วันพฤหัสบดีที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2560

Miracle Throne Chapter 40 Chu Tian dream

Miracle Throne Chapter  40 Chu Tian dream

นิยาย บัลลังก์แห่งปาฏิหาริย์ ตอนที่ 40 ความฝันของฉู่เทียน


บทที่ 40 ความฝันของฉู่เทียน


ค่ำคืนที่ยอดเยี่ยมในคืนนี้,ภายในตระกูลเมิ่งยังคงส่องแสงสว่างจ้า,โต๊ะอาหารมากมายเต็มไปด้วยอาหารและเครื่องดื่ม.


"ทุกคน วันนี้ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก!"


"แด่หอการค้าของพวกเรา!"



"ไชโย!"


ฉู่เทียน,เมิ่งชิงอู๋,เมิ่งหยิงหยิงและหนานกงหยุน,...,ซ่างหลีซิง,ตลอดจนทุกคนต่างก็มาเฉลิมฉลองในครั้งนี้.


ซ่างหลีซิงที่ต้องนั่งอยู่ที่นี่,ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาไม่มีทางเลือก,ปรกติตัวตนของเขานั้นค่อนข้างแปลก,เขาเป็นนักวิชาการชั้นสูง,เพื่อป้องกันไม่ให้ชื่อเสียงของเขาต้องเสื่อมเสีย ปรกติแล้วเขาจึงไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมเกี่ยวกับการค้าหรืองานสังสรรค์,เพื่อที่หลีกเลี่ยงไม่ให้มีเรื่องนินทาว่าร้ายในทางที่ไม่ดี.


ทว่าในเวลานี้เขากับไม่ลังเลที่จะเข้าร่วมงานสังสรรค์ของหอการค้าหนานหยุนแห่งนี้.

ทำไมเขาถึงไม่คัดค้านล่ะ?


เป็นเพราะต้องการตอบแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิตของเขาอย่างงั้นรึ?


ไม่,ไม่ใช่เหตุผลนี้แน่,ทว่าก็ไม่ได้มีเหตุผลหลักๆแต่อย่างใด.


สายตาของซ่างหลีซิง,เขาสามารถพบได้ว่าฉู่เทียนนั้นมีบางสิ่งที่คนอื่นไม่มี,ความทะเยอทะยาน,ความสามารถที่หลากหลาย,จิตวิญญาณที่เข้มแข็ง,ความตรงไปตรงมา,ภายใต้รูปร่างหน้าตาที่ยังดูเยาว์วัย,หากแต่มีความคิดที่พิเศษเหนือล้ำ,นิสัยที่ดูเหลาะแหละไม่จริงจัง,หากแต่ซ่อนความรอบรู้ล้ำลึก.


เมื่อเรือแห่งปาฏิหาริย์เริ่มแล่นไปบนสายน้ำ,มันกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย,ความคาดหวังอันเต็มเปี่ยม,พร้อมกับความทะเยอทะยานและความรู้สึก!


ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นมาจากเชาว์ปัญญาที่ฉู่เทียนเป็นคนคิดค้นทั้งหมดอย่างงั้นรึ?


เส้นทางที่เรือลำใหญ่ลำนี้จะแล่นไปได้ไกลเท่าใดกัน?


มันทำให้ทุกคนต่างคาดหวังจริงๆ!


ซ่างหลีซิงนั้นมีอายุกว่า 70 ปีแล้ว,เกือบจะถึงปลายทางของชีวิตแล้ว,เขากลับไม่เคยรู้สึกเช่นนี้เลยเมื่อสมัยยังหนุ่ม,การก่อเกิดของหอการค้าปาฏิหาริย์และการได้พบกับภาวะวิกฤติหลายอย่าง,และจำเป็นที่ต้องมีเขาที่คอยช่วยเหลืออยู่หลายครั้ง!


เวลาที่เหลืออยู่นี้เขาไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวอะไรอีกแล้ว,บางทีเขาควรที่จะใช้ชีวิตอย่างไม่ต้องมารู้สึกเสียใจนั่นคือสิ่งที่เขาต้องการ.


"การชุมนุมในครั้งนี้มีสะดุดบ้าง,แต่ท้ายที่สุดก็ออกมาสมบูรณ์แบบ,ก้าวแรกของพวกเรานับว่าสำเร็จไปด้วยดี,นับว่าเป็นฝีมือของเจ้าเลย."เมิ่งชิงอู๋ที่ชูฮกพร้อมกับยกแก้วคารวะฉู่เทียนเป็นการส่วนตัว"ข้าขอเป็นตัวแทนของทุกคน,ในการขอบคุณเจ้าหนึ่งจอก!"


"ท่านหญิงท่านสุภาพมากเกินไปแล้ว,ท่านกล่าวเช่นนั้นข้ารู้สึกยโสโอหังซะแล้ว"ฉู่เทียนที่กล่าวพร้อมหัวเราะคริๆ "ที่จริงแล้วยังไม่ใช่สิ่งที่ข้าคาดหวังนัก,มันเพิ่งไปถึงแค่เพียงแค่ 9.99 เปอเซ็นต์เท่านั้น"


คนอื่นๆหัวเราะ.


ไม่รู้ว่าชายคนนี้จะแสดงท่าทางเจียมเนื้อเจียมตัวก็เป็น!


เมิ่งหยิงหยิงที่จิบไวน์แดง,สองตาของนางจ้องมองสบตาฉู่เทียน,ที่มุมปากของนางนั้นยกขึ้นอย่างมีความสุข,ชายคนนี้มีแต่จุดแย่ๆ,ยโส,เหลาะแหละ,ทว่าหากมีเขาอยู่เคียงข้างล่ะก็,ทุกอย่างแทบจะไม่ใช่เรื่องยากเลย,เพียงแค่เขาอยู่ข้างๆ,นางก็จะรับรู้ได้ถึงความปลอดภัย!


สุราสามกษัตริย์,ผักเลิศรสห้าอย่าง,ต่างก็ก็ทำให้ทุกคนเพลิดเพลินเอร็ดอร่อย.


เมิ่งชิงอู๋ที่รู้สึกก่อนที่จะเมามายไปซะก่อน,นางจึงได้กล่าวออกไปว่า"ทุกท่าน,หอการค้าที่ได้ก่อตั้งอย่างราบลื่น,ไม่ต้องสงสัยเลยว่าควรค่าต่อการเฉลิมฉลอง,ทว่านี่เป็นเพียงแค่ก้าวแรกเท่านั้น,พวกเราไม่สามารถที่จะปล่อยปะละเลยได้,ยังมีเรื่องที่พวกเราจะต้องปรึกษาพูดคุยกันก่อนอีกหลายเรื่องที่จะต้องแก้ไขในทันที."


"อย่างแรก,โรงงานผลิตสินค้ายังไม่เสร็จดีนัก."


"อย่างที่สอง,ร้านอาหารของพวกเรายังอยู่ในขั้นเตรียมการอยู่,ต้องเริ่มทำธุรกิจนี้ให้เสร็จเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้."


"อย่างที่สาม,โครงสร้างหอการค้าของพวกเรายังไม่เป็นระบบระเบียบ,ควรที่จะมีการจัดการให้ดี,ก่อนที่กระบวนการผลิต,จะขาดแคลนทั้งกำลังคน,เงินทุนและวัสดุอุปกรณ์,ที่จวนเจียนจะขาดแคลนแล้ว,พวกเราจำต้องจัดการปัญหานี้ให้เร็วที่สุด."

„......”

คำพูดของเมิ่งชิงอู๋.


ทุกคนกำลังครุ่นคิดอย่างสุขุม.


หอการค้าที่เพิ่งจัดตั้งนั้นโครงสร้างพื้นฐานเองยังคงอ่อนแออยู่,หากการผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ,ถึงแม้ว่าเงินทุนจะไม่เพียงพอก็ไม่ใช่ปัญหาที่ใหญ่นัก,หากแต่ขาดคนในการผลิตล่ะก็,คงจะเป็นการยากลำบากในการรับคนเข้ามา,และยิ่งยากเข้าไปใหญ่ที่จะสามารถค้นหาคนที่เชื่อใจได้.


ฉู่เทียนคิดว่านั่นหาได้ใช่ปัญหาใหญ่,มันไม่ได้ทำไห้คนอ้วนเพียงแค่กินอาหารคำเดียว,หอการค้าที่กำลังอยู่ในช่วงก่อตั้ง,เป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถจัดการได้ทุกกระบวนการ,มันยังจำเป็นต้องใช้เวลา,ในการแก้ไขไปทีละนิดทีละหน่อย.


ฉู่เทียนได้ถามออกไป,"สิ่งใดที่เจ้าคิดว่ายากที่สุดล่ะ?"


"บางทีอาจจะเป็นตัวของสินค้า"เมิ่งชิงอู๋ที่ขมวดคิ้วของนางแน่น"ด้วยหลอดไฟฟ้าพลังเวทย์นั้นจำต้องใช้พลังวิญญาณในการกระตุ้นให้ทำงาน,พร้อมกับต้องส่งพลังวิญญาณให้กับวงเวทย์ถึงห้านาที,ซึ่งจะทำให้หลอดไฟ ให้แสงสว่างราวๆหนึ่งชั่วโมง.,ทว่าเมืองเทียนหนานที่มีประชากรราวๆ 3 ล้านคน,มีผู้ฝึกตนพลังวิญญาณเพียงแค่ 200,000 คน,นั่นก็หมายความว่าคนทั่วไปไม่สามารถใช้หลอดไฟฟ้าได้."


เมิ่งชิงอู๋ที่สามารถตระหนักได้ถึงจุดนี้,ทำให้ฉู่เทียนรู้สึกพึงพอใจยิ่งนัก.


เมิ่งหยิงหยิงที่ราวกับคิดอะไรออก,ทันใดนั้นก็ยกมือขาวเรียวเล็กๆของนางขึ้น


เมิ่งชิงอู๋ที่เห็นนอกสาวของนางทำท่าทางเหมือนมีความคิด,จึงเผยยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ,พร้อมกับถามออกไปอย่างอบอุ่น,"หยิงหยิง,เจ้าอยากพูดอะไรอย่างงั้นรึ?"


"ข้า,ข้า....มีความคิดหนึ่ง."ใบหน้าเล็กๆของเมิ่งหยิงหยิงแดงกล่ำ,ท่าทางตื่นเต้นกำหมัดน้อยๆแน่น,พร้อมชำเลืองมองไปยังฉู่เทียนพร้อมกับกล่าวตะกุกตะกักออกไปว่า"พวกเราไม่จ้างผู้ฝึกตนทั่วไปเพื่อชาร์ทพลังงานให้ล่ะ,และจ้างพวกเขาเหล่านั้นมาทำงานที่นี้ด้วย,จากนั้นเหล่าคนธรรมดาก็จะสามารถไปชาร์ทพลังงานกับพวกเขาได้และปัญหาแรงงานก็สามารถแก้ไขได้ด้วย."


ซ่งเทียนเหยี่ยนตอบกลับไปในทันที"อาจารย์น้อยกล่าวมาถูกแล้ว,พวกเราควรที่จะหาสถานที่ชาร์ทพลังงานพลังงานให้กับพวกเขา,ไม่ใช่ว่าพวกเรายังสามารถได้รับเงินจากบริการพิเศษนี้ได้ด้วยหรือไม่? ธุรกิจของพวกเรานั้นยังขาดเงินทุนอยู่,นี่ถือว่าเป็นแผนการที่ดีเลยทีเดียว."


เมิ่งชิงอู๋สายหน้าเบาๆ,ไม่เห็นด้วยกับการทำเช่นนั้น.


ฉู่เทียนกล่าวเสริมเหตุผลดังกล่าว"จุดขายหลอดไฟฟ้าของพวกเราคือ ต้องถูก,สะดวก,ปลอดภัยและใช้งานได้หลากหลาย,หากทำเช่นนั้นแล้วมันอาจจะทำให้สูญเสียจุดเด่นของพวกเราไป,บางทีพวกเขาอาจจะเลือกใช้เทียนไขมากกว่าสินค้าพวกเราก็เป็นได้."


ใบหน้าเล็กๆของเมิ่งหยิงหยิงยิ้มเจื่อนๆ,เผยท่าทางผิดหวังเล็กน้อย.



ฉู่เทียนกล่าวปลอบสาวน้อยว่า"ความคิดของเจ้าเองก็ถือว่ายอดเยี่ยมทีเดียว,หากแต่ใช้กับหลอดไฟนั้น,อาจจะไม่ค่อยเหมาะนัก."


เมิ่งหยิงหยิงถึงกับยิ้มหวาน,ไม่ติดใจกับเรื่องดังกล่าวแล้ว.


จากนั้นฉู่เทียนได้กล่าวต่อ,"ปัญหานี้นั้น,ข้าเองก็ได้คิดไว้เรียบร้อยแล้วและข้าได้เตรียมศึกษาและพัฒนามันขึ้นมาอยู่,เป็นเป็นพลังงานเวทย์ที่มีราคาไม่แพง,และมันยังสามารถใช้แสงอาทิตย์ในการชาร์ทพลังงานได้อีกด้วย,และนี่อาจจะเป็นการแก้ปัญหาเกี่ยวกับแหล่งพลังงานของหลอดไฟฟ้าดังกล่าวได้."


ดวงตาของเมิ่งชิงอู๋ถึงกับลุกวาว"สามารถทำเช่นนั้นได้จริงๆรึ?"


ฉู่เทียนกล่าวออกมาอย่างมั่นใจ,"ผิดอะไรล่ะ,เจ้าไม่เชื่อฝีมือข้าอย่างงั้นรึ?เจ้าเพียงแค่จัดการปัญหาเกี่ยวกับการบริหารหอการค้าเถอะ,ส่วนเกี่ยวกับเรื่องสินค้านั้นไม่จำเป็นต้องคิดมาก!และไม่ใช่ว่ามันควรที่จะเป็นหน้าที่ของข้าหรอกเหรอ!"


ฉู่เทียนกล่าวออกมาอย่างอหังการ,ทว่ามันกับสมเหตุสมผล.


เมิ่งชิงอู๋ดูเหมือนว่าจะรู้สึกวางใจเป็นอย่างมาก!


ปัญหาใหญ่ที่สุดได้ถูกแก้ไปแล้ว!


ทันใดนั้นบ่าวรับใช้คนหนึ่งได้เร่งรีบนำจดหมาเข้ามา"คนของตำหนักเจ้าเมืองได้ส่งบัตรเชิญมา!เชิญท่านฉู่เทียนไปพบในวันพรุ่งนี้,เพื่อเข้ารับรางวัลเลือกทรัพยากรให้ถูกต้องตามพิธี!"


ฉู่เทียนที่ได้ยินถึงกับสับสนเล็กน้อย,"พิธีส่งมอบทรัพยากรอย่างงั้นรึ?"


"รางวัลจากการแข่งขันงานชุมนุมคือการครอบครองทรัพยากรที่ถูกจัดแบ่งให้!"หนานกงหยุนชำเลืองมองเขาด้วยสายตาที่แปลกประกลาด,"เจ้าไม่รู้อะไรเลยแต่ก็เข้าร่วมการชุมนุมครั้งนี้อย่างงั้นรึ?"


เขาไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ!


ตั้งแต่แรกแล้วการแข่งขันต่อสู้ในงานชุมนุมซ่อนความหมายที่สำคัญเช่นนี้เอาไว้อย่างงั้นรึ?


อย่างไรก็ตามไม่ได้กล่าวอะไรเกี่ยวกับว่าเขาได้ทำอะไรผิด,ฉู่เทียนก็เบาใจและตอบรับคำเชิญดังกล่าว.


"ข้าบอกเจ้าเอาไว้เลยนะ,คนๆนั้นเจ้าเล่ห์เป็นอย่างมาก,เจ้าต้องระวังเอาไว้ให้ดี."หนานกงหยุนไม่วางใจในตัวฉู่เทียนที่ดูไม่แยแสกับเรื่องใดๆ,"จำเอาไว้เลย,อย่าได้ยอมรับอะไรที่เขามอบให้,เขาจะต้องหวังผลประโยชน์แน่นอน,เขาไม่มีทางให้อะไรเจ้าโดยไม่มองหาสิ่งแลกเปลี่ยนเอาไว้หรอก!หากว่าเขาวางแผนที่จะลงทุนกับเจ้าล่ะก็,เจ้าต้องปฏิเสธเขาเลย,เจ้าแก่ปิศาจนั่น,ใครบอกไม่ให้เงินข้ามาลงทุนเองล่ะ!"


แม่นางหนานกงช่างน่าเกรงขามหาใครเปรียบได้,ทว่าคำพูดดังกล่าวนั่นเขาเองก็จะจำเอาไว้.


เมิ่งชิงอู๋ได้กล่าวออกมาว่า"ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว,วันนี้พอแค่นี้แล้วกัน,พวกเราควรที่จะไปพักผ่อนได้แล้ว!"


ทุกคนต่างเริ่มหมดแรงกันแล้ว.


พวกเขาเองต่างก็ต้องการพักผ่อนอยู่ด้วยเช่นกัน.


ฉู่เทียนเองไม่ได้อาศัยอยู่ที่กระท่อมหลังเดิมแล้ว,ตอนนี้เขาได้มาอาศัยอยู่เรือนที่พัก,ที่ค่อนข้างเงียบและสะดวกสบาย,เขายังคงบำเพ็ญพลังอยู่กลางแจ้ง


ภายในสวน,ค่อนข้างสงบ,มีลมเย็นที่พัดผ่านเข้ามาเป็นระยะ.


ฉู่เทียนที่สูดอากาศเย็นเข้าไป,ภายในสมองของเขารู้สึกเย็นขึ้นเรื่อยๆ,ก่อนที่เขาจะจ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มืดคลึ้ม,มีดวงดาราค่อยๆส่องแสงระยิบระยับ,ทำให้เขาใจหลุดลอยไป.


บนท้องฟ้าที่มืดมิดนั้น,เต็มไปด้วยดวงดารามากมาย.


30,000 ปีที่แล้ว,และ 30,000 ปีหลังจากนี้,ไม่ว่าจะอยู่ในยุคใหนท้องฟ้าก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย.


ภายใต้ท้องฟ้าแห่งนี้,มีสิ่งมีชีวิตมากมาย,ที่รุ่งโรจน์,ถดถอยและแตกดับ,หมุนวนกำเนิดใหม่,ตามสังสารวัฏไม่มีจบสิ้น,จวบจนถึงวันสิ้นโลก.


คนที่คอยเฝ้ามองประวัติศาสตร์,คือคนที่ไม่ได้ประสบกับมันเป็นคนเขียน,อย่างไรก็ตามคนที่ประสบกับมันจริงๆเท่านั้นถึงจะรับรู้ได้อย่างแจ่มแจ้ง,ในเรื่องนี้ฉู่เทียนเข้าใจดีทีเดียว.


ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นคนที่ไม่มีพรสวรรค์หรือสง่างามเพียงใด.


ไม่ว่าเรื่องที่เขียนจะแต่งเติมไปมากเท่าไหร่.


มันไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด!


ถึงกระนั้นมันก็เป็นเพียงเม็ดทรายก้อนเล็กๆที่อยู่ในกระแสของประวัติศาสตร์!

เมิ่งชิงอู๋และเมิ่งหยิงหยิง,หนานกงหยุน คนอื่นๆ...ถึงพวกเขาจะเจิดจรัสอย่างไรก็ตาม,อีกหลายปีหลังจากนี้,ใครจะรู้ว่าพวกเรามีตัวตนอยู่รึ?จักรพรรดิที่มีอำนาจเหลือล้นภายใต้โลกใบนี้,จ้องมองผู้อื่นอย่างเหยียดหยันก็เป็นเพียงหยดน้ำ หยดหนึ่งในประวัติศาสตร์.


การฝึกฝน,การค้นหาชื่อเสียงและโชคลาภมันยากลำบากเหลือทน,สุดท้ายแล้วก็ต้องแปรเปลี่ยนไปเป็นฝุ่นผง.


หากคนใดก็ตามเพียงแค่มีชีวิตเดินไปตามวัฏจักรแห่งชีวิต,ชีวิตนี้คงจืดชืดไร้ซึ่งความหมาย!


ฉู่เทียนที่ข้ามกาลอากาศมา,สองช่วงเวลาที่แตกต่างกันถึง 30,000 ปี,เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด,หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีความคิดที่แปลกประหลาดและบ้าคลั่ง,ยกตัวอย่างเช่น...ชีวิตที่มี,การจะมีชีวิตที่เป็นนิรันดร์นั้นจะสามารถเป็นได้จริงๆรึไม่?


ในเมื่อในประวัติศาสตร์มีการบันทึกไว้ว่า,อายุไขของเผ่ามนุษย์นั้นมีคนที่สามารถอยู่ได้มากกว่า 1000 ปี,นี่คือจุดสูงสุดของชีวิตที่สามารถมีได้,หากเหนือกว่าขีดจำกัดดังกล่าวได้นั่นก็จะกลายเป็นดินแดนของพระเจ้าแล้ว...เช่นนั้นจะมีวิธีการที่จะสามารถทะลวงเขตแดนดังกล่าวได้หรือไม่?


สามารถทำได้!


ต้องทำได้แน่นอน!


30,000 ปีหลังจากนี้,กลุ่มนักวิชาการหัวรุนแรงของทวีปของเขาเอง เชื่อว่าความรู้และภูมิปัญญาของมนุษย์ชาติในตอนนี้,มีพลังเพียงพอที่จะท้าทายขีดจำกัดต่างๆได้,เป็นทวีปที่มีสุดยอดปราชญ์ที่อายุน้อยที่สุดฉู่เทียน,และเขาก็เป็นหนึ่งในกลุ่มนักวิชาการหัวรุนแรงนั่นด้วย.


เกี่ยวกับการถกเถียงหัวข้อดังกล่าวนั้น,กับกลุ่มเหล่าคนชราที่ชอบอวดภูมิต่างก็โต้แย้งกันไปมาโดยตลอดโดยไร้ซึ่งข้อยุติ,ถึงกระนั้นฉู่เทียนก็ยังคงหลงใหลในหัวข้อนี้มาโดยตลอด!


อย่างไรก็ตามในยุคดังกล่าวนั้นแม้จะอุดมไปด้วยความรู้ที่มากมาย,ทว่าทรัพยากรที่มีอยู่เองก็มีใช้อย่างจำกัด,ถึงจะมีทฤษฏีมากมายที่ถูกสร้างขึ้น,แต่ก็ไม่สามารถนำมาปฏิบัติได้จริงกับทรัพยากรที่เหลืออยู่อย่างจำกัดนั่นด้วย.


สุดท้ายแล้ว,ฉู่เทียนจึงไม่มีโอกาสที่จะนำทฤษฏีที่เขาสร้างขึ้นไปโต้แย้งพวกคนเฒ่าคนแก่เหล่านั้น,หอการค้าปาฏิหาริย์ที่เขาสร้างขึ้นในยุคนี้จะเป็นตัวที่จะเติมเต็มปรารถนาที่เขาได้วาดเอาไว้ในเมื่อก่อน.


หอการค้าปาฏิหาริย์จะไม่ใช่เป็นแค่เพียงยุคแห่งปาฏิหาริย์เท่านั้น!


แต่มันจะเป็นปาฏิหาริย์ของฉู่เทียนอีกด้วย!


ด้วยความรู้และภูมิปัญญาจาก 30,000 ปีหลังจากนี้, กลับความรู้มากมายที่ได้ถูกพัฒนาเจริญรุ่งเรื่องกว่า 30,000 ปี พร้อมกับทรัพยากรที่มีไม่จำกัด,ไม่มีใครในยุคโบราณแห่งนี้ที่จะเหนือไปกว่าเขาแล้ว,หากเขาไม่ฉวยโอกาสที่ได้รับมานี้,มันไม่ต้องเสียเปล่าหรืออย่างไร?


การที่ฉู่เทียนเป็นคนที่ไม่ได้พึงพอใจในชีวิต,ดังนั้นเขาต้องการที่จะลองความรู้ที่เขามีอยู่.


เขาต้องการที่จะท้าทายขีดจำกัดต่างๆเขาเผ่ามนุษย์.


เขาต้องการที่จะข้ามขีดจำกัดไปยังเขตแดนของพระเจ้า!


จะสำเร็จหรือไม่?ไม่มีใครรู้!


ในประวัติศาสตร์ที่บันทึกไว้ไม่มีเรื่องเช่นนี้มาก่อน,ทว่าคนเช่นเขานั้น,ความสำเร็จไม่ใช่เป้าหมาย,การที่คนๆหนึ่งสามารถที่จะท้าทายอำนาจของสวรรค์,ก็เป็นสิ่งที่นำมาซึ่งความยินดีแล้ว,ถึงจะสำเร็จหรือไม่ก็ตาม?


ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องการความฝัน,ไม่เช่นนั้นแล้วคงไม่มีเส้นทางให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่มีจุดหมายนั่นเอง.


ความฝันของฉู่เทียนก็คือการข้ามขีดจำกัดของมนุษย์นั่นเอง!


เขาต้องการที่จะเห็น,อายุพันปี,ชีวิตที่ยาวนานของคนที่มีได้,จะเป็นเช่นใด!


ตอนนี้ฉู่เทียนยังอ่อนแอเกินไป!


เวลานี้การที่จะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งจึงกลายเป็นเรื่องเร่งด่วน.


แม้ว่าจะมีวิธีกว่า 20 ล้านวิธี,ด้วยครอบครองความรู้ภูมิปัญญากว่า 30,000 ปี,ตราบเท่าที่เขามีเงินและทรัพยากรเพียงพอ,แม้จะเป็นสาวโง่อย่างเมิ่งหยิงหยิง,ฉู่เทียนเองยังมั่นใจได้เลยว่าจะทำให้นางกลายเป็นสุดยอดผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปแห่งนี้ได้!


ในตอนนี้ไม่มีเงินและทรัพยากรที่เพียงพอนั่นเอง!


ถึงจะมีภูมิปัญญา แล้วยังจะทำอะไรได้รึ?


เขาจะกล้าบอกได้อย่างไรว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างง่ายได้หรือไม่?


พรสวรรค์ของคนๆหนึ่งที่มีมากมายย่อมกระตุ้นความริษยาของคนอื่นอย่างแน่นอน,หากว่าทุกคนรู้เรื่องความรู้ที่มากมายของเขาล่ะก็,เขาจะได้รับอันตรายสักเพียงใด,ฉู่เทียนจะไม่รับรู้เรื่องเช่นนั้นได้อย่างไร?


ความรู้ที่เขาเปิดเผยออกมานั้นมีเพียงแค่หนึ่งในล้านเท่านั้น,เพียงเท่านั้นก็เป็นเหตุให้สามารถสร้างความสนใจต่อตระกูลเย่แล้ว จนเขาเกือบต้องตกลงไปสู่แผนการร้ายของพวกเขาอยู่หลายครั้ง,ที่เหล่าศัตรูต้องการให้เขาได้รับความเจ็บปวดสาหัสกับความไม่ยุติธรรม ถึงเขาจะสามารถหนีออกมาได้หลายครั้งก็ตามที.


ฉู่เทียนที่ยังไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะปกป้องตัวเอง,ไม่สามารถนำความรู้ภูมิปัญญาระดับสูงออกมาใช้ได้เพื่อหลีกเลี่ยงความสนใจต่อตระกูลที่ใหญ่และทรงอิทธิพลอยู่อีกมาก.


ถึงเขามีวิธีการในการสร้างหอการค้าที่ใหญ่กว่านี้ขึ้นมาได้ก็ตามที.แต่ก็ไม่สามารถนำมาใช้ได้ในตอนนี้


ฉู่เทียนนั้นยังต้องการความแข็งแกร่งมากกว่านี้อยู่,เขาจำต้องเตรียมการปกป้องตัวเองเอาไว้ได้ด้วย,การจะมีเงินและทรัพยากรที่มากมายในอนาคตจำต้องมีการรับประกันที่ดี,มีการสร้างพื้นฐานความแข็งแกร่งเอาไว้ก่อน.


ต้องไม่ลืมว่า,หากเขาต้องมากที่จะทำเป้าหมายให้สำเร็จแล้วล่ะก็,จำเป็นต้องเพิ่มอิทธิพลควบคู่ไปกับทรัพยากร,ยุคสมัยแห่งนี้กำลังจะพบกับประสบการใหม่ๆ,เขาต้องค่อยๆเริ่มเปลี่ยนแปลงมันไปในแบบที่เขาต้องการ,ทำไมจะไม่สามารถทำได้ล่ะ?,


นับจากนี้ไปชีวิตของเขาจะมีแต่ความร่ำรวยและชีวิตที่สว่างสดใส!


จิตใจที่ร้อนรุ่มในการผจญภัยที่มีขนาดกว่าหมื่นจ้างที่พลุ่งพล่านอยู่,ทำให้เขานอนไม่หลับก่อนที่จะกลับเข้าไปในห้อง,ซึ่งมีเม็ดยาสีครีมอยู่ในนั้นและเขาก็กลืนมันลงไปทันที.


เม็ดยาสร้างรากฐาน,เป็นยาทิพย์ในการช่วยบำเพ็ญพลัง,เป็นเม็ดยาเม็ดสุดท้ายที่เขาเหลืออยู่.


ฉู่เทียนรับรู้ได้ถึงพลังวิญญาณในเส้นปราณที่กำลังพลุ้งพล่าน,ราวกับวานรที่กำลังเต้นไปมา,เริ่มหล่อเลี้ยงร่างกายกล้ามเนื้อของเขาให้แข็งแกร่งซึ่งเขากำลังร่ายรำทักษะต่อสู้ของตัวเอง.


หมัดที่พุ่งออกไปราวกับหอก!


ฝ่ามือที่เป็นราวกับใบดาบ!


ทุกๆท่วงท่าและทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยเสน่ห์ชวนน่าหลงไหล!


หลายชั่วโมงผ่านไป,ร่างกายของฉู่เทียนที่กำลังร้อนขึ้น,ทั่วทั้งร่างของเขามีหมอกสีขาวกำลังซึมออกมา,มีกลิ่นอายพลังวิญญาณที่เข็มข้น,เขาไม่ได้เหนื่อยหรือหมดแรงแม้แต่น้อย,ทว่ากลับมีพลังที่พลุ่งพล่านมากขึ้นและก็มากขึ้น.


"ฮึบๆ!"


ฉู่เทียนตะโกนออกมาในทันที.



เห็นเพียงพลังวิญญาณที่มากมาย,กำลังแผ่ออกมาจากร่างกายของเขา,กลายเป็นพายุไซโคลนขนาดเล็กสีขาวรวมตัวกันขึ้น,กลิ่นอายของฉุ่เทียนทันใดนั้นก็แข็งแกร่งน่าเกรงขามขึ้น 3-4 เท่า!


นี่ไม่ใช่อุบัติเหตุ!


แต่มันเป็นการเลื่อนระดับอีกครั้งนั่นเอง!


เขาได้ก้าวไปถึงดินแดนปรุงร่างระดับ 7 จาก ดินแดนปรุงร่างระดับ 6 ขั้นปลายแล้ว!

กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งเดือนเท่านั้น,เขาก็สามารถฝึกฝนจากระดับ 1 ไปถึงระดับ 7 ได้,นี่อาจจะเรียกว่าเป็นความเร็วที่มหัศจรรย์เป็นอย่างมาก!


แม้ว่าการทะลวงก้าวผ่านระดับไปได้,ทว่าก็ไม่ได้ทำให้เขาดีใจนัก.


ยาที่เขาได้สกัดกลั่นมานั้นได้ถูกใช้ไปหมดแล้ว,ระดับตอนนี้กับระดับดินแดนปลุกดวงจิต,ยังคงมีระยะห่างเป็นอย่างมาก,แต่ว่าเขากลับมีเวลาเพียงแค่สองเดือนเท่านั้น.


ฉู่เทียนรับรู้เรื่องนี้ดี,ด้วยภูมิความรู้ในยุคสมัยนี้,สองเดือนที่เหลืออยู่,การจะทำให้เขาไปถึงดินแดนปลุกดวงจิตได้ด้วยการฝึกเช่นนั้นรึ?เป็นเพียงความฝัน!ห้าปีหรือแปดปียังยากเลย,แทบจะไม่ต้องคิดได้เลย!


ด้วยร่างกายที่อ่อนปวกเปียกเช่นนี้,ถึงจะมีการพัฒนาที่ดีอยู่บ้าง,อย่างน้อยที่สุดคงจะเพียงพอนับว่ามีพรสวรรค์ในดินแดนขนาดเล็ก,แต่ในระดับที่ใหญ่กว่าแล้ว,ยังเทียบไม่ได้เลย.


ตระกูลเย่และตระกูลถูเอง,โดยเฉพาะเย่ซ่งเอง,คงไม่ปล่อยให้เขามีชีวิตเป็นแน่.


ใครจะรุ้ล่ะว่าพวกเขาจะใช้วิธีใดในการแก้แค้นให้หลานชายพวกเขาด้วยวิธีใหน,ทั้งเย่ซ่งและถูเจิ้นเทียน,แน่นอนว่าเขาเองก็ไม่อยากใส่ใจเรื่องดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย.


ทว่ามันก็เป็นโชคของเขาเช่นกันที่ได้พบเข้ากับถ้ำของงูหลามโลหิตลายมังกรวารีที่ยากจะสามารถพบเจอได้ง่ายๆ,แน่นอนว่ามันคงยาง,แน่นอนว่าคงไม่มีโชคเป็นครั้งที่สองแน่,เป็นไปไม่ได้ที่จะคาดหวังว่าจะได้ลาภก้อนโตเช่นนั้นมาได้!


ท้ายทีสุดตอนนี้,เขายังขาดเงินทุนอยู่นั่นเอง!


ฉู่เทียนไม่ต้องการรอคอยความตาย,ดังนั้นเขาจะต้องหาเงินให้ได้มากมายไห้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้,อย่าแรกต้องมีทรัพยากรขนาดใหญ่,เพื่อใช้ในการฝึกฝนพลังฝึกตน,อย่างน้อยที่สุดจะต้องไปถึงดินแดนปรุงร่างระดับ 9 ให้เร็วที่สุด,ขอเพียงแค่ไปถึงระดับนั้นได้,แม้แต่ต้องพบกับผู้ฝึกตนดินแดนปรุงร่างระดับ 1 ก็ยากที่จะจัดการเขาได้แล้ว.


อย่างไรก็ตาม,ยิ่งเขาพัฒนาการช้าเท่าไหร่ก็จะยิ่งทำให้เขาประสบปัญหาเพิ่มขึ้นเท่านั้น!


ถึงอย่างนั้นฉู่เทียนก็ไม่รอคอยให้เย่ซ่งเข้ามาจัดการเขาโดยตรง,เขาจำต้องได้รับการปกป้องกันอันตราย,ซึ่งมีคนที่พอช่วยเขาได้คือ ซ่างหลีซิง,ซ่งปิงและหนานกงอี้,โดยเฉพาะหนานกงอี้,จะดีหรือร้ายเขาก็เป็นถึงเจ้าเมือง,เป็นคนที่มีสถานะใหญ่โตที่สุดของเมืองเทียนหนานแห่งนี้.


ก่อนหน้านี้ในงานชุมนุมเขาได้แสดงทักษะ เนตรจิต,ด้วยเหตุผลก็เพื่อที่จะให้หนึ่งในตระกูลหนานกงที่เป็นหนึ่งในสามตระกูลที่ยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิแห่งนี้ได้เห็น,นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้หนานกงอี้เห็นทักษะ เนตรจิตของเขาแล้ว จะไม่มองข้ามเขาไป.


แต่ถึงกระนั้นถึงหนานกงอี้ถึงจะเห็นเขามีความสำคัญแต่ก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน!


ถึงเย่ซ่งจะไม่สามารถจัดการฉู่เทียนได้ชั่วคราว,แน่นอนว่าหากเขามีโอกาส,เขาต้องเร่งรีบเข้าจู่โจมฉู่เทียนแบบสายฟ้าแล็ปเป็นแน่,แน่นอนว่าต่อหน้าหนานกงอี้เขาคงจะไม่กล้ากระทำ.


หนานกงอี้ที่รับรองความปลอดภัยให้กับฉู่เทียน,เขาเองก็ต้องแลกด้วยความสูญเสียที่เท่าเทียมเช่นกัน,คงจะกล่าวได้ลำบากว่า,เจ้าเมืองเทียนหนานจะยังช่วยเหลือหอการค้าปาฏิหาริย์ไปตลอด,เขาจะต้องกระทำอะไรบางอย่าง,ที่จะสามารถทำให้เจ้าเมืองหนานกงอี้กลายเป็นกันชนให้เขาตลอดได้.


การที่ได้หนานกงหยุน บุตรสาวของเจ้าเมืองเข้ามาเป็นพวก,เรื่องนี้ก็เพื่อสิ่งดังกล่าวนี้เช่นกัน.


ตอนนี้ยังไม่เพียงพอ,ฉู่เทียนต้องทำอะไรสักอย่าง,เพื่อให้มั่นใจว่าท่านเจ้าเมืองจะเชื่อในตัวเขา.

ไม่ต้องคำนึงถึงว่าสถานการณ์ในวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร,เขาจะต้องทำให้เจ้าเมืองยืนอยู่ข้างเขาโดยที่ไม่หันไปใหนหรือเปลี่ยนใจโดยเด็ดขาด!


ด้วยการวางแผนมากมาย,สุดท้ายแล้วแสงสว่างก็ได้สาดส่องเรียบร้อยแล้ว.


ฉู่เทียนจึงได้หยุดคิด,พร้อมกับเตรียมตัว,ที่จะเข้าพบท่านเจ้าเมืองหนานกงอี้!





ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/miracle-throne

#นิยาย บัลลังก์แห่งปาฏิหาริย์ #Miracle throne#นิยายแปลไทย




5 ความคิดเห็น: