Miracle Throne Chapter 151 Breakthrough
นิยาย บัลลังก์แห่งปาฏิหาริย์ ตอนที่ 151 ทะลวงระดับ
บทที่ 151 ทะลวงระดับ
ใบหน้าของฉู่เทียนยังคงทำเป็นสุขุม,ทว่าลึกภายในดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความเย็นชา"เจ้าคงจะมั่นใจความแข็งแกร่งของเจ้ามาเลยสินะ."
"ก็ไม่เท่าไหร่,ทว่าก็มากพอที่จะจัดการเจ้าได้อย่างสบาย,"ใบหน้าของเฟิงชิงหยุนที่ดูไม่ได้ยี่หร่าพร้อมกับกล่าวยั่วยุไม่หยุด"เจ้าต้องการจะลองดูรึเปล่าล่ะ?ข้าจะให้ต่อให้เจ้าสักสิบกระบวนท่าเลย,เป็นอย่างไร?!"
นี่คือการยั่วยุอย่างเห็นได้ชัด.
ยังจะให้ฉู่เทียนเมินเฉยกับคนๆนี้อยู่อีกรึ?
เฟิงไฉ่เตี๋ยที่เห็นสถานการณ์ที่ดูไม่ดี,นางเร่งรีบเข้ามาห้ามในทันที,"ชิงหยุน!พอได้แล้ว!หากเจ้าไม่พอใจอะไรก็มาลงที่ข้า,ไม่จำเป็นต้องหยาบคายกับเพื่อนของข้าเช่นนี้!"
"คิดว่าข้าไม่กล้าเหรอ!อย่าคิดว่าบิดาเจ้าคือโหวเย่ว์วายุเทพแล้วข้าจะไม่กล้า!"คำพูดของเฟิงชิงหยุนนั้นเต็มไปด้วยน้ำเสียงที่มุ่งร้าย,พร้อมกับจ้องมองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อไปยังฉู่เทียน"ไอ้ขยะ!หลบอยู่หลังผู้หญิง,ขี้ขลาดตาขาว!"
หลังจากที่พูดจบเขาก็เดินกร่างเชิดหน้าเดินตาขวางผ่านฉู่เทียนไป.
เฟิงไฉ่เตี๋ยที่จับจ้องมองไปยังฉู่เทียนด้วยท่าทางรู้สึกผิดต่อฉู่เทียนเป็นอย่างมาก"น้องลู่อย่าได้สนใจ,ชิงหยุนที่ออกไปฝึกฝนนอกตระกูลมาหลายปีเขาเพิ่งกลับเข้ามายังรัฐกลางเมื่อเร็วๆนี้เอง,บอกได้ว่าเขาเองได้รับการเก็บเกี่ยวมามากพอสมควร,ทางที่ดีอย่าไปยุ่งกับเขาจะดีกว่า."
ถึงจะเป็นฉู่ซิงเหอ,ฉู่เทียนยังหาได้หวั่นเกรงเลย.
เจ้าเด็กน้อยนี่เป็นใครกัน?
อย่างไรก็ตามฉู่เทียนก็เอ่ยถามออกไปด้วยท่าทางอยากรู้"ทำไมความสัมพันธ์ของเจ้ากับญาติผู้น้องคนนี้ไม่ดีล่ะ."
เฟิงไฉ่เตี๋ยแสดงท่าทางช่วยไม่ได้เช่นกัน."จริงๆข้าเองก็รู้สึกละอายต่อเขาอยู่เหมือนกัน."
”?”ดูเหมือนจะน่าสนใจอยู่เล็กน้อย."เกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างงั้นรึ?"
"เจ้าเองก็รู้ว่าข้าก่อนหน้านี้นั้นมีเส้นโลหิตพิการมาตั้งแต่กำเนิด,ไม่สามารถที่จะฝึกฝนวิชาได้,หากแต่เพราะว่าตระกูลเฟิง,ได้ใช้ทรัพยากรที่ยอดเยี่ยมทั้งหมดของตระกูลใส่ลงมาในตัวของข้าเพียงคนเดียว,ด้วยทรัพยากรที่ล้ำค้ามากมายนับไม่ถ้วน,ที่จริงแล้วมันแทบจะไม่ค่อยได้ผลประโยชน์อะไรมากมายนัก,หากไม่เพราะข้าล่ะก็,ทรัพยากรเหล่านั้นก็จะต้องช่วยส่งเสริมชิงหยุนที่มีพรสวรรค์สูงกว่ากว่าข้า,อย่างน้อยอาจจะเทียบได้กับสี่ต้าซือแห่งรัฐกลางก็เป็นได้!"
"เพราะด้วยเรื่องดังกล่าวนี้,เขาจึงได้ผูกใจเจ็บกับเจ้าอย่างงั้นรึ?ข้าคิดว่ามีมากกว่านี้ละมั้ง"ฉู่เทียนที่เผยยิ้มออกมา
"เส้นปราณของเจ้าตอนนี้ก็ไม่ได้พิการอีกต่อไปแล้ว,และพรสวรรค์ของเจ้าเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย,ด้วยพลังวิญญาณมากมายที่ถูกสะสมเอาไว้ภายในร่างกายของเจ้า,มันจึงทำให้เจ้าเติบโตแบบก้าวกระโด!เขาที่เห็นเจ้าตอนนี้จึงรู้สึกอิจฉาและหวาดกลัว!
คนผู้นี้จิตใจคับแคบจนเกินไป,เขาไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน.เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดอะไร,มันไม่ใช่ความผิดของเจ้าซักหน่อย."
ใบหน้าของเฟิงไฉ่เตี๋ยถึงกลับเปลี่ยนเป็นแดงระเรื่อ"ข้อเองก็ต้องขอบคุณเจ้า,บิดาของข้าเองก็อยากที่จะพบเจ้าเป็นการส่วนตัวเหมือนกัน."
"ในเมื่อโหวเย่ว์เฟิงต้องการพบข้าล่ะก็,เมื่อมีโอกาสข้าจะต้องไปพบท่านแน่นอน!"
ใครที่เป็นบิดาของเฟิงไฉ่เต๋ยนะรึ?
คำตอบนี้ก็ชัดแจ้งอยู่แล้ว.
เฟิงไฉ่เตี๋ยธิดาของโหวเย่ว์วายุเทพเฟิงหยุนเทียน.
ก่อนหน้านี้,เขาสงสัยว่าโหวเย่ว์วายุเทพปรากฏตัวออกมาช่วยสลายความขัดแย้งให้เขาทำไม,ในเวลานั้นเขาทำให้เย่อู๋เต๋าและเย่เทียนเหลางต้องถอยทัพออกไปจากเมืองเทียนหนานอย่างช่วยไม่ได้จนทำให้เหตุการณ์ดังกล่าวสงบลง.
เฟิงหยุนเทียนที่ได้จัดการเรื่องทุกอย่าง,ห้ามตระกูลเย่,ลวอและฉู่เข้ามาในเมืองเทียนหนานอีก,ทำให้ชีวิตของฉู่เทียนกลับมาสงบสุขอีกครั้งหนึ่ง.
ด้วยตัวตนที่สูงส่งของคนผู้นี้,เขาจะต้องหาโอกาสไปพบเขาให้จงได้.
ส่วนเฟิงชิงหยุน,หากว่าเขารู้ว่าเฟิงไฉ่เตี๋ยนั้นได้รับการรักษาด้วยฝีมือของฉู่เทียนล่ะก็,บางทีคงจะเกลียดเขาเข้ากระดูก,อาจจะต้องการที่จะถลกหนังของฉู่เทียนทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ก็เป็นได้.
อย่างไรก็ตาม.
เฟิงชิงหยุนผู้นี้ก็ไม่ได้อ่อนแอแต่อย่างใด!
เทียบกว่าเฟิงไฉ่เตี๋ยแล้วไม่ได้อ่อนด้อยหรือเหนือกว่าเป็นได้!
ถึงแม้ว่าจะเห็นความเร็วของเพลิงกระบี่เงาลวงอเวจี!ของฉู่เทียนแล้ว,เฟิงชิงหยุนยังยโสท้าทายฉู่เทียนและยังต่อให้สิบกระบวนท่า,นั่นก็แสดงว่าเขานั้นจะต้องมั่นใจว่าไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน.
ถึงแม้ว่าเขาจะมีทักษะพรางกายก็ตามที,ตอนนี้คงจะไม่กล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำนักว่าจะชนะเขาได้.
อย่างไรก็ตามในเมื่ออยู่ในเขตแดนดวงจิตเสมือน
แบบเดียวกัน,จะสามารถแข็งแกร่งร้ายกาจได้เท่าไหร่กัน?
การแข่งขันลอบคัดเลือกได้จบลงแล้ว,สองทีมได้ผ่านรอบคัดเลือกไป.
ซึ่งแน่นอนว่าทีมหนึ่งนั้นต้องเป็นกลุ่มของฉู่เทียนอย่างแน่นอน.
ส่วนอีกทีมหนึ่งนั้นมีความแข็งแกร่งที่ไม่เลวทีเดียว,เป็นกลุ่มของผู้ฝึกตนไร้สังกัดเช่นกัน,แต่แท้ที่จริงแล้วพวกเขาก็เป็นกลุ่มบริวารของตระกูลใหญ่,หรือบางทีพวกเขาอาจจะเป็นคนที่มีพรสวรรค์ทั่วไปในตระกูลใหญ่ก็เป็นได้,ต้องไม่ลืมว่าเหล่าผู้เยาว์มากพรสวรรค์ของตระกูลใหญ่มีอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถเข้าเป็นคนของสถาบันการศึกษาแห่งรัฐกลางได้.
ไม่ต้องเอ่ยเลยว่าการคัดเลือกนี้ไม่ใช่คนของสถาบันแห่งรัฐกลาง?
ทั้งนี้ยังมีการกำหนดอายุและสถานะของคนเข้าร่วมเอาไว้อีกด้วย!
พรุ่งนี้จะเป็นการแข่งขันรอบจริง.
ฉู่เทียนที่จำเป็นต้องเตรียมตัวอะไรบางอย่าง.
หลังจากที่เขากลับมาถึงที่พัก,ทันใดนั้นก็เข้าห้องปิดประตูในทันที.
สิ่งที่ตั้งอยู่กลางห้องของเขานั้น,เป็นศิลาขนาดใหญ่สีดำทมิฬเหมือนกับสีหมึกหากแต่แวววาวเหมือนหินภูเขาไฟ.พร้อมกับมีเปลวไฟสีเขียวที่ผนึกสิ่งของชิ้นนี้เอาไว้.
ศิลาธาตุก่อเกิด!
หยุนเหยาที่ทำตามคำร้องขอของฉู่เทียน,ซื้อสิ่งของดังกล่าวและแอบนำมันมาไว้ในห้องของเขา.
ขณะที่เขาเดินมาอยู่ข้างหน้าศิลาธาตุก่อเกิดแล้ว,อดไม่ได้เลยที่กระบี่อเวจีกำลังสั่นพ้องเรียกหาอยู่,จิตวิญญาณของมันสามารถที่จะสัมผัสพลังงานธาตุบริสุทธ์จากสิ่งดังกล่าวได้!
"ไม่ต้องตื่นเต้น!นี่ก็มีไว้สำหรับเจ้า!"
คมกระบี่สีน้ำเงินเข้มที่จ้วงลงไปภายในศิลาธาตุก่อเกิด,ทะลวงเข้าไปในพลังสีดำที่อยู่ภายในจุดศูนย์กลาง,ทันใดนั้นศิลาธาตุก่อเกิดขนาดมหึมาก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง.
คมดาบที่ส่องประกาบวับวาวราวกับมีน้ำแข็งจับนั้นเริ่มมีอักษรรูนมากมายนับไม่ถ้วนกำลังปรากฏขึ้นมาหมุนวนไปมา,เปลวเพลิงอเวจีที่กำลังถูกฉู่เทียนควบคุมและเริ่มพวยพุ่งออกมา,ก่อนที่จะคลุมไปยังเพลิงสีดำที่อยู่ด้านใน.
บริสุทธ์!
แข็งแกร่งทรงพลังยิ่งนัก!
พลังบริสุทธ์มากมายกำลังไหลเข้ามายังกระบี่อเวจีราวกับสายน้ำที่เชี่ยวกราก,ซึ่งตอนนี้กำลังหล่อเลี่ยงกระบี่อเวจีอย่างไม่หยุดหย่อน,ทำให้เพลิงอเวจีกำลังลุกโชนช่วงที่แข้มแข็งและรุนแรงมากยิ่งกว่าเดิม,พลังที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ,เพลิงอเวจีนั้นดูเข้มข้นขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าทีเดียว.
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้แม้แต่ฉู่เทียนยังคาดไม่ถึง.
พลังจิตวิญญาณที่บริสุทธ์กำลังแผ่ซานออกมายังร่างกายของเขากำลังหลอมละลายเข้ากับเส้นปราณและร่างกายส่วนอื่นๆของเขาด้วย!
บางทีศิลาธาตุแห่งชีวิตชิ้นนี้มีพลังธาตุแห่งชีวิตที่สูงเป็นอย่างมาก,ดังนั้นจึงมีพลังวิญญาณบริสุทธ์ที่แข็งแกร่ง,หลังจากที่แก่นเปลวเพลิงของกระบี่อเวจีได้ซึมซับแก่นแห่งความมืดแล้ว,สิ่งที่เหลืออยู่ตอนนี้ก็จะเหลือเพียงแค่พลังวิญญาณบริสุทธิ์เอาไว้,ซึ่งมันไม่ได้จำเป็นต่อกระบี่อเวจีอีกต่อไป,ดังนั้นมันจึงได้ถูกส่งต่อมายังร่างของฉู่เทียน.
คนช่วยยกระดับกระบี่,กระบี่ช่วยยกระดับคน,เป็นการช่วยยกระดับซึ่งกันและกันที่ยอดเยี่ยมมาก.
ฉู่เทียนที่ฝึกฝนเพลงกระบี่ลับ,และยกระดับกระบี่อเวจีขึ้นมา,และเมื่อกระบี่อเวจีแข็งแกร่งขึ้น,สิ่งที่ฉู่เทียนได้รับมาอีก,คือความแข็งแกร่งของเขาก็ถูกยกระดับขึ้นมาอีกด้วย.
เป็นสิ่งที่เขาไม่คาดคิดเลยแม้แต่น้อย.
เพราะว่ามีพลังวิญญาณแห่งชีวิตอยู่ภายในศิลาธาตุแห่งชีวิต,มันถูกหลอมรวมเข้ากับพลังธาตุแห่งความมืด,ที่จริงแล้วพลังดังกล่าวนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะแยกออกจากกันได้,แต่ถึงกระนั้นกระบี่อเวจีกลับมีความสามารถที่จะแยกพลังทั้งสองออกจากกันได้.
ยอดเยี่ยมมาก!
แน่นอนว่าฉู่เทียนย่อมไม่ปล่อยโอกาสให้สูญเปล่า,ทันใดนั้นเขาก็นั่งสมาธิ,พร้อมกับใช้มือทั้งสองเข้าสัมผัสไปที่กระบี่,พร้อมกับเปิดเส้นปราณทั่วร่าง,เพื่อดูดซับพลังวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาในร่างกายของเขาไม่หยุด,เพื่อที่จะนำมาเพิ่มพลังให้กับเขา.
พลังวิญญาณแห่งชีวิตมีปริมาณมหาศาลยิ่งนัก.
เกินกว่าที่ฉู่เทียนคาดการณ์เอาไว้มาก!
ฉู่เทียนรู้สึกราวกับว่าพลังวิญญาณภายในร่างของเขานั้นกำลังขยายตัวขึ้นมากขึ้นและก็มากขึ้น,ราวกับว่ากำลังจะทะลวงจุดสูงสุดไปแล้ว,เหลือเพียงอีกนิดเดียวเท่านั้นที่จะผ่านขั้นต่อไป,ด้วยประสบการที่มากมายของเขา,มีเหรอที่ฉู่เทียนที่จะปล่อยโอกาสนี้ไป?
เขาจะต้องพยายามผลักดันให้ข้ามไปให้ได้!
ด้วยการบีบอัดเส้นปราณ!
พลังวิญญาณมากมายตอนนี้ถูกส่งต่อเข้าไปยังจุดตันเถียน!
ร่างกายของฉู่เทียนที่กำลังปลดปล่อยลำแสงที่เข้มข้นออกมา,เคลื่อนพลังวิญญาณที่มองไม่เห็นกำลังปะทุออกมาอย่างรุนแรง,ห้องที่เขาเก็บตัวอยู่ตอนนี้กำลังสั่นไหวอย่างหนัก,ผนังรอบๆตอนนี้เริ่มแตกเป็นรอยเป็นจำนวนมาก.
"เกิดสิ่งใดขึ้นกัน?"
"พลังกดดันวิญญาณเช่นนี้..มัน!"
หยุนเหยาที่คุ้มกันเขาอยู่ด้านนอก,ที่สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่รุนแรงหนักหน่วงนั่นเป็นพลังของฉู่เทียนที่กำลังทะลวงพลังฝึกตนของตัวเองอยู่.
หยุนเหยาและฉู่เทียนที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน,ในตอนนั้นเขามีพลังปรุงร่างระดับ
9 เท่านั้น.
ในเวลาสั้นๆเท่านี้เขากับสามารถทะลวงไปยังระดับปลุกดวงจิตขั้นที่
2 ได้แล้วรึ?
เป็นความเร็วที่มากมายยิ่งนัก!
หยุนเหยาตอนนี้ถึงกับหวาดกลัวและหวาดหวั่นไม่น้อยเลย,ฉู่เทียนที่กำลังทะลวงผ่านระดับปลุกดวงจิตระดับ
2 ตอนนี้นั้น,แรงกดดันและพลังวิญญาณของเขามันช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก,ราวกับว่าไม่ใช่ผู้ฝึกตนเขตแดน
ดวงจิตเสมือน,ด้วยทักษะต่อสู้ที่แข็งแกร่งมีประสิทธิภาพบางทีคงทำให้เขามีระดับที่เพิ่มขึ้นมา,แต่มันเติมโตขึ้นมากขนาดนี้เลยรึ!
ตอนนี้ในเขตแดน
ดวงจิตเสมือน,คงยากที่จะหาใครเทียบกับเขาได้!
เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ดำเนินต่อไปราวๆครึ่งชั่วโมง,การปิดตัวฝึกฝนก็ค่อยๆเงียบลง!
ฉู่เทียนที่หายใจยาว,ก่อนที่เขาจะถอนกระบี่ออกมา,ศิลาก่อเกิดที่ดูมันวาวก่อนนี้,ตอนนี้กลายเป็นเพียงแค่ศิลาธรรมดาที่แตกละเอียด,พลังเปลวเพลิงแห่งความมืดถูกดูดซับออกมาแล้วทั้งหมด.
กระบี่อเวจีตอนนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายที่ดำมืดเย็นยะเยือกราวกับจะแช่แข็งทุกๆอย่าง.
เดิมทีกระบี่เล่มนี้ได้ถูกเก็บเอาไว้ในสุสานโบราณมานานหลายปีทำให้จิตกระบี่นั้นแทบจะแห้งเหือด,ฉู่เทียนที่ได้รับเปลวเพลิงอเวจีมาเพิ่งจะสร้างจิตกระบี่ขึ้นมาใหม่,ทว่ายังไงมันก็ยังอ่อนแอและแน่นอนว่ายังไม่สามารถแสดงพลังของศาสตราวิญญาณระดับสื่อสารจิตวิญญาณที่แท้จริงได้ในตอนนี้.
ในตอนนี้,จิตกระบี่กำลังถูกหล่อเลี้ยงและสร้างขึ้นมาใหม่,แม้ว่าจะยังไม่สามารถเทียบกับพลังที่แท้จริงที่มันควรจะมีได้ก็ตาม,ทว่าก็นับว่าพลังที่เพิ่มขึ้นมาตอนนี้ก็นับว่าไม่น้อยเลยทีเดียว.
หากแต่สิ่งสำคัญที่สุดนั้น.
กระบี่เพลิงอเวจีของฉู่เทียนนั้นแข็งแกร่งขึ้นมากมายมหาศาลด้วยการยกระดับจาก
ขั้นที่ 1
สำเร็จดินแดนขนาดเล็กไปยังขั้นที่สองเข้าใจลึกซึ้งประสบผลเชี่ยวชาญ,แน่นอนว่าระดับพลังของทั้งสองขั้นนั้นไม่สามารถนำมาเทียบกันได้เลยแม้แต่น้อย.
หยุนเหยาที่เห็นเขากำลังก้าวออกมา"การแข่งขันใหญ่ครั้งนี้เกรงว่าคงจะหาคนต่อกรเจ้าได้ยากแล้ว,เจ้าคงจะมีโอกาสเป็นผู้ชนะเลิศได้
"
"แค่ชนะเลิศนั้นมันยังไม่พอ!"
ฉู่เทียนเผยยิ้มออกมา,ก่อนที่จะเดินทอดน่องจากไป.
ชายหนุ่มคนนี้พูดจาใหญ่โตขนาดนั้นเลยรึ?เขาคิดว่าตำแหน่งผู้ชนะเลิศจะได้มาง่ายๆอย่างงั้นเหรอ,แม้ว่าเขาจะมีระดับปลุกดวงจิตระดับ
2
แล้ว,ทว่ามันก็ยังไม่ง่ายที่จะได้ตำแหน่งผู้ชนะเลิศ,การแข่งขันใหญ่เช่นนี้มีเหล่าคุ่แข่งที่ทรงพลังมากมายนับไม่ถ้วน!
............
เช้าวันถัดมา.
การแข่งขันการต่อสู้แห่งรัฐกลางได้จัดขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว!
การแข่งขันใหญ่เช่นนี้จึงมีเหล่าตระกูลใหญ่มากมายภายในรัฐกลางแห่งนี้ให้ความสนใจ,เหล่าคนสามัญทั่วไปเองก็คิดว่านี่เป็นการเทศการที่น่าสนุกเป็นอย่างมาก,ถึงการแข่งขันใหญ่ยังไม่เริ่ม,เหล่าคนมากมายก็เริ่มที่จะเข้ามาเปิดการพนันขันต่อกันแล้ว,ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างก็คาดเดาว่าเป็นใครกันที่จะได้ตำแหน่งชนะเลิศ.
ฉู่ อู๋เฟิง!
นี่คือคนที่คนจำนวนมากต่างก็ลงเดิมพันมากที่สุด,ว่าเขาจะกลายเป็นคนที่ได้รับอันดับชนะเลิศอันดับหนึ่ง!
ฉู่อู๋เฟิงเป็นน้องชายของฉู่ซิงเหอ,มีอายุน้อยกว่าฉู่ซิงเหอห้าปี,เป็นคนที่ได้รับการตั้งความหวังรองจากฉู่ซิงเหอ,และเป็นผู้เยาว์มากพรสวรรค์รุ่นที่สาม.
ฉู่อู๋เฟิงที่เพิ่งมีอายุ 21
ปี,เขาคืออันดับหนึ่งของลานประลองมังกรฟ้าและยึดครองตำแหน่งนี้มากว่าสองปีแล้ว.
ภายในรัฐกลางแห่งนี้มีเขตการศึกษาขนาดใหญ่อยู่สี่เขต,และลานประลองมังกรฟ้าก็มีความแข็งแกร่งเป็นอันดับหนึ่ง,ฉู่อู๋เฟิงจึงถึงนับให้เป็นอันดับหนึ่งของสถาบันการศึกษาแห่งรัฐกลางเลยก็ว่าได้.
มีคนหลายคนกล่าวว่าด้วยความแข็งแกร่งของฉู่อู๋เฟิงนั้นน่าเศร้านักที่เกิดมาอยู่ในยุคเดียวกับฉู่ซิงเหอ.
เรื่องดังกล่าวนี้ก็นับว่าสมเหตุสมผลทีเดียว.
หากไม่เพราะมีฉู่ซิงเหอ,เช่นนั้นทรัพยากรมากมายคงต้องมาบำรุงฉู่อู๋เฟิงแทน,ด้วยความสามารถของเขาแล้วแน่นอนว่าจะต้องไม่ด้อยไปกว่าสี่ต้าซือแห่งรัฐกลางอย่างแน่นอน.
ตระกูลฉู่ช่างได้รับการอวยพรจากเทพเจ้าจริงๆ!
ต้องบอกได้เลยว่าตระกูลของพวกเขาช่างรุ่งโรจน์,ดูสว่างไสวเป็นอย่างมากด้วยพรสวรรค์ที่สูงล้ำของฉู่ซิงเหอ!
และตอนนี้ยังมีสุดยอดพรสวรรค์เช่นฉู่อู๋เฟิงอีกคน,มันทำให้เหล่าตระกูลใหญ่ทั้งสามนั้นอิจฉาตาร้อนเหลือขนาด!
และแน่นอน.
ทุกๆคนคงจะเมินเฉยไปไม่ได้เลย.
ผู้เยาว์แห่งปาฏิหาริย์ที่เมืองเทียนหนาน,เขาผู้นั้นก็มีสกุลนำหน้าว่า
ฉู่ เช่นกัน.
บางทีผู้เยาว์มากพรสวรรค์ของตระกูลฉู่มากจนเกินไปในรุ่นเดียวกัน,ดังนั้นเหมือนว่าถึงจะมีมากเกินไป,กลับดูว่างเปล่าเมื่อต้องอยู่ในรุ่นเดียวกัน.
ตอนนี้,ดูเหมือนว่าตระกูลฉู่เองจะไม่ได้ใส่ใจเด็กที่พวกเขาทอดทิ้งหรือจะรับกลับคืนตระกูลเลยแม้แต่น้อย,ซ้ำยังปรารถนาที่จะสังหารให้ตายไปโดยเร็วอีกด้วย,นี่จึงเป็นเหตุให้เกิดความแค้นต่อกัน,ตอนนี้แทบไม่ต่างจากน้ำกับไฟที่ไม่สามารถเข้ากันได้แล้ว.
นอกจากฉู่อู๋เฟิงแล้ว.
เย่เหินและลวอจินซี,ทั้งคู่เองก็มีโอกาสในการเป็นผู้ชนะเลิศได้เหมือนกัน.
เย่เหินและลวอจินซีนั้น,ไม่ได้มีความสามารถที่ด้อยกว่าฉู่อู๋เฟิงมากมายนัก.หนึ่งคนเป็นอันดับหนึ่งของเขตลานประลองพยัคฆ์ขาวและอีกคนก็คืออันดับหนึ่งของเขตลานประลองเต่าทมิฬนั่นเอง,พวกเขาเองก็นับว่าเป็นคู่แข่งที่สูสีกับฉู่อู๋เฟิง,พวกเขาต่างก็ต่อสู้กันอยู่เป็นประจำและมีชนะบ้างแพ้บ้างสลับกันไปมา.แม้ว่าฉู่อู๋เฟิงจะชนะมากกว่า,ทว่าก็แทบจะรับประกันได้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุด.
ตามที่ทุกคนคาดการณ์,ผู้ชนะเลิศเองคงจะไม่พ้นสามคนนี้อย่างแน่นอน.
แต่ถึงกระนั้น.
การแข่งขันในปีนี้ดูจะแตกต่างจากปรกติทั่วไป.
มีตัวแปรหลายอย่างเพิ่มเข้ามา.
และเมื่อเร็วๆนี้ลานประลองวิหกสีชาดที่เงียบเหงามาหลายปี,หากแต่เมื่อหนึ่งเดือนที่แล้วกับมีอันดับหนึ่งที่เป็นสุดยอดพรสวรรค์เข้ามาก,ซ้ำยังเป็นบุคคลที่มีภูติวิญญาณที่หายากเป็นอย่างมาก,บอกได้เลยว่าเป็นภูติวิญญาณที่แข็งแกร่งเหลือคณานับ,หากว่าได้ฝึกฝนไปอีกหน่อยต้องเทียบได้กับสี่ต้าซือแห่งรัฐกลางได้แน่,ด้วยศักยภาพภูติวิญญาณระดับพระเจ้านั่นเอง.
นอกเหนือจากนั้นนายน้อยของตระกูลหยุนที่ทุกคนต่างก็เหยียดหยัน,หากแต่กับเปลี่ยนไปก่อนที่การแข่งขันจะเริ่ม,เขากลายเป็นคนที่มีความสามารถที่เหนือล้ำ,จนกลายเป็นที่คาดหวังในที่สุด.
นอกจากนี้สถาบันแห่งรัฐกลาง,ในเวลานี้ได้เปลี่ยนแปลงกฏให้ทีมจากด้านนอกสองทีมเข้ามาร่วมได้อีกด้วย.
และกลุ่มหนึ่งที่ได้รับเลือกยังเป็นกลุ่มของเฟิงไฉ่เตี๋ยที่เป็นธิดาของโหวเย่ว์วายุเทพที่เฉิดฉายโดดเด่นในการแข่งขันเป็นอย่างมาก,อาจจะบอกได้ว่านางคือม้ามืดของการแข่งขันในครั้งนี้,ทำให้หลายคนคาดหวังในตัวนางได้เช่นกัน.
การแข่งขันในครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญมากมายนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว.
สำหรับสิทธิในการเข้าไปทดสอบหอคอยโบราณอันล้ำค่านี้,ทำให้ทุกคนนั้นต่างก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก,ผลสุดท้ายตอนนี้,ยากที่จะคาดเดาได้เลย.
ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/miracle-throne
#นิยาย บัลลังก์แห่งปาฏิหาริย์ #Miracle throne#นิยายแปลไทย
สนใจสนับสนุนพวกเรา เข้าร่วมกลุ่ม VIP Click
-เว็ปฟรี 2 วันนอัพหนึ่งตอน
-กรุ๊ป vip วันล่ะ 2 ตอน
เหยื่อรายใหม่พี่ฉู่ 3 เก๋าแห่ง 3 ตระกูลใหญ่ งานนี้คงได้ดังทั่วเมืองหลวงแน่ ๆ
ตอบลบ