วันศุกร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2560

Miracle Throne Chapter 100 Conflict eruption

Miracle Throne Chapter 100 Conflict eruption

นิยาย บัลลังก์แห่งปาฏิหาริย์ ตอนที่ 100 -ความขัดแย้งที่ปะทุขึ้น.


บทที่ 100 -ความขัดแย้งที่ปะทุขึ้น.





ตระกูลหนานกงนั้นเป็นหนึ่งในสามของตระกูลขนาดใหญ่ในอาณาจักรหนานเซี่ย,ตระกูลของพวกเขานั้นเป็นหนึ่งในเผ่านักรบโบราณ,เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกของอาณาจักรหนานเซี่ยแห่งนี้,หลังจากมีการก่อตั้งอาณาจักรขึ้นมา พวกเขาก็หยั่งรากลึกและพัฒนาตระกูลมาโดยตลอดผ่านมาหลายร้อยปีมาแล้ว,ส่งผลให้พวกเขามีอิทธิพลและความแข็งแกร่งไม่ธรรมดาเลย,เป็นหนึ่งในกลุ่มอิทธิพลที่ทรงพลังที่สุดในอาณาจักรแห่งนี้ก็ว่าได้.



ทูตของตระกูลหนานกง,ได้มาเยือนเมืองขนาดเล็กเช่นนี้,ไม่ต้องสงสัยเลยว่าย่อมส่งผลให้เกิดความโกลาหลอย่างแน่นอน.


เหตุผลเองก็แทบไม่ต้องกล่าวเลยว่า.


เดินทางมาด้วยเรื่องของฉู่เทียนนั่นเอง.


ฉู่เทียนที่เร่งรีบเดินทางมายังตำหนักเจ้าเมือง.


ภายในห้องโถงหลักของตำหนักเจ้าเมือง,เหล่าองค์รักษ์ของตระกูลหนานกงที่สวมชุดสีแดง,พร้อมกับเหล่าผู้คุ้มกันอีกมากมายที่ยืนอยู่เต็มไปหมด,ชายอาวุโสคนหนึ่งที่มีอายุราวๆ 60 ปี,สวมชุดคลุ่มสีแดงม่วง,พร้อมกับยืนกุมไม้เท้าสีดำขริบทองอยู่,ทั่วทั้งร่างกายของเขานั้นถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายที่หนักหน่วงกดข่มคนอื่นเป็นอย่างมาก.


ดวงตาเล็กไม่ใหญ่,ทว่าสายตาที่คมกริบนั่น,ทำให้คนอยู่รอบๆยากที่จะมองสบตาเขาได้.


พลังฝึกตนของชายแก่คนนี้เองก็สูงเป็นอย่างมาก,บางทีเทียบกับหนานกงอี้แล้วเหนือกว่าหลายขั้นทีเดียว!


อันที่จริงแล้วผู้ฝึกตนระดับปลุกดวงจิตนั้น,มีระดับขั้นดินแดนความแข็งแกร่งสามดินแดนที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก,แต่ละดินแดนนั้นมีพลังที่แตกต่างกันลิบลับเลยทีเดียว.


ผู้ฝึกตนปลุกดวงจิตขั้นที่ 1 ถึงขั้นที่ 3 นั้น เป็นการปลุกดวงจิตขั้นต้น,เรียกว่า "ดวงจิตเสมือน"!(虚魂 ซูหวิ๋น)


ผู้ฝึกตนปลุกดวงจิตขั้นที่ 4 ถึงขั้นที่ 6 นั้น เป็นการปลุกดวงจิตระดับกลาง,เรียกว่า "ดวงจิตปรากฏ"!( เซียน หวิ๋น)

ผู้ฝึกตนปลุกดวงจิตขั้นที่ 7 ถึงขั้นที่  9 นั้น เป็นการปลุกดวงจิตขั้นปลาย,เรียกว่า "ดวงจิตที่แท้จริง"!(真魂 เจิ้น หวิ๋น)



หนานกงอี้ที่มีพลังปลุกดวงจิตระดับ 3 ขั้นปลาย ,จึงอยู่ในดินแดน"จิตวิญญาณเสมือนเท่านั้น" ส่วนอาวุโสของตระกูลหนานกงนั้นแน่นอนว่าเขา ได้ข้ามไปอยู่ในดินแดน ดวงจิตปรากฏ เรียบร้อยแล้ว.


ดูผิวเผินเหมือนจะว่าจะไม่มากมายนัก,แต่แท้จริงแล้วทั้งสองดินแดนต่างมีพลังวิญญาณที่ห่างกันมหาศาลทีเดียว.


เรียงตามความสำคัญ,เมื่อชายชราเดินทางมาถึงตำแหน่งเจ้าเมือง,หนานกงอี้จำต้องมอบที่นั่งบันลังก์เจ้าเมืองให้เขานั่น,และหนานกงอี้ที่มีตำแหน่งเจ้าเมืองเมืองทำได้แค่เพียงนั่งอยู่ข้างๆเท่านั้น,เห็นได้อย่างชัดเจนถึงสถานะที่แตกต่างกัน.


"ฉู่เทียนมาถึงแล้ว!"


ผู้คุ้มกันที่หน้าประตูตระโกนออกมาเสียงดัง.


ผู้เยาว์ที่มีหน้าตาละเอียดละออได้เดินเข้ามอย่างช้าๆ.


ชุดเสื้อคลุมสีเขียวที่ดูจืดชืด,ที่ไหล่ของเขามีจิ้งจอกน้อยหมอบอยู่,พร้อมกับด้านหลังมีกระบี่โบราณแขวนอยู่,สายตาที่สุกสกาวสดในราวกับดวงดารา,ท่าทางที่ดูสงบเยือกเย็น,ส่งผลให้ทุกคนต่างจับจ้องมองไปยังเขาอย่างช้าๆ.


กริ้ง กริ้ง กริ้ง!


เสียงกระดิ่งโบราณที่สั่นไปมาบนข้อมือของเขา,ทุกครั้งที่เขาก้าวเดิน,ส่งเสียงดังออกมาเป็นระยะๆ,เป็นเสียงที่กังวานสดใสหากแต่แฝงไปด้วยความน่าสะพรึงกลัวที่ชอนไชเข้าไปถึงจิตวิญญาณ,ทุกก้าวที่ฉู่เทียนก้าวเข้ามา,ทำให้ทุกคนในห้องโถงถึงกับเปลี่ยนเป็นเงียบงันทีเดียว.


ร่างของชายชุดดำทั้ง 18 ร่างยืนตระหง่านอยู่ภายนอกห้องโถง,ไม่ได้ตามฉู่เทียนเข้ามา.


ดวงตานับไม่ถ้วนต่างก็จ้องมองไปยังฉู่เทียนเป็นสายตาเดียวกัน.


ชายชราที่หยุดจิบน้ำชา,สายตาเพ่งพิศ,และกวาดมายังร่างของฉู่เทียนช้าๆ,ฉู่เทียนสามารถสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณที่หนักหน่วงได้ในทันที,ควรค่าแล้วที่เป็นผู้เชี่ยวชาญปลุกดวงจิตในดินแดน"ดวงจิตปรากฏ"ถึงแม้ว่าจะยังไม่ปลดปล่อยภูติวิญญาณออกมาก็ตามที,ยังสามารถส่งแรงกดดันที่รุนแรงออกมาได้.


หากเปลี่ยนคนอื่นที่เป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับปรุงร่างทั่วไป,ไม่ต้องกล่าวเลยว่าจะสามารถเดินเข้ามาได้,บางทีแม้แต่ยืนอยู่กับที่คงลำบากแสนเข็ญ.


ฉู่เทียนสะดุดเล็กน้อย,ก่อนที่จะก้าวเดินต่อโดยไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น.


หนานกงอี้รู้สึกพึงพอใจท่าทางของฉู่เทียนเป็นอย่างมาก,ก่อนที่จะยืนขึ้นพร้อมกับกล่าวแนะนำ,"ผู้อาวุโสหนานกงไห่,นี่คือผู้เยาว์ที่มีนามว่าฉู่เทียน,ที่ข้าได้แจ้งและเอ่ยถึงว่าเขาเป็นผู้เยาว์ที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์เป็นอย่างมาก."


หนานกงไห่ที่แสดงท่าทางไม่แยแสเลยแม้แต่น้อย,พร้อมกับกล่าวออกมาเบาๆ"หนานกงอี้,ที่กล่าวชื่นชมเจ้าเป็นอย่างมาก,มันเป็นเรื่องจริงอย่างงั้นรึ?"


หนานกงอี้ลอบส่งสายตาไปยังฉู่เทียน.

เป็นความนัยย์ว่าอย่าเพิ่งกล่าวสิ่งใดออกมา!


หนานกงอี้ที่ตอบกลับแทนฉู่เทียน"ท่านอาวุโส,พูดตามตรงเลย,ฉู่เทียนนั้น,ข้าได้เฝ้ามองมาโดยตลอด,เขาเป็นผู้เยาว์ที่มีพรสวรรค์ที่สุด,ตระกูลหนานกงของพวกเราต่างก็เฟ้นหาเหล่าคนที่มีพรสวรรค์มาโดยตลอด,ข้าคิดว่าการทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในทูตพิเศษ,จะเป็นการแสดงแก่คนทั่วไปให้สามารถเห็นถึงหลักการที่ยอดเยี่ยมของตระกูลพวกเราที่ได้ให้ความสำคัญในการเสาะหาเหล่าคนที่มีพรสวรรค์ได้."


"ทูตพิเศษของตระกูลหนานกงนั้น,ไม่ใช่จะสามารถให้ใครก็ได้."หนานกงไห่ที่กล่าวออกมาอย่างราบเรียบ,จนทำให้คนอื่นๆยากที่จะสามารถคาดเดาความตั้งใจที่แท้จริงได้" พื้นฐานอย่างแรกที่ต้องมีนั้นคือผู้ฝึกตนระดับปลุกดวงจิต,หากยังไม่ถึงระดับปลุกดวงจิต,ถึงจะมีพรสวรรค์เท่าไหร่ก็ไร้ประโยชน์,ตระกูลหนานกงก็ไม่ต้องการ,คิดว่ามีคุณสมบัติไม่ครบทั้งสามข้อแล้วจะให้ยอมรับได้อย่างงั้นรึ?ทูตพิเศษของตระกูลหนานกงหาได้ใช่ตำแหน่งสัวๆทั่วไป!"


ฉู่เทียนเริ่มเข้าใจอะไรได้บ้างแล้ว.


พวกเขาที่มาจากตระกูลเดียวกัน,ทว่าพวกเขาเองก็หาได้สนิทชิดเชื้อแต่อย่างใด,เหมือนว่าพวกเขาต่างมีช่องว่างขนาดใหญ่กั้นขวางกันเอาไว้อยู่.


เหล่าตระกูลชั้นสูงเองดูเหมือนว่าจะไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกันอย่างคาดไม่ถึง,พวกเขาที่เป็นตระกูลหนานกงเหมือนกัน,แต่ก็มาจากสาขาที่ต่างกัน,แน่นอนว่าย่อมมีความขัดแย้งกันอยู่บ้าง.


ขณะที่หนานกงอี้จะกล่าวเอ่ยปากออกมา.


"เอาล่ะ,เรื่องทูตพิเศษนั่น,ไม่ต้องเอามากล่าวชั่วคราวก่อน!"หนานกงไห่ยืนขึ้น,ก่อนที่จะตำหนิหนานกงอี้ทันทีทันใด"ข้าเดินทางมาเมืองเทียนหนานในครั้งนี้,ก็เพื่อที่จะสืบสวนเรื่องความขัดแย้งของเจ้ากับตระกูลเย่,และตระกูลฉู่,หนานกงอี้เจ้าควรจะรู้นะที่ตระกูลหนานกงส่งเจ้าเข้ามาแทรกแซงในรัฐกลางนั้น,ก็เพื่อที่จะให้เจ้าแสดงให้พวกเขาเห็นถึงความสามารถในการจัดการเรื่องบริหารกองกำลังและสร้างอิทธิพลของตระกูลหนานกงให้พวกเขาได้เห็น."


"นั่นมัน.."

"ไม่ต้องมาแก้ตัว!ตระกูลรู้สึกผิดหวังต่อเจ้าเป็นอย่างมาก!"


หนานกงอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย"ตระกูลจะมองข้าอย่างไรก็ไม่เป็นไร,ทว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะต้อง....


หนานกงไห่กล่าวสวนเขาทันควัน"เจ้ายังไม่เข้าใจภารกิจของเจ้าหรอกรึ?เจ้าไม่รู้จักลดราวาศอกทำตามภารกิจที่ตระกูลมอบให้,ซ้ำยังไปล่วงเกินเหล่าตระกูลในแคว้นนี้เข้าอีก,ยุแหย่ตระกูลใหญ่ในท้องถิ่นสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นกับตระกูลหนานกง,เพราะสิ่งที่เจ้าได้ทำลงไป,ทำให้ตระกูลหนานกงต้องสูญเสียกองกำลังสนับสนุนไป!เจ้ารู้จักใคร่ครวญถึงสถานการณ์โดยรวมบ้างรึไม่?!"


หนานกงอี้กล่าวออกมาอย่างหนักแน่น,"ตระกูลท้องถิ่นที่อยู่ใต้การปกครอง,ทำไมตระกูลหนานกงจะต้องเอามาใส่ใจด้วยล่ะ?"


"ความช่วยเหลืออันน้อยนิดแต่มากมายย่อมกลายเป็นการช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ได้,ความจริงข้อนี้เจ้าไม่เข้าใจอีกรึ?"หนานกงไห่กล่าวออกมาเสียงแข็ง,"เจ้าเพียงแค่รวบรวมเหล่าผู้มากพรสวรรค์,แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องไปล่วงเกินคนเหล่านั้น,และอย่าได้ลืมหน้าที่ของตัวเองว่าควรทำอะไร!"


หนานกงอี้ค่อนข้างโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก.


เจ้าแก่อวดภูมิคนนี้มันเกินจะทนจริงๆ,น่ารำคาญอย่างที่สุด!


ตระกูลเย่และตระกูลฉู่,เคยสนับสนุนอะไรตระกูลหนานกงรึอย่างไร,เปรียบกับสิ่งที่ฉู่เทียนสนับสนุนตระกูลหนานกงแล้วเทียบกันได้อย่างไร?


หนานกงอี้ที่กล่าวออกมาอย่างไม่พอใจ,"ท่านอาวุโส,ท่านทำเช่นนี้คงไม่ต่างจากข้ามแม่น้ำได้ก็รื้อสะพานทิ้ง,ข้าได้อธิบายท่านไปแล้วว่าเขาได้สนับสนุนตระกูลของเราอย่างไร,ด้วยพรสวรรค์ของเขาเอง,ท่านยังไม่เข้าใจชัดเจน,ทำไมท่านถึงต้องการขัดขวางอยู่อีกล่ะ!"


"ขัดขวางรึ?ชิ!"หนานกงไห่จ้องมองไปยังฉู่เทียน"เจ้าเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม,ข้า,ของถามเจ้าเลยว่าทำไมเจ้าถึงต้องการที่จะเป็นทูตพิเศษของตระกูลหนานกง?"


ฉู่เทียนที่ขมวดคิ้วเข้าหากัน.


เขารู้สึกได้ว่าเรื่องนี้วันนี้,บางทีคงจะไม่ง่ายแล้ว.


"หากเจ้าไม่ต้องการจะพูดข้าจะพูดแทนก็ได้,เจ้าได้ไปล่วงเกินตระกูลใหญ่หลายตระกูล,ตอนนี้ไม่มีทางเลือก เลยต้องการที่จะหาร่มกำบัง!"หนานกงไห่แค่นเสียงอย่างเหยียดหยัน"ในเมือตระกูลหนานกงต้องการที่จะปกป้องเจ้า,เจ้าเองก็ต้องแสดงความจริงใจ,ขอเพียงแค่เจ้าจงรักภัคดีต่อตระกูลหนานกงอย่างจริงใจ,พวกเราก็จะพิจารณาเป็นที่กำบังให้กับเจ้า,เพื่อให้เจ้าหลุดรอดจากปากเหยี่ยวปากกา,หากแต่ตอนนี้จะให้พวกเราเชื่อใจเจ้าได้อย่างไร!หากว่าวันนี้ให้เจ้าเป็นทูตพิเศษ,แล้วพรุ่งนี้เจ้าต้องการที่จะยกเลิก,แล้วจะให้ตระกูลหนานกงเอาหน้าไปวางไว้ที่ใหนกัน?"


นี่มันเหตุผลบ้าบออะไรกัน?


ข้าได้มอบวิชาลับแก่ตระกูลหนานกง,นี่ยังไม่เพียงพอที่จะแลกตำแหน่งทูตพิเศษอีกรึ?


ถึงแม้ว่าบิดาผู้นี้จะเลิกเป็นทูตพิเศษ,แล้วตระกูลหนานกงของพวกเจ้าจะเสียหาอะไร!


ฉู่เทียนเริ่มอารมณ์ไม่ดีแล้ว,ในเมื่อตระกูลหนานกงดูแคลนเขาถึงเพียงนี้,ทำไมเขาจะต้องเอาชีวิตไปฝากฝังกับคนเหล่านี้ด้วยล่ะ "หากเป็นเช่นนั้นล่ะก็,ตำแหน่งทูตพิเศษอะไรนั่นข้าไม่ต้องการ."


"หนุ่มน้อย,เจ้าก็พอมีพรสวรรค์บ้าง,เอาอย่างนี้ทำตามวิธีของข้าแล้วกัน."หนานกงไห่กล่าวออกมาไม่เกรงใจใคร,"เอาเป็นว่าข้าจะรับเจ้าเป็นศิษย์ในนามก็แล้วกัน,แล้วข้าจะพาเจ้าไปจากรัฐกลาง,เจ้าก็จะไม่ต้องกังวลกับเหล่าตระกูลใหญ่ไล่ล่าสังหารอีก,และหนานกงอี้เองก็จะไม่ต้องสร้างความขัดแย้งที่ลึกซึ้งกับตระกูลท้องถิ่น,นี่ถือว่าเป็นทางออกสำหรับทุกคน."


ศิษย์ในนาม?


บัดซบเป็นศิษย์ในนาม!


ฉู่เทียนถึงกับโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทีเดียว!


ศิษย์ในนามอะไรกัน?ไร้สาระ,เป็นศิษย์ในนามของเจ้ากระจอกนี้นะเหรอ,ไม่เพียงแต่ไม่ได้การปกป้องจากตระกูลหนานกง,ซ้ำยังทำอะไรไม่ได้,ทำได้แค่เพียงหุ่นเชิดของเจ้าแก่เฒ่านี้เท่านั้น.


เจ้าหมาแก่บังอาจมีเจตนาร้ายเหรอ,นี่ก็เป็นการชัดเจนแล้วว่าเจ้าหมาแก่นี้ต้องการให้บิดาผู้นี้ไปรับใช้,ต้องการบีบบังคับให้ข้าคอยรับใช้อย่างไร้ค่าอย่างงั้นเหรอ!


คิดจริงๆรึว่าฉู่เทียนคนนี้โง่เง่าขนาดนั้น?


หนานกงไห่ไม่ปล่อยให้เขาโต้เถียง,"เจ้า,ตามข้ามาเดี๋ยวนี้!"


หนานกงอี้โกรธเกรี้ยวกล่าวออกมาทันควัน,"ข้าไม่เห็นด้วย!"


"หนานกงอี้,เจ้ายังเป็นคนของตระกูลหนานกงอยู่อีกรึ? สำเหนียกในสถานะตัวเองด้วย,เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะมาสั่งผู้อาวุโสเช่นข้า!"หนานกงไห่ยังคงนิ่งงันพร้อมกับจ้องมองดูถูกเหยียดหยันต่อหนานกงอี้,"ข้าตัดสินใจแล้วไม่มีใครเปลี่ยนได้!"


สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดทั้งปวงไม่รู้ว่าออกมาเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร.


หนานกงอี้ไม่คาดคิดเลยแม้แต่น้อย.


ขณะที่หนานกงไห่เตรียมที่จะสั่งเหล่าองค์รักษ์และนำตัวฉู่เทียนไปนั้น.


ทั่วทั้งตำหนักเจ้าเมืองทันใดนั้นก็สั่นไหวอย่างรุนแรง,พลังกดดันที่หนักหน่วงน่าสะพรึงกลัวได้โถมกระหน่ำมายังเมืองเทียนหนานแห่งนี้.


มือทั้งสองข้างของหนานกงไห่ลูบไปที่เคราตนเอง,ก่อนที่จะแค่นเสียงอย่างเย็นชาออกไป."ใครกัน,ใครมันที่กล้ายั่วยุตระกูลหนานกง!"


หลังจากที่กล่าวจบเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นลำแสง,พร้อมกับพุ่งออกไปนอกห้องโถง.


บนท้องฟ้า.

บรรยากาศเปลี่ยนไปในทันที,เสียงลมโหยหวนหวีดหวิวอย่างรุนแรง,กลิ่นอายที่ดุร้ายปกคลุมไปทั่วทั้งขอบฟ้า,ทั่วทั้งอากาศเต็มไปด้วยพลังกดดันวิญญาณที่รุนแรงน่าสะพรึงกลัว.


คนที่อยู่รอบๆในเหตุการณ์เต็มไปด้วยท่าทางขวัญหนีดีฝ่อและประหลาดใจเป็นอย่างมาก.


กลิ่นอายที่หนาแน่นหนักหน่วงนี้ราวกับแรงกดดันของสัตว์อสูรจากโบราณกาล!


เป็นไปได้อย่างไรที่จะกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวของสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งเกิดขึ้นทั่วเมืองเทียนหนาน?


ในเวลาเดียวกัน,จูเผิงสีทองขนาดมหึมาจนยากจะหาอะไรมาเปรียบ,ค่อยโผบินลงมายังเมืองเทียนหนาน.


"นี่มันเป็นสัตว์อสูรแบบใดกัน!"


หนานกงอี้และหนานกงไห่,ที่เห็นจูเผิงสีทองตนนั้น,คิ้วทั้งสองข้างของพวกเขาถึงกับขมวดไปมา.


ด้วยจูเผิงสีทองตนนั้นมีพลังเทียบได้กับสัตว์อสูรระดับสองทีเดียว,อย่างไรก็ตามด้วยความแข็งแกร่งของมันน่าจะมีพลังห่างจากระดับปลุกดวงจิตระดับ 2 ไม่ได้มากมายนัก,และมันก็ไม่ใช่สัตว์อสูรสายพันธุ์โบราณแต่อย่างไร,เป็นไปไม่ได้ที่จะปลดปล่อยกลิ่นอายที่รุนแรงหนักหน่วงได้ถึงเพียงนั้น.


"ทุกๆคนดูตรงนั้นเร็วเข้า!"


"บนหลังของจูเผิงสีทองมีคนอยู่ด้วย!"


เหล่าประชาชนทั่วเมืองเทียนหนานถึงกับเกิดความโกลาหลขึ้นในทันที,ทำให้พวกเขาถึงกับหายใจเอาลมที่เย็นยะเยือกเข้าไปเลยทีเดียว.


คนผู้หนึ่งทีทรงพลังยืนตระหง่านบนหลังของจูเผิงสีทอง,คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นผู้ยาวที่สวมชุดสีขาว,อายุราวๆ 20 ปี,แขนทั้งสองข้างกอดอกอยู่,เสื้อคลุมยาวสีขาวโบกสะบัดร่ายรำตามแรงลม,สายตาที่คมกริบของเขานั้นราวกับเป็นการจ้องมองของอสูรร้าย,พร้อมกับปลดปล่อยพลังกดดันวิญญาณออกมาที่รุนแรงเป็นอย่างมาก.




ภาพที่พวกเขาเห็นตอนนี้บุคคลๆนี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก,ในโลกนี้ยังมีคนที่ทรงพลังเช่นนี้อยู่อีรึ?


กลิ่นอายที่เขาปล่อยปล่อยออกมานั้นราวกับเป็นของสัตว์อสูรโบราณกาล,มนุษย์นั้นสามารถปลดปล่อยกลิ่นอายเช่นนี้ด้วยเหรอ!


หนานกงไห่สามารถรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายที่รุนแรงของฝ่ายตรงข้ามได้,กลิ่นอายที่ทรงพลังขนาดนี้,เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญปลุกดวงจิตดินแดน "จิตวิญญาณปรากฏ"เขาคำรามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว"ไม่ว่าอย่างไรคนๆนี้,กล้าล่วงเกินเขตแดนของคนตระกูลหนานกง,จะให้ข้าอดทนอยู่ได้อย่างไร?"


โฮกกกกก.


ทั่วทั้งร่างของหนานกงไห่ปลดปล่อยพลังภูติวิญญาณกลายเป็นกลุ่มก้อนเปลวเพลิงขนาดใหญ่,พลังวิญญาณที่มากมายเหนือกว่าคนทั่วไปมาก,มันรวมตัวกลายเป็นของเหลวที่ไหลผ่านไปทั่วร่างายของเขา,พวยพุ่งคลื่นความร้อนอย่างรุนแรง,ข่มขู่คนอื่นๆเป็นอย่างมาก.


ภูติวิญญาณแมกม่าอย่างงั้นรึ?


หนานกงไห่ที่เป็นคนตระกูลหนานกง,มีภูติวิญญาณคุณสมบัติเปลวเพลิงบริสุทธิ์,พลังวิญญาณของเขากลายเป็นแมกม่าหินหลอมเหลวที่พร้อมจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง,พลังทำลายล้างของเขานั้นน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก.


ทั่วทั้งร่างกายของหนานกงไห่ถูกปกคลุมไปด้วยแมกม่าหินหลอมเหลว,ร่างกายของเขาขยายขึ้นมาใหญ่โตอีกหลายเท่า,ราวกับว่าเป็นมนุษย์หินแมกม่ายักษ์.


"ฮึ!"


"ได้ยินมานานแล้วว่า <<เพลิงผลาญสวรรค์>>ของตระกูลหนานกงไร้เทียมทาน,วันนี้ข้ามาขอคำชี้แนะ!"


ชายหนุ่มคนหนึ่งที่กระโดดเหินลงมาจากจูเผิงสีทอง,เขาปลดปล่อยพลังวิญญาณมากมายออกมา,กลายร่างเป็นหมาป่าขนาดมหึมาที่โผล่ขึ้นด้านหลังเขา,ทุกก้าวย่างที่มันก้าวผ่านเกิดเป็นเปลวเพลิงลุกไหม้ขึ้นมาทันที,ดวงตาที่คมกริบจับจ้องลงมา,มีปีกทั้งสองข้างขนาดมหึมาดูคล้ายกับปีกของมังกรก็ไม่ปาน.


พลังกดดันวิญญาณที่หนักหน่วงราวกับสัตว์อสูรขนาดมหึมา,ถูกปล่อยออกมาจากภูติวิญญาณตนนี้.


หนานกงไห่และชายหนุ่มที่แทบไม่ต่างจากสัตว์ประหลาด,ทั้งสองเหินเข้าปะทะกัน 3-4 รอบ,เปลวเพลิงที่พวกพุ่งทะยานไปถึงสวรรค์กับพลังวายุแห่งหายนะที่เต็มไปด้วยความแค้น,การโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า,คาดไม่ถึงเลยว่าพลังของทั้งสองจะสูสีกัน.


ภายในใจของหนานกงไห่นั้นรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก,ผู้เยาว์คนนี้อายุ 20 กว่าๆ,กลับมีพลังฝึกตนที่สูงถึงขนาดนี้,ถึงแม้ว่าจะเป็นตระกูลหนานกงที่น่าเกรงขาม,คนที่มีพรสวรรค์ถึงเพียงนี้มีอยู่น้อยมาก!


"โอ้ว!สมแล้วที่เป็นผู้เชี่ยวชาญปลุกดวงจิตระดับกลาง,"ดวงจิตปรากฏ"ของตระกูลหนานกง!"ผู้เยาว์ที่ดุร้ายคนนี้ยังคงเข้าต่อสู้ไม่หยุด,ทันใดนั้นหมัดของเขาที่ปล่อยออกมา,เพียงพริบตาเดียว,พลังที่ล้นหลามจากภูติวิญญาณคลุมร่างของเขาในทันที,พร้อมกับโผทะยานออกมาราวกับหมาป่าขนาดมหึมาที่มีชีวิต,มันสะบัดปีกอย่างรุนแรง,พุ่งเข้ามาหาหนานกงไห่.


"เทพหมาป่าสวรรค์จู่โจม!"


"หมัดผลาญสวรรค์!"


ทั่วทั้งร่างกายของหนานกงไห่มีหินแมกม่าคลุมร่างเดือดปุดๆ,หมัดของเขาคำรามทะลวงออกไปเสียงดังสนั่น,หมัดที่รุนแรงของทั้งสองเข้าปะทะกัน,พลังแตกกระจายออกไปทุกทิศทุกทาง,บ้านเรือนหลายหลังภายในเมืองเทียนหนานไฟลุกไหม้ขึ้นมาในทันที,เหล่าประชาชนที่อยู่รอบๆต่างแตกตื่นวิ่งหนีกันจ้าระหวั่น.


การต่อสู้ที่รุนแรงเช่นนี้ภายในเมืองเทียนหนานนั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!


คนทั้งสองนี้น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก!


ชายหนุ่มที่ไม่ต่างจากอสูรคนนี้ถูกโจมตีกระแทกถอยหลังออกมาหลายฟุตทีเดียว,เห็นได้ว่าเขานั้นได้รับบาดเจ็บไม่มากนัก,ส่วนหนานกงไห่นั้นมีโลหิตที่ไหลผ่านออกมาจากมุมปากของเขา,คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บหนักจนไม่คาดคิดที่เดียว,ด้วยเขตแดนพลังที่ไม่ต่างกันนัก,ทว่าความแข็งแกร่งของภูติวิญญาณของชายหนุ่มนั้นแข็งแกร่งกว่าเป็นอย่างมาก.


"ข้านึกออกแล้ว!"


"หมาป่าเพลิงสวรรค์ปีกมังกร!"


"นี่คือภูติวิญญาณหมาป่าเพลิงสวรรค์ปีกมังกร!"


"คนผู้นี้ก็คือนายน้อยหมาป่าสวรรค์ เย่เทียนหลาง,หนึ่งในสี่ต้าซือแห่งรัฐกลาง!"



เหล่าคนที่อยู่รอบๆต่างก็สบตากันและกันด้วยท่าทางประหลาดใจ,ไม่น่าแปลกใจเลยว่าคนผู้นี้ถึงได้แข็งแกร่งทรงพลังยิ่งนัก,คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นนายน้อยหนึ่งในสี่ต้าซือแห่งรัฐกลาง,อันดับสามนายน้อยหมาป่าสวรรค์,เย่เทียนหลาง!


ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/miracle-throne

#นิยาย บัลลังก์แห่งปาฏิหาริย์ #Miracle throne#นิยายแปลไทย



สนใจสนับสนุนพวกเรา เข้าร่วมกลุ่ม VIP  Click

-เว็ปฟรี 2 วันนอัพหนึ่งตอน

-กรุ๊ป vip วันล่ะ 2 ตอน

1 ความคิดเห็น: