร้างรอยบุ๋มลึกลงไปบนพื้น.
"น่าสนใจ!"ฉู่เทียนที่ก้าวลงไปในสระวารีแห่งบรรพกาล,ก่อนที่จะอยู่ต่อหน้าแท่งผลึกที่สูงใหญ่ทรงพลัง,พร้อมกับยื่นมือทั้งสองออกไปช้าๆ,"ให้ข้าได้เห็น!"
"ตามที่เจ้าปรารถนา!"
ตูมมมมมม!
พลังมหาศาลระเบิดออกมาพวยพุ่งกระจายออกไปทั่ว.
จิ้งจอกน้อยถูกพัดออกไปราวกับลูกบอล.
ฉู่เทียนเข้าไปข้างในแท่งผลึกในทันที,ทว่าไม่ใช่ด้วยร่างกายของเขา,แต่เข้าไปด้วยภูติวิญญาณหลักเทพอสูรของเขา,ศีรษะยักษ์ถึงกับแตกออกเป็นเสี่ยงๆราวกับว่ามันได้ถูกทำลายไปด้วยพลังที่มองไม่เห็นและจากนั้นก็ได้ร่วมร่างเข้ากับภูติวิญญาณหลักของฉู่เทียน.
เป็นพลังที่แข็งแกร่งทรงพลังเป็นอย่างมาก!
"หนึ่งเนตรแห่งพลังที่สมบูรณ์แบบ,เก้าเนตรเทพอสูรที่แข็งแกร่ง!"ตำหนักสัมฤทธิ์โบราณถึงกับพึมพำด้วยท่าทางประหลาดใจ"เจ้ามีพลังแฝงเร้นเทพอสูรที่ยิ่งใหญ่!ยอดเยี่ยม!ยอดเยี่ยม!เจ้าคือผู้สืบทอดที่ดีเยี่ยม!"
เขารู้สึกได้ถึงดวงวิญญาณเหมือนจะฉีกออกเป็นชิ้นๆในทันที!
ความรู้สึกเช่นนี้,เขาสัมผัสได้เหมือนดังตอนที่ภูติวิญญาณของเขาได้ก่อกำเนิดขึ้นมาเลย,เขากำลังได้รับพลังที่เทียบเท่ากับภูติวิญญาณของเขาอย่างงั้นรึ?
"พูดจาซะน่ากลัว,ที่จริงแล้วมันหาได้ยากเย็นอะไรนัก!"
"ไม่ว่าจะเป็นพลังแบบใด,ท่านลุงฉู่เทียนจะรับมันมาให้หมด!"
ฉู่เทียนที่ตะเบ็งเสียงดังลั่น!
แท่งผลึกกำลังสั่นสะเทือนพร้อมทั้งระเบิดออกมา.
ที่หน้าผากของภูติวิญญาณหลักอันทรงพลังได้ปรากฏรอยตะเข็บขึ้นมาอย่างไม่คาดคิด,ตอนนี้มีเนตรอีกหนึ่งดวงได้ปรากฏขึ้นมา,ทว่าตอนนี้มันยังคงปิดสนิทอยู่!
"ดวงเนตรทั้งเก้า,ช่างทรงพลังยิ่งนัก!เจ้ามีพลังแฝงที่น่าเกรงขามไร้ที่สิ้นสุด,ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้รองรับพลังดังกล่าวได้ง่ายดาย!"เสียงของตำหนักสัมฤทธิ์โบราณได้เอ่ยออกมาช้าๆ"ดวงเนตรทั้งเก้า,เพิ่มขึ้นมีอีกหนึ่งดวง,จะกลายเป็นพลังปานใดกัน?ช่างน่าเศร้าจริงๆที่คนก่อนเก่าเช่นข้าไม่สามารถเห็นมันได้!"
ฉู่เทียนที่รู้สึกหมดแรงและหดหู่เล็กน้อย.
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
ทำไม ไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงอะไรเลย!
เศษเสี้ยวเทพบรรพกาลสามารรับรู้ได้ถึงสิ่งที่ฉู่เทียนกำลังคิดอยู่,จึงได้เอ่ยออกไปช้าๆ"ข้าแค่เพียงมอบเมล็ดแห่งพลังนั่นไป,ส่วนจะเติบโต,หรือสามารถเติบโตได้ใหม,ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ขึ้นกับโชคชะตาและวาสนาของเจ้า!"
"แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหากชั่วชีวิตนี้มันไม่สามารถเติบโตได้ล่ะ?"
"นั่นก็เป็นผลของโชคชะตาของเจ้า!เจ้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะใช้พลังนี่ก็เท่านั้น!"
จะไม่รับผิดชอบอะไรเลยเรอะ!
ภูติวิญญาณหลักของเขาหากว่าได้ความแข็งแกร่งใหม่เพิ่มมา,ความจริงแล้วมันจะต้องมีอะไรเปลี่ยนไปบ้างสิ!
อย่างไรก็ตามฉู่เทียนก็ไม่สามารถบอกได้ว่ามีสิ่งใดเปลี่ยนไปหรือไม่,ทว่าเขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงความหิวกระหายปรากฏขึ้นมารอบๆร่างของเขา,ราวกับว่ามีหลุมขนาดมหึมาที่ต้องการพลังจำนวนมากมาเติมเต็ม!
ฉู่เทียนนั่งอยู่กลางสระ,พร้อมกับดื่มด่ำกับพลังของวารีแห่งบรรพกาล.
ของเหลวที่ใสกระจ่างกำลังส่องแสงระยิบระยับ,มีพลังของเศษเสี้ยวเทพบรรพกาลที่ปนอยู่ด้วย,มันคือพลังที่แข็งแกร่งของเทพอสูร,ตอนนี้กำลังฟื้นฟูร่างกายของฉู่เทียน.
ฉู่เทียนนำศิลาดวงดาราออกมา.
ทันใดนั้น!
น้ำในสระตอนนี้กำลังหมุนวนรอบร่างกายของเขาอย่างช้าๆ.
ศิลาดวงดารากำลังส่องประกายปล่อยแสงดาราเจิดจ้าออกมา,ปกคลุมไปทั่วร่างกายของฉู่เทียน,ทำให้เขาในตอนนี้ดูราวกับเทพบุตรที่กำลังเสด็จมาเยือนผืนปฐพี.
หลังจากได้รับพลังใหม่มา,ฉู่เทียนก็สามารถก้าวไปยังเขตแดนใหม่ได้,ด้วยพลังของวาราแห่งบรรพกาลและศิลาดวงดาราที่อยู่ในมือของเขา,ก็เพียงพอที่จะยกระดับของเขาได้!
ฉู่เทียนยังคงนั่งบำเพ็ญพลังอย่างสงบ.
ผ่านไปแล้วหนึ่งวันหนึ่งคืน!
เขาที่เป็นเหมือนกับฟองน้ำ,ที่ได้ดูดซับวารีบรรพกาลหายไปถึงครึ่งหนึ่ง.
คลืนนน!
ฉู่เทียนที่กระโดดขึ้นมาบนอากาศ,ร่างกายของเขาในตอนนี้ดูโปร่งแสง,ผิวหนังที่ดูเหมือนผลึกเพชร,พร้อมกับส่องแสงระยิบระยับราวกับดวงดาราบนท้องฟ้า!
สำเร็จแล้ว!
กายานิรันดร์ของเข้าได้ก้าวไปอีกระดับ,ไปถึงขั้นกายเพชรได้อย่างราบรื่น!
พลังฝึกตนของเขาในตอนนี้สามารถเพิ่มไปยังระดับปลุกดวงจิตขั้นที่
3 เรียบร้อยแล้วด้วย!
วิชาบำเพ็ญสามารถเลื่อนระดับ,พลังฝึกตนเองก็เลื่อนระดับขึ้นมาด้วยเช่นกัน!
"โปรดจำไว้,หากว่าไม่เกิดเรื่องวิกฤติจริงๆ,อย่าได้ฝืนเปิดดวงเนตรที่สิบโดยเด็ดขาด,เจ้ายังไม่สามารถควบคุมพลังดังกล่าวได้."เสียงของตำหนักสัมฤทธิ์โบราณได้กล่าวออกมาเบาลงเรื่อยๆ,"บางทีเมื่อถึงวันนั้น,เมื่อเมล็ดพันธ์ดังกล่าวได้เติบโต,เมื่อถึงวันนั้นแม้แต่เทพสวรรค์ยังต้องหวาดกลัวในพลังของเจ้า!"
"ท่านต้องการจะบอกว่าในโลกนี้ยังมีตัวตนของเทพและมารอยู่รึ?"
"มันยังไกลเกินไปที่จะบอกกับเจ้า!"
ฉู่เทียนรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก!แม้ว่าจะไม่ได้รับคำตอบ,เขาก็ไม่ได้ยืนยันว่าเหล่าเทพและมารนั้นได้ตายไปจนหมดแล้ว,บางทีอาจจะยังคงอยู่ในสถานที่ใดที่หนึ่งบนโลกใบนี้.
"ภารกิจของข้าได้จบลงแล้ว!"
"ช้าก่อน!"ฉู่เทียนรู้สึกว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังจะจากไปแล้ว,ทันใดนั้นเขาก็คว้าจิ้งจอกน้อยมา"ท่านช่วยบอกข้าหน่อย,ว่าเจ้าตัวนี้คืออะไร?"
"ข้าไม่ไม่รู้เช่นกัน,สายโลหิตของมันนั้นทรงพลังมาก,ดังนั้นบรรพบุรุษของมันเองคงไม่ใช่ธรรมดา,บางทีอาจจะเป็นสายเลือดหนึ่งของเทพอสูร,ความทรงจำของข้านั้นไม่เหลืออยู่แล้ว,ดังนั้นจึงไม่อาจจะให้คำตอบที่ถูกต้องกับเจ้าได้!"
นี่ไม่ใช่เรื่องไร้สาระใช่ใหม?
ข้ารู้อยู่แล้วว่าบรรพบุรุษมันไม่ใช่ธรรมดา!
ข้าเองก็รู้อยู่แล้วเช่นกันว่ามันมีสายโลหิตที่ไม่ปรกตินะ!
ความจริงของเจ้าตัวจ้อยนี้คืออะไร?แล้วทักษะที่มันมีล่ะคืออะไร?
จิ้งจอกน้อยกระหยิ่ม ยกริมฝีปากของมันขึ้นอย่างอหังการ,ราวกับต้องการบอกกับฉู่เทียนประมาณว่า"รุ้แล้วใช่ใหมว่าจิ้งจอกน้อยร้ายกาจ?ตอนนี้ก็รีบหาอาหารอร่อยมาให้กับจิ้งจอกน้อยที่วันหน้าจะกลายเป็นเทพอสูรที่ยิ่งใหญ่ได้แล้ว,แล้วตัวมันจะคุ้มครองท่านเอง!"
"เพ่ย!ถึงบรรพชนของเจ้าจะยิ่งใหญ่แล้วมันอย่างไร?!"ฉู่เทียนที่เขกกะโหลกของมันเบาๆ"ส่วนเจ้านะมันตัวขี้เกียจเทพจิ้งจอกแห่งความตะกละต่างหาก!"
"คูๆๆๆ"จิ้งจอกน้อยที่ตะโกนออกไปอย่างขุ่นเคือง!
"เวลาของหอคอยฝึกฝนแห่งนี้ใกล้จะหมดแล้ว."ตำหนักสัมฤทธิ์โบราณไม่ต้องการที่จะกล่าวอะไรมากกว่านี้แล้ว
"สิ่งที่ข้ากังวลที่สุดได้ถูกคลายแล้ว,มันถึงเวลาที่ข้าจะหลับไปตลอดกาลจากโลกที่วุ่นวายนี้แล้ว,และสุดท้ายนี้ข้าจะมอบของขวัญเล็กๆให้กับเจ้า...ลาก่อน,ผู้สืบทอดของข้า!"
ฉู่เทียนเร่งรีบกล่าวออกมา"ท่านมีนามว่ากระไร!ช่วยบอกข้าด้วย!"
ไม่ว่าพลังดังกล่าวสุดท้ายแล้วจะใช้ประโยชน์ได้หรือไม่,หากแต่การได้รับมรดกมาจากเขาแล้ว,ก็ควรที่จะรับรู้ถึงนามของฝ่ายตรงข้าม,อย่างไรก็ตามตำหนักสัมฤทธิ์โบราณก็ไม่ตอบใดๆเขาแล้ว,นามนั้นคงไม่สำคัญเท่ากับตัวตนของเขาล่ะมั้ง.
ลำแสงด้านหน้าแตกกระจายกลายเป็นชิ้นๆ.
ชิ้นส่วนขนาดเล็กของผลึกล่วงหล่นออกมาจากกะโหลกศีรษะของเทพบรรพกาล.
ฉู่เทียนหายใจยาว,ก่อนที่จะหยิบผลึกที่หล่นลงมาตรวจสอบ,หัวใจของเขาถึงกับสั่นสะท้านไปในทันที....โลหิต?
นี่คือโลหิตของเทพบรรพกาลอย่างแน่นอนและมันเป็นสิ่งของที่ล้ำค่ามากมายยิ่งนัก!โลหิตของเทพบรรพกาลชิ้นนี้ถูกผลึกเอาไว้ด้วยวงเวทย์ที่ทรงพลัง,ถึงแม้ว่าเขาจะนำออกไปจากหอคอยฝึกฝน,ก็ไม่มีใครสามารถสัมผัสได้ว่านี่คือชิ้นส่วนโลหิตของเทพบรรพกาลแต่อย่างใด.
ส่วนสิ่งของอื่นๆเป็นไปตามกฎเกณฑ์ของหอคอยฝึกฝนโบราณแห่งนี้,สิ่งของอื่นๆที่สามารถรับได้,จำเป็นต้องใช้แต้มในการแลกเปลี่ยน.
อย่างไรก็ตามหากว่าเป็นกะโหลกศีรษะของเทพบรรพกาลที่เหลืออยู่ล่ะต้องใช้แต้มเท่าไหร่กันถึงจะสามารถแลกได้?เขาไม่กล้าที่จะจินตนาการถึงเลย!
แต่ด้วยโลหิตเทพบรรพกาลนี้ก็คงเพียงพอแล้ว!
ฉู่เทียนเก็บผลึกโลหิตเทพบรรพกาล,ก่อนที่จะเตรียมตัวจากไป.
จิ้งจอกน้อยที่ร้องตะโกนออกมาเสียงดัง,ก่อนที่จะกระโดดไปมาบนกะโหลกที่เหลืออยุ่ของเทพบรรพกาลด้วยความตื่นเต้น,ราวกับว่ามันจ้องมองเห็นบางสิ่งบางอย่างอยู่.
ฉู่เทียนที่ขมวดคิ้วไปมา"เจ้าต้องการทำอะไร?สิ่งนี้พวกเราไม่สามารถนำกลับไปได้!"
จิ้งจอกน้อยได้อุ้มหยกขนาดมหึมาเท่ากับลูกบอลพร้อมกับกระโดดโลดเต้นไปมา,ราวกับลิงน้อยเก็บผลไม้ได้,สิ่งดังกล่าวนั้นมีขนาดใหญ่กว่าจิ้งจอกน้อยหลายเท่า,เป็นไปได้ว่ามันคือดวงตาของเทพบรรพกาล.
หลังจากนั้นจิ้งจอกน้อยที่ขยับห่างออกมาจากฉู่เทียน,พร้อมกับนำลูกตาขนาดใหญ่นั้นใส่เข้าไปในปากของมัน,ดวงตาขนาดใหญ่นั้นมีพลังที่ซ่อนเอาไว้อยู่มากมายมันค่อยๆลดขนาดลงอย่างรวดเร็ว
ท้ายที่ก็ถูกจิ้งจอกน้อยกลืนลงไปในท้อง.
ฉู่เทียนถึงกับตื่นตกใจเป็นอย่างมาก"เจ้าเป็นบ้ารึอย่างไร!คายมันทิ้งเร็วเข้า!"
นั่นคือส่วนส่วนของศพเทพบรรพกาล!หากว่ามันกินเข้าไปล่ะก็?ถึงจะเป็นจิ้งจอกน้อยเอง,บางทีคงไม่สามารถทนพลังที่ยิ่งใหญ่นั่นได้แน่!
สายตาของจิ้งจอกน้อยที่แสดงท่าทางขุ่นเคืองที่ฉู่เทียนดูหมิ่นมัน,นี่แทบจะไม่ต่างจากผลไม้ลูกเล็กๆ,ถึงจะเป็นดวงตาของเทพบรรพกาลแล้วอย่างไร,มีสิ่งใดกันที่มันจะทนไม่ได้...
ฉู่เทียนที่ต้องการจะห้ามมันแต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว,ทำได้แค่เพียงปาดเหงื่อ"จบแล้ว!"
ทันใดนั้นจิ้งจอกน้อยตอนนี้กุมไปที่ลำของของมันพร้อมกับหวีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดล้มลงนอนเกลือกกลิ้งไปมาด้วยความเจ็บปวด,ร่างกายของมันกลายเป็นสีแดง,พร้อมกับเริ่มขยายร่างออกมาในทันที,ขยายขนาดมากมายกว่าเดิมหลายสิบเท่า,ตอนนี้แทบจะกลายเป็นเนินเขาขนาดเล็กได้แล้ว.
ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/miracle-throne
#นิยาย บัลลังก์แห่งปาฏิหาริย์ #Miracle throne#นิยายแปลไทย
สนใจสนับสนุนพวกเรา เข้าร่วมกลุ่ม VIP Click
-เว็ปฟรี 2 วันนอัพหนึ่งตอน
-กรุ๊ป vip วันล่ะ 2 ตอน
จิ้งจอกน้อยวิวัฒนาการล่ะมั๊ง
ตอบลบข้อความจากระบบ : ฉู่เทียนได้รับพระยาจิ้กจอกน้อยขี้ดื้อจากการวิวัฒนาการ 1 หน่วย
ตอบลบพี่ฉู่จะจนจริงๆก็จากนี้ล่ะ!
ตอบลบ555555
ตอบลบ