วันพุธที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

Miracle Throne Chapter 92 Purchase basin

Miracle Throne Chapter 92 Purchase basin

นิยาย บัลลังก์แห่งปาฏิหาริย์ ตอนที่ 92 - ซื้อลุ่มน้ำ


บทที่ 92 - ซื้อลุ่มน้ำ




เมิ่งชิงอู๋ที่ได้รับรายการวัตถุดิบอื่นๆในการสร้างเม็ดยาทารกวิญญาณมา,ซึ่งนับว่ามีราคาสูงเป็นอย่างมาก,วัตถุดิบเหล่านั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าผลไม้ทารกวิญญาณเลยแม้แต่น้อยเพียงแต่มีขายในรัฐกลางเท่านั้น,ที่จริงแล้วนี่คือวัตถุดิบในการปรุงยาศักดิ์สิทธิ์,แน่นอนว่าจะต้องใช้เวลาในการซื้อ.


โอกาสใกล้เข้ามาแล้ว!


เหลืออีกเพียงไม่กี่ก้าว!


การปรุงยาเพื่อทะลวงผ่านดินแดนปลุกดวงจิตนั้น,ฉู่เทียนมั่นใจว่าจะสามารถทะลวงคอขวดในปัจจุบันไปได้,ไปสู่ดินแดนปลุกดวงจิตที่เหล่าผู้ฝึกตนนับหมื่นต่างให้ความเคารพ.



ยิ่งตัวตนของภูติวิญญาณสามารถสร้างร่างและสติขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แบบเท่าไหร่.


ทักษะการต่อสู้ก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นมาจนแข็งแกร่งหลายสิบเท่า!


นี่ไม่เพียงแต่สร้างความแข็งแกร่งให้กับหอการค้าปาฏิหาริย์เท่านั้น,มันยังเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของฉู่เทียนอีกด้วย,ดังนั้นแล้วเขาจึงคิดที่จะรวบรวมวัตถุดิบในการปรุงยาให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้,เพื่อที่จะสร้างขุมกำลังที่แข็งแกร่งให้กับหอการค้าปาติหาริย์.


ด้วยการใช้เส้นสายที่มีของซ่งเทียนเหยี่ยนและซ่างหลีซิง,พร้อมกับให้หนานกงอี้หาช่องทางภายในตระกูลอีกด้วย.


สามวันผ่านไป,ก็สามารถรวบรวมวัตถุดิบได้มากเกินครึ่ง,ซึ่งมีประสิทธิ์ภาพที่ดีเยี่ยมเลยทีเดียว!


อย่างไรก็ตามที,ฉู่เทียนไม่สามารถที่จะรอคอยที่ภายในเมืองได้,หลายวันที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้,ยังมีอีกเรื่องที่เขาต้องทำให้สำเร็จ,เขาได้ตัดสินใจเรื่องสำคัญสำหรับหอการค้าปาฏิหาริย์ที่จะดำเนินการซื้อแหล่งปลูกหญ้าสะเก็ดดาวนั่นเอง!


หญ้าสะเก็ดดาวนั้นเป็นทรัพยากรหลักที่จะใช้ในการบำเพ็ญพลังฝึกตน.





แม้ว่าจะไม่ใช่สมุนไพรจิตวิญญาณก็ตามที,เพราะว่าช่วงชีวิตการเจริญเติบโตของมันนั้นค่อนข้างยาวนาน,และเป็นสมุนไพรที่เกิดในบางพื้นที่เท่านั้น,จะสามารถเก็บได้เฉพาะต้นที่โตเต็มที่เท่านั้น แต่ก็นับว่าเป็นสมุนไพรที่หายากชนิดหนึ่งเช่นกัน,หากว่าสามารถซื้อมาได้ล่ะก็,จะทำให้ไม่ขาดแคลนทรัพยากรในการฝึกฝนในวันข้างหน้าได้.


ทรัพยากรของหอการค้าปาฏิหาริย์ในเวลานี้,ยังไกลเกินที่จะสามารถซื้อลุ่มสมุนไพรดังกล่าวได้.


อย่างไรก็ตาม,หลังจากที่ฉู่เทียนกลับมาจากตลาดมืดก็ได้รับเงินมามากมายมหาศาล,เพียงพอที่จะใช้จ่ายได้อย่างไม่ขาดแคลน.


ความคิดของฉู่เทียนนั้นได้,ต้องรีบครอบครองลุ่มน้ำเอาไว้ก่อน,เพื่อหลีกเลี่ยงราคาของหญ้าสะเก็ดดาวที่อาจจะเพิ่มขึ้น,ฉู่เทียนมั่นใจว่าจะสามารถครอบครองทรัพยากร,และสามารถต่อรองราคาซื้อขายดังกล่าวได้.


ทรัพยากรดังกล่าวนี้,เป็นเหมือนดังการก่ออิฐเพื่อให้เขาใช้ในการฝึกฝนมุ่งไปสู่เป้าหมายของตัวเขาเอง.


เพื่อจะลายเป็นคนแข็งแกร่ง,วัตถุดิบในการบำเพ็ญจึงมีความจำเป็น!


ถึงจะใช้เงินไปเป็นจำนวนมากก็นับว่าคุ้มค่า!


เมิ่งชิงอู๋เองก็ไม่ประหลาดใจแต่อย่างใด,ฉู่เทียนนั้นมีแผนการที่จะซื้อทั้งหมดอยู่แล้ว,นางเองก็ได้เตรียมการมากว่าครึ่งเดือนแล้ว,ในเวลานี้นางก็ได้ทำการบ้านมาดีพร้อมอีกด้วย.


เจ้าของลุ่มปลูกหญ้าสะเก็ดดาวนั้นมีชื่อว่า"หอการค้าเทียนเฉิน"หอการค้าดังกล่าวนี้นับว่ามีขนาดใหญ่,และเป็นหนึ่งในหอการค้าในสังกัดของตระกูลการค้าขนาดใหญ่ของรัฐกลาง,ทำการค้าขายวัตถุดิบไปทั่วทั้งอาณาจักรหนานเซีย,พวกเขามีวัตถุดิบมากมายหลากหลายในครอบครอง,นับว่าเป็นหอการค้าที่ทรงอิทธิพลอย่างมากทีเดียว.


หญ้าสะเก็ดดาวที่พวกเขาครอบครองนั้นผ่านมาแปดปีแล้ว,ในความจริงแล้วเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดอยู่เช่นกัน,มันไม่ได้สร้างผลประโยชน์มากมายอะไรนักด้วย.


เพราะประสิทธิภาพในการรักษาอาการบาดเจ็บของผู้ฝึกระดับต้น,นับว่ามีประสิทธิภาพทีเดียว,ทว่าก็มีวัตถุดิบอื่นเช่นกันที่สามารถใช้ทดแทนได้และยังให้ผลที่สูงกว่าอีกด้วย,หากเทียนกับหญ้าสะเก็ดดาวแล้วนับว่าไม่ค่อยคุ้มค่านัก,ดังนั้นแล้วจึงเป็นเหตุให้ราคาของมันไม่สูงมากมายนัก.


อย่างไรก็ตาม,แปดปีที่ผ่านมาก็สามารถเก็บเกี่ยวได้ตลอดไม่หยุด,จึงทำให้มูลค่าของมันเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ,หญ้าสะเก็ดดาวนั้นสามารถที่จะเก็บเกี่ยวได้ตลอดทั้งปี,สามารถขายได้ตลอด,ด้วยการเก็บเกี่ยวไม่ได้ยุ่งยากนัก,ราคาที่ขายไปก็นับว่าเป็นราคาที่สมเหตุสมผล,แน่นอนว่าจึงมีคนที่ต้องการครอบครองเป็นเรื่องธรรมดา.


เมิ่งชิงอู๋นั้นได้ส่งข้อความเป็นการส่วนตัวมีเจตนาที่ต้องการครอบครองทรัพยากรดังกล่าว,ไม่คาดคิดเลยว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นจะตอบกลับมาเร็วถึงเพียงนี้ ซึ่งรายละเอียดต่างๆมีดังนี้.
ประการแรก,พวกเขายอมรับที่จะต่อรองการค้าขายในครั้งนี้.
ประการที่สอง จะต้องมีการต่อรองกันภายในสามวัน.
ประการที่สาม,สถานที่การต่อรองนั้นอยู่ใกล้ๆกับเมืองชังอวิ๋น,หอการค้าปาฏิหาริย์จะต้องเดินทางมาเจรจา.


ด้วยการตอบกลับของหอการค้าเทียนเฉิน,ทำให้ฉู่เทียนไม่รอช้าอยู่ในเมืองเทียนหนานอีกต่อไป,เขาได้ออกไปเจรจาต่อรองเป็นการส่วนตัวกับพวกเขาในทันที.


เมืองชังอวิ๋นนั้นอยู่ห่างออกไปจากเมืองเทียนหนานกว่า 600 ลี้ทีเดียว.


ประชากรของเมืองนี้มีอยู่หลายแสนคน,มีขนาดเทียบเท่ากับเมืองศิลาดำของหุบเขาหยินซีนั่นเอง.


เมืองชังอวิ๋นนั้นเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องของวัตถุดิบต่างๆเป็นอย่างมาก,เพราะว่ารอบๆเมืองนี้ล้อมรอบไปด้วยหมู่บ้านที่มีทรัพยากรมากมาย,และยังมีหญ้าสะเก็ดดาวอยู่เต็มไปหมด,ซึ่งนับว่าเป็นวัตถุดิบหลักเลยก็ว่าได้.


เมิ่งชิงอู๋หลังจากที่ศึกษาภูมิประเทศและข้อมูลของฝ่ายตรงข้ามอย่างดีแล้ว,และกำหนดสถานที่ในการเจรจาเรียบร้อยแล้ว,นางและฉู่เทียนก็เตรียมเดินทางไปยังสถานที่ดังกล่าว,เร่งรีบออกไปเพื่อต่อรองราคายังสถานที่ดังกล่าวทันที.

............

ในวันนั้น.


ในวันที่ตะวันรอนๆส่องแสงสว่างจ้า


วัวทองแดงทีทรงพลังลากรถที่หรูหรามีราคาวิ่งผ่านไปยังถนนหลัก,เห็นทิวทัศน์ที่วิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว,มุ่งตรงออกจากกำแพงเมือง.


ร่างในชุดดำ 18 ร่างที่กำลังไล่หลังรถเทียมสัตว์อสูรมา,โดยไร้ซึ่งเสียงหรือคำพูด,ความเร็วของพวกเขาเองก็ไม่ได้อ่อนด้อยเลย,ราวกับว่าพวกเขานั้นไม่รู้จักกับคำว่าเหน็ดเหนื่อย.


"ช้าก่อน!"


"รอสักครู่."


วัวอสูรทองแดงที่กำลังลดความเร็วลงอย่างช้าๆและหยุดลง.


ฉู่เทียนที่มาในชุดเสื้อผ้าสีดำ,ก่อนที่จะหันหน้าจ้องมองออกไปด้านนอกรถ.



เมิ่งชิงอู๋ที่ลุกขึ้นยืน,นางในชุดผ้าแพรสีขาวหิมะในท่าที ที่เคร่งขรึม,ผมดำขลับที่ถูกจัดแต่งหวีมาอย่างดีดูหรูหรา,แก้มที่ขาวผ่องราวหยกสลัก,มีรอยแดงระเรื่อเล็กน้อย.


ในเวลาเดียวกันนั้นมี,ลมที่พัดปลิวเข้ามา.


กระโปรงผ้าแพรสีขาวหิมะของนางที่กระพือตามแรงลม,เผยให้เห็นเนินขาวที่บริสุทธิ์ยั่วยวนเล็กน้อย,เส้นผมยาวสลวยของนางที่กระพือไปตามแรงลมปกปิดใบหน้าของนาง,ก่อนที่นางจะยืนมือไปรวมเส้นผมกลับมา,แทบจะทันทีกับสิ่งที่เกิดขึ้น,ทำให้คนที่อยู่รอบๆถึงกับตาพล่ามัวเลยทีเดียว.


เมิ่งชิงอู๋แสร้งทำเป็นว่าไม่ได้ใส่ใจสายตาของฉู่เทียน,ดวงตาที่สว่างใสราวกับสายน้ำฤดูใบใม้ผลิที่กวาดไปด้านหน้า,"นี่คือ..."


สถานที่ที่พวกเขาหยุดอยู่นั้น,อยู่เหนือแอ่งน้ำแห่งนี้.


เมิ่งชิงอู๋ที่จ้องมองออกไปด้านนอก,สายตาที่จ้องมองไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา,เป็นทุ่งหญ้าลุ่มน้ำขนาดเล็กที่ที่เส้นผ่านศูนย์กลางราวๆ 20 ลี้,ข้างในแอ่งน้ำนั้นดูสบายตา,เป็นทุ่งกว้างที่ดูแบนราบยาวออกไป.


มีน้ำตกที่ไหลผ่านลงมาจากหน้าผาถึงสี่ทิศทาง,เกิดหมอกสายน้ำกระจายออกไปทั่ว,สายน้ำที่ไหลผ่านลงมายังลุ่มน้ำดังกล่าว,ปกคลุมสร้างความชุ่มชื่นเขียวชอุ่มสำหรับพื้นภายใต้ลุ่มน้ำแห่งนี้,ที่กลางของลุ่มน้ำนั้นมีสวนปลูกสมุนไพรเป็นแปลงลอยน้ำอยู่ทุกหนทุกแห่ง,ทำให้รู้สึกราวกับว่าเป็นสวนแห่งสวรรค์.


ภายในแอ่งลุ่มน้ำแห่งนี้นั้น,มีพลังวิญญาณที่หนาแน่นเป็นอย่างมาก,สายลมพัดผ่านทั่วบริเวณปกคลุมไปทั่ว,ที่ใจกลางของลุ่มน้ำดังกล่าวนั้น,มีการสร้างรั้วกั้นเรือนพักเอาไว้,เป็นเหมือนกับเรือนที่พักเพื่อเก็บเกี่ยวหญ้าสะเก็ดดาว,เป็นเหมือนกับฟาร์มคลังสินค้ารอส่งออกนั่นเอง.


เมิ่งชิงอู๋ที่เผยรอยยิ้มออกมาจากใจ"ช่างเป็นสถานที่งดงามยิ่งนัก,หากว่าสามารถตกลงซื้อขายได้สถานที่แห่งนี้กลายมาเป็นของพวกเราคงจะดีไม่น้อย?"


ฉู่เทียนที่จ้องมองเมิ่งชิงอู๋ไม่วางตา.


ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนว่าหญิงสาวคนนี้ต้องอดทนความยากลำบากมาโดยตลอด.


ตั้งแต่นางอายุ 16 ปี ก็ต้องแบกภาระของหอการค้าในสภาวะสุ่มเสี่ยง,นางที่ยังเด็กนัก,ที่จริงแล้วนางจะต้องทนทุกข์ประสบกับความทรมานกับธรรมชาติของมนุษย์ความชั่วร้าย,ความโลภที่เป็นเหมือนกับด้านมืดในเวลาเดียวกันด้วย,ทุกๆวันนางต้องจัดการบริหารยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินเพื่อพยุงการค้าให้ไปตลอดรอดฝั่ง,แทบจะไม่ได้พักหรือมีเวลาเป็นการส่วนตัวเลย,นางที่อดทนมาอย่างยาวนาน,แน่นอนว่านางเองก็ต้องการสถานที่สงบและมั่นคงเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ อยู่ภายในใจอย่างแน่นอน.


เมิ่งชิงอู๋ที่มองไปรอบๆ,"เจ้ากำลังมองสิ่งใดกัน?"


ฉู่เทียนที่กล่าวออกมาอย่างตรงไปตรงมา"รอยยิ้มของท่านหญิงนั้นงามนัก,ท่านควรจะยิ้มบ่อยๆนะ."


ใครจะรู้ล่ะทำให้ใบหน้าของเมิ่งชิงอู๋แดงได้เช่นกัน,รอยยิ้มที่ขวยเขินที่อดกลั้นเอาไว้,ก่อนที่นางจะเร่งรีบกล่าวออกมาว่า"เจ้า,หากว่ายังทำกะล่อนปลิ้นปล้อนล่ะก็,ข้าจะไม่สนใจเจ้าแล้วนะ,เจ้าเห็นข้าเป็นหยิงหยิงรึไงที่จะหลงลมปากของเจ้าง่ายๆนะ?"


ฉู่เทียนที่รู้สึกระอักกระอวลใจเหมือนกัน.


หญิงสาวคนนี้ไม่มีอารมณ์ขันเลยเหรอ,แล้วเขากลายเป็นคนกระล่อนปลิ้นปล้อนตั้งแต่เมื่อไหร่? จิ้งจอกน้อยที่อยู่บนไหล่ของฉู่เทียน,ทันใดนั้นก็เผยรอยยิ้มอย่างพึงพอใจออกมา.


"เจ้ากล้าหัวเราะข้ารึ?เดี๋ยวต้องทุบให้จำซะแล้ว!"


จิ้งจอกน้อยกระโดยหายไปอยู่บนไหล่ของเมิ่งชิงอู๋อย่างรวดเร็ว,พร้อมกับแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เขาทันที,เผยใบหน้าที่หน้าเกียจใส่ฉู่เทียนด้วย.


เจ้าอันธพาลน้อย!


กินอาหารของข้า,ดื่มน้ำของข้า!


ตอนนี้ทำเมินเจ้านายอย่างข้าอย่างงั้นเหรอ!


ฉู่เทียนรู้สึกเคืองต้องการที่จะสั่งสอนจิ้งจอกน้อยซะหน่อย,ใครจะรู้ล่ะเพียงแค่ชำเลืองมองไปยังเมิ่งชิงอู๋เท่านั้น"เจ้าจะทำอะไร?เป็นผู้ใหญ่ซะเปล่ายังใส่ใจกับเพียงแค่สัตว์ตัวน้อยอย่างงั้นเหรอ,เจ้าไม่รู้จักควบควบตัวเองบ้างเลยเหรอ!"


จิ้งจอกน้อยที่พยักหน้าไปมา งืม งืม ดวงตาที่สดใสแสดงท่าทางฉลาดออกมา,ก่อนที่จะบีบน้ำตาไหลพรากๆออกมา,แสร้งว่ามันกำลังเสียใจเป็นอย่างมาก!


"ท่านหญิง,ข้า?"ฉู่เทียนที่ชี้ไปยังยังเจ้าจิ้งจอกน้อยที่แสดงท่าทีเจ้าเล่ห์"ท่านคิดจริงๆรึว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตตัวน้อยนะ?ท่านยังไม่รู้ว่าในแต่ละวัน อาหารที่มันกินในหนึ่งถึงสองวันนะเท่ากับทรัพยากรที่ข้าใช้ฝึกฝนในหนึ่งเดือนเลยนะ!ข้าคิดว่ามันกินจนข้ากำลังล้มละลายในเร็วๆนี้เป็นแน่!"


เจ้าอสูรน้อยตนนี้มาจากที่ใหนกัน?


ที่จริงแล้วเมิ่งชิงอู๋รู้สึกงงงวยอยู่เช่นกัน.


เมิ่งชิงอู๋ที่จ้องมองมันอย่างจริงจังแล้ว,ด้วยรูปร่างของจิ้งจอกน้อยที่ดูตัวเล็กระทัดรัด,หากแต่ไม่ใช่สัตว์อสูรวิญญาณทั่วไปอย่างแน่นอน,สัตว์อสูรตนนี้มีเชาว์ปัญญาและฉลาดเป็นอย่างมาก,ราวกับว่ามันมีนิสัยที่แทบจะไม่แตกต่างไปจากมนุษย์เลยไม่ใช่รึ?



ถึงแม้ว่าจะเป็นเผ่าพันธ์มังกรในตำนานก็ตามที,การที่ยังแรกเกิดอยู่นั้น,เชาว์ปัญญาของมันก็ยังไม่ได้สูงมากมายอะไรนัก!


เมิ่งชิงอู๋ที่ลูบหัวจิ้งจอกน้อย,มันนั่งนิ่งไม่ขยับพร้อมกับโน้มศีรษะขอมันถูแก้มเมิ่งชิงอู๋ไปมา,แสดงท่าทางฉลาดเป็นอย่างมาก,ทำให้เมิ่งชิงอู๋รู้สึกเอ็นดูมันทีเดียว"เจ้าห้ามรังแกมันอีกล่ะ!"


ฉู่เทียนที่อยากตะโกนออกไปว่ามันไม่ยุติธรรมเลย.


เจ้าอันธพาลน้อยนี้ร้ายกาจยิ่งนัก,จะไม่ให้เขาสั่งสอนมันเลยรึอย่างไร!


"เอาล่ะ,พอแค่นี้ล่ะ."เมิ่งชิงอู๋กล่าวต่อ"พวกเราล่าช้ามากแล้ว,ยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องต่อรองราคา,ข้าว่าพวกเราจะล่าช้าไปไม่ได้แล้ว."


จิ้งจอกน้อยกลับไปยังไหล่ของฉู่เทียน,ก่อนที่จะหมอบนอนอย่างไม่สนใจราวกับว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น.


วัวทองแดงก็เริ่มเคลื่อนที่ออกไปอย่างช้าๆ,ลากรถตรงไปยังเมืองขนาดเล็ก.


เรือนของรถเทียมสัตว์อสูรที่สั่นไหวไปมา,เมิ่งชิงอู๋ที่ได้เอ่ยถึงเกี่ยวกับการต่อรองราคา,ทำให้สถานการณ์ตอนนี้ดูหนักอึ้งอยู่เหมือนกัน,ทันใดนั้นฉู่เทียนจึงได้เป็นฝ่ายถามออกมาว่า"ท่านหญิงรู้หรือไม่อย่างไร,เมืองชังอวิ๋นแห่งนี้ถึงได้มีนามเช่นนี้ล่ะ?"


"เรื่องดังกล่าวนี้,ข้าไม่แน่ใจเช่นกัน?"เมิ่งชิงอู๋ที่รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย,พร้อมกับกล่าวออกมาอย่างสุขุม"แต่ว่านะภายในเมืองชังอวิ๋นแห่งนี้นั้นมีเทือกเขาที่ล้อมรอบอยู่,บ่อยๆครั้งก็จะเกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดเกิดขึ้น,ดังเช่นได้ยินการเคลื่อนทัพของกองกำลังขนาดใหญ่,และยังมีเสียงของเหล่าสัตว์อสูรที่ดังขึ้นมาในทันที,แม้แต่บางครั้งก็ได้ยินเสียงของคนสนทนากันอีกด้วย,แม้ว่าจะมีเสียงดังกล่าวที่ถูกส่งผ่านออกมาบ่อยๆ,ทว่าก็ไม่ได้มีเหตุร้ายตามมาแต่อย่างใด,พวกเขาจึงได้เรียกว่าเป็นเสียงแห่งความลึกลับและได้เรียกเมืองแห่งนี้ว่า ชังอวิ๋น,เป็นสถานที่มีเสียงลึกลับซ่อนอยู่ ในสถานที่แห่งนี้นั่นเอง."



ฉู่เทียนพยักหน้า.


เมิ่งชิงอู๋กล่าวต่อว่า"นานมาแล้ว,มีเหล่านักวิชาการที่เดินทางมาพิสูจน์เรื่องดังกล่าวเป็นจำนวนมาก.พวกเขาได้ทำการตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น,ซึ่งได้พบว่ามีวัตถุดิบพิเศษที่ฝังอยู่รอบๆสถานที่แห่งนี้,มันเป็นวัสดุที่ทำการดูดซับเสียงได้,และยังสามารถปล่อยเสียงออกมาเองได้ด้วย,ในตอนนี้,เริ่มมีการทำเหมืองแร่ดังกล่าวบ้างแล้ว,นักวงเวทย์อักขระสามารถใช้มันสร้างภาพลวงตาได้บ้าง,มีการใช้งานอยู่บ่อยครั้ง,ทว่ามันก็ยังไม่ได้มีค่ามากมายเท่าไหร่นัก."


ฉู่เทียนที่เผยรอยยิ้มที่ลึกลับ"วิธีใช้ศิลาดังกล่าวนั้น,ไม่ได้นำมาสร้างภาพลวงตาหรอกนะ!"


ภายในใจของเมิ่งชิงอู๋นั้นสั่นไหวเล็กน้อย.



แน่นอว่านางรู้ถึงความหมายของฉู่เทียนที่กล่าวออกมาดี!



แต่ถึงกระนั้น,ยังไม่มีเวลาให้เมิ่งชิงอู๋ได้ถาม,วัวทองแดงก็ค่อยๆลดความเร็วลงในทันใด.


"เมืองชังอวิ๋น."


"พวกเราออกไปเถอะ!"


ฉู่เทียนที่กระโดดออกมาจากห้องโดยสาร.


ขนาดของเมืองชังอวิ๋นนั้นมีขนาดเท่ากับเมืองศิลาดำเป็นอย่างมาก,ทว่าผังเมืองแห่งนี้ดูเหมือนว่าจะดูดีกว่าหลายเท่าทีเดียว,ครั้งหนึ่งนั้นเคยเป็นเมืองศูนย์กลางของรัฐกลางอีกด้วย,นอกจากนี้ยังถูกล้อมรอบด้วยทรัพยากรที่อุดมสมบูร,ไม่เหมือนกับเมืองศิลาดำที่เต็มไปด้วยพื้นที่แห้งแล้ง,นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้กับสถานที่อันตรายอย่างหุบเขาหยินซีและตลาดมืดด้วย.


เป็นทำเลที่ยอดเยี่ยมทีเดียว.


มีนักรบในชุดเกราะชุดสีเงินหมวกเหล็กที่ดูมีราคายืนเรียงรายไปทั่วบริเวณ,ทุกคนต่างก็มีกระบี่ล้ำค่าติดตัวกันทั้งนั้น,ที่บนหลังคาและหน้าต่างของรั้วกั้นเองก็มีมือธนู,ที่พร้อมจะปล่อยลูกศรออกมาด้วยเช่นกัน.


พวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตัวระมัดระวังทีเดียว!


"พวกเจ้าทั้งสองเป็นคนของหอการค้าปาฏิหาริย์อย่างงั้นรึ?"ชายร่างมหึมาคนหนึ่งและชายอัปลักษณ์เดินตรงเข้ามา,"ข้าคือหัวหน้าองค์รักษ์ของหอการค้าเทียนเฉิน,จิงหู่,เชิญพวกเจ้าตามข้ามาได้."


จิงหู่เป็นผู้ฝึกตนระดับปลุกดวงจิต!


คนดูแลที่นี่นับว่าแข็งแกร่งทีเดียว!


เหล่าผู้คุ้มกันที่อยู่รอบๆแห่งนี้เช่นกัน,พวกเขาต่างก็เป็นผู้เชี่ยวชาญดินแดนปรุงร่างระดับสูงกันทั้งหมด!


พวกเขานับว่าเป็นหอการค้าที่ใหญ่โตไม่น้อย,สิ่งที่เขาพบเห็นนั้น,ไม่ใช่สิ่งที่หอการค้าทั่วไปจะมีได้.



ฉู่เทียนที่สวมชุดสีดำล้วน,เมิ่งชิงอู๋ที่สวมชุดสีขาวหิมะ,ผู้ติดตามศพทหารทมิฬทั้ง 18 ตน,เป็นกลุ่มที่ดูราวกับว่าเป็นทหารรับจ้าง,พวกเขาที่เข้าไปภายในร้านน้ำชาที่บรรยากาศเปิดโล่ง.


จิงหู่ที่ยืนตระหง่านอยู่ด้านนอก.



มีเพียงชายชราคนหนึ่งและชายหนุ่มคนหนึ่ง,ทั้งสองที่นั่งอยู่ด้านหน้าพวกเขา.


ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/miracle-throne

#นิยาย บัลลังก์แห่งปาฏิหาริย์ #Miracle throne#นิยายแปลไทย



สนใจสนับสนุนพวกเรา เข้าร่วมกลุ่ม VIP  Click

-เว็ปฟรี 2 วันนอัพหนึ่งตอน

-กรุ๊ป vip วันล่ะ 2 ตอน

3 ความคิดเห็น:

  1. ตัวเองคู่พระเอก ควร เป้น หลิงหลิง น่ะ ที่จะเด่นสุดแล้วมีบทมากสุด เท่าที่อ่านมาก หลัง ๆ นี้ พี่สาวเสือกมีบทเด่นมาแทน ตั้งแต่กลับมา ยังไม่มีบท กับ หลิงหลิง เลย นอกจากช่วยชีวิต ของที่ให้ก้ไม่มีบท คนที่ช่วยพระเอก ควรมีบทเป้นหลังกว่านี้ ไม่เอาคนที่ดูถูก แต่ต้นมามีบทเยอะ ได้ ไง มั่วมาก มันบงบอกถึงความอักตันญูต่อ คนมีพระคุร แค่แต่ง เปลี่ยนบทแบบ นี้ก็มั่วล่ะ

    ตอบลบ
  2. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ