Miracle Throne Chapter 42 Tempts with the promise of gain City Lord
นิยาย บัลลังก์แห่งปาฏิหาริย์ ตอนที่ 42 ยั่วยวนท่านเจ้าเมืองด้วยคำมั่นสัญญา
บทที่ 42 ยั่วยวนท่านเจ้าเมืองด้วยคำมั่นสัญญา
ตำหนักเจ้าเมือง.
พวกเขาได้ทำการแลกเปลี่ยนสัญญาการครอบครองทรัพยากร.
ในตอนนี้การแลกเปลี่ยนได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว,หนานกี้แทบไม่เชื่อว่านี้เป็นความจริง!
ในโลกนี้ยังมีคนที่โง่อย่างคาดไม่ถึงขนาดนี้เลยรึ?แลกเปลี่ยนเหมืองน้ำมันที่ไร้ค่ากับทรัพยากรที่มีคุณภาพตั้งมากมาย!
เขาใช้ตำแหน่งเจ้าเมืองโน้มน้าวเขาเล็กน้อย,ทว่าเด็กชายคนนี้กับยินดีที่จะแลกเปลี่ยนเอง!
แน่นอนว่า,เจ้าเมืองอย่างเขานั้นมีความสุขเป็นอย่างมาก,มันคงเป็นเหมือนกับฝันที่ไม่คาดคิดในอีกหนึ่งปีหลังจากนี้,ด้วยเหตุผลที่เขาได้ตัดสินใจไปนี้,หัวใจของเขาเต้นไปมาโครมครามจนรู้สึกน่ารำคาญทีเดียว!
ท่านเจ้าเมืองได้แต่แอบหัวเราะอย่างมีความสุขอยู่คนเดียว.
ฉู่เทียนเริ่มขีดเขียนปากกาลงบนกระดาษ,และตวัดเขียนบางอย่างง่ายๆลงไปในนั้น.
ฉู่เทียนที่เค้นสมองก่อนที่จะเขียนรายการวัตถุดิบหลายอย่างออกมา"ท่านเจ้าเมืองช่วยข้าหาวัตถุดิบเหล่านี้,มันเป็นส่วนผสมที่สามารถที่จะหาได้ในเมืองเทียนหนานหรือไม่?ข้าจำเป็นต้องใช้งานมันอย่างเร่งเด่วนเลย!"
ความจริงแล้ววัตถุดิบเหล่านั้นเป็นสิ่งของธรรมดาเป็นอย่างมาก.
อย่างไรก็ตามเมืองเทียนหนานแห่งนี้ก็มีทรัพยากรที่ไม่มากมายอะไรนัก,การที่เขาทำเช่นนี้ก็เพื่อรับประกันว่าจะสามารถหาของเหล่านั้นได้.
"ส่วนใหญ่แล้วไม่เคยเห็นเหมือนกัน,แต่วัตถุดิบแปดอย่างที่อยู่ภายในนี้,เมืองเทียนหนานแห่งนี้ก็มีอยู่."หนานกงอี้ค่อยๆอ่านแต่ล่ะอย่างที่อยู่ภายในกระดาษ,ก่อนที่จะกล่าวว่า"ภายในตำหนักเจ้าเมืองเองก็มีเก็บเอาไว้อยู่,หากว่าเจ้าต้องการด่วนล่ะก็,ข้าจะให้คนนำไปส่งให้กับเจ้าเอง."
ภายในใจของฉู่เทียนถึงกับเต้นโครมคราม,ทันใดนั้นเขาก็กล่าวตอลกลับไปว่า"เยี่ยมเลย,ต้องลำบากท่านเจ้าเมืองแล้ว."
ดีมากเลย!
วัตถุดิบบางอย่างนั้นสามารถนำมาสกัดน้ำมันคลิสตัลได้!
ที่จริงแล้วในยุคนี้มีทรัพยากรทีมีค่ามากมาย,ยังมีบางอย่างที่ล้ำค่าถูกฝังอยู่,มีหลายอย่างที่มีค่ามายมายยิ่งกว่า,บางอย่างพวกเขาไม่รู้ว่าจะนำมาใช้อย่างไร,จึงให้ความสำคัญกับทรัพยากรที่มีค่าและนำมาใช้ได้ง่ายกว่านั่นเอง.
ด้วยความสามารถของฉู่เทียนที่ล้ำหน้ากว่าคนอื่น,จึงสามารถที่จะคว้าสิ่งเหล่านั้นมาไว้ก่อนที่คนอื่นจะเห็นค่า,เขาได้ยึดเอาทรัพยากรธรรมชาติที่ล้ำค่าเอาไว้แล้ว,และเขาจะใช้พวกมันเหล่านั้นสร้างความรุ่งโรจน์และสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ขึ้นมา.
หนานกงอี้อ่านวัตถุดิบอย่างระมัดระวัง"ผลึกทรายสีน้ำเงิน,ผงคลิสตัล,หญ้าแสงจันทร์,น้ำคั้นปะการังแดงและสารละลายกัดกร่อน....แปลกดี,ผลึกทรายสีน้ำเงินและผงคลิสตัลนั้นใช้ในการหลอมผสมอุปกรณ์,หรือผลึกทรายน้ำเงินเองก็สามารถนำมาลับคมอาวุธให้แหลมคมขึ้นได้,ส่วนผลึกคลิตตัลเองก็สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของอาวุธได้,หญ้าแสงจันทร์ก็เป็นหนึ่งในวัตถุดิบทำยา,น้ำคั้นปะการังแดงเองก็เป็นวัตถุดิบในการเขียนวงเวทย์อักขระ,วัตถุดิบที่มีทั้งหมดนี้นำมาใช้ร่วมกันทั้งหมดเลยรึ?มันเหมือนกับนำมาหลอมรวมอุปกรณ์ทำอะไรสักอย่าง,ไม่ใช่นำมาปรุงยาแน่นอน!"
ฉู่เทียนไม่คาดคิดเลยว่าหนานกงอี้จะมีความรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบเหล่านี้ด้วย"ดูเหมือนว่าท่านเจ้าเมืองเองจะมีความรู้กว้างขวางทีเดียว."
หนานกงอี้กล่าวอย่างตรงไปตรงมา"เจ้าเมืองคนนี้เองก็เรียนรู้การหลอมอุปกรณ์มาบ้าง,ถึงจะไม่กล้ากล่าวว่ามีทักษะสูงส่งเท่าไหร่,ทว่าในเมืองหลวงก็พอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง."
ด้วยคำพูดเจียมเนื้อเจียมตัวเช่นนั้น,คงไม่ใช่อย่างนั้นเป็นแน่,ถึงกับบอกว่าเมืองหลวง?
กล้าที่จะบอกว่ามีชื่อเสียงในเมืองหลวง,ต้องไม่ธรรมดา,ลำพังแค่ในเมืองเทียนหนานเองก็น่าจะเป็นเทคโนโลยีในลำดับต้นๆเป็นแน่!
การหลอมอุปกรณ์ในยุคนี้,ฉู่เทียนเองก็อยากรู้เล็กน้อย,เขากล่าวออกไปลอยๆว่า"ท่านเจ้าเมืองพอจะแสดงให้ดูได้หรือไม่?เพื่อเป็นการเปิดหูเปิดตาแก่ข้าคนนี้!"
หนานกงอี้ได้ดึงกระบี่สั้นที่เอวของเขาออกมา,กระบี่เล่มนี้มีความยาวสองฟุตห้านิ้ว,ตัวกระบี่ทั้งหมดมีสีแดงชาติ,คมกระบี่เป็นลายลูกคลื่น,ราวกับว่ามันเป็นคมเขี้ยวของอสรพิษ,นุ่มนวลและคมกริบ,มีอักษรรูนสลักเอาไว้ด้วย.
"นี่คือกระบี่อสรพิษเปลวเพลิง."
กระบี่เล่มนี้ถือว่าเป็นผลงานที่หนานกงอี้พึงพอใจเป็นอย่างมาก,ในประเทศชนบทเมืองเล็กๆเช่นนี้,จะมีสินค้าที่มีคุณภาพเช่นนี้ได้อีกรึ?ฉู่เทียนค่อนข้างประหลาดใจเช่นกัน,พร้อมกับพยักหน้าคารวะทีเดียว,ฝีมือของเจ้าเมืองไม่ธรรมดาจริงๆ.
เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดจริงๆ,ฉู่เทียกล่าวชื่นชม,"ถือว่าดี."
ถือว่าดีเลย?
เจ้าเด็กนี้ไม่มีตาอย่างงั้นรึ?
หนานกงอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย,"เป็นไปได้ว่าประธานฉู่เทียนจะมีความเข้าใจในการผสมอุปกรณ์อย่างงั้นรึ?"
"แค่เพียงเล็กน้อย,แต่ไม่ได้เชี่ยวชาญอะไรมาก,ทว่าก็สามารถที่จะมองเห็นถึงปัญหาเล็กๆน้อยๆได้."
ฉู่เทียนรับกระบี่อสรพิษเปลวเพลิงมา,พร้อมกับค่อยๆปิดตาทั้งสองข้าง,นิ้วทั้งสองข้างของเขาลูบไปบนใบดาบของกระบี่อย่างนุ่มนวล,พร้อมกับปล่อยพลังหมุนวน,แทรกซึมไปในอากาศอย่างช้าๆ.
เนตรจิต!
เขาเปิดการใช้งานเนตรจิตอีกครั้งแล้ว!
เมื่อหนานกงอี้เห็นเช่นนั้นก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก,อดไม่ได้เลยที่จะถอยออกมาหนึ่งกล่าว,หนานกงอี้ที่รู้ถึงทักษะเนตรจิตที่สามารถมองเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจน,สามารถที่จะเห็นการเต้นของหัวใจ,เจตนาร้ายและนิสัยของคนๆนั้น,ความสุข,ความโกรธและความเสียใจ,อื่นๆอีกมากมาย..
ท่านเจ้าเมืองที่เพิ่งนำเหมืองน้ำมันที่ไม่มีค่าแลกกับทรัพยากรที่มีคุณภาพสูง,ตอนนี้เริ่มรู้สึกผิดเล็กน้อย!
หลังจากที่นิ้วของเขาลูบคลำไปทั่วทั้งใบกระบี่อย่างนุ่มนวลแล้ว.
ฉู่เทียนก็ลืมตาขึ้น,"ใช้ผลึกภูเขาไฟเป็นแกน,หลอมรวมกับเหล็กแดงเข้มข้นเป็นตัวกระบี่,ใช้เวลาหลอม
49 วันและใช้โลหิตจิ้งเหลนเพลิงและเกล็ดอสูรเพลิงเดือดดาล,นอกจานี้ยังผนึกดวงจิตของอสูรเพลิงสีชาดลงไปด้วย,นอกจากนี้ยังมีวงเวทย์สามวง,แยกออกเป็น...."
ไม่เลวทีเดียว.
ไม่มีผิดเพี้ยนเลย!
น่าตกใจจริงๆ!
เจ้าเมืองพึมพำไปมา"ตำนานเป็นเรื่องจริงสินะ,หากสามารถเปิดใช้ทักษะเนตรจิต,จะสามารถเข้าใจสิ่งต่างๆได้อย่างชัดแจ้ง,ทั้งภูติวิญญาณ,วัตสุอุปการณ์และยังมีพลังวิญญาณ,ทุกสิ่งทุกอย่างไม่สามารถเล็ดรอดสายตาของเนตรจิตไปได้."
น่าหวาดกลัวมาก!
พลังดังกล่าวนี้สามารถที่จะเข้าใจได้ถึงการเคลื่อนที่และความคิดของศัตรูขณะต่อสู้ได้อย่างชัดเจน,นอกจากนี้ยังสามารถเลือกใช้กลยุทธ์โต้ตอบได้,ทักษะนี้นับว่าเป็นสิ่งล้ำค่าในการล่าหาสมบัติได้เป็นอย่างดี,สมบัติบางอย่างนั้นไม่สามารถที่จะมองได้อย่างผิวเผิน,และไม่สามารถประเมินค่าด้วยคนทั่วไปได้,ทว่ามันจะไม่สามารถหลบเหลี่ยงจากผู้มีทักษะเนตรจิตในการตรวจสอบได้เลย.
หนานกงอี้อิจฉาและริษยาเป็นอย่างมาก!
อายุยังไม่ถึง
18 ปีด้วยซ้ำไป!
ทำไมถึงได้มีทักษะที่ไม่ธรรมดาเช่นนี้ได้?
ฉู่เทียนที่เผยยิ้มออกมาอย่างมั่นใจและเยือกเย็น,พร้อมกับจงใจกล่าวคำพูดที่ล้ำลึกออกไป"ทักษะ
เนตรจิตนั้นไม่ได้ลึกลับแต่อย่างใด,และมันเป็นเพียงแค่ทักษะธรรมดาเท่านั้น."
เขากำลังหลอกล่ออะไรอยู่รึ?
ถึงต้องการแสดงออกมาให้เห็นเช่นนี้!
ทำให้เจ้าเมืองอย่างเขาขุ่นเคืองอยู่เหมือนกัน!
หนานกงอี้ที่ฝืนยิ้มออกมาและกล่าวว่า"ประธานฉู่เทียนอย่าได้พูดให้ขันหน่อยเลย,ทั่วทั้งอาณาจักรแห่งนี้จะมีสักกี่คนที่สามารถใช้ทักษะเนตรจิตนี้ได้?"
"อาณาจักรแห่งนี้เล็กจนเกินไป."ฉู่เทียนหยุดและกล่าวต่อช้าๆว่า"
ทักษะจิตสัมผัสก็ดี, ทักษะเนตรจิตรก็ดี,ในท้ายที่สุดแล้วก็เป็นทักษะหนึ่งของจิตวิญญาณและจิตสำนึก,
ที่มีชื่อว่า สัมผัสเทวะ."
หนานกงอี้ที่เป็นคนของตระกูลหนานกง,มีประสบการณ์มากมาย,มีความรู้ลึกซึ้ง,นี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่เขาได้ยิน"
ทักษะ สัมผัสเทวะ? ช่วยอธิบายให้ละเอียดกว่านี้ได้หรือไม่?"
"ทักษะสัมผัสเทวะและความแข็งแกร่งนั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวพันธ์กันโดยตรง,ทว่ามันก็มีระดับสูงและต่ำ
ขีดขั้นไว้อยู่."ฉู่เทียนหยุดครู่หนึ่งและกล่าวต่อว่า"
เขตแดนแรกเรียกว่า จิตสัมผัส,เป็นเพียงการใช้ทักษะสัมผัสเทวะเปิดการรับรู้ของอวัยวะ,จากนั้นก็เปิดทักษะ
สัมผัสให้กับอวัยวะต่างๆ,เขตแดนที่สองเรียกว่า เนตรจิต,ในเวลาเดียวกันนั้นจิตใจและจิตสำนึกจะถูกแยกออกมาจากร่างกาย,เป็นการรับรู้ในขอบเขตที่อวัยวะต่างๆของคนจะสามารถรับรู้ได้อย่างหนึ่ง,สามารถสัมผัสได้ถึงวัตถุและทักษะความสามารถ
หรือแม้กระทั่งการเปลี่ยนแปลงของดวงจิตที่เปลี่ยนไป!"
เด็กหนุ่มคนนี้ช่างมีความรู้ที่ลึกซึ้งจริงๆ!
สิ่งที่เขาได้ยินเมื่อสักครู่เป็นความรู้ที่เขาไม่เคยได้ยินมาเลย,
หนานกงอี้เผยท่าทางเหม่อลอย,"เป็นไปได้ว่าเขตแดนเนตรจิตเป็นส่วนหนึ่งของทักษะ,สัมผัสเทวะอย่างงั้นรึ?"
ฉู่เทียนพยักหน้าแล้วกล่าวว่า"แน่นอนว่า,ทักษะสัมผัสเทวะที่แท้จริงนั้น,ภายในขอบเขตพันจ้าง(3.3
เมตร)ต้นไม้ใบหน้า,แมลง,หรือมด,การเต้นของหัวใจเช่นไรยังสามารถบอกได้ทั้งหมด,ไม่ว่าจะเป็นภูติผีหรืออสูร,ภูติวิญญาณ,ภูติอสูร,ว่าตอนนี้ซ่อนอยุ่ที่ใด,เมื่อสามารถไปถึงเขตแดนสัมผัสเทวะแล้วย่อมไม่สามารถหลบพ้นได้,การที่จะหลบให้พ้นในรัศมีพันลี้นั้น,แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย,และนอกจากนี้,การเปลี่ยนแปลงของพลังวิญญาณที่มีเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลนั้น,ยังสามารถแยกแยะได้ในทันที,จิตสังหารของคนแต่ละคนยังไม่สามารถหลบหนีจากสัมผัสนี้ได้,ในตำนานเคยกล่าวเอาไว้ถึงเขตแดนระดับสูง...สามารถรับรู้ได้ถึงการหุบและบานของดวกไม้ได้,ราวกับว่ามีพลังของภูติวิญญาณระดับพระเจ้าอยู่."
เขตแดนชั้นสูงที่มีอยู่ในตำนาน,ซึ่งเป็นเขตแดนที่ฉู่เทียนเองยังไปไม่ถึงเลยนั่นเอง.
เขตแดนในทฤษฎี,บางทีก็เกินกว่าที่สิ่งมีชีวิตจะข้ามผ่านขีดจำกัดนั่นได้!
หนานกงอี้ถึงกับงงงวย.
ไม่เคยได้ยินสิ่งเหล่านี้เลย.
เผ่าพันธ์มนุษย์คาดไม่ถึงเลยว่าจะเคยมีคนที่มีทักษะเช่นนี้ได้อย่างงั้นรึ?
"เขตแดน
สัมผัสเทวะ เจ้า สำเร็จแล้วอย่างงั้นรึ?"
"ฮ่า
ฮ่า,ท่านเจ้าเมือง,ท่านตีค่าข้าสูงไปแล้ว,สัมผัสเทวะไม่ได้มีได้โดยง่ายด้วยพลังฝึกตนเพียงเท่านี้,ทว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อข้ามีพลังเพียงพอที่จะใช้มันได้,พลังฝึกตนของข้าในตอนนี้ต่ำเตี้ยเรี่ยดินจนเกินไป,ซ้ำข้ายังมีขีดจำกัดเกี่ยวกับพลังวิญญาณที่สามารถใช้งานมันอยู่,แม้ว่าข้าจะใช้งานทักษะเนตรจิตได้,ทว่าความจริงแล้วยังใช้ได้ไม่เต็มที,ใช้ได้แค่ระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น."
ไม่อยากเชื่อจริงๆ!
คำพูดของฉู่เทียนนั้น,ราวกับเป็นคำพูดในจินตนาการเท่านั้น.
ทว่าหนานกงอี้เองกับสามารถรับรู้ได้ด้วยสัณชาติญาน,ว่าคนๆนี้ไม่ได้กล่าวเท็จออกมาแต่อย่างใด!
นับว่านี้คือครั้งแรกที่หนานกงอี้ตระหนักได้ว่าโลกนี้มันกว้างใหญ่นัก,และตัวเขาเองช่างเล็กซะเหลือเกิน.
ดูจากท่าทางของเขาแล้ว,การจะยกระดับสัมผัสเทวะนั้นก็เหมือนกับการต้มน้ำเปล่านั่นเอง,เหตุผลที่ตอนนี้เขาสามารถใช้ได้เพียงทักษะเนตรจิต,เป็นเพราะว่าเขามีพลังวิญญาณที่ต่ำเตี้ยจนเกินไป.
ฉู่เทียนถอนหายใจ,"การหลอมรวมอุปกรณ์นั้น,ทักษะสัมผัสเทวะมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง,พูดตามตรงเลยนะ,หากว่าแม้แต่เขตแดน
จิตสัมผัสยังไม่มี,ถึงแม้ว่าจะมีพรสวรรค์เท่าใดก็ตาม,ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้."
กล่าวเช่นนั้นแล้ว,ฉู่เทียนก็หันกลับไปมองกระบี่อสรพิษเปลวเพลิงของหนานกงอี้"ข้ารู้สึกว่าจิตวิญญาณเปลวเพลิงภายในกระบี่เล่มนี้ดูอ่อนแอจนเกินไป,ข้าแนะนำ
ให้นำไปแช่ในหญ้าจิตวิญญาณเพื่อเพิ่มความร้อนให้มันสัก 1-2
เดือน,กระบี่เล่มนี้จะแข็งแกร่งขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่าทีเดียว."
ใบหน้าของหนานกงอี้เปลี่ยนเป็นงงงันเหมือนกัน,พร้อมกับลังเลอยู่ชั่วขณะและกล่าวออกมาว่า"ข้าจะลองทำตามที่เจ้าแนะนำ."
ฉู่เทียนแสร้งทำเป็นประหลาดใจ,"ท่านเจ้าเมืองท่าน,ท่านต้องการที่จะให้ข้าช่วยเหลือท่านหรือไม่?"
หนานกงอี้ยกมือคารวะไปยังฉุ่เทียน"เป็นไปได้รึที่เจ้าจะสอนทักษะ
สัมผัสเทวะให้กับข้า?"
ฉู่เทียนกล่าว"ทักษะสัมผัสเทวะนั้นแตกต่างจากการฝึกพลังวิญญาณโดยทั่วไป,ไม่ใช่ทักษะเฉพาะที่จะสามารถเรียนรู้ได้,ถึงแม้ว่าจะมีพลังในดินแดนดินแดนกระตุ้นดวงจิตก็ตามที,ก็ล้ำลึกและเกินกว่าจะเข้าใจได้,จุดสำคัญนั้นขึ้นอยู่กับการเข้าใจในพลังของปราณและรับรู้มันได้ด้วยตัวบุคคล,เมื่อสามารถรู้แจ้งถึงมันได้แล้ว,ก็จะสามารถปลุกพลังดังกล่าวได้."
ที่จริงแล้วการฝึกฝนวิชาสัมผัสเทวะเองก็มีอยู่,
อย่างไรก็ตาม,วิชาฝึกฝนนั้นมันยากลำบากและค่อนข้างล้ำลึกจนเกินไป,ไม่สามารถที่จะฝึกฝนได้ด้วยทรัพยากรที่มีในทวีปหนานเซี่ยนี้ได้,ฉู่เทียนจึงคิดว่า,ไม่ควรที่จะเปิดเผยเรื่องดังกล่าวไป.
"เอิ่ม,....ข้าคงถูลิขิตให้ไม่สามารถฝึกได้สินะ!"
ฉู่เทียนที่เห็นใบหน้าของหนานกงอี้ที่ดูหดหู่,จึงได้กล่าวไปว่า"ท่านไม่จำเป็นที่ต้องเหยียดหยันตัวเองเช่นนั้น,พรสวรรค์ของท่านก็ไม่ได้แย่เลย,เพียงแค่ขาดโชคก็เท่านั้น."
โชค?
ทุกๆคนล้วนแล้วแต่ไร้โชค!
ทุกคนที่เกิดมาล้วนแล้วต้องการโชค,การฝึกฝนเองก็ต้องการโชค,การจะพบอะไรเข้าโดยบังเอิญก็ต้องการโชค,ไม่ใช่ว่าใครๆก็ขาดโชคอย่างงั้นรึ?
ทันใดนั้นฉู่เทียนก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา,"ข้าสามารถมอบทักษะอารมณ์แห่งจิตต่อสู้ให้ท่านได้,แม้ว่าจะไม่สามารถเทียบได้กับทักษะสัมผัสเทวะได้,แต่ก็เป็นรองแค่นิดหน่อยเท่านั้น,สัมผัสรับรู้เองก็ไม่ได้แย่สักเท่าไหร่,ตราบเท่าที่ท่านฝึกฝนโดยไม่ย่อท้อ,ทักษะจิตสัมผัสก็ใช่ว่าจะไม่สามารถเรียนรู้ได้."
หนานกงอี้เผยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความยินดี,"เจ้าพูดจริงอย่างงั้นรึ?"
ภายในดวงตาของฉู่เทียนนั้นมีประกายแสงของเล่ห์เหลี่ยม"ทว่า,ท่านเจ้าเมือง,ทักษะนี้จำเป็นต้องเตรียมการ,ข้าไม่เคยนำมาสอนคนอื่นเลย,ดังนั้นจึงจำเป็นที่ต้องใช้เวลาในการทบทวนบนเรียนดังกล่าวระยะเวลาหนึ่ง,ถึงจะสามารถเขียนมันออกมาได้."
"เจ้าต้องการเวลามากเท่าไหร่?"
"ราวๆหนึ่งเดือน!"
หนานกงอี้ที่ร้อนรน,"นานขนาดนั้นเลยรึ?"
ฉู่เทียนที่กล่าวออกมาอย่างจริงจัง"อารมณ์แห่งจิตวิญญาณนั้นไม่ใช่เรื่องเล็ก,หากว่าเกิดอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อย,ย่อมส่งผลไม่รู้จบไปจนถึงอนาคต,อย่างเบาอาจจะพิการหรือเป็นบ้าเลย
,อย่างหนักสุดถึงตายได้,ข้าไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กเลย,ข้าต้องการที่จะเรียบเรียงความคิดอย่างระมัดระวัง."
ชายคนนี้พูดทีจริง,ทีเล่น!
ทว่าแน่นอนว่าเขาจะต้องมีวิธีแน่นอน!
เรื่องดังกล่าวนี้หนานกงอี้ก็เชื่อว่าเป็นเรื่องจริงแน่นอน.
ทว่า,มันต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนเลยรึ?
บางทีคงไม่จำเป็นก็ได้!
เด็กน้อยคนนี้จงใจที่จะยืดเวลาออกไป,ต้องการใช้เวลาหนึ่งเดือน,เพื่อที่จะแลกให้เขานั้นไม่ลังเลใจที่จะเข้าปกป้องตัวเอง
แม้ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นก็ตาม!
สิ่งล่อใจเองก็ดูยิ่งใหญ่ยิ่งนัก!
หนึ่งในวิชาที่ช่วยฝึกฝนสัมผัสเทวะ,เป็นไปได้ว่ามีค่ามากกว่าวิชาของตระกูลหนานกงที่สืบทอดกันมา,วิชา
เพลิงผลาญสวรรค์ ที่ลึกล้ำก็เป็นได้!
เพราะว่าวิชา เพลิงผลาญสวรรค์
เองก็เป็นวิชาฝึกตนที่มีพลังทำลายล้างน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก,ภายในอาณาจักรแห่งนี้ไม่ได้เปิดเผยให้ทุกคนได้เรียนรู้,บนทวีปแห่งนี้ก็ไม่มีมากมายที่มีวิชาอื่นๆที่สามารถจะเทียบเคียงได้,วิชาอารมณ์แห่งจิตวิญญาณของฉู่เทียนเอง,อาจจะเป็นหนึ่งในวิชาหายากก็เป็นได้,ลำพังในอาณาจักรแห่งนี้คงไม่มีใครรู้แน่,บางทีทั่วทั้งทวีปเองก็ยากที่จะเคยพบเจอ,ไม่เช่นนั้นแล้ว,จะเป็นไปได้อย่างไรที่ตระกูลหนานกงจะไม่รู้.
"ดี!"
"ไม่จำเป็นต้องรีบเร่ง,หนึ่งเดือนก็คือหนึ่งเดือน!"
"หากว่ามันเป็นวิธีที่ใช้ประโยชน์ได้จริงๆ,ตระกูลหนานกงของข้าย่อมต้องตอบแทนเจ้าอย่างแน่นอน!"
ฉู่เทียนไม่ขยับจ้องมองพร้อมกับเผยยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ.
เป้าหมายอย่างหนึ่งของเขาก็สำเร็จลุล่วงแต่โดยดี.
ไม่ว่าตระกูลเย่จะมีแผนการใด,ตราบเท่าที่เจ้าเมืองยินดีที่จะรับรองชีวิตของเขาเอาไว้,ถึงตระกูลเย่จะน่ากลัวสักเท่าไหร่,หากว่าได้รับการปกป้องจากท่านเจ้าเมืองล่ะก็,ฉู่เทียนย่อมต้องปลอดภัย.
หนึ่งเดือนหลังจากนี้?
ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง,ตราบเท่าที่ทุกอย่างราบรื่น,อย่างน้อยที่สุดฉู่เทียนต้องสามารถไปถึงเขตแดนปลุกดวงจิตได้แล้วอย่างแน่นอน!
ในเวลาเดียวกันเหล่าผู้ติดตามของเจ้าเมืองได้ลากรถเข้ามา,ภายในนั้นมีหม้อคลิสตัล,ซึ่งบรรจุทรายผลึกสีน้ำเงินเอาไว้นั่นเอง,และยังมีผงคลิสตัล,และผงแป้งของหญ้าแสงจันทร์และน้ำคั้นปะการังสีแดง.
วัตถุดิบถูกนำมาส่งเขานั่นเอง.
ฉู่เทียนได้ตรวจสอบสอบว่าไม่มีปัญหาใดและก่อนที่เขาจะนำถังน้ำมันคลิสตัลออกมา,"ข้าจะเริ่มทำการทดลอง,ท่านเจ้าเมืองสนใจหรือไม่,สามารถอยู่ชมได้นะ."
เป็นไปได้ว่าการทดลองนี้มีส่วนผสมของน้ำมันคลิสตัลอยู่ด้วย.
น้ำมันคลิสตัลที่มีส่วนผสมที่อันตรายเป็นอย่างมาก?
จะสามารถสัมผัสมันได้อย่างงั้นรึ?
หากว่าเจ้าเด็กนี้ได้รับอุบัติเหตุ,เจ้าเมืองอย่างเขาไม่ต้องเสียหายอย่างหนักเลยเรอะ!
หนานกงอี้รู้สึกกระวนกระวายใจเหมือนมียุงคอยตอม,ราวกับว่ามีแมวกำลังข่วนหัวใจของเขาอยู่,การไม่สามารถที่จะปล่อยให้ฉู่เทียนทดลองคนเดียวได้,แน่นอนว่าเขาจะต้องเฝ้ามองดูผลอยู่ข้างหลัง,"เจ้าเมืองอย่างข้าจะขอชมเอง,ประธานฉู่เทียนเชิญแสดงการทดลองได้เลย!"
https://www.facebook.com/shareebookandducumentfree
ที่มาจากhttp://www.novelupdates.com/series/miracle-throne/
#นิยาย บัลลังก์แห่งปาฏิหาริย์ #Miracle throne#นิยายแปลไทย
เป็นไปตามแผน
ตอบลบเหมือนกูเห็นจิ้งจอกใครเห็นบ้างบอกหน่อย
ตอบลบ