วันอาทิตย์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2560

9 Heavenly Thunder Manual Chapter 01 Arrival of the Dragon

9 Heavenly Thunder Manual Chapter 01 Arrival of the Dragon

นิยาย ตำรายุทธ์สายฟ้าเก้าสวรรค์  ตอนที่ 01 การมาถึงของมังกร.



มีกองกำลังที่ทรงอิทธิพลอยู่สี่แห่งภายในประเทศเถิงหลงแห่งนี้ที่กระจายไปทั่วดินแดน.แม้ว่าจะมีความขัดแย้งอยู่เรื่อยมาในแต่ล่ะกลุ่ม,แต่ก็ไม่ถึงขั้นประกาศสงคราม


ในดินแดนภาคตะวันตกนั้น,มีนิกายๆหนึ่ง.ที่มีชื่อเรียกที่ฟังแล้วดูเหมือนมีความชอบธรรม แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับเป็นนิกายที่ชั่วร้าย ที่เรียกกันว่า นิกาย หมิง.เกี่ยวกับตำนานนั้น,นิกายแห่งนี้นั้นเริ่มต้นในช่วงต้นราชวงศ์ หมิงและเดิมที่เป็นนิกายฝ่ายธรรมะ  เป็นนิกายที่ชอบธรรมปกครองโดยคนที่มีคุณธรรม แต่เนื่องจากกาลเวลามันได้เปลี่ยนผู้คน,ให้เปลี่ยนไป.พวกเขาสูญเสียเหตุผลแห่งความยุติธรรม และกลายมาเป็นนิกายที่ดูหมิ่นคนอื่นๆ.ท่ามกลางกองกำลังหลัก สี่กองกำลัง.นิกายหมิงนั้นกลับกลายเป็นนิกายที่ทรงพลังที่สุด.พวกเขาได้เปลี่ยนโลกใต้ดินของประเทศนี้ให้มาอยู่ในมือกับหลากหลายธุรกิจ.แม้แต่ภายในราชสำนัก,เจ้าหน้าที่ของทางการ.ก็ยังมีสมาชิกในนิกายหมิงเป็นสมาชิกอยู่.



กองกำลังหลักที่สองนั้นตั้งอยู่ทางทิศใต้,มีชื่อว่า "นิกายนักรบ"สมาชิกของนิกายแห่งนี้ล้วนแล้วแต่เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงตั้งแต่โบราณด้วยประวัติการต่อสู้ที่ยาวนาน.ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน,พวกเขาก็ได้มารวมตัวกันภายใต้ตระกูล ซั่งกวน ราวกับเป็นผู้เชี่ยวชาญ.ตระกูลซังกวนนั้นได้นำศิลปะการต่อสู้ของแต่ละตระกูลทั้งหมดมารวมกันและจัดตั้งขึ้นเป็นกลุ่มที่มีชื่อเสียงภายใต้นาม "นิกายนักรบ" และมี ฉี ฮ่อง เป็นผู้นำในยุคปัจจุบัน.นิกายนักรบนั้นเป็นผุ้ดูแลกิจการต่างเกี่ยวกับกำลังทหารของประเทศนี้และมีอิทธิพลอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว.


กองกำลังหลักที่สามถูกเรียกว่า "ศาลสวรรค์" เป็นกลุ่มที่จัดตั้งขึ้นด้วยบุคคลที่หยิ่งทระนงที่ยึดถือมั่นในการฝึกฝนมีความสามารถที่หลากหลาย.ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากลุ่มคนที่ถูกเรียกว่า ชางกวนรง เป็นกลุ่มคนที่ไปถึงจุดสูงสุดของเขตแดนศิลปะการต่อสู้ ศาลสวรรค์นั้นได้ถูกควบคุมจากหลากหลายลัทธิที่โดดเด่นดั่งเช่น บู้ตึ้ง,คุนหลุน,ง้อไบ้,เป็นต้น. ศาลสวรรค์นั้นมีความสัมพันธ์อย่างลับๆกับกองกำลังรักษาความปลอดภัยลึกลับที่คอยปกป้องประเทศดินแดนเถิงหลงแห่งนี้ด้วยเหมือนกัน.


และสุดท้ายตระกูลที่มีอำนาจที่ยิ่งใหญ่เหมือนกัน.ตระกูลแห่งนี้อาศัยอยู่บนยอดเขาในภาคตะวันออกของประเทศเถิงหลง.นี่คือตระกูล เหล่ยโบราณที่ได้รับการสืบทอดคำสั่งสอนจากบรรพบุรุษของพวกเขาและยังคงเพิ่มอิทธิพลของตระกูล.นี่เป็นตระกูลที่ได้รับความนิยมชมชอบของดินแดนเถิงหลงและกลายมาเป็นตระกูลทีมีธุรกิจการค้าที่ทรงพลัง.แม้ว่าจะมีคนน้อยกว่า 100 คน ในตระกูลแห่งนี้,แต่สายสัมพันธ์กับดินแดนภายนอกโลกนั้นเป็นที่น่าตกใจเป็นอย่างมาก.ตระกูลเหล่ยนั้นตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัยอยู่บนภูเขาด้วยการจัดตั้งโรงงานและควบคุมสาขาต่างๆ.ตระกูลเหล่ยทั้งหมดนั้นล้วนแต่อาศัยอยู่บนภูเขาและคนทั่วไปจะบรรยายมันราวกับว่ามันเป็นอาณาจักรเล็กๆของตัวเองเลยทีเดียว.


หัวหน้าของตระกูลเหล่ย, เหล่ย หยุน เทียน ซึ่งมีลูกชายสองคน,พี่ชายคนโตนั้นนามว่า เหล่ย หลงและลูกชายคนที่สองมีนามว่า เหล่ย หยู๋. ชาติกำเนิดของเหล่ยหยูนั้นลึกลับและเต็มไปด้วยสิ่งที่ยังไม่มีใครรู้.

———————-

ภายในห้องโถงขนาดใหญ่ของตระกูลเหล่ย.

"เขาไม่มีตราอักขระของตระกูล(รอยสัก)ดังนั้นจึงไม่มีอาจเป็นไปได้ที่จะสามารถฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ของตระกูลได้!" ชายแก่เครายาวคนหนึ่งได้กล่าวด้วยเสียงที่เย็นชา.


มองไปที่แขนขวาของเขาซิ.แสงค่อยๆส่องผ่านออกไปและไม่ได้แสดงออกมาถึงความประทับ่ใจใดๆเลย.ตัวของเด็กน้อยก็รู้สึกถึงความงงงวย.


เมื่อผู้อาวุโสคนหนึ่งได้สรุปและประกาศออกมา,ทั่วห้องโถงก็ได้เกิดความวุ่นวายขึ้นมาทันที.ระเบิดแห่งความดูแคลนและและเยาะเย้ยก็ตามมาทีละคนๆ.

"ฮ่า ฮ่า, นี่คือบุตรชายของผู้นำตระกูลอย่างนั้นรึ? เขาไม่เห็นจะมีตราอักขระของตระกูลเลย?"


"ข้าคิดว่าเขานั้นคงไม่ใช่บุตรของท่านผู้นั้นจริงๆแน่!"

"อาจจะเป็นลูกนอกสมรสคนหนึ่ง,ลูกชายผู้น่าสงสัยของท่านหัวหน้า!"


"ลูกนอกสมรส!"

"กรรมเวร!"


เด็กชายตัวน้อยปิดหน้าของเขา,หันหลังและวิ่งออกไปจากห้องโถงขนาดใหญ่กรีดร้องอย่างบ้าคลั่งมุ่งไปยังสวนแห่งหนึ่ง "ทำไม?! ทำไมข้าถึงไม่ได้มีตราอักขระของตระกูล? ทำไม?!"


กรีดร้องไปยังท้องฟ้า "ข้าไม่ใช่ลูกน้องสมรส! ข้าไม่ไช่! ทำไมล่ะ?!"


ภายในห้องโถงขนาดใหญ่,ชายกลางคนอายุประมาณสี่สิบปีได้แสดงท่าทางที่น่าเกลียดน่ากลัวบนใบหน้าของเขา.ข้างๆเขา,ชายอาวุโสผมสีขาวที่เป็นคนที่กล่าวตอนเริ่มต้นนั้นได้ตบเบาๆไปที่บ่าของเขา "ข้าได้แนะนำเจ้าก่อนหน้านี้แล้ว,แต่เจ้า..."

หลังจากถอนหายใจ,ชายวัยกลางคนก็ประกาศว่า." พิธีชำระล้างนั้นได้เสร็จสิ้นแล้ว,ถึงเวลาที่ต้องแยกย้ายกัน." หลังจากจบสิ้นการประกาศ,ชายวัยกลางคนก็นั่งลงไปบนเก้าอี้ด้วยท่าทางหมดเรี่ยวแรง.


ก่อนหน้านี้นั้นเหล่ย หยูได้ยินมาจากลุงหลิวที่ได้กล่าวถึงเขา ว่าเขานั้นได้มายังตระกูลเหล่ยเมื่อเขานั้นอายุราวๆ 1 ปี.เขานั้นหลบอยู่ข้างหลังประตูหลัก กับผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน.



เหล่ยหยูนั้นเร่งรีบไปหาลุงหลิวขณะที่เขานั้นเข้ามายังประตู "ท่านลุงหลิว,บิดาของข้านั้นได้พูดอะไรอย่างนั้นรึ?"


"โอ้ว...เด็กน้อย,เจ้าควรที่จะไปจากสถานที่แห่งนี้ "ลุงหลิวสายหัวของเขาอย่างไม่เต็มใจนัก.ลุงหลิวนั้นได้เฝ้ามองเด็กน้อยเติบโตมาดังนั้นเป็นเรื่องปรกติที่เขานั้นจะรู้สึกลึกซึ้งกับเขา.แต่หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น,ไม่มีทางที่เขานั้นจะเปลี่ยนแปลงอะไรหรือช่วยได้เลย.


เหล่ยหยูนั่งหันหลังบนเตียงนอนของเขาด้วยภาวะหดหู่.ด้วยคำพูดของลุงหลิวนั้นได้ชัดเจนแล้ว,บิดาของเขานั้นไม่ได้ต้องการให้เขาอยู่ในตระกูล.เพียงคนเดียวเพราะเขานั้นไม่ได้มีตราอักขระของตระกูลอย่างนั้นรึ? ไม่! เหล่ย หยู ปฏิเสธที่จะเชื่อสิ่งดังกล่าวและยังปฏิเสธสิ่งที่เกิดขึ้น.

ด้วยถูกยืนยันแล้วว่าเหล่ยหยูนั้นไม่ได้มีตราอักขระของตระกูลหลังจากพิธีการชำระล้าง ดังนั้นชีวิตของเขาคงจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก.ไม่มีคำพูดอื่นหรือคำเยินยอต่อเขาอีกแล้ว ไม่มีใครแล้วที่จะทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม,ทุกๆคนเดินผ่านไป,กลับมีแต่ความเย้ยหยันให้กับเด็กสิบปีคนนี้และบางคนถึงกับหัวเราะเยาะออกมาเสียงดังเลยทีเดียว.

ทว่าเหล่ยหยูฝืนทนคำดูถูกและเยาะเย้ยเหล่านั้นได้ทั้งหมด,เขาจะต้องฝึกฝนต่อไปด้วยตัวเขาเอง.ในใจของเหล่ย หยูนั้น,ถึงแม้ว่าเขานั้นจะไม่มีตราสัญลักษณ์ของตระกูล,เขาก็สามารถที่จะทรงพลังได้.เมื่อเขานั้นมีความแข็งแกร่งเพียงพอ,ตระกูลแห่งนี้จะต้องยอมรับเขาอีกครั้งแน่.




วันแล้ววันเล่าของการฝึกฝน,เหล่ยหยู,ได้ใช้มันหมดแล้วสำหรับโชคอันน้อยนิดที่ทำให้เขานั้นได้รับคำแนะนำวรยุทธ์เกี่ยวกับการต่อสู้.วันแล้ววันเล่าของเลือดและหยาดเหงื่อ,เขาจะเก็บมันเอาไว้เพื่อใช้ในการฝึกฝนในทุกๆวัน.ทุกๆอย่างหลังจากนี้,เหล่ยหยูจะต้องหล่อหลอมความแข็งแกร่งของร่างกายและจิตใจ.


แปดปีที่ล่วงเลยมาโดยที่เหล่ยหยูเห็นบิดาของเขาแค่เพียงไม่กี่ครั้ง,แต่มันก็แค่เพียงพริบตาเดียวของแผ่นหลังหรือเงาของเขาเท่านั้น.


ในแปดปีนั้น,เหล่ยหยูจะต้องอดทนกับคำดูถูกที่ต้องถูกเรียกว่า "ลูกนอกสมรส","ขยะ""เปลืองข้าวสุก",แต่กระนั้นเขาก็ยังคงอดทนกับมันและพยายามที่จะแสดงและพิสูจน์ตัวเขาเองกับทุกๆคน.


ในขณะนั้นเหล่ยหยูกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องของเขา,ลุงหลิวได้ยืนอยู่ที่หน้าประตุทางเข้าและกล่าวว่า"เจ้าตัวเล็กหยู,เจ้าควรที่จะไปจากที่นี่จริงๆแล้วล่ะ,ท่านหัวหน้า,เขา..."

"ท่านพ่อของข้ารึ?เขามีเรื่องอะไรอย่างนั้นรึ?" เหล่ยหยูถามขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ย่ำแย่ในทันที


ด้วยการขบฟันแน่น,ลุงหลิวกล่าวต่อ "ในที่สุดท่านหัวหน้าได้ตัดสินใจแล้วที่จะให้เจ้าออกไปจากตระกูลแห่งนี้.เขาบอกว่าตระกูลแห่งนี้ไม่ต้องการบุคคลที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้,ดังนั้น...."


เหล่ยหยูกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก,ไร้ซึ่งคำพูดอย่างสมบูรณ์.ด้วยการจ้องมองไปยังใบหน้าของเหล่ยหยู, ลุงหลิวถอนหายใจขณะที่เขานั้นส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้และเดินจากไป.


"ทำไม?ทำไม?ท่านพ่อถึงไม่ได้มองเห็นความพยายามของข้าที่ผ่านมาตั้งหลายปีล่ะ?ทำไมเขาต้องยืนกรานว่าข้านั้นไร้ประโยชน์ล่ะ?มันเป็นสิ่งที่จำเป็นจริงๆสินะที่จะต้องมีตราอักขระของตระกูลเพื่อที่จะเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลแห่งนี้อย่างนั้นรึ?ทำไมล่ะ" เหล่ยอยูส่ายหน้าไปมาเขาปฏิเสธที่จะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาเช่นนี้ในวันนี้,แต่มันเป็นเรื่องที่โชคร้ายมาก,ช่างเป็นความจริงที่ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้.


"เจ้าเด็กเวร!ทำไม่เจ้ายังไม่ไปอีกอย่างนั้นรึ?เจ้ายังต้องการที่จะอยู่ที่นี้เพื่ออะไร?"

ขณะที่เขานั้นอยู่ในความทุกข์ทรมานอยู่นั้น,เหล่ยหยูก็ได้ยินคำดูถูกสบประมาทดังโหยหวนออกมาจากข้างนอกของประตู.หลังจากได้ยินคำเหล่านั้น,ก็พบเจอกับคนน่าเกียจและท่าทางน่ากลัวบนใบหน้าของเขา,คนที่ใช้คำพูดโหยหวนนี้มีชื่อว่า เหล่ย หยุน,เป็นหลานคนหนึ่งผู้อาวุโสจากตระกูลเหล่ย.เหล่ยหยุนนั้นเป็นคนๆหนึ่งที่มีสิทธิ์ในตำแหน่งผู้สืบทอดผู้อาวุโสของตระกูลเหล่ย,หลังจากพีธีชำระล้าง,เหล่ยหยุนทำตัวเหมือนกับผู้เฒ่าที่คอยดูถูกดูแคลนเหล่ยหยูทุกวันเป็นประจำ.บางครั้งบางคราก็มีทุบตีเขาด้วย.


ด้วยสายตาที่เย็นชาไม่แยแส,เหล่ยหยูชำเลืองไปที่เหล่ยหยุนและคำรามออกมา"บัดซบ!!"


เหล่ยหยุนถึงกับตกตะลึงทันทีทันใด.เขาไม่คิดเลยว่าขยะของตระกูล,จะกล้าใช้คำพูดเช่นนั้นกับเขา,เขา,ซึ่งเป็นคนที่ถูกกำหนดว่าจะกลายเป็นผู้อาวุโสของตระกูลในอนาคต.เหล่ยหยุน นำมือไขว้ไว้ข้างหลังและเดินเข้ามาทำท่าทางเหมือนกับผู้ใหญ่ที่มีอายุ,โดยที่บรรยากาศรอบๆตัวเขานั้นดูคุกคามเป็นอย่างมาก

"บ้าเอย เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน?ถึงได้กล้าที่จะพูดเช่นนั้นกับข้า!" ด้วยการมองไปรอบๆ จ้องมองไปยังเหล่าคนของเขาแล้วกล่าวออกไปว่า "ลากมันออกไป!"


ถึงแม้ว่าเหล่ยหยูนั้นจะฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาหลายปี,แต่ด้วยคนที่อยู่รอบตัวเขาหลายคนนั้นล้วนแล้วแต่เป็นคนทีฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาเป็นพิเศษของตระกูลเหล่ย,เหล่ยหยูจึงไม่สามารถที่จะขัดขืนได้เลย.ด้วยการฉุดลากเขาออกไปด้วยคนหลายคน,เขาจึงได้ถูกลากไปยังขอบของหน้าผา.


"พวกเจ้า,ต้องการอะไรกัน?" เหล่ยหยูคร่ำครวญพร้อมทั้งดิ้นรน.


ขณะที่อยู่ตรงขอบของหน้าผา,พวกเขาเริ่มที่จะทุบตีเหล่ยหยูด้วยทักษะเปลวเพลิงที่เป็นหนึ่งของทักษะตระกูลเหล่ย. เหล่ยหยูนั้นหาได้เหมือนกับคนทั่วๆไปดังนั้นไม่มีทางที่เขาจะยอมรับเรื่องที่โหดร้ายไร้เหตุผลกับเขาเช่นนี้.


ด้วยการยกแขนป้องกันหมัดที่หนักหน่วงนั้น,เหล่ยหยูได้โต้กลับ.ด้วยการใช้ความแข็งแกร่งของขาที่ทรงพลัง,จากนั้นเขาได้ควบคุมความแข็งแกร่งช่วงล่างของร่างกาย,เขาได้ชกหมัดออกไปเข้าปะทะกับคางของเหล่ยหยุนด้วย "แคร๊ก" ได้ยินเสียงดังลั่นออกมา.ทำให้เลือดเริ่มไหลออกมาจากปากของเหล่ยหยุนและจากนั้นก็มีฟันของเขาหลุดออกมา.


ไม่เคยมีแบบนี้มาก่อนที่เหล่ยหยุน จะถูกทำร้ายจนบาดเจ็บเช่นนี้ เป็นเหตุให้เขานั้นเกิดความรู้สึกโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก"โยนมันลงไปที่หน้าผาซะ!"


"อ๊ากก.."คนรอบๆนั้นต่างมองหน้ากันและกัน.พวกเขานั้นสามารถที่จะทุบตี สร้างอาการบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้ได้,แต่การที่จะสังหารใครสักคนหนึ่งนั้น.พวกเขาไม่เต็มใจที่จะยอมรับผลที่ตามมาเลย.แต่เหล่ยหยุนนั้นเป็นผุ้สืบทอดผู้อาวุโสของตระกูลเหล่ยคนต่อไปดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถที่จะขัดคำสั่งของเขาได้แต่อย่างใด.ชายหนุ่มแต่ละคนนั้นไม่รู้เลยว่าจะต้องทำอะไร.


ด้วยการเห็นว่าคนของเขานั้นลังเลใจ,เหล่ยหยุนที่เกรี้ยวโกรธจึงได้ตะโกนออกไป,ผลักมันลงไปยังหน้าผาซะ,ข้าจะเป็นคนรับผิดชอบทุกอย่างเอง!"

เหล่ยหยูถอยหลังออกมาหลายก้าว.กำลังยืนอยู่ตรงขอบหน้าผา,เขาหรึ่สายตาอย่างเย็นชาชำเลืองมาทางเหล่ยหยุน.ด้วยการบังคับกดดันเขาด้วยสถานการณ์ที่ไร้เหตุผล,ด้วยความเกียจชังเขาจากคนในตระกูลและปฏิเสธตัวเขาให้มีตัวตน,เหล่ยหยูกลายเป็นคนที่บ้าคลั่งอย่างที่สุด.


"เหล่ยหยุน,ถ้าข้าไม่ตายในวันนี้,ข้าจะต้องกลับมาทวงแค้นของข้าอย่างแน่นอน!ถ้าข้าตาย,กลายเป็นผีข้าก็จะยังกลับมาหลอกหลอนเจ้า!"ด้วยโทนเสียงของเหล่ยหยูนั้นเต็มไปด้วยความคลั่งแค้น.หลังจากได้ยินคำพูดดังกล่าว,คนที่อยู่รอบๆถึงกับขนลุกขึ้นมาทีเดียวและรู้สึกสั่นเสียวไปถึงสันหลังพวกเขา.

เหล่ยหยูเมื่อสิ้นคำพูดของเขาแล้ว,ก็หันกลับมาและกระโดดลงไปจากขอบหน้าผา.แม้แต่จะต้องตาย,เขาจะต้องตายอย่างมีศักดิ์ศรี.เหล่ยหยูนั้นไม่ได้ต้องการแม้แต่ความเมตตา.ด้วยการรับรู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องโดนทุบตีจนถึงแก่ความตายหรือไม่ก็ต้องโดนผลักลงไปให้ตายอยู่แล้ว,ทำไมไม่ทำมันด้วยตัวเขาเองล่ะเพื่อที่จะให้ได้ข้อสรุปอย่างรวดเร็ว.


"พวกเจ้าทุกคนเห็นใช่ใหม?มันกระโดดลงไปด้วยตัวของมันเอง,ไม่มีอะไรเกี่ยวกับพวกเรา!"เหล่ยหยุนกุมที่คางของเขาเอาไว้"ไอ้เห..ย,ตายไปซะ,ทำไมข้าจะต้องเสียฟันไปกับแกด้วยว่ะ!"

ทันใดนั้นท้องฟ้าเริ่มที่จะเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม เหล่าเมฆเริ่มที่จะรวมตัวกัน.ภายใต้เมฆที่มืดคลึ้มนั้นเริ่มมีแสงของสายฟ้าค่อยๆกระพริบจับตา.เหล่าผู้คนที่เห็นเหตุการณ์เริ่มคิดว่าฝนนั้นกำลังจะตกแล้วในอีกไม่นานและเริ่มวิ่งกลับไปยังบ้านเพื่อหาที่หลบ.


ทันใดนั้น,สายฟ้าดังกล่าวนั้นได้ปรากฏกลายเป็นรูปร่างของมังกร,"บูมม!" เสียงดังสนั่นเหมือนกับเสียงคำรามของมังกรปรากฏเสียงให้ได้ยิน,สายฟ้านั้นพุ่งตรงลงไปยังร่างกายของเหล่ยหยูคนที่ล่องลอยอยู่ในแม่น้ำตอนนี้.ณ จุดๆนั้น,ไม่รู้เลยว่าเขานั้นได้ตายหรือมีชีวิตอยู่.



 ปล.เรื่องนี้มีคนแปลมาก่อนหน้านี้แล้วนะ ความจริงไม่ได้อยากแข่งคนอื่นหรอก แต่ดูเหมือนนิยายที่ออกมาตอนนี้มันเยอะเกินไป ส่วนมากบทดีๆไม่ติดลิขสิทธิ์ก็มีคนแปลไปแล้วเลยไม่มีให้เลือกเท่าใดนัก เลยขอเลือกเรื่องที่ชอบก็แล้วกัน


ที่มาจาก https://omgitsaray.wordpress.com/9-heavenly-thunder-manual/

#นิยาย ตำราวิทยายุทธ์สายฟ้าเก้าสวรรค์ #9 Heavenly Thunder Manual#นิยายแปลไทย
Author(s)
邓天 Deng Tian




9 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณมากเลยนะคับ รอตอนต่อไปอยู่นะคับ ขอบคุณคับ

    ตอบลบ
  2. น่าสนุก รอตอนต่อไปครับ

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณครับ สนุกดี น่าติดตาม ชอบๆๆ

    ตอบลบ
  4. เรื่องใหม่ สร้างบ้านรอติดตามกันยาวๆเลย อิอิ / ขอเวลาอีกไม่นานจะกลับมายึดตระกูลคืนแน่นอน

    ตอบลบ
  5. ทำมัยไม่ล้างตระกูลทิ้งไปเลย จะซะใจกว่านี้

    ตอบลบ
  6. ขอบคุณมากครับ ติดตามต่อไป

    ตอบลบ