วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2561

Immortality Chapter 91 Attacking army has reached the city

Immortality Chapter 91 Attacking army has reached the city

นิยาย เรื่อง อมตะ ตอนที่ 91  กองกำลังศัตรูประชิดเมือง.


บทที่ 91  กองกำลังศัตรูประชิดเมือง.

城下
 กองกำลังศัตรูประชิดเมือง.

"ท่านแม่,เป็นท่านรึ?"

เทียนหลิงเอ๋อที่ได้สติกลับมาพร้อมกับสอบถามหญิงสาวชุดดำที่กำลังหน้าบูดบึ้งอยู่.

"ข้าคืออี้เหนียงของเจ้าไงล่ะ,เนี่ยชิงชิง."สาวชุดดำที่ยื่นมือออกมาลูบใบหน้าที่สกปรกของนางอย่างอ่อนโยน.

姨娘 Yíniáng = พี่สาวหรือน้องสาวของแม่

เทียนซวินจื่อที่ป้อนยาให้กับเทียนหลิงเอ๋ออีกครั้ง.


"หลิงเอ๋อ,เจ้ากินยาก่อนเถอะ,พวกเรากำลังจะไปถึงหุบเขาบุพผาอสนีในไม่ช้า."

ครั้งนี้เทียนหลิงเอ๋อไม่ได้ต่อต้าน,นางที่อ้าปากกินยา,ทว่าสายตาของนางยังจ้องมองไปยังที่ไกลออกไป,ราวกับว่าทิศทางที่มุ่งไปนั้นจะไม่ผิดทาง,ด้วยเกรงว่ามันจะล่าช้าที่จะไปช่วยจงซานได้.

เห็นท่าทางของบุตรสาวแล้ว,เทียนซวินจื่อทำได้แค่ลูบไปที่หลังของนาง,ช่วยให้เม็ดยานั้นละลายออกฤทธิ์เร็วขึ้น.

พลังของเทียนหลิงเอ๋อที่ฟื้นฟูกลับคืนมา.

เห็นอี้เหนียงนางที่ควรจะตื่นเต้น,ทว่าในเวลานี้นางกับกระวนกระวาย,อย่างไรก็ตามนางก็หาได้ใช่มารดาที่แท้จริงของนาง,ความสัมพันธ์เองก็ไม่ได้มากมายถึงขนาดนั้น,สิ่งสำคัญในเวลานี้คือจงซานต่างหาก,นางที่ได้แต่ภาวนาว่าจงซานจะยังปลอดภัย.

น้ำตาของเทียนหลิงเอ๋อที่หลั่งออกมาเอง,เนี่ยชิงชิงที่คอยซับน้ำตาให้นาง,ราวกับว่านางในเวลานี้สติไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัว.

เห็นเทียนหลิงเอ๋อเป็นเช่นนี้,ทำให้เทียนซวินจื่อรู้สึกปวดร้าวใจเป็นอย่างมาก.

แปดวัน,ร่างหลักจงซาน,ที่ต้องทนกับกระแสไฟฟ้าภายในหุบเขาบุพผาอสนี.

จงซานที่กัดฟันแน่น,แปดวันไม่กล่าวสิ่งใดไม่ได้กินอาหาร,หากเป็นคนทั่วไปยากที่จทนได้,สายฟ้ามากมายที่แล่นผ่านไปทั่วร่างของเขา.
 ในเวลานี้,จงซานสัมผัสได้ถึงปราณแท้ของเขา,ดูเหมือนมันเริ่มเปลี่ยนไปจากเดิม,แม้ว่ามันจะไม่ได้มากมายนัก,ทว่าปราณแท้ของเขานั้น,ดูบริสุทธิ์ระเอียดกว่าเมื่อก่อนมาก.

สุขซุกซ่อนโศก โศกพึ่งพิงสุข,สุขท่ามกลางความทุกข์ ทุกข์ท่ามกลางความสุข,จงซาน,แม้ว่าเขาอาจจะตายไปได้ในทุกเวลา,ทว่าตราบเท่าที่สามารถผ่านไปได้,เขาก็จะพบโชคที่ไม่สามารถคาดคิดได้อย่างแน่นอน.

อย่างไรก็ตาม,เขาจะต้องรออีกนานเท่าไหร่?แปดวันแล้ว,ดวงตาของจงซานเวลานี้กำลังจะปิด,มีภาพลวงตามากมายที่เกิดขึ้น,แม้เขาจะพยายามตั้งมั่นให้สติคงอยู่ทว่ามันกลับเริ่มลำบากขึ้นเรื่อยๆแล้ว.

"เหล่าเยว่,วันนี้แสงตะวันอบอุ่นอากาศดีมากเลย,นานเท่าไหร่แล้วที่กุยหู๋ไม่ได้ออกไปเดินเล่น,ข้าอยากไปจับปูตัวใหญ่,กุยหู๋จะไปจับปูตัวใหญ่มาทำซุปให้กับเหล่าเยว่."
. (lǎo ye) (informal) maternal grandfather; mother\'s father นายท่าน,เจ้านาย.

"อืม,ไปจับแค่ปูตัวใหญ่,ครั้งนี้เราไปด้วยกันเถอะ,ไปเรียกตี้ตีไปกับพวกเราด้วยดีใหม."
弟弟 ตี้ตี แปลว่า น้องชาย

"อืม,งั้นไปเรียกเหล่าเอ้อและเสี่ยวซานไปด้วยแล้วกัน,ไม่เช่นนั้นพวกเราคงไม่มีวิธีจับปูเป็นแน่."

"ฮีฮี,อิอิ,เหล่าเยว่มาเร็วเข้า,ที่นี่มีปูตัวใหญ่,ตัวใหญ่มากเลย!"

"รอก่อน,กุยเอ๋อรอข้าก่อน,ข้ากำลังจะนำตาข่ายไปด้วย."

ภายในภาพลวงตาของจงซานนั้น,ปรากฏภาพของสาวงามผู้หนึ่งปรากฏขึ้นอยู่ตลอดเวลา,นางก็คือภรรยาของเขาคนแรก,กุยเอ๋อ,แทบจะในทันทีเช่นกันที่ได้เห็นภาพดังกล่าว,ที่มุมปากของเขาก็ปรากฏรอยยิ้ม,ราวกับว่าเขากำลังจะยอมแพ้ไปเช่นกัน.

แต่แล้ว,ภาพลวงตาได้เปลี่ยนไปในทันที.

ในทะเลสาบแห่งหนึ่ง,กุยเอ๋อที่ดึงขากางเกงตัวเองขึ้นมา,พร้อมกับใช้ฉมวกไล่จับปู,ซึ่งมีจงซานกำลังวิ่งเข้าไปหา.

ขณะที่เขากำลังวิ่งออกไปนั้น,ก็ปรากฏคนกลุ่มหนึ่งที่ลอยลงมาจากท้องฟ้า.

"ฮ่าฮ่า,ในที่สุดก็เจอแล้ว,หญิงสาวที่เกิดปีหยินเดือนหยินวันหยิน."ชายที่เป็นผู้นำในชุดสีทองกำลังหัวเราะเสียงดัง,ชายคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆเขาดูเหมือนว่าจะมีดวงตาที่สามอยู่บนหน้าผากของเขาด้วย.

ชายคนดังกล่าวที่ตวัดมือออกไปราวกับคว้าจับอะไรบางอย่างในอากาศ.

"ตูมมมม"

ทุกๆอย่างระเบิดออกมาเป็นฝนโลหิต,ร่างของกุยเอ๋อที่งดงามระเบิดออกมาเสียงดัง,เลือดเนื้อและโลหิตที่แตกกระจายไปทุกที่,ด้วยพลังของชายในชุดสีทองที่บดลงมา,ทำให้ร่างของนางระเบิด,ก่อนที่จะมีประกายแสงสีน้ำเงินที่มีรูปร่างเหมือนกุยเอ๋อ,ถูกนำไปผนึกเข้ากับธวัชสีดำ.

"ไม่!"

ภายในดวงตาของจงซานกลายเป็นประกายสายฟ้าที่โคจรขึ้นมาจางๆ,ดวงตาที่ส่องประกาย,กลายเป็นความเกลียดชังที่ราวจะดับสวรรค์ได้,พร้อมกับเสียงคำรามดังลั่น.

ทันใดนั้น,เส้นโลหิตที่บวมปูดขึ้นทั่วร่าง,ปราณแท้มากมายที่ถูกกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง,โคจรไปทั่วร่าง,เป็นพลังที่น่าเกรงขามแม้แต่สามารถดูดซับสายฟ้าที่มีเข้ามาภายในร่างของเขาได้.

"ข้าจะไม่ตาย,ข้าจะตายไม่ได้,ไท่จื่อเหล่ยเทียน,กุยเอ๋อ,กุยเอ๋อออ,ข้าจะไม่ตายจนกว่าจะแก้แค้นให้กับเจ้า."

ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังร่างกายที่สั่นไม่หยุด,กล้ามเนื้อทั่วร่างที่สั่นสะเทือนดังลั่น,ต้านทานการกัดกร่อนของกระแสไฟฟ้าที่ไหลไปทั่วร่าง.

ข้าต้องไม่ตาย!

ข้าจะไม่ตาย!

มีเพียงแค่ความคิดเดียวที่แล่นไปมาในหัวของจงซาน.

"จงซานนน!!!"

ขณะที่ทั่วร่างของจงซานกำลังเพิ่มพลังขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งนั้น,ที่เหนือขึ้นไปบนภูเขา,เสียงของเทียนหลิงเอ๋อก็ดังลั่นขึ้นในทันที.

ใบหน้าของจงซานที่จ้องมองออกไปเห็นคนกลุ่มหนึ่งที่อยู่บนหลังของหงส์มรกตขนาดมหึมา,ที่มุมปากของเขาที่เผยรอยยิ้มออกมา,ก่อนที่จะรู้สึกเบาใจ.

พรึด!

ด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย,ดวงตาของจงซานในเวลาต่อมาก็หลับไปด้วยเช่นกัน.

ทว่าในเวลาต่อมา,ฝ่ามือของเทียนซวินจื่อที่สะบัดออกมาครั้งเดียว,ร่างของจงซานก็หลุดลอยออกมา.

"จงซาน!!!"

เทียนหลิงเอ๋อที่พุ่งเข้าไปหาจงซานพร้อมกับประครองเขาไว้,ซึ่งทั่วร่างของเขานั้นยังมีกระแสไฟฟ้าที่แล่นไปมาไม่จางหาย.

ถึงแม้ว่าเขาจะหลุดออกมาจากไข่และรากบุพผาอสนี,ทว่ากระแสไฟฟ้าทั่วร่างของเขาก็ยังไม่หายไป,ทว่าไม่ว่าอย่างไรเทียนหลิงเอ๋อก็เข้าไปกอดจงซานเอาไว้โดยไม่สนใจความเจ็บปวด.

เทียนซวินจื่อที่ยื่นมือออกไปจับแขนของจงซาน,เพียงแค่กดลงไปเบาๆ,สายฟ้าทั้งหมดก็หายไปในทันที.

"ปลอดภัยแล้ว,เขาเพียงแค่หมดสติ,ไม่กี่วันก็หายดีแล้ว."เทียนซวินจื่อที่กล่าวปลอบเทียนหลิงเอ๋อ.

"จงซานเข้าจะปลอดภัยใช่ใหม?"เทียนหลิงเอ๋อที่จ้องมองไปที่เทียนซวินจื่อพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบทั่วใบหน้า.

"ถูกแล้ว.เขาจะปลอดภัย."เทียนซวินจื่อที่พยักหน้า.

ทว่าเมื่อจงซานหลุดออกมาจากปากหลุม,ซึ่งมีไข่ใบหนึ่งปิดปากหลุมอยู่นั่นเอง,ด้วยประกายสายฟ้าที่ถูกปลดปล่อยก็ระเบิดออกมาด้านนอกในทันที.

บางสิ่งบางอย่างที่พุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว,เป็นแมงป่องอสนียักษ์นั่นเอง,เมื่อมันเห็นร่างของแมงป่องอสนีตัวเมียที่นอนตายไม่ไกลออกไป,เสียงคำรามด้วยความเจ็บปวดน่าหวาดกลัวก็ดังลั่น,ก่อนที่แมงป่องอสนีจะตวัดหางทะลวงไปยังร่างของหงส์มรกต.

"โฮกกกกก!"

หงส์มรกตคำรามดังกลั่น,ดวงตาของมันที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวโกรธ.

กงเล็บของหงส์มรกตที่ตะวัดกระแทกหางของแมงป่องอสนี,กระแทกเหยียบมันลงพื้นอย่างรุนแรง,กงเล็กของมันที่ส่องประกายแสงสีเขียวปลดปล่อยออกมาป้องกันหางยักษ์ของแมงป่องอสนีเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย.

จงอยปากของหงส์มรกต,กระแทกลงไปยังร่างของแมงป่องอสนียักษ์.

"คลืนๆๆ,คลืนน,คลืนนน."

ดูเหมือนว่าแมงป่องอสนีนั้นจะไม่สามารถต่อกรกับหงส์มรกตได้เลย,ด้วยลำแสงสีเขียวที่พ่นออกมาจากปากมันนั้น,สามารถที่จะทะลวงร่างของแมงป่องยักษ์ได้อีกหลายๆครั้ง,แมงป่องยักษ์อสนีที่ค่อยๆเคลื่อนที่ช้าลง.

แมงป่องอสนีที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก,ตายไปเรียบร้อย.

เทียนซวินจื่อเก็บเหล็กไนของแมงป่องอสนีมาด้วย.

"ชิงเอ๋อ,กลับมาได้แล้ว."เนี่ยชิงชิงเอ่ย.

"อืม."หงส์มรกตที่พยักหน้า,กงเล็บของมันที่ทวงเข้าไปในร่างแมงป่องอสนีพร้อมกับดึงแกนอสูรออกมา,ก่อนที่จะกลืนลงคอของมัน.

แมงป่องตัวเมียที่ตายไปไม่มีคนสนใจเลยว่ามันจะตายไปอย่างไร,ปีกหงส์มรกตที่สะบัดอย่างช้าๆ,ก่อนที่จะนำทุกคนบินตรงไปยังทิศทางของสำนักไคหยาง.

เทียนหลิงเอ๋อที่กุมมือของจงซานเอาไว้แน่น,ไม่ยินดีที่จะปล่อยเลยแม้แต่น้อย,เทียนซวินจื่อที่ทำการป้อนยาให้กับจงซาน,เพื่อให้จงซานฟื้นตัวเร็วขึ้น.

จงซานร่างหลักที่หมดสติไป,ที่รัฐต้าคุน,คฤหาสน์จง,ร่างแยกเงาเองก็ดูเลือนๆ,ที่ราวจะหายไปได้ทุกเมื่อ.

ร่างเงาและร่างหลักต่างก็เชื่อมกันอยู่,เมื่อร่างหลักหมดสติ,ร่างเงาก็จะหายไป,เมื่อร่างหลักฟื้นคืน,ร่างเงาก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งเช่นกัน.

ทว่าในชั่วระยะเวลาที่เขาหมดสตินั้น,ที่เมืองเสวียนนั้น,กำลังวุ่นวายโกลาหลเลยทีเดียว.

กองกำลังกว่า 800,000 ได้ยกทัพเข้ามาประชิดตัวเมืองแล้ว.

ราชวงศ์หลักรัฐต้าคุน,ซูเจิ้งเต๋อ,ได้นำทัพออกมาด้วยตัวเอง.

กองกำลังกว่า 800,000 คนนี้,ได้ทำการล้อมรอบเมืองเอาไว้,เมืองเสวียนในเวลานี้,ไม่มีใครสามารถเข้าและออกได้แล้ว.

ตำแหน่งของค่ายใหญ่ทิศใต้.

ในกระโจมขนาดมหึมา,ในเวลานี้มีคน 12 คนรวมตัวกันอยู่.

คนผู้หนึ่งที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ,โดยมีอีกสิบเอ็ดคนนั่งอยู่ด้านข้างโดยมีหวงตี้ซูเจิ้งเต๋อในชุดที่โอ่อ่า,ที่อยู่ด้านข้าง,ด้วยท่าทางหน้านิ่วคิ้วขมวด,กำลังจ้องมองไปยังผู้นำที่อยู่หัวโต๊ะ.

"บรรพชน,เจ้า,เฉียน,ซุนและหลี่,ฝั่งล่ะสองคน รวมทั้งตระกูลราชวงศ์ของข้า,มีข้าและท่านพ่อ,ขันทีเหว่ย,เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนเทียน 11 คน,นอกจากนี้เหล่าบรรพชนต่างก็เป็นผู้ฝึกตนเซียนเทียนขั้นสุดท้ายแล้วด้วย,ครั้งนี้จะต้องสามารถยึดเมืองเสวียนได้อย่างแน่นอน."ซูเจิ้งเต๋อเอ่ยปากออกมา.
คนที่อยู่หัวโต๊ะ,เป็นบรรพชนตระกูลซู ตระกูลราชวงศ์,ซึ่งเป็นอีกหนึ่งคนที่มาจากสำนักเซียน.

"จากครั้งที่ผ่านมาดูเหมือนว่า,พวกเราจะดูถูกจงซานไปหน่อย,พวกเรามีผู้ฝึกตนเซียนเทียน 12 คนแล้วเป็นอย่างไรล่ะ,ไม่ใช่ว่าครั้งที่แล้วมีประมุขสี่คนและบรรพชนสี่คนหรอกรึ? พวกเขาเองก็ไม่ได้กลับมาเลยซักคนไม่ใช่รึไง?"บรรพชนคนหนึ่งที่กล่าวออกมา.

"บรรพชน,ครั้งก่อนนั้นมีคนนอกเข้าช่วย,บางทีคนผู้นั้นน่าจะมีชื่อว่าเจ้าโส่วเซี่ยง,และยังมีหญิงสาวในชุดแดงอีก,ทว่าในเวลานี้คนทั้งสองไม่ได้อยู่ในคฤหาสน์จงแล้ว,ตอนนี้มีเพียงแค่จงซานและบุตรบุญธรรมเท่านั้น."ซูเจิ้งเต๋อรายงาน.

"เจิ้งเต๋อ,ตอนนี้เจ้าเป็นหวงตี้(ฮ่องเต้),เจ้ามีความเห็นว่าอย่างไร?"บรรพชนที่อยู่หัวโต๊ะสอบถาม.

"เฉิน,..ข้าคิดว่าพวกเรามีผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนเทียนมากมาย,น่าจะบุกเข้าไปในประตูเมืองเลย,เมื่อประตูเมืองแตก,ก็นำกองกำลังทั้งหมดเข้าทะลวงคฤหาสน์จง,และทำลายคฤหาสน์ทั้งหมด,"ซูเจิ้งเต๋อที่เผลอแทนตัวว่าเฉิน,ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็น ข้า(หว๋อ)ในทันที.
*** (อ่านว่า zhèn)”ในสมัยจีนโบราณ หวงตี้(ฮ่องเต้)มีคำสรรพนามที่ใช้เรียกแทนตนเองโดยเฉพาะว่าเฉิน.
**(หว๋อ) ข้า,กระผม.

ได้ยินคำพูดของซูเจิ้งเต๋อ,หลายคนที่พยักหน้า,คิดว่าน่าจะเป็นไปได้,ทว่าคนที่ข้างๆหัวโต๊ะกลับส่ายหน้าไปมา.

"เหลียนเซียน,เจ้าเป็นบิดาของเจิ้งเต๋อ,น่าจะรู้จักจงซานดี,เจ้าคิดว่าความคิดนี้ดีแล้วอย่างงั้นรึ?"บรรพชนคนหนึ่งที่จ้องมองไปยังซูเจิ้งเต๋อที่มีความคิดตื้นเขิน.

ชายคนดังกล่าวไม่ได้รู้สึกโกรธแต่อย่างใด,เขาเองก็ส่ายหน้าไปมาพร้อมกับกล่าวว่า,"ซานเหยี่ยเหยี่ย(ปู่สาม),ข้าคิดว่าเป็นไปไม่ได้,ข้ารู้จักจงซานดี,เมืองเสวียนตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว,ไม่ได้มีเพียงแค่กำแพงเมืองที่เขาสร้างมาเท่านั้น,ยังมีอะไรที่ด้านหลังที่พวกเรามองไม่เห็น."

"อะไร?"ชายคนหนึ่งที่ถามออกไป,ยังมีอะไรที่ร้ายกาจสามารถต้านทางผู้ฝึกตนเซียนเทียนได้อย่างงั้นรึ?

"ข้าสงสัยว่า,ที่กำแพงเมืองนั้นถูกติดตั้งหน้าไม้แปดแรงวัวเอาไว้หมดแล้ว,ไม่เพียงเท่านั้น,ทุกคนในเมืองเสวียนต่างก็พร้อมสละชีพเพื่อปกป้องเมืองอีกด้วย."ซูเหลียนเซียนที่ขมวดคิ้วขณะพูด.


หน้าไม้แปดแรงวัว? แม้แต่ผู้ฝึกตนเซียนเทียนยังต้องสั่นสะท้าน,ธนูยักษ์ที่ใช้ในการทะลายกำแพงเมือง,ยากที่จะมีใครต้านทาน,โดยเฉพาะเมื่อต้องการเข้าไปในเมือง,หากไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอ,เพียงแค่ธนูยักษ์ลูกเดียวก็สามารถที่จะสังหารพวกเขาทันที,ข่าวนี้พวกเขาเพิ่งได้รับมาไม่นาน,หลังจากที่สี่ประมุขและบรรพชนสี่คนเข้าไปลอบสังหารจงซานเมื่อครั้งล่าสุดนี่เอง.

ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality

#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)


สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click

***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ อัพ 2-3 ตอนต่อวัน.

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น