Miracle Throne Chapter 63 Hundred years of old corpse
นิยาย บัลลังก์แห่งปาฏิหาริย์ ตอนที่ 63 - ศพทมิฬร้อยปี
บทที่ 63 - ศพทมิฬร้อยปี
ศพทมิฬอายุ
30-40 ปี,น่าจะเกิดขึ้นในยุคใหม่,เป็นไปได้ว่าจะเป็นเหล่าผู้ฝึกตนเร่ร่อนที่ตายไป,พวกมันมีพลังดินแดนปรุงร่างระดับ
4 ,ระดับนี่ยังไม่นับว่าเป็นการคุกคามใดๆได้!
ถีเจียนได้ดึงคันธนูยาวออกมาแล้วง้างออกมาทันที,ลูกศร
4-5 ดอกถูกยิงออกไปพร้อมกัน.
วูซซ วูซซ
วูซซ วูซซซ!
ลูกศร 4-5
ลูกที่ถูกยิงขึ้นฟ้าก่อนที่จะพุ่งลงมาด้านล่างเสียงดังหวีดหวิว,
ลูกธนูสีดำพุ่งตรงลงมาอย่างแม่นยำ!
ศพหยินที่ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำก็ถูกลูกศรเจาะทะลวงผ่านร่างทันที.
เร็ว!
รวดเร็วเป็นอย่างมาก!
ฉู่เทียนที่อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา,"เป็นทักษะการยิ่งที่เยี่ยมจริงๆ!"
ถี่เจียนเก็บคันธนูยาว,เผยยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตร,หากแต่ไม่กล่าวอะไร.
มือทั้งสองข้างที่กอดอกอยู่ของไป๋จื่อโม่แค่นเสียงอย่างเหยียดหยัน,"ทักษะขี้ประติ๋วเช่นนี้,คิดว่ายอดเยี่ยมแล้วรึ!มัวทำอะไรอยู่,มาชมการแสดงอยู่รึไง?รีบไปเก็บแก่นหยินสิ!"
ไป๋จื่อโม่ไม่ไว้หน้าฉู่เทียนเลยแม้แต่น้อย,ทว่าเขาเองกับรู้สึกอดสูต่อถีเจียนด้วยเช่นกัน.
ซ้ำยังทำท่าทางออกคำสั่ง.
ทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่รู้สึกขุ่นเคืองอยู่ไม่น้อย!
ฉู่เทียนเพ่งพิศ
ทำราวกับว่าสูงล้ำเหนือกว่าอย่างมากมายที่กำลังสั่งเด็กไปเก็บของ,หากปล่อยให้ทำครั้งหนึ่ง,เขาก็จะกลายเป็นเด็กเก็บของจริงๆ,และแล้วเขาก็จะกลายเป็นคนขี้ขลาดตาขาวไปเลยไม่ใช่หรือ?
ไป๋จื่อโม่ยังคงกอดแขนยืดอก,แค่นเสียงอย่างเหยียดหยัน,"เจ้าไม่คิดจะเชื่อฟังข้ารึอย่างไร?"
"ลู่เร็น,ข้าจะไปกับเจ้าเอง"ไฉ่เตี๋ยเกรงว่าภายในทีมจะเกิดข้อขัดแย้ง,จึงได้พาฉู่เทียนไป.
ไป๋จื่อโม่จ้องมองอย่างลึกล้ำ,ภายในดวงตาของเขานั้นมีประกายแสงแห่งความโกรธเกรี้ยวอยู่ภายใน.
คนอื่นๆต่างก็เป็นคนดีกันทั้งหมด.
มีเพียงไป๋จื่อโม่ที่นิสัยเหม็นคาวเกินจะทน.
ที่ต้องมีไป๋จื่อโม่เพียงเพราะเขารู้จักภูมิประเทศแถวนี้เท่านั้น,รู้วิธีที่จะหลีกเลี่ยงกับดักและเขตอันตราย,ลำพังแค่พลังที่เขามีนั้น,ด้วยสถานการณ์ที่เป็นอยู่,คงยากที่จะได้รับความเชื่อถือจากภายในทีม.
ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวของทีม,ทุกคนต่างเข้าใจถึงหัวใจความสำคัญของมันดี.
เก็บเอาไว้.....อดทนเอาไว้เดียวมันก็จบแล้ว.
แก่นหยินและแก่นสัตว์อสูรจะแตกต่างกัน.
แก่นอสูรนั้นจะอุดมไปด้วยพลังวิญญาณ,ทุกครั้งที่สัตว์อสูรเลื่อนระดับ,ก็จะรวบรวมพลังวิญญาณเอาไว้,ดังนั้นการไล่ล่าและสังหารสัตว์อสูร,ก็จะสามารถเก็บเกี่ยวแก่นอสูรที่ยอดเยี่ยมได้นั่นเอง.
แก่นหยินนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง,เป็นเป็นแก่นของหยินที่มืดมิดรวมตัวกันขึ้นมา,ด้วยศพทมิฬภายในร่างกายของมันจะถูกสร้างขึ้นมา,ดังนั้นแล้วเหล่าศพทมิฬภายในหุบเขาหยินซีนี้จึงมีความหนาแน่นเป็นอย่างมาก.
วิชาบำเพ็ญแห่งความมืดนั้นมีบางแขนงที่ต้องใช้แก่นหยิน,และตัวยาบางอย่างในการสกัดกลั่นเม็ดยาที่พิเศษบางอย่างก็จำเป็นต้องใช้แก่นหยินอีกด้วย,แก่นหยินจึงนับว่าเป็นวัตถุดิบที่เอนกประสงค์เหมือนกัน.
ฉู่เทียนนั้นไม่ได้สนใจวิชาบำเพ็ญพลังความมืดเลยแม้แต่น้อย,แก่นหยินเองจึงไม่ได้มีความสำคัญต่อเขาเลย,ทว่าอาจจะมีความสำคัญที่จำต้องใช้ในตลาดมืดเพื่อใช้ในการแลกเปลี่ยนก็เป็นได้.
คนทั้งห้าคนยังคงเดินทางต่อไป.
ภายในหุบเขาหยินซีนี้เต็มไปด้วยศพทมิฬ,ศพทมิฬที่อยู่ไกลออกไป,ทันที่ที่พบ,หากไม่แข็งแกร่งนัก,เซียงหู่,ไฉ่เตี๋ยและถีเจียน,สามารถจัดการศพทมิฬได้ในพริบตา!
ทักษะระยะไกลของถีเจียนนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก,เขาสามารถจัดการเหล่าศัตรูในระยะไกลได้อย่างรวดเร็ว!
วิชาบำเพ็ญพลังของเซี่ยงหู่เองก็หนักแน่นรุนแรงทรงพลังเป็นอย่างมาก,ในระยะสั้นๆนั้นมีพลังทำลายล้างที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก,ศพทมิฬยากที่จะสามารถป้องกันฆ้อนยักษ์ของเขาได้.
อีกคนนั้นที่ทำให้เขาประหลาดใจมากที่สุดคือไฉ่เตี๋ย,เป็นหญิงสาวที่มีพลังไม่อ่อนด้อยเลย,มีพลังเหนือล้ำกว่าดินแดนปรุงร่างระดับ
9 ซะอีก,นางสามารถเข้าใจวิชาบำเพ็ญพลังของตัวองได้อย่างลึกซึ้งเป็นอย่างมาก,ทักษะการต่อสู้ก็ทรงพลัง
มากประสบการ,ด้วยกระบี่ล้ำค้าวารีหลั่งไหล,เป็นทักษะที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก,เหนือกว่าผู้เชี่ยวชาญปรุงร่างระดับ
9 บางคนซะอีก!
แม่นางไฉ่เตี๋ยเองดูเหมือนว่าจะไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน!
ด้วยวิชาบำเพ็ญและทักษะต่อสู้และอาวุธที่ใช้แล้ว,ไม่ใช่ผู้ฝึกตนเร่ร่อนจะมีได้.
ไป๋จื่อโม่และฉู่เทียนนั้นยังไม่ได้ต่อสู้เลย,เพราะว่าไป๋จื่อโม่นั้นเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด,จึงจำเป็นต้องเก็บพลังวิญญาณเอาไว้,เพื่อใช้ในเหตุการณ์วิกฤตินั่นเองส่วนฉู่เทียนที่ไม่ได้เข้าโจมตีนั้น,เพราะทุกคนคิดว่าเขามีเฉพาะวิชาป้องกันที่แข็งแกร่งนั่นเอง.
แก่นหยินได้มากขึ้นและมากขึ้น!
ได้เต็มหอบผ้าเลยทีเดียว!
เซี่ยงหู่กล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น,"เก็บแก่นหยินได้หลายร้อยทีเดียว,หากว่าแบ่งเท่าๆกันแล้วล่ะก็,สามารถนำไปแลกของกับกองคาราวานอาณาจักรต้าโจ้วที่เดินทางไปยังตลาดมืด,สามารถแลกเปลี่ยนยาดีๆหรือแม้แต่อาวุธดีๆได้เลย!"
ทั่วทั้งใบหน้าของไฉ่เตี๋ยเต็มไปด้วยท่าทางมีความสุข,ภายในมือของนางนั้นกุมกระบี่วารีหลั่งไหล,ตวัดไปมารวดเร็วราวกับสายน้ำที่ไหลริน,เคลื่อนไหวสวยงามเป็นอย่างมาก.
"พวกเราได้เข้ามาในหุบเขาหยินซีแล้ว,ไม่สามารถที่จะลดการป้องกันได้,จะต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา."
ยังไม่ทันได้กล่าวจบ!
ที่ด้านหน้านั้นก็มีเสียงดังโหยหวนเปล่งเสียงหอนออกมาอย่างน่าหวาดกลัว!
ลมอันหนานเย็นพัดผ่านเข้ามาหนาวไปถึงกระดูก,ราวกับเกร็ดน้ำแข็งที่ชอนไชเข้ามา,ทำให้คนทั้งห้าถึงกับรู้สึกสะดุ้งตกใจทันที.
ถีเจียนกล่าวออกมาด้วยเสียงดันดัง,"ที่ทิศตะวันตกเฉียงมีกลิ่นอายของศพทมิฬระดับสูงเป็นอย่างมาก!"
ขณะที่ทุกคนกำลังสบตากันอยู่นั้น,พวกเขาก็เห็นศพทมิฬที่มุดขึ้นมาจากดินช้าๆ,ค่อยๆคลานออกมาจากอุโมงค์!
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าศพทมิฬเหล่านี้แตกต่างจากศพทมิฬทั่วไป,ทั่วร่างของมันไม่บิดเบี้ยวไปมา,ดูสมบูรณ์และแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก,ทั่วทั้งร่างของมันนั้นมีสีเขียวเข้มที่เป็นพิษร้ายปกคลุมไปหมด,ดวงตาที่ดุร้ายจ้องมองมายังพวกเขา,จิตสังหารของพวกมันนั้นถึงกับทำให้พวกเขาถึงกับหายใจไม่ออกทีเดียว.
เซี่ยงหู่รุ้สึกตื่นตระหนกและหวานกลัว,"ศพทมิฬเหล่านี้คงต้องมีพลังดินแดนปรุงร่างระดับ
9 อย่างแน่นอน!"
"ศพทมิฬนั้นอยู่ยงคงกระพัน,ซ้ำทั่วร่างของมันนั้นยังเต็มไปด้วยพิษ,ถึงแม้ว่าจะมีระดับเดียวกันก็ตาม,พวกเราคงยากที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของมัน,"ไฉ่เตี๋ยรู้สึกกระวนกระวาย,อดไม่ได้ที่จะถอยหลังออกมาหนึ่งก้าว"ไป๋จื่อโม่,ด้วยพลังของเจ้าแล้วสามารถที่จะจัดการมันได้โดยง่ายใช่ใหม,คงต้องเป็นเจ้าลงมือแล้วล่ะ."
"อย่าได้ตื่นเต้น."ไป๋จื่อโม่เริ่งรีบกล่าวออกมาด้วยโทนเสียงเย้าแหย่,"ในกลุ่มพวกเรา,ยังมีอีกคนที่ยังไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย."
ไฉ่เตี๋ยกำหมัดของนางแน่น,พร้อมกับกล่าวตำหนิ"จื่อโม่,ในเวลานี้เจ้ายังทำเช่นนี้อยู่อีกเหรอ!"
"ชิ,แม่นางไฉ่เตี๋ย,เจ้ากำลังกังวลอะไรรึ?ข้าก็จะปกป้องเจ้าอยู่นี่ไง,เจ้าไม่มีทางได้รับบาดเจ็บแน่นอน."ไป๋จื่อโม่ยกแขนขึ้นกอดอก,ดวงตาทั้งสองข้างจ้องมองไปยังศพทมิฬที่อยู่ด้านหน้า,ไม่คิดที่จะทำอะไรทั้งนั้น"ข้าจะไม่ทำอะไรหากไม่เห็นเจ้าวายร้ายไม่พยายามที่จะทำอะไร,แทรกซึมเข้ามา,โดยที่ไม่ทำอะไรเลย!"
ไป๋จื่อโม่ต้องการที่จะแจกแจงชี้ไปยังฉู่เทียน.
"เจ้าจะดูไปถึงใหนกัน?"ไป๋จื่อโม่ชำเลืองมองไปยังฉู่เทียนพร้อมกับกล่าวออกมาว่า"เป็นหน้าที่ของเจ้า,ไปได้แล้ว!"
ศพทมิฬที่กำลังบุกเข้ามานั้นอย่างน้อยก็มีอายุไม่ต่ำกว่าร้อยปีแล้ว!
ให้ผู้ฝึกตนดินแดนปรุงร่างระดับ
8จัดการ,ไม่ใช่ว่าให้ไปหาความตายหรอกรึ?
ศพทมิฬที่สมบูรณ์นั้นจะมีพิษกระจายอยู่ทั่วร่าง,หากว่าใครต่อสู้ระยะประชิดล่ะก็,จำต้องจัดการมันภายในการโจมตีเดียว,หากไม่เช่นนั้นล่ะก็จะได้รับพิษจากศพทมิฬนั่นเอง,ซึ่งจะทำให้คนดังกล่าวตกตายไปอย่างไม่ต้องสงสัย!
ศพทมิฬนั้นเป็นอสูรจำพวกหนึ่ง,ไม่มีจุดอ่อนทางชีวะภาพ,และผิวกายของมันราวกับเป็นชั้นของแผ่นทองแดง!
ผู้เยาว์คนหนึ่งที่มีพลังฝึกตนไม่สูงนัก,ซ้ำยังเป็นวิชาป้องกัน,การที่จะให้เขาจัดการศพทมิฬที่ดุร้ายเช่นนี้,ไม่ใช่สั่งให้เขาไปตายหอกเรอะ!
ไฉ่เตี๋ยโกรธกริ้วขึ้นมา"เจ้าต้องการให้เขาไปตายเรอะ!"
"ข้าเคยบอกเจ้าแล้ว,ทีมของพวกเราไม่ต้องการพวกไม่ได้เรื่อง,เจ้ารับเขามาเอง,จะตำหนิข้าได้อย่างงั้นรึ?"ไป๋จื่อโม่กล่าวอย่างเย็นชา"หากว่าเขาตายไป,นั่นก็น่าจะเป็นการดีมากกว่า,ไม่ใช่ว่าส่วนแบ่งแก่นหยินจะได้รับกันมากขึ้นไม่ใช่รึ?"
"ดี,ดี!เจ้าเองก็ไม่ได้ทำอะไรเช่นกัน!"ไฉ่เตี๋ยเองก็เกินที่จะทนต่อไปแล้ว"ลู่เร็น,พวกเราไปด้วยกัน!"
เซี่ยงหู่เองก็ไม่สามารถทนกับนิสัยของไป๋จื่อโม่ได้เช่นกัน,"ข้าก็จะช่วยเอง!"
ถีเจียนไม่ได้กล่าวอะไร,ทว่าจากท่าทีที่เขายืนแล้ว,ได้นำคันศรจากด้านหลังออกมา,พร้อมที่จะต่อสู้แล้ว.
ไป๋จื่อโม่เผยท่าทางความโกรธเกรี้ยว!
ถูกแล้ว,เขาเจตนาต้องการที่จะบังคับเด็กเวรคนนี้!
ใครใช้ให้เจ้าเด็กเวรนี้มีทักษะที่แข็งแกร่งเช่นนั้นกันล่ะ?
เถียนเฟิงนั้นเป็นคนที่ไม่ธรรมดาเป็นอย่างมาก,เจ้าเด็กเวรนี้มีพลังดินแดนปรุงร่างระดับ
8 กลับสามารถล้มเถียนเฟิงที่มีพลังดินแดนปรุงร่างระดับ 9
อย่างง่ายดาย,ด้วยพรสวรรค์นั่นไม่ใช่ว่าเหนือกว่าเขาอีกเหรอ!
ด้วยนิสัยของไป๋จื่อโม่แล้วเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งอย่างที่สุด,ดังนั้นเขาจึงไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ,สิ่งที่เขาเกียจที่สุดคือคนที่มีความแข็งแกร่งกว่าเขา,หากเป็นเช่นนั้นแล้ว,นับจากนี้เป็นต้นไปเขาไม่ต้องกายเป็นไอ้ตัวบัดซบไปหรอกเหรอ.
ยังจะถูกเรียกว่าผู้มากพรสวรรค์ได้อีกรึ?
พรสวรรค์นั้นไม่ได้จะหล่นมาจากฟ้าอย่างง่ายดาย!
ใครจะคิดเล่าว่าไฉ่เตี๋ยและคนอื่นๆ,จะกล้าต่อต้านเขาและทำลายแผนการทั้งหมดของไป๋จื่อโม่!
ฉู่เทียนถอนหายใจเล็กน้อย.
ไม่เข้าใจเลยว่าไป๋จื่อโม่กำลังคิดสิ่งใดอยู่?
ชายคนนี้ไร้ซึ่งน้ำใจ,จิตใจคับแคบ,หวาดกลัวในการแข่งขัน,ถึงแม้ว่าจะมีพรสวรรค์ที่สูง,หากแต่เขาก็คงไม่เคยที่จะประสบสำเร็จในระดับสูงเป็นแน่.
"ไม่จำเป็นต้องรบกวนพวกเจ้า,ข้าจะไปจัดการเอง!"
ฉู่เทียนเพียงแค่ขยับขาสองข้างอย่างรวดเร็ว,กลายเป็นภาพลวงตา,พร้อมกับพุ่งออกไป,เขย่งปลายเท้ารั้งรอบนก้อนหินไว้,ทันใดนั้นร่างของเขาก็พุ่งออกไป,ราวกับลูกธนูที่ถูกยิงออกไปจากคัน.
ศพทมิฬที่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว,ทั่วทั้งร่างของมันเต็มไปด้วยพิษหน้าเตอะ,กงเล็บทั้งสองข้างนั้นเต็มไปด้วยปราณทมิฬ,คำรามลั่นพร้อมกับเตรียมที่จะสังหารฉู่เทียน.
"กลับมาก่อนเร็วเข้า!"
"เจ้าไม่สามารถจัดการมันได้!"
ไฉ่เตี๋ยและเซี่ยงหู่ถึงกับใบหน้าเปลี่ยนเป็นซับซ้อน,ถีเจียนเร่งรีบง้างคันธนูเตรียมไว้.
ฉู่เทียนที่ล้วงเอายันต์เวทย์ออกมากลางอากาศ,พร้อมกับแผ่พุ่งพลังวิญญาณลงไปในยันต์เวทย์ในทันทีทันใด,เมื่อวงเวทย์อักขระทำงาน,เขาก็เปิดใช้ทักษะจิตสัมผัส,ลอยอยู่บนอากาศเพื่อหลีกเลี่ยงกงเล็บของ
ศพทมิฬ,พร้อมทั้งยิงยันต์เวทย์ไปยังศพทมิฬ.
ยันต์เวทย์แปรเปลี่ยนเป็นหอกที่อาบไปด้วยแสงวับวาว!
ทะลวงเข้าไปบนอกของศพทมิฬ,กระแทกมันถอยหลังออกไป.
"ไป!"
หอกแสงราวกับถึงตึงบนร่างของศพทมิฬ,พร้อมกับตรึงมันเอาไว้กับหิน.เป็นเรื่องปรกติที่ศพทมิฬจะไม่มีความรู้สึกเจ็บปวด,ทว่าศพทมิฬดังกล่าวกลับส่งเสียงเจ็บปวดทรมานออกมา,ร่างกายของมันค่อยๆกลายเป็นกลุ่มควัน,ราวกับว่ากำลังถูกไฟเผาไหม้อยู่และหลังจากนั้นร่างของมันก็ถูกเผาลีบเหี่ยวไปจนหมด!
ถีเจียนที่รั้งคันธนูเหลือเพียงแค่ครึ่งเดียว!
เพราะว่าฉู่เทียนนั้นเคลื่อนที่รวดเร็วจนเกินไป!
ความเร็วราวกับสายฟ้าก็ไม่ปาน,การหลบหลีกที่งดงาม,พร้อมกับปลดปล่อยวงเวทย์อักขระ,จัดการกับเหล่าศัตรู,ตัวแล้วตัวเล่า,ด้วยความราบรื่นเป็นอย่างมาก!
ศพทมิฬที่มีอายุหลายร้อยปีอันทรงพลัง,คาดไม่ถึงเลยว่าจะถูกสังหารได้อย่างง่ายๆ!
ใบหน้าของไฉ่เตี๋ยเต็มไปด้วยท่าทางตื่นตะลึง,"เขาทำเช่นนั้นได้อย่างไร?"
ฉู่เทียนเดินกลับมาหลังจากเก็บแก่นหยินแล้ว"ข้าใช้วิชาอักขระสายฟ้า,ด้วยพลังของอักขระสายฟ้าแล้วจะมีพลังที่ยอดเยี่ยมในการจัดการกับเหล่าศพทมิฬเป็นพิเศษ!"
ประกายแสงภายในดวงตาของไป๋จื่อโม่นั้นเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว,หากแต่เขาก็ยังคงยืนอยู่อย่างสุขุม,"ชิ,ใช้ของเล่นบ้าบอนั่นช่วยในการต่อสู้,ไม่เห็นจะน่าภูมิใจตรงใหน!ข้ารู้สึกละอายแทนเจ้าจริงๆ!"
ไฉ่เตี๋ยรู้สึกผิดหวังกับไป๋จื่อโม่เป็นอย่างมาก,เขาไม่คาดคิดเลยว่าชายคนนี้,ไม่คิดจริงๆจะเป็นคนใจแคบถึงเพียงนี้
"ไม่ว่าอย่างไร,ลูเร็นก็สามารถสังหารศพทมิฬได้! แล้วยังเป็นศพทมิฬที่สังหารได้ยากลำบากเป็นอย่างมาก,ที่เขาสังหารไปนั้นมากมายยิ่งกว่าพวกเรารวมกันซะอีก,เจ้าอย่าได้กล่าวอะไรออกมาดีกว่า!"
ใบหน้าของไป๋จื่อโม่ยังคงสุขุมไม่กล่าวอะไรออกมา.
อย่างไรก็ตาม,ในเวลาเดียวกัน.
ทันใดนั้นถีเจี้ยนก็รู้สึกหวาดผวาตะโกนออกมาในทันที"ไม่ดีแล้ว!รอบๆนี้มีฝูงศพทมิฬมหาศาลเลย!พวกเราโดนล้อมเข้าแล้ว!"
เหมือนจะเป็นดั่งคำพูดของเขา.
ทุกทิศทุกทางภายในหุบเขาแห่งนี้,เต็มไปด้วยศพทมิฬมากมายต่างส่งเสียงโหยหวน,กำลังโผล่ขึ้นมาจากบนพื้นและถ้ำที่อยู่ใกล้ๆ,เต็มลานยั่วเยี้ยออกมาไม่หยุด,ราวกับภูติผีที่กำลังคลั่งอยู่,ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความดุร้าย,ซ้ำส่วนใหญ่ยังมีความแข็งแกร่งดินแดนปรุงร่างระดับ
8 อีกด้วย.
ใบหน้าของไป๋จื่อโม่ถึงกับเปลี่ยนเป็นซับซ้อนทันที"ถนนเส้นนี้,ข้ามาตั้งหลายครั้งแล้ว,เป็นไปได้อย่างไรถึงได้มีศพทมิฬมากมายถึงเพียงนี้!"
ศพทมิฬนั้นปกติจะอยู่ในสภาวะหลับไหลอยู่ตลอดเวลา.
ราวกับว่าในตอนนี้,พวกมันถูกปลุกขึ้นมาเป็นพิเศษ!
ในเวลาเดียวกัน,คนทั้งห้าตอนนี้ถูกล้อมรอบด้วยศพทมิฬกว่าร้อยตน,นอกจากนี้แต่ละตนนั้นมีพลังที่ไม่อ่อนด้อยเลย.
"โอว,โอ๊ววววว!"
เสียงคำรามที่พิเศษกว่าตนอื่น,ส่งผ่านออกมาจากที่ไกลออกไปด้านหน้าของพวกเขาทันที.
ที่หนาผาสูงราวๆ
50-60 เมตร,ศพทมิฬตนหนึ่งที่สวมชุดเกราะเหล็กและหมวกเหล็กยืนจังก้าอยู่,ร่างของศพทมิฬตนนี้ไม่เพียงเข็งแกร่งเป็นอย่างมาก,ทั่วทั้งร่างของมันยังมีปราณหยินมากมายคลุมทั่วทั้งร่าง,จนกลายเป็นแสงแห่งความมืดคลุมอยู่,เห็นได้ชัดว่ามันเป็นก๊าซพิษที่รุนแรงเป็นอย่างมาก.
เป็นตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด.
ขนของศพทมิฬตนนี้,ครึ่งหนึ่งได้กลายไปเป็นสีดำแล้ว!
ปราณทมิฬแผ่ออกมาโคจรรอบๆร่างของศพทมิฬเป็นพลังความมืดที่น่าหวั่นเกรงยิ่งนัก!
ในอีกคำพูดหนึ่ง,พลังของศพทมิฬตนนี้นั้น,เกือบจะเท่าผู้ฝึกตนระดับปลุกดวงจิตแล้ว,เป็นศพทมิฬระดับสูงทีทรงพลังเป็นอย่างมาก,ถึงแม้ว่าจะยังไม่ไปถึงดินแดนปลุกดวงจิตสมบูรณ์ดีนัก,ทว่าก็มีพลังเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนระดับปลุกดวงจิตทั่วไประดับหนึ่งเป็นแน่!
"ไม่ได้การแล้ว!"
หากเพียงแค่ศพทมิฬทั่วไปร้อยตน,หากพวกเขาทั้งห้าร่วมมือกัน,ย่อมสามารถจัดการได้เป็นแน่,ทว่าตอนนี้กลับมีหนึ่งตนที่เกือบไปถึงศพทมิฬระดับปลุกดวงจิตแล้ว,มีสักกี่คนกันถึงจะสามารถจัดการมันได้?
สายตาของไป๋จื่อโม่ที่บ่ายเบี่ยงทันที,พร้อมกับกล่าวออกไปว่า"ไอ้ขยะ,ในเวลานี้ถึงเวลาที่เจ้าจะแสดงความสามารถแล้ว!พลังป้องกันที่ทรงพลังของเจ้า,ย่อมสามารถหยุดการโจมตีมันได้สักพักล่ะ,ตราบเท่าที่เจ้าดึงดูดความสนใจของมันไป,ข้าจะเข้าจัดการมันในทันที!"
พลังป้องกันของฉู่เทียนนั้นทรงพลังเป็นอย่างมาก.
ทว่าจะสามารถป้องกันพิษจากศพทมิฬได้อย่างงั้นรึ?
ลำพังแค่ฉู่เทียนมีพลังดินแดนปรุงร่างระดับแปด,แต่ความแข็งแกร่งของศพทมิฬนั้นแทบจะไม่ด้อยไปกว่าดินแดนปลุกดวงจิตด้วยซ้ำ!
ไป๋จื่อโม่ต้องการที่จะให้ฉู่เทียนเป็นโล่?เพื่อให้เขาถ่วงเวลามันไว้,เพื่อว่าตัวเองจะได้หาโอกาสในการหลบหนีเป็นแน่!
ภายในใจของฉู่เทียนยังคงยืนอยู่อย่างสงบพร้อมกับเผยยิ้มอย่างสุขุม,ทันใดนั้นเขาก็มีอะไรดลใจกล่าวออกมาทันที"ไม่จำเป็นต้องกังวล,ภายในทีมของพวกเราดูเหมือนว่าจะยังมีคน,ที่ยังไม่แสดงฝีมืออยู่ไม่ใช่เหรอ!"
ไฉ่เตี๋ย,เซี่ยงหู่และถีเฟิง,จ้องมองไปยังไป๋จื่อโม่,ไม่ต้องสงสัยเลยว่า,พวกเขาทั้งห้าคนนั้น,มีเพียงแค่ไป๋จื่อโม่เท่านั้นที่มีพลังดินแดนปรุงร่างระดับ
9
ขั้นปลาย,ความจริงแล้วคนที่จะสามารถต่อสู้และป้องกันศพทมิฬตัวนั้นได้ควรที่จะเป็นเขา.
"เจ้า...."
ใบหน้าที่ขาวเนียนของไป๋จื่อโม่เปลี่ยนเป็นแดงเถือก!
จากนั้นฉู่เทียนจึงได้กล่าวออกไปอย่างวายร้าย"ทีมของพวกเราไม่ต้องการคนที่ไม่ทำอะไร!ดังนั้น,ข้าขอให้ท่านลงมือด้วย!"
คำพูดเหล่านั้นดูเหมือนว่าจะคลับคล้ายคลับครา?
ก่อนหน้านี้นั้นเป็นเขาเองที่กล่าวออกไปกับฉู่เทียน!
ในเวลาเดียวกัน,ศพทมิฬได้คำรามออกมาอย่างรุนแรงด้วยความโกรธเกรี้ยว,ผ่านออกมาจากหน้าผาสูงหลายสิบเมตร,พร้อมกับวิ่งลงมา,เป้าหมายของศพทมิฬนั้นเห็นได้อย่างชัดเจน,เป็นไป๋จื่อโม่ที่มีพลังฝึกตนสูงที่สุดนั่นเอง,มันจึงได้พุ่งตรงมาเพื่อโจมตีไป๋จื่อโม่!
"บัดซบ!!!"
ไป๋จื่อโม่ตระโกนออกมาคำหนึ่ง,ก่อนที่จะชักกระบี่ออกมาจากด้านหลัง,พร้อมกับปลดปล่อยแสงวับวาวออกมาจากกระบี่,ก่อนที่จะพุ่งทะลวงไปยังศพทมิฬ.
ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/miracle-throne
#นิยาย บัลลังก์แห่งปาฏิหาริย์ #Miracle throne#นิยายแปลไทย
สนใจสนับสนุนพวกเรา เข้าร่วมกลุ่ม VIP Click
-เว็ปฟรี 2 วันนอัพหนึ่งตอน
-กรุ๊ป vip วันล่ะ 2 ตอน
ใช้ยันต์ไปซะเยอะ แล้วกับศพร้อยปี พี่ฉู่จะเอาอะไรไปสู้ล่ะ หรือว่าพกยันต์มาเป็นพันแผ่น
ตอบลบตัวปัญหา...
ตอบลบ55555555555555555555555555555
ตอบลบ