วันเสาร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2561

Miracle Throne Chapter 129 Challenges Cloud Gate

Miracle Throne Chapter 129 Challenges Cloud Gate

นิยาย บัลลังก์แห่งปาฏิหาริย์ ตอนที่ 129 ท้าทายสำนักเมฆา.


บทที่ 129 ท้าทายสำนักเมฆา.


 สำนักเมฆานั้นมีสถาบันใหญ่อยู่สองแห่ง,หนึ่งอยู่ทางทิศใต้และอีกแห่งหนึ่งอยู่ทรงทิศเหนือ,สถานบันทางทิศเหนือนั้นเป็นสถานที่ตระกูลใช้ในการวิจัยทางการศึกษา,ส่วนสถาบันทางทิศใต้นั้นเป็นสถาบันพิเศษที่ต้อนรับเหล่านักวิชาการจากทั่วทุกสารทิศในการศึกษางานวิจัยต่างๆร่วมกัน.

ตระกูลหยุนนั้นเป็นตระกูลนักวิชาการที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน,อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะมีความรู้ที่น่าเกรงขามแต่พวกเขาก็ไม่ได้ปิดบังสิ่งที่พวกเขามี,ตระกูลหยุนยังคงเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ความรู้ชั้นยอดให้กับเหล่านักวิชาที่สนใจเดินทางมาเยื่ยมเยือนและวิจัยศึกษาร่วมกัน.


และสถาบันทางทิศใต้นั้น,ก็เป็นสำนักที่สร้างขึ้นมาเพื่อการนั้น.
ประตูสถาบันทางทิศใต้มีความสูงสี่จางและมีความกว้างแปดจ้าง,ถูกสลักไปด้วยหยกสีขาว,ถึงจะไม่ได้มีสีขาวทั้งหมดก็ตาม,หากแต่ก็นับว่าเป็นงานเกาะสลักที่สวยงาม,เป็นลายสลักด้วยตัวอักษรธรรมดาและอักษรรูนที่ลึกล้ำ,คนทั่วทั้งรัฐกลางต่างก็ขนานนามมันว่า"ประตูขาว"
เหล่านักวิชาของรัฐกลางนั้น,ต่างก็ต้องการที่จะผ่านเข้ามายังประตูขาวนี้กันทั้งนั้น,พวกเขาต่างก็เชื่อว่าการได้ผ่านประตูขาวแห่งนี้นับว่าเป็นความภาคภูมิใจของเหล่านักวิชาการมากมายนับไม่ถ้วน.

อย่างไรก็ตามในเวลานี้.

ตูมมมมม!

ราวกับเสียงระเบิดขนาดใหญ่ได้เกิดขึ้น.
ประตูหยกสีขาวบริสุทธ์นั้นถูกทุบแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ก่อนที่จะเห็นคนๆหนึ่งถูกคลุมด้วยผ้าสีดำ,พร้อมกับถูกโยนเข้ามาภายในสำนักเมฆา,สร้างความหวาดกลัวสั่นสะท้านให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก.

คาดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนกล้าทำลายประตูขาวที่มีชื่อเสียงแห่งนี้!

ชายคนหนึ่งที่ดูราวกับสัตว์ประหลาด,ตะเกียกตะกายคุกคลานเข้ามาด้านหน้า,เขาถูกถอดเสื้อผ้าออกเห็นรอยช้ำเขียวดำเต็มไปหมด,ใบหน้าเองก็บวมฉึ่งเป็นหัวหมู,ร้องโหยหวนเจ็บปวดทรมานเสียงดัง"ช่วยข้าด้วย!เจ้าปิศาจร้ายกำลังทำร้ายข้า!"

"นั่นไม่ใช่นักบวชเจียงที่น่าเคารพหรอกรึ?"

"นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?"
ตูมมมม!

ในเวลาเดียวกัน,เท้าขนาดใหญ่ก็ถีบออกไปยังร่างของเจียงฉี,ความเย็นยะเยือกแผ่ออกมาจากกระบี่เป็นสีขาวน้ำเงินกระจายกลิ่นอายออกไปรอบๆราวกับจะแช่แข็งทุกๆคนทำให้พวกเขารู้สึกหนาวลึกเข้าไปถึงจิตวิญญาณ.จนทำให้ร่างถึงกับสั่นสะท้าน.

ทำลายประตูของสถาบันทิศใต้!
ซ้ำยังทุบตีนักบวชของสถาบันทางทิศใต้อีกด้วย!
แม้แต่คนโง่ยังเขาใจได้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น,ทว่าเหล่าผู้เยาว์ของสำนักเมฆานั้นไม่มีแม้แต่เวลาให้โกรธเกรี้ยว.
สายตาที่แหลมคนของผู้เยาว์คนหนึ่งได้กวาดตามองไปรอบๆอย่างไม่หวาดกลัวสิ่งใดและหัวเราะออกมา"ข้ามาที่แห่งนี้เพื่อต้องการคำอธิบาย
!พวกปลาซิวปลาสร้อยอย่ามาทำให้ข้าต้องเสียเวลา,ไปตามคนที่มีอำนาจพอมาคุยกับข้า!"
สถานะของเจียงฉีนั้นไม่ได้ต่ำเลยในสำนักเมฆา.

จะดีจะร้ายเขาก็เป็นถึงนักบวชที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง!
วันนี้ไม่เพียงแต่เขาถูกทุบตีมา,คนผู้นี้ยังทำลายประตูขาว,และลากเขามายังสำนักเมฆา,นี่ไม่นับว่าเป็นการดูหมิ่นสำนักเมฆา,และท้าทายตระกูลหยุนหรอกเหรอ,คนผู้นี้ไม่รู้จักหวาดกลัวเลยรึอย่างไร?

ชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมเยาวสีเทาทั่วไป,สวมงอบไม้ไผ่,ดูราวกับเป็นสามัญชนแทบจะไม่ต่างจากขอทานหรือคนจรที่เห็นอยู่ทุกที,ซ้ำยังเด็กเป็นอย่างมาก,ผู้เยาว์คนนี้ดูไม่สมเหตุสมผลเลย,ทรงผมที่กระเซะกระเซิงนั่น,ท่าทางราวกับไพร่ชั้นต่ำสุดๆ,มองไม่ออกเลยว่าจะมีอุปนิสัยเป็นอันธพาลเช่นนี้.
ใบหน้าของเจียงฉีนั้นเต็มไปด้วยความโกรธและอับอาย,ได้แต่หวังไว้ในใจว่าเรื่องดังกล่าวนี้เมื่อไหร่จะผ่านพ้นไป,เขาตระหนักได้อย่างสมบูรณ์แล้วว่าชายหนุ่มคนนี้บ้าคลั่งโหดเหี้ยม,จนทำให้เขานั้นไม่กล้าที่จะขยับไปใหน.

สำนักเมฆา,สถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับเหล่านักวิชาการของรัฐกลาง!

ตอนนี้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้อย่างไรกัน?

นักบวชของสำนักเมฆาที่น่าเคารพถูกชายหนุ่มคนนี้จับตัวเอาไว้,ซ้ำยังถูกทุบจนหน้าตาบวมเป็นหัวหมู,ทว่าเด็กหนุ่มคนนี้กลับถามว่าต้องการคำอธิบาย,เช่นนั้นแท้จริงแล้วใครเป็นผู้ร้ายหรือเหยื่อในครั้งนี้กัน.

นี่มันเป็นตรรกะแบบใหนกัน?
เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าการกระทำเช่นนี้เป็นการยั่วยุท้าทายพวกเขา,นี่คงไม่ต่างจากการตบหน้าพวกเขาอย่างรุนแรง!
เหล่าผู้เยาว์มากมายของสำนักเมฆาต่างออกมาจับจ้องด้วยความขุ่นเคืองมายังฉู่เทียน.

สี่ตระกูลชั้นสูงในรัฐกลางนั้น,มีเพียงตระกูลหยุนตระกูลเดียวที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองหรือเกี่ยวกับกองกำลังทหาร,พวกเขาไม่เคยสร้างอิทธิพลกดขี่ข่มเหงใครๆ,ทว่าก็ไม่มีใครที่จะกล้าท้าทายหรือล่วงเกินตระกูลหยุนเลย!

ทำไม?

เหตุผลนะเหรอ!

เพราะตระกูลหยุนนั้นเป็นตระกูลนักวิชาการอย่างแท้จริง!
เหล่าปรมาจารย์ปรุงยาและปรมาจารย์รวิชาวงเวทย์อักขระที่มีชื่อเสียงนั้น,ครึ่งหนึ่งล้วนแล้วแต่มาจากสำนักเมฆาแทบทั้งสิ้น,เหล่ายันต์เวทย์และยาเม็ดต่างๆกว่า 50 เปอร์เซ็น,ล้วนแล้วแต่เป็นตระกูลหยุนเป็นคนสร้างขึ้น,เหล่าสมาคมการค้ายันต์เวทย์และสมาคมการค้าการปรุงยา,แม้แต่สถาบันเจิ้งโจวเอง,ต่างก็เป็นศิษย์ของสำนักเมฆากันทั้งสิ้น.

หากกล่าวว่าตระกูลฉู่แห่งรัฐกลางมีกลิ่นอายของสำนักศิลปะการต่อสู้มากที่สุด.

เช่นนั้นตระกูลหยุนแห่งรัฐกลางแห่งก็เป็นสำนักที่มีกลิ่นอายของนักวิชาการมากที่สุดนั่นเอง.

เหล่าผู้เยาว์ของตระกูลหยุนทุกคนต่างเต็มไปด้วยเกียรติยศมากมาย,นักวิชาการทั่วทั้งรัฐกลางเองต่างก็ต้องการที่จะได้รับเกียรติเข้าร่วมกับสำนักเมฆามากมายด้วยเช่นกัน.
ฉู่เทียนที่ลักพาตัวนักวิชาการของสำนักเมฆาด้วยคมกระบี่ของเขา,เรื่องเช่นนี้จะทำให้เหล่าผู้เยาว์มากมายยอมรับความอัปยศนี้ได้อย่างไร?

"หลายปีมาแล้วไม่เคยมีใครกล้ามาท้าทายสำนักเมฆา."เสียงที่ดูยิ่งใหญ่ดังผ่านออกมาจากห้องโถง"เจ้าช่างหาญกล้าจริงๆ!"
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งได้นำชายชราอีกสองคนเดินตรงมา,ชายวัยกลางคนผู้นี้สวมชุดคลุมของอาวุโสตระกูลหยุน,เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขานั้นมีตำแหน่งที่ไม่ต่ำเลยในตระกูลหยุน,ดวงตาทั้งสองข้างของเขานั้นเต็มไปด้วยจิตสังหาร,และมันยังแฝงไปด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างรุนแรงอีกด้วย.

ชายชราสองคนที่ตามมานั้น,หนึ่งคนตัวสูงอีกหนึ่งคนตัวเตี้ย,แต่งตัวเป็นนักวิชาการ,หากแต่ตอนนี้เขาเผยท่าทางโกรธเกรี้ยวออกมาอย่างรุนแรงเช่นกัน.

เจียงฉีที่เห็นชายชราทั้งสองเดินออกมาพร้อมกับตะโกนออกมาเสียงดัง"ศิษย์พี่ห้า,ศิษย์พี่หก,ช่วยข้าด้วย!"
ชายวันกลางคนนั้นมีนามว่า หยุน กวังเหยี่ยน,เขาเป็นหัวหน้าอาวุโสของตระกูลหยุนที่รับผิดชอบสถานบันทิศใต้,หน้าที่หลักของเขานั้นคือดูแลความเรียบร้อยของสถานบันในทุกๆวัน,ส่วนชายชราอีกสองคนนั้น,คนที่สูงผอมนั้นมีนามว่า เกาเหาเหรียน ส่วนชายชราตัวเตี้ยนั้นมีนามว่า ลี ไทว.

เกาเหาเหรียนและลีไทวนี้ไม่ใช่คนธรรมดา!
พวกเขาต่างเป็นศิษย์ของปรมาจารกู่เซียนซิว,พวกเขาทั้งคู่นั้นมีบ้านเกิดอยุ่ที่รัฐกลาง,ดังนั้นจึงได้มาอยู่ในสำนักเมฆาแห่งนี้,ตัวตนของเขาในสถาบันทิศใต้แห่งนี้นับว่าอยู่ในระดับต้นๆเลยทีเดียว!

ใครกันคือกู่เซียนชิว?
เขาคือราชครูของอาณาจักรหนานเซี่ย,เป็นอาจารย์สอนผู้เยาว์ราชวงศ์ของอาณาจักรนี้โดยเฉพาะ,ราชาแห่งอาณาจักรหนานเซียนนั้นได้ประธานนามให้เขาเป็น,"ต้าเซวจื่อ"(นักวิชาการผู้ยิ่งใหญ่) เป็นต้นแบบให้กับเหล่านักวิชาทุกคนของอาณาจักรหนานเซียแห่งนี้.

เกาเหาเหรียนและลีไทวนั้นเคยศึกษาเป็นศิษย์ของกู่เซียนชิว,มีเหรอที่สถานะของพวกเขาจะต่ำต้อย?
สิ่งที่เลวร้ายที่สุดตอนนี้,เจียงฉีคนที่ฉู่เทียนจับกุมเอาไว้นั่น,เป็นสหายกับสองคนนี้,กล่าวอีกในหนึ่ง,เจียงฉีเองก็เป็นศิษย์ของกู่เซียนชิวอีกคนนั่นเอง.

เจียงฉีที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งอหังการนั้น,หากแต่จิงเห่านั้นไม่กล้าที่จะเอ่ยอะไรออกมาสักคำ!
ไม่ใช่ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้หรอกรึ?

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!"ฉุ่เทียนที่หัวเราะเสียงดังต่อคนมากมาย,เขากล่าวออกมาอย่างไม่รีบเร่ง,หัวเราะออกมาเสียงดังอีกหลายครั้ง"ข้าต้องการบอกให้พวกเจ้าชัดเจนก่อน!ที่ข้ากระทำทั้งหมดนี้ไม่ได้ต้องการที่จะลบหลู่ตระกูลหยุน,ทว่าการที่ข้าทำเช่นนี้เพียงเพราะต้องการกำจัดหนอนร้ายให้หายไปจากตระกูลหยุน,หากว่ายังปล่อยให้พวกเหลือบแมลงอยู่ในตระกูลหยุนต่อไป,ข้าคิดว่าวันข้างหน้าสำนักเมฆาจะต้องได้รับอันตรายอย่างแน่นอน!"

สำนักเมฆาได้รับอันตรายอย่างงั้นรึ?!
หยุนกวังเหยี่ยนที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว,"เจ้าเป็นใครกัน,กล้ามาพูดจ้าขี้โม้โอ้อวดเช่นนี้,ไม่ใช่ว่าเจ้านั้นจงใจที่จะทำเช่นนี้แล้ว,กลับหวาดกลัวต่อความโกรธเกรี้ยวของตระกูลหยุนอย่างงั้นรึ?!"

"ข้ามีนามว่าลูเร็น,เป็นเพียงคนจรผู้ฝึกตนไร้สังกัด,เดินทางไปทั่ว,พร้อมกับต้องการประลองทดสอบความรู้ไปทั่วทุกสารทิศ,ข้าได้ยินมาว่าตระกูลหยุนแห่งรัฐกลางนั้น,เป็นตระกูลใหญ่,มีประวัติศาสตร์ที่ยอดเยี่ยม,มีท่านหญิงอสนีบาตม่วงที่น่าตื่นตาตื่นใจเป็นตัวตนที่น่าสนใจ,นอกจากนี้ยังมีประมุขหยุนเทียนเหอที่มีอายุมาร้อยปีกว่าแล้ว,ซ้ำยังมีความรู้ที่มากมายกว้างขวาง,มีอัธยาศัยดี,ชอบความยุติธรรมและยังเป็นคนที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่,และยังได้ยินมาว่าสำนักเมฆานั้นต่างก็เป็นสถานที่รวบรวมเหล่านักวิชาการมากมายที่น่ายกย่องและมีชื่อเสียงไปทั่วแคว้น."

หยุนกวังเหยี่ยนที่โกรธเกรี้ยว,"หากว่าเจ้าต้องการที่จะมาแลกเปลี่ยนความรู้,แล้วทำไมต้องล่วงเกินคนของพวกเราด้วย!"
"เรื่องนี้จะต้องถามเขาเอง."ฉู่เทียนที่ตวัดกระบี่ตบไปที่หน้าของเจียงฉี"เจ้าคนโง่นี้มันช่างหาญกล้านัก,ความแข็งแกร่งรึก็ไม่มี,กลับกล้าหยิ่งผยองไม่เห็นใครอยู่ในสายตา,ซ้ำยังต้องการที่จะตัดลิ้นของข้าออกมาก่อนหน้านี้,คนโง่เง่าจิตใจคับแคบ,เผด็จการหาเรื่องคนไปทั่วซ้ำยังแอบอ้างว่าเป็นนักวิชาการของสำนักเมฆา?ข้าจึงได้ทุบตีมันไปด้วยความโกรธ,ทว่าตอนนี้ข้ากลับรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก,ว่าเจ้าขยะนี้กับกลายเป็นคนของสำนักเมฆาจริงๆ."

"มันเลยทำให้ข้ารู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก,คนเลวทรามพันธ์นี้กลับมีที่ยืนอยู่ในสำนักเมฆาได้,ข้าจึงต้องการมาดูว่าสำนักเมฆาที่มีชื่อเสียงนั้นเป็นดังคำเล่าลือหรือเป็นเพียงแค่สำนักสิบแปดมงกุฏ,ความจริงแล้วนักวิชาการของสำนักเมฆานั้นอาจจะเป็นกลุ่มอันธพาลที่มาอยู่รวมกันก็ได้,ไม่ควรค่าที่จะให้กล่าวถึงแต่อย่างใด!"

เจียงฉีที่โกรธเกรี้ยวจนแทบสิ้นสติ.
"เจ้า...เจ้าแส่หาความตาย!"หยุนกวังเหยี่ยนที่โกรธเกรี้ยวจนตัวสั่นเทิ้มแทบบ้าไปแล้ว"เจียงฉีเป็นถึงศิษย์ของต้าเซวจื่อ กู่เซียนชิว,ส่วนเจ้านับเป็นตัวอะไรกัน?เจ้ามันแค่เพียงพวกไพร่คนหนึ่ง,สวะ,หาญกล้าที่จะจับตัวท่านเจียงเป็นตัวประกันและต้องการที่จะสร้างปัญหาให้กับพวกเราตระกูลหยุนอย่างงั้นรึ?เจ้าอย่าได้พ่นคำเน่าๆของเจ้าออกมา,เจ้าที่บังอาจทำให้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้แปดเปื้อน,วันนี้ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่!"
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!"

"ศิษย์อันสุดยอดของต้าเซวจื่อ,กับไพร่สวะอย่างงั้นเหรอ,ข้าคิดว่าสำนักเมฆานั้นจะมีคนดีมีความสามารถอยู่บ้าง,ทว่าไม่คาดจริงๆเลยว่าทั่วทั้งสำนักเมฆานั้นจะเต็มไปด้วยคนตาบอดเช่นเจ้า!"

"หากผู้นำจิตใจมืดบอดไร้ความเป็นธรรม,แล้วจะคาดหวังได้อย่างไรว่าเหล่าศิษย์จะเป็นคนที่มีคุณธรรม,เจ้าที่เป็นถึงผู้อาวุโสของสำนักเมฆาแทนที่จะเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยม,แสดงความดีและคุณธรรมออกมา,เจ้ากับคิดที่จะข่มเหงคนอ่อนแอด้วยกำลัง,สำหรับคนเลวทรามเช่นเจ้า,ตระกูลหยุนเองนับว่าเป็นสถานที่เช่นใด?คงไม่ต้องบอกกล่าวแล้วล่ะ,และสำนักเมฆาก็คงไม่ต้องบอกหรอกใช่ใหม?"

"พวกเจ้านี้มันไม่คู่ควรที่จะกล่าวอ้างได้เลยว่าเป็นสถาบันของนักวิชาการชั้นนำของรัฐกลางแห่งนี้!"

ฉู่เทียนที่กล่าวออกมาอย่างรุนแรงต่อหน้าของหยุนกวังเหยี่ยน,ไม่เพียงแต่ไม่ได้หวาดกลัว,ซ้ำยังกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงที่เหน็บแนม.

"ทุกท่านที่เป็นสมาชิกของตระกูลหยุนที่อยู่รอบๆนี้,เมือท่านเห็นท่านอาวุโสของตระกูลทำตัวเช่นนี้แล้วรู้สึกอย่างไร?พวกเจ้ารู้ใหมว่าทำไมตระกูลเย่ถึงได้มีแต่คนสาบแช่ง?เพราะว่าภายในใจของพวกเขามีแต่ความมืดไงล่ะ,หากว่ายังคิดใช้กำลังข่มเหงเหล่าผู้อ่อนแอเช่นนี้ไปเรื่อยๆ,มันก็จะกัดกินทุกคนของสำนักเมฆา,ไม่ช้าก็เร็วตระกูลหยุนและสำนักเมฆาก็จะมีชื่อเสียงฉาวโฉ่เต็มไปด้วยความดุร้ายโหดเหี้ยมเหมือนกับตระกูลเย่ไป!"

"อย่างไรก็ตามพวกเจ้าก็น่าจะรู้ว่าชายคนนี้นอกจากจะไม่ได้ทำประโยชน์อะไรกับตระกูล,ซ้ำยังเป็นที่กำบังให้กับเหลือบแมลงร้ายอยู่อีก,เบื้องหน้าเป็นผู้อาวุโสของตระกูลหยุน,แต่แท้ที่จริงแล้วก็ไม่ต่างกับโจรร้ายที่คอยทำลายตะกูลหยุนนั่นเอง!"
เหล่าผู้เยาว์ต่างจ้องมองตากันและกันด้วยความงงงวย.
คำพูดของชายคนนี้ช่างคมคายยิ่งนัก!

คาดไม่ถึงเลยว่าผู้อาวุโสจะถูกด่าว่าจนไม่มีโอกาสจะโต้แย้งกลับไปเลยแม้แต่น้อย!

อย่างไรก็ตาม,ชายคนนี้นับว่าบ้าคลั่งเป็นอย่างมาก,ในรัฐกลางแห่งนี้ไม่เคยมีใครที่จะกล้าทำเรื่องเช่นนี้มาก่อน!

ใบหน้าของหยุนกวังเหยี่ยนเปลี่ยนเป็นดูไม่ได้แล้ว,คำพูดคนๆนี้กะล่อนสำบัดสำนวน,สามารถที่จะบิดเบียนความจริงได้อย่างง่ายดาย,ทว่าด้วยนิสัยอารมณ์ของเจียงฉีเองก็ชัดเจนตัวอยู่แล้ว,เขาเป็นคนที่เอาแต่ใหญ่ยโสโอหังข่มเหงคนไปทั่ว,คนในตระกูลหยุนเป็นจำนวนมากที่ไม่พึงพอใจเขา,ทำให้คำพูดของชายหนุ่มคนนี้กลับกลายเป็นหนักแน่นไปด้วย.

"ชิ!พอแล้ว!"

เกาเหาเหรียนเดินออกไป"เจียงฉีเป็นคนของสำนักเมฆา,ถึงจะทำอะไรไม่ถูก,ก็มีเพียงแค่สำนักเมฆาเท่านั้นที่มีสิทธิ์จัดการ,!ไม่ใช่หน้าที่ของไอ้เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างเจ้าจะมาจัดการ!"

ลีไทวเองก็กล่าวเสริม"เจ้าไพร่สามัญชน,กล้าที่ยุแหยสำนักเมฆาเหรอ,ซ้ำยังทำลายประตูขาวของพวกเขา,ถึงเจ้าตายไปก็สาสมกับความผิดเจ้าแล้ว!"

ฉู่เทียนที่หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง"ข้าผู้นี้เพียงต้องการที่จะขอคำแนะนำชี้แนะเรื่องการศึกษาของสำนักเมฆาแห่งนี้,ใครจะรู้ล่ะว่าสถานที่แห่งนี้จะเต็มไปด้วยกบเฒ่าอยู่เต็มบ่อไปหมด!เช่นนั้นเปลี่ยนจากการเรียนรู้ชี้แนะ,เอาเป็นว่าพวกเรามาประลองความรู้กันเป็นอย่างไร!"

"อะไรนะ?"
"ประลอง?"
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!"

"มันช่างเป็นเรื่องตลกที่ยิ่งใหญ่ในรอบปีจริงๆ!"
"ข้าไม่ได้เข้าใจผิดสินะ,ไม่รู้ว่าพวกบ้านนอกคอกนามาจากหุบเหวแห่งใด,กลับต้องการที่จะประลองความรู้กับสำนักเมฆา!"

"............”
ก๊ากๆๆๆ ฮ่า ฮ่า!
คนที่อยู่รอบๆต่างก็หัวเราะออกมาเสียงดัง.
ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา.

สำนักเมฆาแห่งนี้นั้น,ต่างเต็มไปด้วยนักวิชาการ,มีอาจารย์เชี่ยวชาญด้านต่างๆมากมาย,เจ้าเด็กคนนี้อายุยังไม่ถึง 20 ปีด้วยซ้ำ,กลับหาญกล้ามาท้าทาย?ความรู้นั้นแตกต่างจากพลังฝึกตนมากนัก,ไม่จำเป็นต้องมีพรสวรรค์ที่ล้ำเลิศ,แต่ความรู้นั้นมันต้องการเพียงแค่ระยะเวลาในการสะสม,เหมือนดั่งคำกล่าวที่ว่าพระราชวังที่ยิ่งใหญ่ไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว!
เกาเหาเหรียนและลีไทว ทั้งคู่แทบบ้าคลั่งปอดแทบระเบิดออกมา.

พวกเขาที่เป็นลูกศิษย์ของ ต้าเซวจื่อ กู่เซียนชิว,กลับมีเด็กน้อยสวมชุดยังกับขอทานไร้ซึ่งชื่อเสียงเข้ามาท้าทาย,นี่ไม่นับว่าเป็นการดูถูกตบหน้าพวกเขาอย่างรุนแรงหรอกเหรอ.
หยุนกวังเหยี่ยนโกรธเกรี้ยวถึงสุดขีด,"เป็นเด็กเวรที่ยโสโอหังมาก,เจ้ามีคุณสมบัติใดกล้ามาท้าทายสำนักเมฆา!"
คาดไม่ถึงเลยว่าจะถามว่าข้ามีคุณสมบัติอะไร?
ความจริงข้า,อาวุโสพี่เทียนคนนี้ ,เดินทางมาแข่งขันกับพวกเจ้า,ก็นับว่าไว้หน้ามากเท่าไหร่แล้ว!

"อันธพาลน้อยเช่นข้าคงไม่กล้าที่จะแข็งขันความรู้กับพวกเจ้าด้านดาราศาสตร์หรือภูมิศาสตร์,ทว่าเรื่องอักขระ,วิชาวงเวทย์,หลอมอุปกรณ์,การปรุงยา,ศิลปะการต่อสู้,วรรณกรรมและศิลปะ...ข้าชำนาญหมด!"แน่นอนว่าฉู่เทียนไม่ต้องการที่จะเจียมเนื้อเจียมตัวอีกต่อไป,ในเมื่อเขาได้แสดงท่าทางอหังการออกมาแล้ว"ทุกๆคนในสำนักเมฆาหากใครสามารถก็จงออกมา!แสดงให้ข้าได้เห็นว่าความรู้ที่พวกเจ้ามีนั้น มันจะมากมายสักเท่าไหร่กัน!"

ท้าทายสำนักเมฆาทั้งหมดเลยรึ?
ไม่ใช่ว่ากำลังแส่หาความตายหรอกรึ?
"โอหังนัก!"

หยุนกวังเหยี่ยนพร้อมกับชักดาบยาวออกมา,เขาไม่สามารถที่จะทนให้ถูกดูหมิ่นได้อีกต่อไปแล้ว.

"อาวุโสช้าก่อน!"เกาเหาเหรียนยังคงยืนอยู่อย่างสงบกล่าวออกไปอย่างสุขุม"ให้มันได้หายใจอีกหน่อย,อย่างไรก็ตามศักดิ์ศรีของสำนักเมฆานั้นจะปล่อยไปไม่ได้,ในเมื่อมันต้องการที่จะแข่ง,ทำไมจะไม่ให้โอกาสมันสักหน่อยล่ะ!"

ใบหน้าของหยุนกวังเหยี่ยนนั้นเปลี่ยนเป็นซับซ้อน,"นี่มัน...."
ลีไทวกวาดตามองไปยังฉู่เทียนแล้วกล่าวว่า"หากเจ้าแพ้,ก็จงปล่อยคน,และทำลายดวงตาทั้งสองข้างของเจ้าด้วย!"
หยุนกวังเหยี่ยนขมวดคิ้วแน่น,คนทั้งสองคนคงจะโกรธเกรี้ยวจนทนไม่ได้แล้ว,พวกเขานั้นค่อนข้างจะมีสถานะที่สูงส่งในสำนักเมฆา,ตระกูลหยุนตอนนี้นับวันก็ยิ่งถดถอยลงทุกปีๆ,เพื่อที่จะคงความยิ่งใหญ่ของสำนักเมฆาเอาไว้,จึงได้รับเชิญเหล่านักวิชาการจากภายนอก,เพื่อที่จะให้สำนักเมฆานั้นยังคงมีอิทธิพล,ดังนั้นคนเหล่านี้ จึงทำให้ไม่สามารถไปล่วงเกินได้.
"ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าหนึ่งก้านธูป!ใครจะเข้ามาก่อน!"
"ข้าจะทดสอบเจ้าเอง!"ชายคนหนึ่งทีเดินออกมาด้านหน้า"เจ้ารู้จักตำรา <<เหยาเซนจิง>>หรือไม่คืออะไร,มันถูกเผยแพร่แก่เผ่ามนุษย์เมื่อไหร่!"

นี่คือการทดสอบประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมสินะ!
<<เหยาเซนจิง>>ตำราโบราณในตำนาน.

คนในยุคปัจจุบันนี้,แทบจะไม่มีใครรู้ว่าตำราโบราณเช่นนี้มันมีต้นกำเนิดมาจากที่ใด.

ฉู่เทียนยังคงยืนอย่างสงบและยิ้มออกมา,"ตำรา <<เหยาเซนจิง>> คือรากฐานของการเรียนรู้ศาสตร์ปรุงยา,เป็นวิชาบำเพ็ญโบราณที่ยิ่งใหญ่และยอดเยี่ยมของบรรพบุรุษ,เกิดขึ้นมาในยุคโบราณกาลที่ยิ่งใหญ่,เป็นเทพโบราณยารายามูเป็นคนสร้างขึ้น,หลังจากนั้นราชันย์มังกรโบราณไคซาเป็นคนปรับปรุงในครั้งแรก,จากนั้นก็เป็นหัวหน้าปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ราชันย์เอลฟอู๋เก๋อลา,ได้ทำการคัดลอกทฤษฏีเบื้องต้นของศาสตร์การปรุงยาออกมาเผยแพรจนกลายเป็น ตำรา<<เหยาเซนจิง>>,ทว่าเพียงไม่นานมันก็ถูกขโมยไปโดยเผาอสูรวิญญาณ,อีก 3000 ปีต่อมาได้เกิดสงครามระหว่างเผ่ามนุษย์และเผ่าอสูรวิญญาณ,จากนั้นตำราดังกล่าวจึงได้ถูกเผยแพร่ออกมาสู่เผ่ามนุษย์ในตอนนั้น!"

ร่างกายของชายคนดังกล่าวถึงกับสั่นเทิ้ม.
เกาเหาเหรียนและเจียงฉี,หยุนกวังเหยี่ยนได้แต่ขมวดคิ้วแน่น.
เป็นหัวข้อที่ดูคลุมเครือเป็นอย่างมาก,ทว่าเจ้าเด็กเวรคนนี้กับกล่าวออกมาราวกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป.

ตำรา<<เหยาเซนจิง>>,นับว่าเป็นตำราศาสตร์ปรุงยาที่ล้ำค่าเป็นอย่างมาก,และยังเป็นตำราที่หลงเหลือมาจากยุค
โบราณกาล,และยังเป็นวิชาบำเพ็ญแบบหนึ่งที่เป็นแก่นแท้ของวิชาบำเพ็ญอื่นๆมากมาย,หากแต่เมื่อเวลาที่ยาวนานได้ผ่านไป,ทำให้วิชาบำเพ็ญดังกล่าวนี้ไม่สามารถนำมาฝึกฝนอย่างสมบูรณ์ได้.

เนื้อหาที่เผยแพร่หลงเหลือออกมานั้นยังคงคลุมเคลือไม่ชัดเจนและยังมีส่วนที่ไม่สามารถนำมาใช้ได้เลย.
และตำรา <<เหยาเซนจิง>>นั้นยังได้ถูกรวบรวมขึ้นมาจากความทรงจำของเผ่าพันธ์เอลฟ!

ชายอีกคนรีบกล่าวออกมาในทันที"เจ้าสามารที่จะท่องตำรา <<เหยาเซนจิง>>,บทแรกทีมี 5000 อักษรได้หรือไม่!"
กับสิ่งที่เกิดขึ้น.

ใบหน้าของทุกคนถึงกับเปลี่ยนไป,นี่อาจจะเป็นการสร้างความลำบากให้กับชายผู้นี้แล้ว.

ตำรา<<เหยาเซนจิง>>นั้นมีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก,ไม่ต้องบอกเลยว่า จะท่องออกมาได้อย่างไร,เพียงแค่คนทั่วไปยังไม่สามารถรับฟังให้เข้าใจได้,ส่วนตำรา <<เหยาเซนจิง>>บทแรกนั้น,เป็นบทที่สร้างความวิงเวียนศีรษะมากที่สุดแม้แต่ระดับปรมาจารย์เพียงแค่อ่านดูยังปวดหัว,จะให้เขาคนนี้ท่อง,จะเป็นไปได้อย่างไร?

ฉู่เทียนเบ้ริมฝีปากขึ้นด้วยความเหยียดหยัน.
ตำรา<<เหยาเซนจิง>>หาได้มีอะไร?ผ่านไปหลายยุคสมัยสุดท้ายมันก็กลับไปสู่ยุคแรกเริ่ม,และยังได้ถูกปรับปรุงไปจนสมบูรณ์แล้ว,ฉู่เทียนสามารถที่จะจดจำมันได้ทุกหน้าของตำรา<<เหยาเซนจิง>>.

"ตำรา<<เหยาเซนจิง>>ที่แท้จริงนั้น,บทแรกนั้นมีตัวอักษรทั้งหมด 8000 ตัว,ทว่าหลังจากผ่านมือของมนุษย์และสัตว์อสูรวิญญาณ,ทำให้มีอีกหลายส่วนได้สูญหายและหายไปในช่วงการแปลเป็นภาษาอื่น,หากพวกเจ้าต้องการที่จะศึกษาตำรา<<เหยาเซนจิง>>ที่แท้จริงล่ะก็ จะต้องมีความเข้าใจในภาษาของเอลฟโบราณ!"

"ข้าจะใช้ภาษาของเอลฟโบราณ,ท่องบทแรกของตำรา<<เหยาเซนจิง>>ให้พวกเจ้าได้ฟัง!"
"ถือว่าเป็นของขวัญมอบให้กับพวกเจ้าทุกคน!"
"ส่วนพวกเจ้าจะจดจำได้เท่าไหร่,ก็ขึ้นกับพวกเจ้าแล้ว!"
ฉู่เทียนที่จับเจียงจี,พร้อมกับยื่นกระบี่ออกไป,ก่อนที่จะค่อยๆเดินไปยังกำแพง.

กลุ่มคำที่แปลกประหลาดมากมายเริ่มพรั่งพรูออกจากปากของเขา,เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันไม่ใช่ภาษาของมนุษย์เลยแม้แต่น้อย,หากแต่ว่าน้ำเสียงที่เขากล่าวออกมานั้นมันมีเสียงสูงต่ำ เว้นวรรค อย่างพอดีเป็นน้ำเสียงที่ไพเราะมากมายนัก,หลายร้อยหลายพันคำพูดที่เขากล่าวออกมานั้น,ราวกับกำลังร้องเพลง,หรือเป็นบทสวดคาถา,มีเสน่ห์อย่างน่าอัศจรรย์,มันได้กระแทกผ่านเขามาภายในจิตใจของพวกเขาอย่างรุนแรง.
นี่คือตำรา<<เหยาเซนจิง>>!

เหล่านักวิชาการมากมายเท่าไหร่,ที่พยายามถอดรหัสดังกล่าวด้วยความยากลำบากสุดท้ายแล้วกับคว้าน้ำเหลว.
คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะใช้ภาษาเอลฟโบราณที่คาดไม่ถึง,ในการท่องอักษรทั้งหมดในบทแรกของตำรา<<เหยาเซนจิง>>,มันช่างเป็นภาษาที่ล้ำลึกที่สามารถทะลวงผ่านเข้าไปถึงจิตวิญญาณของทุกคน.

ขณะที่ฉู่เทียนท่องคาถาอยู่นั้น,เขาก็ตวัดกระบี่ไปมาด้วย.
อักษรที่ล้ำลึกสลับซับซ้อนได้ถูกสลักไปบนผนังตัวแล้วตัวเล่า,มันเต็มไปด้วยภูมิปัญญาโบราณที่ส่งกลิ่นอายอันลึกล้ำออกมา,เป็นอักขระภาษาเอลฟโบราณ,และยังสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเอลฟที่แผ่ออกมา ราวกับเป็นกลิ่นอายของป่าเขาที่เขียวขจีและชุ่มชื่นอุดมสมบูรณ์.
ฉู่เทียนเริ่มอ่านเร็วขึ้นและก็เร็วขึ้น,เขาได้ตวัดกระบี่ด้วยความเร็วที่มากขึ้นและก็มากขึ้นราวกับว่าผีเข้าสิง.
ในเวลานี้,เขาราวกับเป็นนักเลงสุราที่กำลังท่องบทกวีคลุกเคล้า,ชั่วขณะกลายเป็นคนที่บ้าคลั่ง,อีกชั่วขณะกลับกลายเป็นมือกระบี่ที่ไร้เทียมทาน,ชั่วขณะเขาก็กลายเป็นนักวิชาการที่ล้ำเลิศ!

ทุกๆคำทุกๆอักษรที่เขาสลักลงไปนั้นเต็มไปด้วยภูมิปัญญาและงานศิลปะ,มันกำลังดึงดูดเหล่าคนที่พบเห็นถูกกระแทกชอนไชลึกเข้าไปถึงจิตวิญญาณ!
และเมื่อเขาได้ท่องบทสุดท้าย!

กำแพงที่เขาสลักบทกวีเหล่านั้นก็ระเบิดออกมาเสียงดัง!
บทกวีอันล้ำค่าหาค่าประเมินคุณค่าไม่ได้ถูกทำลายออกเป็นเสี่ยงๆ!

เหล่านักวิชาการของสำนักเมฆาทุกคนดวงตาของพวกเขาถึงกับเปลี่ยนเป็นสีแดง....ไม่! ไม่! พวกเขายังจ้องมองไม่พอเลย!
พร้อมกับในเวลาเดียวกัน,ชายหนุ่มก็หันหน้ากลับคืนมา,ที่ใบหน้าของเขานั้นก็เผยยิ้มที่เฉิดฉายออกมา,และเป็นท่าทางที่ป่าเถืออีกด้วย,แสงตะวันที่สาดส่องผ่านรูจากกำแพงผ่านร่างกายของเขา,ปกคลุมร่างของเขาจนทั่วร่างอาบไปด้วยสีทองที่ดูรุ่งโรจน์เป็นอย่างมาก.
แทบจะในทันที.

เขาดูราวกับเทพศักดิ์สิทธิ์ที่เสด็จมาจากสวรรค์ก็ไม่ปาน!






ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/miracle-throne

#นิยาย บัลลังก์แห่งปาฏิหาริย์ #Miracle throne#นิยายแปลไทย



สนใจสนับสนุนพวกเรา เข้าร่วมกลุ่ม VIP  Click

-เว็ปฟรี 2 วันนอัพหนึ่งตอน

-กรุ๊ป vip วันล่ะ 2 ตอน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น