วันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2560

Nine Heavenly Thunder Manual Chapter 2 – World’s Biggest Joke

Nine Heavenly Thunder Manual Chapter 2 – World’s Biggest Joke

นิยาย ตำรายุทธ์สายฟ้าเก้าสวรรค์  ตอนที่ 2 การเล่นตลกที่เลวร้ายที่สุดของโลก.


บทที่ 2 การเล่นตลกที่เลวร้ายที่สุดของโลก


การเล่นตลกที่ยิ่งใหญ่ของโลก.


ด้วยการลอยนิ่งไปบนแม่น้ำ,ทันใดนั้นร่างกายของเหล่ยหยูก็สั่นสะท้าน.สายฟ้าได้ปะทะเข้ามายังแขนข้างหนึ่งของเหล่ยหยู,พลังงานที่ทรงพลังได้หมุนวนเข้าไปยังทั่วทั้งร่างกายของเขา.สิบนาทีประมาณนั้น,ร่างกายของเขาก็หยุดสั่น,ด้วยสายฟ้าดังกล่าวได้เข้าไปยังร่างกายของเขาเรียบร้อยแล้ว,หลงเหลือไว้เป็นรอย,ซึ่งเป็นตราอักขระแห่งสายฟ้า.


ไม่รู้ว่าเป็นสรวงสวรรค์ที่ใหน,ดอกไม้ที่สวยงามบานสะพรั่งไปทุกหนทุกแห่ง,หมู่มวลวิหกต่างขับขานเสียง,แว่วเสียงคำรามของสัตว์ป่าดังแว่วมาจากป่าไม้เป็นระยะ,ราวกับว่าเป็นบรรยากาศของธรรมชาติที่มีชีวิตชีวายิ่งนัก,ที่มุมหนึ่งของสรวงสวรรค์แห่งนี้ริมฝั่งแม่น้ำ,มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งถูกเผาไหม้จนเหลือแค่บางส่วนที่เหลือติดกาย,ทันใดนั้นชายหนุ่มก็ขยับไปมาชั่วขณะ,กว้างตัวหนึ่งที่กำลังดื่มน้ำอยู่ใกล้ๆ,ทันใดนั้นก็ขยับกายพุ่งหนีไปด้วยความกลัว.



ชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่ใครที่ใหน,หากแต่เป็นเหล่ยหยูที่กระโดดลงมาจากหุบเขานั่นเอง.



ร่างกายที่สั่นสะท้านค่อยๆลืมตาขึ้นมา,เหล่ยหยูจ้องมองไปรอบๆ,ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่มีแรงที่จะยืนขึ้น,และขยับออกไปให้ห่างแม่น้ำได้ก็ตามที,เขาถึงกับหัวเราะออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้,การหัวเราะอย่างหนักหน่วงของเขานั้นมีหลากหลายเหตุผล.ก่อนที่เขาจะค่อยๆรวบรวมแรงหวีดร้องออกมาว่า"ข้ายังไม่ตาย!ตระกูเหล่ย!เหล่ยหยุน!พวกเจ้าทุกคน,ล้างคอรอได้เลย,แล้วข้าจะกลับไป!"





ในเวลาเดียวกัน,เหล่ยหยูรู้สึกถึงบางอย่างที่แขนขวา,รู้สึกว่ามีบางอย่างที่กำลังร้อนผ่าวอยู่,เขาได้กระเสือกกระสนหันหน้า,จ้องมองสิ่งดังกล่าวที่แขน ทันใดนั้นความประหลาดใจจนทำให้ตาเบิกกว้างทีเดียว."นี่..นี่มัน..ตราอักขระ!"


พลังที่ไม่รู้จักนี้มาจากที่ใดกัน,เหล่ยหยูได้ตระเกือกตะกายคลุกคลานออกจากฝั่งแม่น้ำก่อนที่จะนั่งอยู่ใกล้ๆริมฝั่ง,เหล่ยหยูพยายามเพิ่งพินิจจ้องมองไปยังแขนขวาที่รู้สึกร้อนผ่านนี้,ก่อนที่ภายในความคิดของเขา,จะปรากฏทักษะวิชาการต่อสู้ปรากฏขึ้นมา.


เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับวิชายุทธ์บางอย่างที่ล้ำลึก,มันได้บอกวิธีการต่างในการรวบรวมพลังจากภายนอกและบอกถึงวิธีในการฝึกและใช้พลัง,เหล่ยหยูไม่เคยเห็นหรือได้ยินวิชายุทธ์ดังกล่าวมาก่อนเลย,ทว่าวิชาดังกล่าวนั้นดูเหมือนว่ามันจะถูกประทับสลักลงไปบนสมองของเขา,อย่างชัดเจนและง่ายต่อการเข้าใจได้ด้วย.



วิชาที่ใช้ฝึกนี้เป็นพลังอำนาจแห่งสายฟ้า,โดยแยกออกเป็น 6 ขั้นด้วยกัน.ขั้นแรกเรียกว่า,"ก่อเกิดสายฟ้า"เป็นการปลดปล่อยพลังอำนาจแห่งสายฟ้าเพื่อช่วยในการฝึกฝนในระดับเริ่มต้น.ขั้นที่สองเรียกว่า"หลอมร่าง"เป็นการใช้พลังอำนาจสายฟ้าเพื่อสร้างความแข็งแกร่งของร่างกายภายนอก"ขั้นที่สามเรียกว่า"ผสานรวม"เป็นการผสานการโจมตีด้วยพลังสายฟ้าพิเศษทำให้ฝ่ายตรงข้ามได้รับผลเป็นอัมพาต ขั้นที่สี่เรียกว่า"หน่วงพลัง"เป็นการสร้างสนามพลังด้วยพลังสายฟ้าโดยมีตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง ทำให้สามารถเคลื่อนย้ายวัตถุต่างๆรอบร่างกายตัวเอง,และปิดบังซ่อนตัวตนได้. ขั้นที่ห้าเรียกว่า"ลื่นไหล"เป็นการปลดปล่อยพลังอำนาจแห่งสายฟ้าเข้าไปยังร่างกายของฝ่ายตรงข้าม,เป็นการโจมตีด้วยพลังงานสายฟ้าจำนวนหนึ่งเพื่อจู่โจมนั่นเอง. ขั้นที่หกเรียกว่า"ปลดปล่อย"เป็นการปลดปล่อยพลังสายฟ้าออกมาภายนอกร่างกาย,รวบรวมสร้างพลังโจมตีภายนอก.



ภายในใจของเขานั้น,เหล่ยหยูไม่มีคำพูดใดๆที่จะใช้อธิบายความตื่นเต้นของเขาเลย,ท่านผู้เฒ่าเคยกล่าวว่า"หากว่าเจ้าไม่ตายหลังจากได้ประสบกับภัยพิบัติครั้งใหญ่,โชคลาภจะมาหาเจ้าอย่างแน่นอน"เป็นเรื่องจริงแท้,ที่จริงแล้วเขาได้รับตราอักขระที่ยอดเยี่ยมที่สุดของตระกูลและยังได้รับวรยุทธ์ที่สุดยอดที่ยากจะหาใครเทียบได้.



ครั้งหนึ่งเหล่ยหยูเองเคยศึกษาบันทึกเก่าแก่ของตระกูลเหล่ยมาเหมือนกัน,และหนึ่งในข้อความในประวัติของตระกูลนั้น,เกี่ยวกับลูกหลานตระกูลเหล่ย,คนที่มีสายโลหิตที่บริสุทธ์ที่สุดจะได้รับตราอักขระสายฟ้า,จากนั้นจะเป็นตราอักขระเปลวเพลิง.อย่างไรก็ตามหลังจากที่ตระกูลเหล่ยรุ่นที่สามได้จากไป,ตราสายฟ้าก็ไม่เคยปรากฏขึ้นในตระกูลเหล่ยอีกเลย.ดังนั้นตราอักขระเปลวเพลิงจึงกลายเป็นตราอักขระทีทุกคนให้ความเคารพมากที่สุด,ตอนนี้ตราอักขระสายฟ้ากับมาปรากฏบนร่างของเหล่ยหยู,สิ่งที่ทุกคนได้แต่เฝ้าฝันจะไม่ให้เขานั้นตื่นเต้นได้อย่างไร?



เขาปิดตาของเขาแน่นในทันที,เหล่ยหยูค่อยๆสัมผัสถึงวิชายุทธ์และวิธีการฝึกภายในจิตใจของเขา,เหล่ยหยูรู้สึกประหลายใจมาก,ที่เขาสามารถเข้าใจได้ถึงรายละเอียดต่างๆที่ได้เกิดขึ้นภายในร่างกายของเขา.



เส้นพลังสีม่วงได้โคจรหมุนวนไปมาภายในร่างกายของเขา,อยู่ภายในห้วงพลังของเขา(จุดดันเถียน),เขาสามารถรับรู้ถึงพลังมหาศาลที่ถูกรวมอยู่ตรงนี้,ด้วยการศึกษาตำรามากมายก่อนหน้านี้,เหล่ยหยูจึงรู้ดีว่าสิ่งดังกล่าวนี้คืออะไร,มันหมายความว่าวรยุทธ์ที่เขากำลังฝึกนี้จะทำให้เขานั้นไม่ใช่คนธรรมดาอีกต่อไป,วรยุทธ์ที่เขากำลังฝึกฝนอยู่ตอนนี้คนธรรมดาทั่วไปได้แต่เพียงใฝ่ฝันถึง,พลังเช่นนี้,เขาได้ฝึกฝนวรยุทธ์ ตามวิธีที่ได้ปรากฏขึ้นภายในจิตใจของเขา.


หลังจากบำเพ็ญพลังตามวิธีที่เขาได้รับที่ล่ะขั้นทีละขั้น,เหล่ยหยูสามารถโคจรพลังสายหนึ่งที่จุดดันเถียน.ทุกๆครั้งเขาพยายามให้มันโคจรไปรอบๆ,หากแต่มันต้องสลายหายไปในอากาศในทันทีอาจเป็นเพราะสมาธิของเขานั้นยังไม่มั่นคงพอ,หลังจากที่ได้พยายามไปหลายครั้ง,ในที่สุดแล้วเขาก็สามารถควบคุมมันได้อย่างบางๆเป็นเส้นพลังที่อ่อนด้อยยิ่งนัก,ถึงจะทำตามวิธีที่ปรากฏขึ้นมาภายในจิตใจของเขาก็ตาม,เขาก็ยังสามารถโคจรพลังผ่านจุดปราณของเขาได้ค่อนข้างเชื่องช้า.



พลังภายในที่ไหลผ่านทั่วเส้นปราณของเขานั้น,เหล่หยูรู้สึกประหลาดใจราวกับว่าได้อาบไปด้วยแสงตะวัน,ความอบอุ่นและสบายแทบจะทำให้เขานั้นร้องออกมาด้วยความปิติ.



ในเวลาเดียวกันนั้น,พลังภายในได้โคจรผ่านจุดที่ตีบตันของเส้นปราณไม่สามารถไหลผ่านได้,เหล่ยหยูพยายามรวบรวมพลังภายใน ทะลวงจุดดังกล่าวไป,"ปุ๊ป"เสียงที่ดังขึ้นในหัวของเขา,จุดปราณดังกล่าวราวกับว่าฉีกขาดออกมาด้วยพลังภายใน,เหล่ยหยูถึงกับเหงื่อตกไหลออกมาไม่หยุดทีเดียว.



"มันได้รับความเสียหาย!ข้าจะทำอย่างไรดี?"เส้นปราณที่เสียหาย,หมายความว่าพลังภายในจะไม่สามารถไหลผ่านได้อย่างปรกติ,ซึ่งนั่นเป็นเพียงแค่ปัญหารองเท่านั้น,ปัญหาใหญ่ของเส้นปราณที่ได้รับความเสียหายนั้นจะทำให้เกิดผลร้ายต่อร่างกายเป็นอย่างมาก,ความเสียหายของจุดปราณ,จะเริ่มจากการไหล่เวียนของพลังภายในร่างกายของหลิงหยูผิดปกติแล้ว,ความปิติยินดีก่อนหน้านี้ถูกแทนด้วยความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก.



"สวรรค์!ท่านกำลังล้อข้าเล่นอย่างงั้นรึ?"เหล่ยหยูราวกับกำลังร้องไห้ออกมา,ในตอนแรกนั้น,เขาสามารถรอดชีวิตมาได้อย่างฉิวเฉียดและได้รับสุดยอดวิธีฝึกฝนวรยุทธ์ที่ไร้คู่เปรียบ,เขาไม่คาดคิดเลยว่าเพียงแค่บำเพ็ญพลังในคราแรกก็ทำให้เส้นปราณฉีกขาด,ไม่ใช่ว่าสวรรค์กำลังเล่นตลกอย่างแรงกับเขาอยู่รึ?



ร่างของเขาเริ่มสั่นไม่หยุด,เหล่ยหยูรู้สึกราวกับว่าแทบจะไม่สามารถทานทนกับความเจ็บปวดได้อีกต่อไป,ยิ่งความเจ็บปวดในตอนนี้เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆทุกครั้ง.



เหล่ยหยูที่กำลังยอมแพ้ต่อความเจ็บปวด,เขารู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขานั้นสั่นไหวขึ้นมาทันใด,ก่อนที่พลังภายในสีเขียวจากใหนไม่รู้ ระเบิดแผ่ซ่านออกมาจากหน้าอกและกระจายออกไปทั่วร่างของเขา,เหล่ยหยูเอง ไม่รู้ว่าพลังที่ลึกลับนี้มาจากใหน,มันไม่ใช่พลังของเขา,เป็นเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดทำให้เขานั้นสงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกัน.



ด้วยพลังสีเขียวที่แพร่กระจายไปนั่น,จุดปราณที่ฉีกขาดได้ดูดซับและเริ่มฟื้นฟูตัวเอง,เส้นปราณต่างๆเองก็เริ่มฟื้นฟูความเสียหาย,ขณะที่เส้นปราณกำลังฟื้นตัวอยู่นั้น,พลังสีม่วงภายในร่างกายของเขาราวกับว่าจะหยุดอยู่กับทีรอคอยที่จะทำงานอีกครั้ง,ราวกับว่ามันรอคอยให้เส้นปราณฟื้นฟูเสร็จสิ้นถึงจะเคลื่อนไหวอีกครั้งนั่นเอง.



ราวๆหนึ่งชั่วโมง,เส้นปราณที่เสียหายก็ฟื้นฟูได้สำเร็จ.และมันยังดูแข็งแรงกว่าตอนแรกซะอีก,จุดปราณดังกล่าวเองก็สามารถทะลวงได้อีกด้วย,เมือเหล่ยหยูพยายามที่จะควบคุมพลังภายในก็สามารถเคลื่อนที่ไหลลื่นผ่านจุดปราณและเส้นปราณดังกล่าวได้อย่างสบายๆ.



"ข้าสงสัยว่าเป็นพลังแบบใดกัน,ทำไมถึงสามารถรักษาเส้นปราณที่เสียหายได้?"โดยเฉพาะเมื่อพลังดังกล่าวนั้นไม่ใช่พลังของเขา,หลังจากที่คิดใคร่ครวญเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว,กลับไม่สามารถที่จะอธิบายได้เลยดังนั้นเขาจึงทำได้แค่เก็บมันเอาไว้ในความคิดของตัวเอง,ก่อนที่จะเริ่มโคจรโจรพลังลึกลับดังกล่าวไปรอบๆร่างกายของเขาราวกับว่ามันกลายเป็นเหมือนพลังที่คอยคุ้มกันพลังปรกติของเขา,ทุกครั้งที่พบจุดปราณที่ตีบตันมันจะช่วยทะลวง,และยังช่วยฟื้นฟูเส้นปราณที่ได้รับความเสียหายในทันทีอีกด้วย.


หลายวันหลังจากนั้น,เหล่ยหยูรับรู้ถึงร่างกายที่เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก,ด้วยการเกิดเส้นปราณเสียหายและซ่อมแซมซ้ำไปซ้ำมา,เส้นปราณที่เคยอ่อนแอตั้งแต่ตอนแรกก็ค่อยๆแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ,ไม่ว่าเขาจะโคจรพลังภายในเพิ่มขึ้นมากเท่าไหร่มันก็ขยายและยืดหยุ่นเป็นอย่างดี,นอกจากนี้เหล่ยหยูยังสามารถซึมซับพลังวิญญาณที่อยู่รอบพื้นที่บริเวณแห่งนี้ได้อีกด้วย.



เขาลืมตาขึ้นช้าๆ,ไม่มีคำพูดใดที่เหล่ยหยูจะสามารถอธิบายความตื่นเต้นของเขาออกมาได้,แม้ว่าจะตื่นเต้นจนถึงขีดสุด,เหล่ยหยูก็ไม่สามารถกดข่มความหิวเอาไว้ได้,เขาไม่กินไม่ดื่มมาถึงสามวันเพียงเพราะฝึกฝนวรยุทธ์ทั้งวันทั้งคืน,เหล่ยหยูไม่ได้กินอะไรมาแล้วจนถึงตอนนี้ถึงสี่วัน.



ทันใดนั้นเหล่ยหยูก็ลุกขึ้นมาทันทีด้วยรู้สึกอึดอัดอยู่เล็กน้อย."ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้คืออะไรกัน?"


"ไม่ว่าอย่างไร,ข้าคงต้องหาอาหารก่อน."



มีป่าขนาดเล็กอยู่ใกล้ๆนี้,หากแต่เหล่ยหยูคงต้องระวังสักหน่อย,ด้วยในเวลานี้เป็นเวลาเย็นแล้วพื้นที่ป่าจึงดูมืดมิด,ทว่าเหล่ยหยูเองกับสามารถมองเห็นบริเวณรอบๆได้อย่างชัดเจน.



ที่ไกลออกไปนั้น,มีต้นไม้,ต้นหนึ่งที่ออกลูกสีม่วงสุกแดงระเรื่อ.ดูค่อนข้างแปลกประหลาดนัก,มีเพียงต้นไม้ตนนี้เท่านั้นมีออกผลเช่นนี้.เหล่ยหยูได้คว้าผลของมันมาผลหนึ่ง,ทดสอบกลิ่น,ก่อนที่จะกัดไปหนึ่งคำ,เป็นผลไม้ที่ให้ความหวานและชุ่มฉ่ำมาก,จนทำให้เขาไม่สามารถที่จะทนในความหิวที่มีได้อีกต่อไป,เหล่ยหยูรีบกลืนผลไม้ลงภายในปากทันที,น้ำผลไม้ที่กระจายแพร่ไปทั่วทั้งปากของเขา,สร้างความเอร็ดอร่อยยิ่งนัก,เหล่ยหยู่กัดแล้วกัดอีก,กินไปแล้วกว่าสิบลูกโดยไม่หยุดเลย.


เหล่ยหยูเองก็ตระหนักได้ว่าป่าแห่งนี้ไม่ใช่ที่เขาคุ้นเคยและรู้จักดี,ดังนั้นคงเป็นการดีว่าไม่ควรอยู่ที่นี่นาน,โดยเฉพาะเวลากลางคืนที่ใกล้เข้ามาแล้ว,หลังจากกินอิ่มพอแล้ว,เหล่ยหยูก็กลับไปนั่งยังฝั่งแม่น้ำตามเดิม.



เขาได้หลับตาและรวบรวมสมาธิอีกครั้ง,เริ่มฝึกฝนบำเพ็ญยุทธ์ด้วยวิชาที่ถูกบันทึกอยู่ภายในจิตใจของเขา,เหล่ยหยูเองรู้สึกประหลาดใจกับผลไม้ที่เขาเพิ่งกินเข้าไปมันกลายเป็นแหล่งกำเนิดพลังที่ยอดเยี่ยมในการบำเพ็ญพลัง.



ราวกับว่าในผลไม้ดังกล่าวนั้นอุดมไปด้วยสารอาหารแร่ธาตุที่จำเป็นในการบำเพ็ญพลัง,ทำให้เหล่ยหยูเต็มไปด้วยความปิติ,สามารถยกระดับพลังภายในร่างกายของเขาได้,พลังภายในที่โคจรไปทุกหนทุกแห่ง,พร้อมกับพลังลึกลับสีเขียวที่คอยค้ำจุนและรักษาพลังภายในร่างกายไม่ให้เกิดความเสียหาย,ตอนนี้เหล่ยหยูเข้าใจความหมายของคำว่า เคลื่อนย้ายลมปราณ ได้แล้ว.




ในทุกๆวัน,เหล่ยหยูก็จะกลับไปยังต้นไม้ต้นเดิมและกินผลไม้เพื่อประทังความหิว,เขารู้สึกประหลาดใจกับผลไม้ดังกล่าวที่ดูเหมือนว่าจะไม่ลดลงเลย,หลังจากที่เขากินมันเข้าไปแล้วหลายลูก,ในวันถัดมาดูเหมือนว่ามันจะงอกเกิดขึ้นมาไหม่,สร้างความตื่นตาตื่นใจกับเหล่ยหยูยิ่งนัก,หากเป็นเช่นนี้ล่ะก็,เขาก็ไม่จำเป็นที่ต้องหาอาหารอื่น,แต่ถึงกระนั้นเหล่ยหยูกับไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นเลยแต่อย่างใด.





ที่มาจาก https://omgitsaray.wordpress.com/9-heavenly-thunder-manual/

#นิยาย ตำราวิทยายุทธ์สายฟ้าเก้าสวรรค์ #9 Heavenly Thunder Manual#นิยายแปลไทย
Author(s)
?? Deng Tian




3 ความคิดเห็น: