วันพุธที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2560

Miracle Throne Chapter 113 Fusion nether world fire

Miracle Throne Chapter 113 Fusion nether world fire

นิยาย บัลลังก์แห่งปาฏิหาริย์ ตอนที่ 113 ผสานภูติเปลวเพลิงอเวจี


บทที่ 113 ผสานภูติเปลวเพลิงอเวจี


สุดยอดคนที่ยิ่งใหญ่จากหลายร้อยปีมาแล้วถูกสังหารโดยชายหนุ่มไร้นามเพียงกระบี่เดียว,ต้องไม่ลืมว่าชายหนุ่มคนนี้เพิ่งทะลวงผ่านระดับปลุกดวงจิตขั้นที่ 1 มา,กลับสามารถต่อกรกับคนที่มีระดับสูงกว่า,ซ้ำยังสูงกว่ามากมายอีกด้วย.

นี่ยังเป็นคนอีกหรือ?
ยิ่งกว่าสัตว์ประหลาดพรสวรรค์ซะอีก!
เมื่อพวกเขาพบว่าความฝันของพวกเขานั้นถูกทำลายจนแหลกสลายไปแล้ว!

เหล่าผู้ฝึกตนไร้สังกัดถึงกับใบหน้าขาวซีดไร้ซึ่งจิตวิญญาณที่จะต่อสู้,ขวัญหนีดีฝ่อเร่งรีบหนีจากที่แห่งนี้ในทันที.


หลินมู่,ตะเบ็งเสียง"จะหนีไปใหน!"
ฉู่เทียนตะโกนออกมา,"อย่าไล่หมาจนตรอก,ปล่อยพวกเขาไป!"

เหล่าคนพวกหัวมังกุฏท้ายมังกร,ฉู่เทียนไม่ให้ค่าเลยแม้แต่น้อย,ลำพังที่พวกเขาต่อสู้กับหลินมู่และฟางหานพลังวิญญาณก็เหลือไม่มากแล้ว.

"น้องชาย,ข้าอยู่มาถึงตอนนี้ไม่เคยชื่นชมใครมาก่อนเลย,เจ้านับเป็นคนแรก!"ใบหน้าของหลินมู่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น"เจ้าสังหารเจ้าปิศาจร้ายที่วางแผนยึดเมืองฮวังซี,ซ้ำยังมีศาสตร์ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง!เจ้ากระทำเรื่องที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้,เจ้าต้องโด่งดังแน่นอน!"
โด่งดังรึ?
งั้นมั้ง!
คนอย่างข้าน่ะ,หากต้องการมีชื่อเสียงมันง่ายจะตายไป,แต่มันกลับยากที่จะทำให้ข้าสมหวังในสิ่งที่ฝันได้!
"อย่าเพิ่งดีใจไปก่อนเลย."ฟางหานขมวดคิ้วพร้อมกับกล่าวออกมาว่า"ค่ายโจรภูเขาวายุทมิฬพวกลูกน้องของเหยี่ยนอู๋หยางยังอยู่ข้างนอกเต็มไปหมด,มันยังเป็นปัญหาต่อพวกเราอยู่."
"มีสิ่งใดต้องกลัว?แค่พวกเราร่วมมือการฝ่าออกไปได้อยู่แล้ว!"หลินมู่จ้องมองไปยังฉู่เทียน"น้องชาย,เจ้าคิดว่าควรทำอย่างไรดี?"
"จะหนีออกไปนั้นง่ายดายนัก!"ฉู่เทียนส่ายหน้าไปมา"พวกเราได้รับบาดเจ็บจากเจ้าแก่เจ้าเล่ห์นั่น,แทบสิ้นชีวิต,ไม่คิดว่าต้องหากำไรหน่อยรึ?"
คนทั้งสองราวกับตระหนักได้ถึงบางสิ่ง,สายตาของพวกเขากวาดตามองไปรอบๆ,ทุกๆแห่งเต็มไปด้วยทอง,เงินและเครื่องประดับและวัสดุอุปกรณ์,ส่งกลิ่นอายที่มั่งคั่งออกมา,ส่องประกายแสงระยิบระยับล่อลวงเขาเป็นอย่างมาก.
หากว่าคนทั่วไปสามารถได้มันไปครองล่ะก็,ตลอดชีวิตนี้ก็จะสามารถใช้จ่ายได้สบายไปทั้งชีวิตทีเดียว!
และถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ฝึกตนระดับปลุกดวงจิตก็ตามที,มันก็เพียงพอที่จะถูกเรียกว่าเป็นสมบัติที่มั่งคั่งอยู่ดี!
จิ้งจอกน้อยกระโดดลงบนพื้น,แปรเปลี่ยนกลายเป็นหมอกควันหายไปในพริบตาเดียว,ก่อนที่มันจะไปโผล่หัวออกมาจากกองสมบัติที่อยู่ห่างออกไป,กงเล็บของมันกำลังอุ้มผลไม้จิตวิญญาณเอาไว้,สำหรับมันแล้วเป็นผลไม้ที่น่ากินเป็นอย่างมาก.
ผลไม้ดังกล่าวนั้นใหญ่กว่าร่างของมันถึงสองเท่า,หากแต่เพียงแค่ 3-4 วินาทีก็โดนมันกลืนลงท้องไปหมด,ร่างกายเล็กๆของมันนั้นกลับไม่ป่องออกมาแม้แต่น้อย.
หลินมู่และฟางหานนั้นถึงกับจับจ้องตาค้าง.
สัตว์ตัวน้อยนี้เป็นอสูรแบบใดกัน?
ด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วแปลกประหลาด,ซ้ำยังไม่น่าเชื่อว่าจะกินเก่งอีกต่างหาก,เป็นสัตว์อสูรวิญญาณที่ร้ายกาจเป็นอย่างมาก.
ในเวลาเดียวกัน,ก็มีเสียงการต่อสู้ที่ดังขึ้นที่ด้านบน,เหล่าผู้ฝึกตนไร้สังกัดเกิดการต่อสู้กับเหล่าโจรวายุทมิฬแล้ว,เหล่าโจรร้ายคงจะพบว่ามีสิ่งผิดปรกติเกิดขึ้นและเริ่มโจมตีเข้ามาแล้ว.
"พวกเจ้านำศพของเจ้าปิศาจจำแลงและหัวของเหยี่ยนอู๋หยางออกไปแขวนไว้ด้านนอก,เมื่อกลุ่มโจรร้ายเห็นสิ่งดังกล่าวแล้ว,จะได้ไม่สูญเสียกำลังใจและไม่กล้าโจมตีเข้ามา!"

"เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยม!"
เหล่ากองโจรวายุสายลมนั้น,พวกเขาทั้งหมดต่างก็เป็นทหารและผู้ติดตามของเหยี่ยนอู๋หยาง,พวกเขาที่ได้รับการฝึกฝนวิชา ศาตร์แห่งปิศาจ,เมื่อพวกเขาเห็นหัวของเหยี่ยนอู๋อย่างและร่างปิศาจจำแลงที่ลึกลับได้ถูกสังหารแล้ว,พวกเขาจะสามารถเข้าใจและรู้สึกผิดหวังล้มเหลวจนหมดกำลังใจที่จะต่อสู้ต่อไปแน่นอน.
เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดผู้นำคนใหม่เกิดขึ้นมาอีกและอาจจะนำคนบุกเข้ามาได้.
พวกเขาทั้งหมดจะต้องตื่นตระหนกและหนีกระเจิงออกไป,ถึงแม้ว่าจะเหลืออยู่บ้าง,ก็จะไม่สามารถกลายเป็นภัยคุกคามได้.
หลินมู่และฟางหานเป็นคนเสนอตัวจัดการเรื่องดังกล่าว,ฉู่เทียนเองก็ไม่อยากที่จะไล่ล่าสังหารคนเหล่านั้นนัก,อย่างแรกที่เขาทำคือกินยาเม็ดไปหลายขนาน,เพื่อฟื้นฟูพลังวิญญาณของตัวเอง,จากนั้นก็เริ่มสำรวจสมบัติที่กองพะเนินอยู่ในที่แห่งนี้ตามที่ใจของเขาต้องการ.
"เจอแล้ว!"
เมื่อเขาเปิดกล่องที่มีสัญลักษณ์ของหอการค้าเทียนเฉินประทับเอาไว้.
ภายในนั้นมีกล่องคลิสตัลขนาดเล็กบรรจุอยู่,เต็มไปหมด,ภายในกล่องขนาดเล็กนั้นมีสมุนไพรสีแดงดำอยู่เต็มไปหมด,พร้อมกับส่งกลิ่นอายเปลวเพลงที่ลุกโชนหมุนวนออกมา,ราวกับกำลังจะเผาใหม้ทุกสิ่งทุกอย่างให้สูญสิ้นไป.
หญ้าเปลวเพลิงอเวจีนั้นเป็นหญ้าที่มีคุณสมบัติหยิน,หากแต่เติบโตในสถานที่มืดคลึ้มเป็นอย่างมาก.
หญ้าเปลวเพลิงอเวจีนั้นมีคุณสมบัติธาตุเปลวเพลิงที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก,และยังมีกลิ่นอายของปราณหยินที่แข็งแกร่งอีกด้วย,เป็นเปลวเพลิงที่รุนแรงกัดกร่อนเหมือนกับพิษที่ร้ายแรง,หากว่าคนธรรมดาสัมผัสมันเข้าล่ะก็,ยากที่จะโชคดีมีชีวิตรอดไปได้.

สิ่งดังกล่าวนี้สามารถนำมาใช้ในการสกัดกลั่น,ปรุงยาและสร้างวงเวทย์ได้,นับว่ามีประโยชน์มากมายทีเดียว.
หญ้าเพลิงอเวจีนั้นมีอายุไม่ถึงหลายร้อยปี,และไม่นับว่าเป็นสมุนไพรทิพย์จิตวิญญาณ,เป็นสมุนไพรให้สรรพคุณทางยาไม่ต่างจากหญ้าสะเก็ดดาว,แต่จำเป็นต้องปลูกภายใต้เงื่อนไขที่พิเศษ,การเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวการเพาะปลูกนั้นยากลำบากมาก,ดังนั้นจึงถูกนับว่าเป็นสมุนไพรที่หายาก.
หญ้าเพลิงอเวจีนั้นเป็นวัตถุดิบระดับ 2 ,ซึ่งมีระดับสูงกว่าหญ้าสะเก็ดดาวที่เป็นสมุนไพรระดับ 1,ดังนั้นราคาของมันจึงมีราคาสูง,แต่ละต้นนั้นมีราคาถึง 500-600 เหรียญทอง,แพงเท่ากับสมุนไพรทิพย์จิตวิญญาณระดับ 1 เลยทีเดียว

"ยอดเยี่ยม!"
"โชคดีที่ของเหล่านี้ยังคงอยู่!"
กล่องขนาดเล็กนี้มีลักษณ์พิเศษเป็นอย่างมาก,ไม่เพียงแต่สามารถป้องกันคุณภาพของสมุนไพรได้,ยังมีอักษรรูนกำกับป้องกันไม่ให้กลิ่นอายของสมุนไพรรั่วซึมออกมา,จนทำให้หญ้าเพลิงอเวจีปล่อยพิษออกมาสู่เหล่าพ่อค้าได้,และมีอยู่เต็มกล่องใบใหญ่,ทั้งหมดนี้เป็นหญ้าอเวจี,มีมากกว่าพันกล่องขนาดเล็กเลยก็ว่าได้.
มุกราชันย์ภูติตอนนี้พลังลดลงสอง-สาม ส่วนแล้ว,พลังงานวิญญาณเปลวเพลิงภูติอเวจีเองก็อ่อนแอลงเป็นอย่างมาก,เหมือนว่ากำลังจะถูกพัดเป่าให้สูญสิ้นพลังได้ในทุกเมื่อ.
ท้ายที่สุดก็ทันจนได้!
หากว่าล่าช้ากว่านี้ 1-2 วันล่ะก็ภูติวิญญาณเปลวเพลงที่ล้ำค่าคงจะหายไปอย่างแน่นอน!
พลังของเปลวเพลงอเวจีนั้นสูงมาก,เพียงแค่มันถูกปรุงแต่งจากราชันย์ภูติมาหลายพันปีแล้ว,ก็ทำให้เพลิงภูติอเวจีนี้ทรงพลังแล้ว!
ด้วยกระบี่ที่เขามีอยู่,เป็นเพียงกระบี่อเวจีที่ไม่มีทักษะอะไร!
เปลวเพลิงภูติอเวจีและกระบี่อเวจี สองอย่างต้องใช้ร่วมกัน,ถึงจะสามารถใช้พลังที่แท้จริงออกมาได้.

ฉู่เทียนที่มีวิชาบำเพ็ญสายป้องกัน กายานิรันดร์โอบแสงดารา,พลังวิญญาณของเขาจึงไม่มีคุณสมบัติธาตุเปลวเพลิงเลย,ดังนั้นทักษะต่อสู้ของกระบี่อเวจีจึงยังไม่ทรงพลังพอ.
กลุ่มก้อนเปลวเพลิงสีขาวน้ำเงิน,ที่เขานำออกมามีขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ,มันกำลังลุกไหม้ช้าๆอยู่บนกลางฝ่ามือของเขา,เป็นเหมือนกับภูติปิศาจที่มีชีวิตกำลังครวญครางออกมาด้วยเสียงทีแหลมคม,ส่งกลิ่นอายที่มืดมิดและน่าสะพรึงกลัวออกมา.
อุณหภูมิของเปลวเพลิงนั้นไม่สูงมากนัก,บางทีรู้สึกถึงความเย็นด้วยซ้ำไป.
เพราะเพลิงอเวจีนั้นเป็นเพลิงหยิน,มันไม่ได้มีพลังเผาไหม้ทางกายภาพ,แต่มันมีพลังเผาไหม้พลังวิญญาณ,ด้วยคุณสมบัติตามทฤษฏีแล้วมันจะสามารถช่วยปกป้องพลังวิญญาณและป้องกันวิชาที่มีผลกระทบทำลายจิตวิญญาณโดยตรงได้..
ราชันย์ภูตินั้นได้สกัดกลั่นเปลวเพลิงนี้มาหลายพันปี,เพลิงอเวจีนี้จึงมีพลังของราชัยน์ภูติผีแฝงเอาไว้อย่างแน่นอน,จนทำให้มันมีคุณสมบัติในการกัดกร่อน,แม้ว่าจะไม่มีทักษะเผาไหม้ทางกายภาพก็ตามที,แต่พลังกัดกร่อนวัตถุนั้นก็ไม่ธรรมดา,และเมล็ดเปลวเพลิงเองก็มีพลังจิตวิญญาณของภูติผีสิงอยู่,ทำให้มีทักษะในการแทรกแทรกจิตใจของฝั่งตรงข้ามได้อีกด้วย.
กัดกร่อนวัตถุและเผาไหม้พลังวิญญาณและแทรกแซงจิตใจ,เป็นพลังยกกำลังสามในการโจมตี,ที่ร้ายกาจยิ่งนัก!
"ก่อนอื่น,ก็ต้องกำราบมันซะก่อน!"
ฝ่ามือของฉู่เทียนที่กำลังส่องแสงประกาย,พลังวิญญาณมากมายของเขาแผ่ออกมาไหลซึมรวมเข้ากับเปลวเพลิงอเวจี,เปลวเพลิงที่ลุกไหม้เบาๆในตอนแรกมันเริ่มรุนแรงหนักหน่วงขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า.
ภูติวิญญาณเพลิงอเวจีที่เพิ่งกำเนิดขึ้นมาเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา,พลังของมันจึงยังคงอ่อนแอเป็นอย่างมาก,แน่นอนว่ามันไม่สามารถที่จะขัดขืนใดๆฉู่เทียนได้.
ถึงจะขัดขืนไปก็เปล่าประโยชน์
ภูติอสูรเพลิงอเวจีที่อ่อนแอยิ่งกว่าอ่อนแอ,เพียงแค่หายใจรดก็แทบจะมอดแล้ว,จะไปเอาพลังจากใหนมาต้านทานฉู่เทียนกัน?มีเพียงแค่ต้องทำพันธะสัญญาและจงรักภัคดีกับเข้าเท่านั้น,ไม่มีทางเลือกอื่นให้เลือก!
พลังวิญญาณของเขาแผ่ซึมเข้าไปในเปลวเพลิงได้อย่างง่ายดาย,พร้อมกับสามารถยึดครองแก่นเพลิงอสูรได้,เหมือนกับว่ามันได้กลายเป็นศาสตราวิญญาณที่สื่อสารกับเจ้านายได้,เปลวเพลิงอเวจีตอนนี้ได้ถูกควบคุมอย่างสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว.
กลุ่มก้อนเปลวเพลิงสีขาวน้ำเงินและดวงจิตของฉู่เทียนได้เชื่อมต่อกันแล้ว,ตอนนี้ภูติเพลิงอเวจีกำลังลุกไหม้เคลื่อนที่อย่างเอื่อยเฉื่อยไปรอบๆนิ้วของฉู่เทียนอย่างระมัดระวัง,เพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้เจ้านายของมันได้รับบาดเจ็บ.
ฉู่เทียนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ,"เป็นสมบัติวิเศษจริงๆ!"
ภูติอสูรเพลิงอเวจีนั้นเป็นของวิเศษโดยธรรมชาติ,หรืออาจจะเรียกว่าสมบัติวิเศษโดยกำเนิด,ไม่จำเป็นต้องสกัดกลั่นหรือทำอะไรเพิ่มอีก,เป็นสมบัติวิเศษที่นำมาใช้ได้เลย.
ยกตัวอย่างเช่น,สิ่งของบางอย่างที่มีคุณสมบัติเฉพาะที่เรียกว่า น้ำเต้าช่องมิติ,มันมีช่องว่างมิติตั้งแต่กำเนิด,มันเป็นของวิเศษที่สามารถนำมาใช้เก็บของได้เลย.
ยังมีสิ่งของวิเศษต่างๆอีกมากมาย.
ดูเหมือนว่าฉู่เทียนจะไม่รู้สึกประหลาดใจกับสิ่งของต่างๆที่แปลกประหลาดนี่.
เมล็ดเปลวเพลิงอสูรอเวจีตอนนี้ได้ถูกเปิดการใช้งานแล้ว,เป็นเปลวเพลิงที่กำเนิดใหม่ที่ยังอ่อนแอ,ราวกับว่าจะมอดไปในเวลาใหนก็ได้,การจะทำให้แข็งแกร่งและทรงพลังได้นั้น,มีเพียงแค่อย่างเดียวคือการกินอาหารอย่างไม่หยุดหย่อน.
ไม่ใช่วัตถุดิบทั่วไปจะช่วยเพิ่มการเจริญเติบโตได้,วัตถุดิบที่จะใช้บ่มเพาะพลังให้กับเพลิงอเวจีนั้นไม่เพียงแต่ต้องอุดมไปด้วยพลังวิญญาณแล้ว,ยังจำเป็นต้องวัตถุดิบที่มีคุณสมบัติเฉพาะอีกด้วย.
หญ้าเปลวเพลิงอเวจีก็เป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่ยอดเยี่ยมในจำนวนวัตถุดิบพวกนั้น!
"ไป!"
ภูติเปลวเพลิงอสูรอเวจีได้ไหลผ่านออกไปตามนิ้วของเขาหล่นลงไปยังเหล่ากล่องคลิสตัลขนาดเล็ก,ราวกับเป็นกรดความเข้มสูงที่กำลังหล่นลงไปในวัตถุดิบทั่วไป,ทันใดนั้นมันก็ลุกไหมบนกล่องคลิสตัลที่อยู่ในนั้นกลายเป็นเพลงสีดำเขียวเข้ม,ราวกับบัตรที่ถูกเจาะเป็นรูที่กลมเรียบ,มันทะลวงเข้าไปในกล่องเจาะรู กล่องคลิสตัลอย่างง่ายดาย.
ภูติอสูรเพลิงอเวจีได้เจาะคลิสตัลพร้อมกับเผาใหม้สมุนไพรข้างในนั้น,มันลุกโชนเผาสมุนไพรที่อยู่ในนั้น.
เหล่าสมุนไพรทางยาเริ่มถูกเผาใหม้อย่างรวดเร็ว,จนกลายเป็นพลังงานสีแดงเข้มที่ได้จากการเผาไหม้สมุนไพรทางยาดังกล่าว,ก่อนที่จะถูกเปลวเพลิงอเวจีกลืนกินไปอย่างรวดเร็ว.
หลังจากที่กลืนกินหญ้าเพลิงอเวจีแล้ว,ภูติเพลิงเริ่มส่องแสงสว่างจ้าขึ้นมาอีกหลายเท่า.
ภูติเปลวเพลิงอเวจีก็แยกร่างออกเป็นสองส่วนเจาะเข้าไปยังกล่องคลิสตัลขนาดเล็กกล่องอื่น,พร้อมกับเริ่มเผาไหม้สมุนไพรทางยากล่องที่สอง,และจากสองก็เปลี่ยนเป็นสี่,ก่อนที่จะดูดกลืนพลังงานสีแดงเข้มของหญ้าอเวจีไปเรื่อยๆ.
สิบห้านาทีผ่านไป!
หญ้าอเวจีพันต้นก็ถูกภูติอสูรเพลิงอเวจีเผาไหม้จนหมด!
"เยี่ยม,ยอดเยี่ยม,ยอดเยี่ยมมาก!"
"เป็นเปลวเพลิงที่ร้ายกาจจริงๆ!"
ด้วยการควบคุมเปลวเพลิงด้วยความคิด,เปลวเพลิงสีขาวน้ำเงินที่เป็นลูกบอลเปลวเพลิงหลายร้อยลูกที่ลอยอยู่กลางอากาศ,แต่ละลุกนั้นมีขนาดเท่าหัวแม่มือ.
ฉู่เทียนที่ยื่นมืออกไปเพื่อรวบรวมลูกไฟทั้งหมดให้มารวมตัวกัน.
เหล่าลูกไฟมากมายนับไม่ถ้วนได้ไหลมารวมตัวกัน,และกลายเป็นลูกบอลเพลิงขนาดใหญ่,เป็นเปลวเพลิงสีขาวน้ำเงินที่กำลังลุกไหม้อยู่,ทว่ามันไม่แผ่ความร้อนใดๆออกมาเลย,หากแต่มันกับส่งกลิ่นอายที่เย็นยะเยือบแช่แข็งจิตใจของคนออกมา.
เหล่าคนทั่วไปไม่ต้องบอกเลยว่าจะสามารถต้านทานมันได้อย่างไร,เพียงแค่พวกเขาจ้องมองมายังลูกไฟดังกล่าวนี้ก็เพียงทำให้พวกเขาสั่นสะท้าน,หรือแม้แต่หวาดกลัวจนเกิดภาพลวงตา,ปราณหยินและกลิ่นอายแห่งความตายที่เย็นเยือบน่าสะพรึงนี้น่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก!
"บอลเพลิงลูกใหญ่ถึงเพียงนี้สร้างจุดเด่นมากจนเกินไป!"ฉู่เทียนที่กำลังควบคุมเพลิงดังกล่าวอยู่แสดงท่าทางกระอักกระอ่วนใจ"ข้าไม่ภูติวิญญาณธาตุเปลวเพลิง,แล้วก็ไม่ได้ฝึกวิชาบำเพ็ญควบคุมเปลวเพลิงอีกด้วย,แล้วจะเอาภูติอสูรเพลิงตนนี้ไปไว้ที่ใหนกัน?"
หากภูติวิญญาณของเขามีคุณสมบัติธาตุเปลวเพลิงล่ะก็,ภูติอสูรเปลวเพลิงอเวจีตนนี้ก็จะสามารถผสานรวมเข้ามาในร่างกายของเขาได้โดยตรงเลย.
หรือทำอย่างโม่เหยี่ยนที่ฝึกฝนวิชาบำเพ็ญควบคุมเปลวเพลิงนั้นสามารถควบคุมพลังภูติเปลวเพลิงแทรกเข้ามาในเส้นปราณด้วยวิชาบำเพ็ญที่มีคุณสมบัติควบคุมเพลิงได้..
หากแต่ภูติวิญญาณของฉู่เทียนตอนนี้มีภูติคุณสมบัติธาตุเปลวเพลิงและวิชาบำเพ็ญของเขาก็ไม่มีทักษะในการควบคุมเปลวเพลิง,และภูติวิญญาณเปลวเพลิงอเวจีตนนี้นั้นความจริงก็คือศาสตราวิญญาณแบบพิเศษ,เป็นศาสตราวิญญาณที่จำเป็นต้องมีที่สิงสู่.
"คู คู !"
จิ้งจอกน้อยที่เคี้ยวไม่หยุดเลยตอนนี้มันกำลังเคี้ยวโสมพันปีอยู่,มันได้ยกขาหน้าเล็กๆของมันขึ้นมา ชี้ไปทางกระบี่อเวจี.
ฉู่เทียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยจึงได้สอบถามออกไป,"เจ้าหมายความว่าให้เก็บเอาไว้ในกระบี่อย่างงั้นรึ?"
จิ้งจอกน้อยที่เคี้ยวกรุบๆๆพยักหน้าแสดงท่าทางยืนยัน.
ครั้งแรกที่ฉู่เทียนได้รับกระบี่อเวจีมานั้นเขาสามารถสัมผัสได้ว่าพลังของกระบี่อเวจีนั้น,ไม่ใช่ว่ามันไม่มีคุณสมบัติเกี่ยวกับการเผาใหม้เลยไม่ใช่รึ? หรือว่าบางทีกระบี่อเวจีและเปลวเพลิงอเวจีอาจจะเป็นร่างเดียวกันมาก่อน,หลังจากนั้นก็ถูกแยกออกมาก็เป็นได้.
"งั้นมาลองดูกัน!"

ฉู่เทียนได้แผ่พุ่งเพลิงอสูรอเวจีเข้าไปในกระบี่อเวจี.
ราวกับว่าเพลิงอเวจีในตอนนี้กำลังพบสิ่งน่าสนใจเขา,ทันใดนั้นมันก็คลุมไปยังกระบี่อเวจีและหลอมรวมร่างของมันเข้ากับกระบี่อเวจีในทันที,กระบี่ในตอนนี้เริ่มส่องแสงสว่างโชติช่วงเปล่งแสงมากขึ้นและก็มากขึ้น,ส่องประกายเจิดจ้าแสงสีขาวจนทำให้บริเวณรอบๆสว่างไปหมด,พร้อมกับปล่อยกลิ่นอายใหม่ออกมาราวกับว่ามันได้เกิดใหม่ขึ้นมาแล้ว.
กระบี่อเวจีนอกจากจะไม่ถูกเปลวเพลิงกัดกร่อนแล้ว,มันยังปล่อยกลิ่นอายที่รุนแรงหนักหน่วงน่าเกรงขามขึ้นมามากกว่าเดิมหลายเท่าเลย.
"ที่จริงแล้วภูติวิญญาณของกระบี่อเวจีก็คือเปลวเพลิงอสูรอเวจีนี่เอง!"ฉู่เทียนที่กวัดแกว่งกระบี่เบาๆ,เปลวเพลิงที่ลุกโชนคลุมกระบี่เอาไว้,"นอกจากจะเป็นสมบัติวิเศษโดยกำเนิดยังเป็นศาสตราวิญญาณที่ยอดเยี่ยมอีกด้วยรึ?ยุคโบราณนี้ช่างมีเทคโนโลยีในการสร้างที่สุดยอดจริงๆ,เป็นสิ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก!"
หลังจากที่เปลวเพลิงอสูรอเวจีได้หลอมรวมเข้ากับกระบี่อเวจีสมบูรณ์แล้ว.
กระบี่อเวจีราวกับว่าจิตสำนึกได้ถูกปลุกขึ้นมา,เหมือนฉู่เทียนจะสามารถรู้แจ้งในเรื่องบางอย่างขึ้นมาในทันที,เขาได้กระตุ้นพลังวิญญาณที่ลึกลับดังกล่าวขึ้นมา,มันได้ปล่อยพลังงานที่ลึกลับเข้ามาในร่างของฉู่เทียน.
ภูติกระบี่เทพมารก็ถูกเรียกใช้งานโดยอัตโนมัติ!
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพลังฝึกตนของเขานั้นได้เพิ่มขึ้นมาอีกหลายเท่า!
น่าสนใจจริงๆ,ฉู่เทียนที่ยกกระบี่ขึ้นมา,เปลวเพลิงลุกโชนขึ้นที่ตัวกระบี่,กระบี่ช่วยเพิ่มระดับของคน,คนช่วยเพิ่มระดับให้กับเปลวเพลิง,มนุษย์,กระบี่และเปลวเพลิง,สามร่างร่วมแรง,นี่คือ"วิชาลับกระบี่อเวจี"มันคือแก่นของวิชาดังกล่าว!
"ฮึบ!"
ฉู่เทียนตวัดกระบี่.
คมกระบี่ที่เย็นเยือบฉีกอากาศที่ว่างเปล่า,ทิ้งประกายแสงมากมายเอาไว้ในอากาศที่เขาสะบัดออกไป,ปราณกระบี่เองราวกับจะระเบิดออกมาพร้อมๆกัน,มันถูกส่งออกไปยังเสาที่กลางห้อง,คาดไม่ถึงเลยว่าเสาหินจะถูกตัดออกเป็นท่อน?,พร้อมกับล้มระเนระนาด,และทิ้งหลุมขนาดใหญ่ด้านหน้าเอาไว้อีกด้วย.
ฉู่เทียนถึงกับตื่นตระหนกกับปราณกระบี่ดังกล่าวเป็นอย่างมาก!
ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ฝึกตนปลุกดวงจิตระดับ 2 ,บางทีก็คงยากที่จะต้านพลังของเขาได้.
เป็นปราณกระบี่ที่ฉู่เทียนปล่อยออกมาธรรมดาทั่วไปเท่านั้น,ราวกับว่ามันถูกปล่อยออกมาทุกครั้งที่เขาตวัดกระบี่,เป็นพลังที่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะคุกคามผู้ฝึกตนปลุกดวงจิตระดับ2 ได้เลย!
เป็นพลังที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลยรึ?
ผู้ฝึกตนระดับปลุกดวงจิตขั้นที่ 1 ไม่ต้องเอยเลยว่ามีพลังโจมตีเท่าไหร่,แม้แต่ระดับเดียวกันยังยากเลยที่จะจัดการ,และยิ่งยากที่จะสามารถสั่นคลอนพลังวิญญาณที่หนาแน่นของผู้ฝึกตนระดับปลุกดวงจิตขั้นที่ 2 ได้,นอกจากจะไม่สามารถสร้างรอยขีดข่วนได้แล้ว,ตนเองก็คงไม่มีแม้แต่ต้านทานพลังสะท้อนกลับได้.
เหตุผลของกระบี่ของเขามีความแข็งแกร่งเกินกว่าที่เขาคาดนั้นมีอยู่ด้วยกันสามประการ.
ประการแรกนั้นเป็นเพราะว่าภูติวิญญาณ,ภูติวิญญาณกระบี่เทพมารของฉู่เทียนนั้น,มีพลังที่น่าสะพรึงที่ลึกลับอยู่,และยังเป็นภูติวิญญาณกระบี่ที่จะช่วยเพิ่มระดับของมือกระบี่ขึ้นอีกหลายเท่า.
ประกายที่สองศาสตราวิญญาณสื่อดวงจิต,กระบี่อเวจี,แม้ว่ามันจะหลับไหลมานานหลายปีแล้ว,แต่พลังของมันก็ไม่ลดลงเลย,เมื่อมันได้รวมเข้ากับเปลวเพลิงอสูรอเวจี,ก็ยิ่งแสดงพลังที่น่าอัศจรรย์ออกมา.
ประการที่สาม,เพลงกระบี่ลับ,เป็นวิชาบำเพ็ญกระบี่เพลิงอเวจี ที่มีคุณสมบัติปลดปล่อยแรงระเบิดออกมา,ซ้ำยังมีอีกคุณสมบัติแฝงเอาไว้,คือทักษะลอบสังหารที่ยอดเยี่ยม.
เยี่ยม!
ยอดเยี่ยม!
พลังทำลายล้างของฉู่เทียนในตอนนี้เพิ่มขึ้นมาหลายเท่าในเวลาเพียงไม่นาน!
หากตอนนี้ล่ะก็ไอ้เจ้าร่างจำแลงปิศาจสวรรค์ไร้ค่านั่น,ถึงแม้ว่าจะไม่ต้องได้รับการช่วยเหลือจากจิ้งจอกน้อย,เขาย่อมไม่มีทางแพ้อย่างแน่นอน!
ใช่แล้ว!
เจ้าจิ้งจอกน้อยล่ะ?
ฉู่เทียนที่ไม่ว่างอยู่พักเดียว,ทำให้เขาไม่ได้ใส่ใจเจ้าจิ้งจอกน้อยอยู่ครู่หนึ่ง,เมื่อเขาจ้องมองหามันอีกครั้ง,กองสมุนไพรมากมายที่กองกันอยู่เป็นจำนวนมาก,คาดไม่ถึงเลยว่าจะกลายเป็นวางเปล่าจนหมด.
เจ้าจิ้งจอกตัวน้อยที่นั้งกลิ้งเกลือกอยู่บนพื้น,ท้องของมันที่ก่อนนี้ไม่รู้จักคำว่าเต็มกลับนูนป่องออกมา,พร้อมกับเรอออกมาเสียงดัง,จนยืนลุกขึ้นยืนสีเท้าไม่ได้,กลิ้งไปมาบนพื้น,บนใบหน้าของมันนั้นแสดงท่าทางพอใจเป็นอย่างมาก.
"บัดซบ!"
"แม่ม!"

"กินจนหมดนี้เลยเหรอ!"
"เจ้าจิ้งจอกนี่มัน,ตัวกินล้างกินผลาญจริงๆ"ฉู่เทียนที่วิ่งตรงไป,พร้อมกับคว้าไปที่หูจิ้งจอกน้อย,พร้อมกับยกขึ้นมาอย่างไม่ปราณี"เจ้านี้ทำบิดาฉิบหายไปหลายล้านเหรียญแล้วรู้ใหม!"
เจ้าจิ้งจอกน้อยไม่ได้รู้สึกผิดแม้แต่น้อย,ซ้ำมันยังยกขาหน้าของมันแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เขาอีก.
เจ้าจิ้งจอกน้อยนี้มันกินอะไรไปบ้างล่ะตอนนี้?
ดูซิ,เจ้าจะขัดขืนข้ายังไง!
ฉู่เทียนที่ยกกำปั้นขึ้นในทันที"คิดว่าข้าไม่กล้าสั่งสอนเจ้าอย่างงั้นเหรอ!"
จะตีข้าจริงๆรึ?
จิ้งจอกน้อยที่ตัวสั่นด้วยความกลัว,มันย่อมรู้ดีว่าเขาคือนายของมัน,มันไม่สามารถที่จะต่อต้านเขาได้,มันจึงได้เร่งรีบให้สัญญาณอะไรบางอย่างกับเขา.
"อะไร?ยังมีสมบัติอย่างอื่นซ่อนอยู่อีกรึ?"

จิ้งจอกน้อยใช้กงเล็กของมันชี้ออกไปยังทิศทางของบ่อโลหิต,ฉู่เทียนที่จ้องมองผ่านเข้าไปยังบ่อโลหิต,สถานที่ที่ร่างจำแลงปิศาจสวรรค์ใช้ในการรักษา,ยังซ่อนความลับอะไรบางอย่างไว้อยู่อย่างงั้นรึ?



ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/miracle-throne

#นิยาย บัลลังก์แห่งปาฏิหาริย์ #Miracle throne#นิยายแปลไทย



สนใจสนับสนุนพวกเรา เข้าร่วมกลุ่ม VIP  Click

-เว็ปฟรี 2 วันนอัพหนึ่งตอน

-กรุ๊ป vip วันล่ะ 2 ตอน

1 ความคิดเห็น: