วันเสาร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2560

Miracle Throne Chapter 62 Hunts and kills the cloudy corpse

Miracle Throne Chapter 62 Hunts and kills the cloudy corpse

นิยาย บัลลังก์แห่งปาฏิหาริย์ ตอนที่ 62 - ไล่ล่าและสังหารศพทมิฬ


บทที่ 62 - ไล่ล่าและสังหารศพทมิฬ




ใจกลางเมืองศิลาดำนั้น,มีผู้ฝึกตนมากมายมารวมตัวกัน,ส่งเสียงเอะอะโวยวายไปทั่ว.


กองคาราวานของอาณาจักรต้าโจวได้กระจายข่าวไปทั่ว,ทุกคนต่างก็ต้องการรับโอกาสงามๆนี้เอาไว้,พร้อมกับแลกเปลี่ยนทรัพยากรที่ล้ำค้าจากนิกายขนาดใหญ่ระดับประเทศนี้กันมากมาย.


ศพทมิฬนั้นดุร้ายเป็นอย่างมาก,การจะไล่ล่าและสังหารแค่เพียงลำพังนั้นเป็นอันตรายเป็นอย่างมาก.



ดังนั้นเหล่าผู้ฝึกตนเร่รอนต้องร่วมกันสร้างทีมชั่วคราวของตัวเองขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน.





"เป็นท่านหญิงไฉ่เตี๋ยที่กำลังรับสมาชิกเพื่อนร่วมทีมอยู่อย่างงั้นรึ?"


"แม้ว่านางจะเป็นคนใหม่ที่เดินทางมาที่นี่,แต่ด้วยความแข็งแกร่งของแม่นางไฉ่เตี๋ยแล้ว,ชื่อเสียงของนางเองก็ไม่ได้ธรรมดาเลย!ตอนนี้พวกนางกำลังเปิดรับสมัครอยู่,เจ้าว่าพวกเราลองไปสมัครดูใหม?"


"เจ้าโง่รึไง?พวกเขาเหล่านั้นไม่ธรรมดาเลย,ตรงนั้นมีคนพลังฝึกตนปรุงร่างระดับ 9 ถึงสี่คน,ปรุงร่างระดับ 7 เช่นเจ้ามีแต่จะโดนหัวเราะเอานั่นล่ะ?"


"ชิ!หุบปากไปเลย!ไม่เห็นเถียนเฟิงอยู่ที่นั่นหรืออย่างไร?เจ้ากล้าที่จะประลองกับเขาอย่างงั้นรึ?"


ไม่ว่าผู้ฝึกตอนคนไหนที่พยายยามเข้าไปต่างก็กลัวหัวหดทุกคนนั่นล่ะ.


หญิงหนึ่งชายสองยืนอยู่ตรงลานกว้าง.


หญิงสาวคนหนึ่งที่สะพายกระบี่ที่วิจิตรอยู่ด้านหลัง,นางสวมชุดที่ดูยั่วยวนลายสายรุ้ง,ดูอ่อนหวานและนุ่มนวลสง่าไปพร้อมๆกัน,แม้ว่าจะไม่ถึงกับสวยโดดเด่น,ด้วยดวงตาที่ดูกระจ่างใส,ดูมีเสน่ห์,ดึงดูดกว่าหญิงอื่นทั่วไปเป็นอย่างมาก.


ที่ซ้ายมือของนางนั้นมีชายแข็งแรงล่ำสัน,เขาถือฆ้อนยักษ์ขนาดมหึมาเอาไว้อยู่,ส่วนด้านขวามือขงนางนั้นมีผู้เยาว์อีกคนหนึ่งที่มีผิวคล้ำ,เขามีกระบี่คู่,พร้อมกับด้านหลังของเขานั้นมีคันธนูยาวสะพายหลังเอาไว้ด้วย.


หญิงสาวในชุดหลากสีกล่าวต่อคนอื่นๆ,"ทีมของพวกเราขาดคนอยู่,ต้องการผู้ฝึกตนดินแดนปรุงร่างระดับ 9 เท่านั้น!"


ด้วยคำพูดดังกล่าวนั้น.



คนที่อยู่รอบๆถึงกับถอนหายใจยาว.

ภายในเมืองศิลาดำแห่งนี้จะมีสักกี่คนกันที่มีระดับปรุงร่างขั้นที่ 9 ?


หญิงสาวในชุดหลากสีนั้นกล่าวออกไปว่า"พวกเราต้องการที่จะไปหาแก่นศพทมิฬในหุบเขา,ในที่แห่งนี้มีใครบ้างที่สนใจที่จะลอง?"


ทุกคนต่างก็เงียบกริบก่อนที่ชายคนหนึ่งรูปร่างกำยำ,กล่าวออกมาด้วยคำพูดที่อหังการ"ที่นี่มีแต่คนไร้ประโยชน์กันทั้งนั้น,ในเมื่อไม่มีใครเหมาะสม,เช่นนั้นทำไมไม่รับข้าเถียนเฟิงล่ะ!"


"เป็นเขาฝ่ามือเหล็กทมิฬ เถียนเฟิง?"


"เขามีฝ่ามือเหล็กทมิฬที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก!"


"ใช่แล้ว,พวกเราไม่ต้องการที่จะสู้กับเขาเลย!"


ผู้คนรอบๆต่างคุยกันไปมา,ราวกับว่ากำลังเกรงกลัวคนผู้นี้อยู่.


"ไฉ่เตี่ย รู้สึกว่าเถียนเฟิงคนนี้มีกลิ่นอายที่ทรงพลัง,รู้ดีว่าภายในใจได้พบกับผู้เชี่ยวชาญแล้ว,เพื่อที่จะตรวจสอบให้แน่ใจจึงได้ตระโกนออกไปคราหนึ่ง"ยังมีใครผู้ใดที่ต้องการจะลองอีกหรือไม่?พวกเราต้องการผู้แข็งแกร่งที่สุด,ใครก็ตามที่แข็งแกร่งที่สุดเราก็จะเลือกคนนั้น,มีใครที่ต้องการจะทอสอบอยู่ใหม?"


เถียนเฟิงที่ยืนเอามือกอดอกอยู่ด้านหน้า,ใบหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยท่าทางยโสโอหังสุดๆ,"แม่นางไฉ่เตี๋ย,เจ้ายังคิดว่ามีคนที่ดีกว่าข้าอีกรึ?อย่าได้เสียเวลาเลย,พวกเรารีบไปสังหารเหล่าศพทมิฬกันเถอะ!"


ด้วยคำพูดดังกล่าวนั้นสร้างความโกรธเกรี้ยวต่อเหล่าคนที่อยู่รอบๆเป็นอย่างมาก.


"พูดจาใหญ่โตดีนี่!"


"ขอข้าทดสอบหน่อยได้ใหม!"


ชายร่างกายกำยำที่มือถือมีดกระโดดออกมา,ประกายแสงอันเย็นเยือบของกระบี่สั้นพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว,เกิดเป็นประกายแสงลอยตรงมา,พุ่งตรงไปยังร่างกายของเถียนเฟิง.


"ชิ!!"


"ความสามารถมีเท่านี้นะรึ!!!"


ฝ่ามือของถูเฟิงแปรเปลี่ยนเป็นมันวาว,ก่อนที่จะตะปบไปยังมีดอันคบกริบ,จนเป็นเหตุให้กระบี่สั้นดังกล่าวโค้งไปเลยทีเดียว!


ชายคนดังกล่าวเผยท่าทางตื่นตระหนก,"ข้าแพ้แล้ว!"


เถียนเฟิงที่ได้ยินแต่ก็หาได้ยั้งมือไม่,เขายังคงปล่อยฝ่ามือออกไปกระแทกไปยังหน้าอกของชายคนดังกล่าว,จนได้ยินเสียงกระดูกหักดังลั่น.


ชายรูปร่างกำยำลอยละลิ่วปลิวออกไปไกลกว่าสิบเมตร,หน้าอกของเขานั้นเป็นรูบุบเข้าไป,ความโกรธเกรี้ยวฟุ้งไปทั่วบรรยากาศที่อยู่รอบๆ,ท่าทางเขาจะไม่หายใจแล้ว,ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นหรือตาย.


"กล้าท้าทายข้าก็ต้องยอมรับชะตากรรมตัวเองด้วย!"เถียนเฟิงแค่นเสียงอย่างเหยียดหยันออกมา"ใครยังไม่ยอมรับอีก?ออกมา!"


เหล่าคนที่อยู่รอบๆต่างหวาดกลัวถึงกับถอยห่างออกไปหนึ่งก้าว,พร้อมกับเผยความรู้สึกหวาดกลัวไปจนถึงขีดสุด.


"โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!"


"นี่คือฝ่ามือเหล็กทมิฬทีทรงพลังใช่หรือไม่?"


เถียนเฟิงนั้นเป็นผู้ฝึกตนแร่ร่อน,เพราะว่ามีโอกาสได้ฝึกฝนวิชาฝ่ามือเหล็กทมิฬที่ทรงพลัง,ตอนนี้สามารถฝึกฝนไปถึงระดับลึกซึ้งไปเรียบร้อยแล้ว,สามารถที่จะใช้เป็นอาวุธต่อกรกับมีดที่คมกริบได้,ด้วยพลังที่เขามีนั้นไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้ว.


นิสัยส่วนตัวของคนๆนี้เองก็ดุร้ายเป็นอย่างมาก,หากไม่รู้จักเขา,หากรู้จักเขา,ไม่ควรที่จะไปยุแหย่เขาจะเป็นการดีกว่า.


ชายคนดังกล่าวนั้นดวงไม่ดีซะมากกว่า!


ไฉ่เตี๋ยไม่ค่อยพอใจเถียนเฟิงที่เป็นคนที่ดุร้ายเป็นอย่างมาก,มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องทำให้ถึงตาย,ทำไมถึงได้ลงมือรุนแรงถึงเพียงนั้นด้วย?


อย่างไรก็ตาม,ความแข็งแกร่งของเถียนเฟิงนั้น,นางก็ต้องยอมรับ!


ไฉ่เตี๋ยกล่าวออกมาด้วยเสียงที่อ่อนโยน,ด้วยนางนั้นไม่ต้องการที่จะให้ใครได้รับบาดเจ็บอีก,"ฝ่ามือของเจ้าทรงพลังเป็นอย่างมาก,พลังฝึกตนเองก็ไปถึงดินแดนปรุงร่างขั้นที่ 9 แล้ว,นับว่ามีคุณสมบัติเพรียบพร้อม,ยินดีต้อนรับสู่ทีมของเรา."


เถียนเฟิงที่ได้รับคำชื่นชมจากหญิงงามแล้ว,ค่อนข้างพึงพอใจเป็นอย่างมาก"พวกขยะเหล่านี้จะมีคุณสมบัติพอที่จะเป็นเพื่อนร่วมทางของแม่นางไฉ่เตี๋ยได้อย่างไรล่ะ?โควต้าดังกล่าวนั่น,แน่นอนว่ามีเพียงข้าคนเดียวเท่านั้น!"

จะโอหังมากเกินไปแล้ว!


เถียนเฟิงนั้นแข็งแกร่งจริงๆ,ทำให้คนที่อยู่รอบๆรู้สึกขุ่นเคืองเป็นอย่างมากทว่าก็ไม่มีใครที่กล้าปริปากออกไป.


เถียนเฟิงมีความสุขเป็นอย่างมากที่ทำให้ทุกคนหวั่นเกรงได้,ขณะที่เดินกร่างไปมาอยู่นั้น,ภายในฝูงชนก็มีเสียงที่เหนียมอายดังขึ้นมาในทันที.


"ช้าก่อน..."


ชายหนุ่มคนหนึ่งได้เดินออกมาจากฝูงชนด้วยสายตาที่ประหลาดใจของทุกคน,ดูเหมือนว่าเขาจะมีอายุยังไม่ถึง 20 ปีด้วยซ้ำ,ท่าทางธรรมดาเป็นอย่างมาก,ดวงตาทั้งสองข้างนั้นดูสดใสเป็นอย่างมาก.


เถียนเฟิงรั้งเท้าก่อนที่จะหันกลับมาอย่างช้าๆ,ใบหน้าของเขานั้นเปลี่ยนเป็นดำมืดแสดงท่าทางโกรธเกรี้ยว."เจ้าอันธพาลน้อย,เจ้ารู้ใช่ใหมที่บอกให้ข้ารอนั้น,เจ้าจะต้องได้รับผลเช่นใดกลับไป?"


มารดาเถอะ.


จะโอหังมากเกินไปแล้ว!



ฉู่เทียนที่เดินตรงออกมาคิ้วทั้งสองข้างขมวดไปมาเหมือนแสดงท่าทางครุ่นคิด,กล่าวออกมาอย่างเฉิดฉาย,"ข้าคิดว่าข้าต้องการที่จะเข้าร่วมทีมนี้น่าจะเป็นเรื่องที่เหมาะกับข้า,ดังนั้นขอให้ท่านอย่าได้รีบจากไป!"


ต้องการแส่หาความตายอย่างงั้นรึ?


ชายหนุ่มคนนี้กล้ากล่าวเช่นนี้กับเถียนเฟิงได้อย่างไรกัน!


ชายหนุ่มคนนี้ดูอ่อนแอจนเกินไป,ทำให้เถียนเฟิงนั้นโกรธเกรี้ยวแทบบ้าคลั่ง,ไฉ่เตี๋ยเร่งรีบกล่าวออกมาด้วยความปรารถนาดี,"น้องชาย,พวกเราต้องการเพียงผู้ฝึกตนปรุงร่างขั้นที่ 9 ,พลังฝึกตนของเจ้านั้นอ่อนแอจนเกินไป,แล้วเจ้ามีพลังเทียบเท่าดินแดนปรุงร่างขั้นที่ 9.. แล้วเหรอ."


"เมื่อสักครู่เจ้าไม่ได้กล่าวว่าต้องการคนที่แข็งแกร่งหรอกเรอะ!"เสียงฉู่เทียนที่ดังชัดเจนและกล่าวออกมาอย่างหนักแน่น."ข้าคิดว่า,ข้านั้นแข็งแกร่งกว่าเขา!"


คนที่อยู่รอบๆถึงกับหายใจเอาอากาศที่เย็นเยือบเข้าไปในทันที.


ชายร่างกำยำที่ถือค้อนยักษ์ซึ่งยืนอยู่ข้างๆไฉ่เตี๋ยเผยยิ้มออกมา,"เจ้าอันธพาลน้อยนี้ดูน่าสนใจไม่น้อย!"


"กล้ายั่วยุข้าอย่างงั้นเรอะ?"เถียนเฟิงหายใจเสียงดัง,สายตาขวางจ้องมองออกไปอย่างดุร้าย"เจ้าไม่รู้อะไรหรือไง,ข้าควรที่ชื่นชมว่าเจ้ากล้าหาญหรือว่าโง่งมสุดๆกันแน่....ในเมื่อเจ้าแส่หาความตาย,ข้าจะช่วยเจ้าเอง!"


ฝ่ามือทั้งสองข้างของเขากลายเป็นดำเงาโลหะขึ้นมาทันที!


ตุ๊บ!


ฝ่ามือเหล็กทมิฬที่ทรงพลังได้กระแทกลงไปยังร่างของชายหนุ่มอย่างรุนแรง!


ร่างของฉู่เทียนเกิดเสียงดังสดใสราวกับเสียงระฆังถูกส่งออกมา,ฝ่ามือของเถียนเฟิงนั้นไม่สามารถเข้าไปถึงร่างของเขาได้,ฝ่ามือของเถียนเฟิงนั้นสาดกระจายไปด้วยโลหิตทันที,ราวกับว่าได้ประทับเข้ากับระฆังโบราณขนาดใหญ่เข้า.


"ไสหัวไปให้พ้น!"

ทั่วร่างของฉู่เทียนนั้นมีประกายแสงดวงดาราฟุ้งกระจายระยิบระยับ.


"อ๊ากกก!"


เถียนเฟิงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดทรมานพร้อมกับล้มลงนอนกลิ้งเกลือกไปมาบนพื้น,ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก,แขนทั้งสองข้างของเขานั้นถึงกับเปิดออกจนเห็นกระดูก,ทำให้ทุกคนที่อยู่รอบๆถึงกับยืนโง่งมด้วยความตื่นตะลึง!


พลังฝ่ามือของเถียนเฟิงนั้นทรงพลังจนน่าประหลาดใจ?พลังที่แข็งแกร่งของเขาปลดปล่อยออกมาเต็มกำลังโจมตีไปร่างเด็กหนุ่มคนดังกล่าว,ทว่าแทนที่จะสังหารเด็กหนุ่มคนนั้นแล้ว,กลับกายเป็นว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสซะเอง!


ตั้งแต่แรกแล้วเถียนเฟิงนั้นไม่อยู่ในสายตาของฉู่เทียนแม้แต่น้อย,ทั่วทั้งร่างของเขานั้นถูกโอบไปด้วยพลังอำนาจแห่งดวงดารา,เขาเดินเข้ามาหาหญิงสาวในชุดหลากสี,"ข้ามีนามว่า ลู่เร็น!"


เป็นคนเร่ร่อนอย่างงั้นรึ?


ถึงได้มีชื่อที่แปลกถึงเช่นนี้?


ไฉ่เตี๋ยยากที่จะปกปิดสายตาที่ตื่นตระหนกเอาไว้ได้"เจ้าฝีกฝนวิชาบำเพ็ญพลังป้องกันที่ทรงพลังมาสินะ,บางทีเจ้าคงจะไปถึงดินแดนความสำเร็จในดินแดนขนาดใหญ่แล้วรึ?สามารถที่จะต้านทานพลังโจมตีที่ทรงพลังเช่นนั้นได้,เจ้านี้ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!สมบูรณ์แบบเจ้ามีคุณสมบัติพอที่จะเข้าร่วมกับพวกเรา!"


สำเร็จในดินแดนขนาดใหญ่อย่างงั้นรึ?


แปลกประหลาดจัง!


วิชา กายนิรันดร์โอบแสงดาราของฉู่เทียนนั้น ถึงจะยังไม่สำเร็จในดินแดนขนาดเล็กอย่างสมบูรณ์ใน ระดับกายแก้วก็ตามที,เรื่องดังกล่าวนี้แน่นอนว่าหากมีใครรุ้เข้าล่ะก็ย่อมสร้างความตื่นตะลึงให้กับทุกคนอย่างแน่นอน,เขาจึงควรที่จะเก็บมันเอาไว้ในใจเท่านั้น.


วิชาบำเพ็ญเช่นนี้ย่อมเป็นสิ่งทีทุกคนไม่เคยได้ยินมาก่อนอยู่แล้วไม่ใช่รึ?



วิชาบำเพ็ญที่เน้นไปที่การป้องกันนั้นเป็นวิชาที่แปลกประหลาด,ที่ไม่เคยมีผู้อาวุโสคนใหนเคยเอ่ยถึงมาก่อนนั่นเอง!


"ข้ามีนามว่า ไฉ่เตี๋ย,คนร่างยักษ์นี้มีนางว่า เซี่ยงหู่,ส่วนคนที่ดูปริศนานี้มีนามว่า ถีเจียน!"


ไฉ่เตี๋ยอายุราวๆ 20 ปี,นางเป็นคนที่มีความสวยที่ร้อนแรงไม่น้อย.


ฮ่ะ?


ฉู่เทียนชำเลืองมองไปยังใบหน้าไฉ่เตี๋ยอยู่สักพักเผยรอยยิ้มที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง


หญิงสาวคนนี้คาดไม่ถึงเลยว่าจะปลอมตัวมาเช่นกัน,ทว่าด้วยวิธีนั้นเปรียบกับเขาแล้ว,ดูเหมือนว่าจะต่างจากเขาลิบลับเลย!


เป็นไปได้ที่แม่นางไฉ่เตี๋ยต้องปลอมตัว?
 
ด้วยตัวนางสวยจนเกินไป,จนต้องปลอมตัวกระมั้ง?


ฉู่เทียนเก็บความคิดของเขาเอาไว้เงียบๆ,ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขาเช่นกัน,"ไม่ใช่ว่ามีคนทั้งหมดห้าคนรึ?อีกคนล่ะ!"


"อีกคนหนึ่งนั้นมีนามว่า ไป๋จือโม่,เคยผ่านเข้าออกตลาดมืดหลายครั้งแล้ว,ดังนั้นเขาจึงคุ้นเคยกับเส้นทางเป็นอย่างมาก,พลังฝึกตนของเขานั้นก็สูงล้ำ,เขาไปถึงดินแดนปรุงร่างระดับ 9 ขั้นปลายเรียบร้อยแล้ว,เขาเป็นหนึ่งในอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงในรัฐกลาง,เขาสามารถล้มคู่ต่อสู้ที่มีระดับพลังเหนือกว่า,เหมือนดั่งเจ้าเลย!"


"ไปกันเถอะ,เดี๋ยวก็เจอเขาเอง."


ที่ประตูเมืองขนาดเล็ก.


ไป๋จื่อโม่สวมชุดผ้าใหมสีขาวที่ดูหรูหรามีราคา,กระบี่ยาวที่ประดับประดาด้วยอัญมณีถูกแขวนเอาไว้ด้านหลังของเขา,ที่ศีรษะของเขาเองมีมงกุฏหยกด้วย,ผิวกายที่ดูสะอาดสะอ้านสดใจ,เพียงแค่ดูจากลักษณะภายนอกแล้ว,ไม่ควรใช่กลุ่มผู้ฝึกตนเร่ร่อนแน่นอน,น่าจะเกิดในตระกูลขุนนางที่มีชื่อเสียงนั่นเอง.


ไป๋จื่อโม่,ที่ดูฉุนเฉียวที่รอคอยนาน,"ทำไมพวกเจ้าถึงได้ช้าถึงเพียงนี้กัน!"


"แล้วชายคนนี้เป็นใครกัน!"เมื่อเขามองเห็นฉู่เทียนแล้ว,ไป๋จื่อโม่ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย,พร้อมกับแสดงท่าทางรังเกียจออกมาทันที"ข้าให้พวกเจ้าไปหาผู้ช่วย,แล้วกลับได้ขยะกลับมาอย่างงั้นรึ!"


"ผู้เชี่ยวชาญดินแดนปรุงร่างระดับ 9 ไม่มีเลยเรอะ,ถึงได้นำเขากลับมา!ขยะเช่นนี้พวกเราไม่ต้องการ!ไล่เขาไปซะ!"


โลกนี้,ผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะได้รับการเคารพ.


น้ำเสียงของไป๋จื่อโม่นั้นเต็มไปด้วยความยโสโอหัง,นั่นเป็นเพราะเขามีคุณสมบัตินั่นเอง.


ไฉ่เตี๋ยนั้นแสดงท่าทางอักอ่วน"จื่อโม่,อย่าเพิ่งโกรธ, น้องชาย ลู่เร็นคนนี้ถึงจะมีอายุน้อย,พลังฝึกตนไม่สูงนั้น,ทว่าทักษะต่อสู้นั้นไม่ได้ย่ำแย่,เขาได้แสดงทักษะวิชาที่พิเศษให้พวกเราดูแล้ว,แม้แต่เถียนเฟิงฝ่ามือเหล็กทมิฬยังไม่สามารถทะลวงพลังป้องกันเขาได้!"


ชายที่มีร่างสูงใหญ่เซี่ยงหู่เดินเข้ามา"พี่ไป๋,พวกเราได้เห็นทักษะดังกล่าวแล้ว,ฝ่ามือของเถียงเฟิงถึงกับแหลกเป็นชิ้นๆ,น้องชายคนนี้ไม่ได้หลบหรือซ่อนตัวเลย,พลังป้องกันของเขานั้นแม้แต่เถียนเฟิงยังไม่สามารถทำอะไรได้!"


"ชิ,เป็นเช่นนั้นรึ?ดูเหมือนว่า,เถียนเฟิงน่าผิดหวังจริงๆมีเพียงชื่อรึไง!"


ถึงไป๋จื่อโม่จะกล่าวออกมาเช่นนั้นแต่ที่จริงแล้วก็รู้สึกหวั่นเกรงและอิจฉาอยู่ในใจ.


ชายคนนี้ถึงกับสามารถจัดการเถียนเฟิงได้ด้วยอายุเพียงเท่านั้น,อีกหลายปีคงจะไม่ด้อยไปกว่าเขาแน่นอน!


ไป๋จื่อโม่รู้สึกไม่พึงพอใจสักเท่าไหร่นัก"ดี,หากว่ามีความสามารถก็เข้าร่วมได้,ในเวลาวิกฤติคงพอจะเป็นโล่ให้คนอื่นได้ล่ะนะ."


"พวกเราไป!"ไป๋จื่อโม่กล่าวโดยไม่หันหน้ามามองฉู่เทียนด้วยซ้ำ"ก่อนที่จะมืด,พวกเราจะต้องไปให้ถึงตลาดมืดไห้ได้!"


ไฉ่เตี่ย,กล่าวแนะนำต่อฉู่เทียนว่า"นิสัยเขาเป็นเช่นนี้ล่ะ,อย่าได้ใส่ใจเลย!"


เซียงหู่เองก็ปลอบเขาเช่นกัน"ใช่แล้ว,ไป๋จื่อโม่ไม่ใช่เพียงมีพลังฝึกตนที่สูง,เขายังมาจากตระกูลที่มีตำแหน่งที่สูงภายในตลาดมืด,ชาติกำเนิดถือว่าดี,ความแข็งแกร่งก็ดี,จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะหยิ่งจองหองไปบ้าง,แต่ก็บอกได้เลยว่า,เขานั้นได้เข้าออกตลาดมืดหลายคราแล้ว,หากเป็นเขาที่คอยนำทางละก็,พวกเราย่อมสามารถหลบหลีกเขตอันตรายได้แน่,พวกเราย่อมไปถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย."


ฉู่เทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย.


เขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรเช่นกัน.

นิสัยอหังการเองก็ไม่ใช่เรื่องผิด,ทว่าจะต้องรู้ตัวตนของตัวเองซะก่อน,และรู้จักหลักการทำงานร่วมกันกับผู้อื่นด้วย!


ไป๋จื่อโม่ที่มีท่าทางหยิ่งจองหอง,ทว่าดูเหมือนว่าจะเป็นพวกชอบเหน็บแนมคนอื่นด้วย,ฉู่เทียนแอบที่จะโต้แย้งเหมือนกัน,ว่าควรค่าที่จะเอาชีวิตไปฝากไว้กับคนเช่นนี้รึ!


ไฉ่เตี่ย,เซี่ยงหู่,ถีเจียน คนทั้งสามต่างก็มีพลังดินแดนฝึกตนระดับ 9.

ไป๋จื่อโม่มีพลังฝึกตนดินแดนปรุงร่างระดับ 9 ขั้นสูง.


ส่วนฉู่เทียนนั้นมีพลังดินแดนปรุงร่างระดับ 8 ขั้นปลาย.


หากจะเรียกไป๋จื่อโม่ว่าอัจฉริยะล่ะก็,ความแข็งแกร่งที่เขามีตอนนี้ก็ควรจะมีอายุเท่ากับฉู่เทียน,แม้ว่าเขาจะถูกเหน็บแนมก็ตามที,ทว่าฉู่เทียนก็ไม่ต้องการที่จะเอามาใส่ใจ.


ภายนอกเมืองศิลาดำนั้น,เหล่าพืชพรรณต่างก็ยืนต้นตายหมด,เหล่าความตายต่างก็ครอบงำไปทุกส่วน,ไม่มีภาพของสิ่งมีชีวิตอยู่เลย.


ผ่านไปมานานเหมือนกันทุกคนต่างก็เงียบมาตลอด,หากแต่ทันใดนั้นถีเจียนก็เปิดพูดออกมาเป็นครั้งแรก.


"ทุกคนระวังตัวด้วย,ข้างหน้านั้นมีศพทมิฬอยู่หลายตนทีเดียว!"


ชายคนนี้คงฝึกฝนวิชาพิเศษ,ราวกับว่าเขามีทักษะในการตรวจจับ,เมื่อศพทมิฬปรากฏตัว,เขาสามารถที่จะค้นพบได้ก่อนเป็นคนแรก.


ที่โขดหินที่ระเกะระกะนั้น,มีคนหลายคนที่รูปร่างเหมือนอสูร,ทว่าทั้งร่างของพวกเขานั้นถูกปกคลุมไปด้วยปราณทมิฬ,เห็นแล้วท่าทางน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก.


ร่างของพวกมันนั้นไม่มีเต่งตึงเลยแม้แต่น้อย,ราวกับว่าเป็นศพที่แห่งเหี่ยวติดกระดูก,ทั่วร่างของพวกมันนั้นมีเมือกสีขาวคลุมไปหมด,พวกมันมีกงเล็บสีดำ,ดวงตาสีขาวแทบไม่ต่างจากอสูร,ใบหน้าบิดเบี้ยวไปมา,ไม่หลงเหลือความเป็นมนุษย์แล้ว.


นี่คือศพทมิฬอย่างงั้นรึ?


ศพทมิฬนั้นจะมีระดับที่แตกต่างกันไป,โดยจะสามารถกำหนดได้ด้วยเส้นผมหรือขนของพวกมัน,เพราะเส้นขนเหล่านี้จะก่อเกิดมาจากปราณหยินที่ศพเหล่านี้ดูซับเข้ามานั้นเอง,อยู่ในดินแดนปรุงร่างขนพวกมันจะมีสีขาว,ระดับปลุกดวงจิตของศพทมิฬก็จะมีขนสีดำนั่นเอง.


เคยมีครั้งหนึ่งเหมือนกันที่มีคนเคยเล่าว่าเคยพบศพทมิฬสีแดงชาติ,แน่นอนว่ามันอาจจะเป็นเพียงแค่ข่าวลือ,ศพทมิฬที่มีสีดำนั้นจะเป็นศพที่มีอายุหลายร้อยปี,ส่วนศพที่มีสีแดงชาดนั้นเป็นศพที่มีอายุหลายพันปีนั่นเอง,เมื่อมีศพทมิฬสีแดงชาดเกิดขึ้นล่ะก็,ไม่ต้องบอกเลยว่าตลาดมืดและเมืองศิลาดำแห่งนี้หรือแม้แต่บริเวณใกล้ๆแถวนี้จะต้องพบเข้ากับภัยพิบัติอย่างแน่นอน!


"จากการตรวจสอบแล้วเป็นศพทมิฬที่มีอายุราวๆ 30-40 ปี!"



"จัดการ!"


ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/miracle-throne

#นิยาย บัลลังก์แห่งปาฏิหาริย์ #Miracle throne#นิยายแปลไทย



สนใจสนับสนุนพวกเรา เข้าร่วมกลุ่ม VIP  Click

-เว็ปฟรี 2 วันนอัพหนึ่งตอน

-กรุ๊ป vip วันล่ะ 2 ตอน

2 ความคิดเห็น: