วันเสาร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2564

Strongest Sect of All Times Chapter 260 Jianghu custom

Strongest Sect of All Times  Chapter 260 Jianghu custom

 นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล

Chapter 260 Jianghu custom

江湖规矩

ดูเหมือนว่าจะต้องการมารับศิษย์ที่เมืองของข้าอย่างงั้นรึ?

เจ้าเมืองอ้าวเอ่ย,”อ้าวโหมวต้องการอนุญาตเป็นอย่างมาก,ทว่าเมืองหลี่หยางและผู้นำฉินมีสัญญาวาจา,ว่าผู้เยาว์ในเมืองแห่งนี้จะต้องเข้าร่วมพันธมิตรร้อยสำนัก.”

“งั้นรึ?”


จุนซ่างเซียวที่ขมวดคิ้วไปมา.

ฉินเห่าหรานหาญกล้าที่จะผูกขาดเมืองหลี่หยางเอาไว้อย่างคาดไม่ถึง,ไม่คิดที่จะให้สำนักอื่นได้ลืมตาได้เลย?

เกรงว่าเมืองอื่น ๆเองก็คงจะเหมือน ๆกัน.

กล่าวสรุป,ของเพียงผู้เยาว์อายุถึงเกณฑ์,จะต้องเข้าร่วมสำนักในพันธมิตรร้อยสำนักเท่านั้น.

ไม่มีคนให้เข้าร่วมแล้วอย่างงั้นรึ?

เอ๊ะ,เดี๋ยวก่อนคนเหล่านี้ยังต้องรองานรับสมัครศิษย์ร้อยสำนักอยู่,และเดินทางเข้าร่วมสำนักอื่น ๆในสังกัดแบ่งปันอย่างเท่าเทียม.

จะให้กล่าวล่ะก็,งานรับศิษย์ร้อยสำนักนั้น,จะเปลี่ยนเมืองไปเรื่อย ๆ.

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น,นั่นก็เพื่อผลักดันให้ทุกสำนักในพันธมิตรร้อยสำนัก,แบ่งปันคน,ไม่ให้ผู้เยาว์กระจุกอยู่ในสำนักเดียวมากจนเกินไป.

ในอดีตนนั้นเจ้าสำนักหวังไม่สามารถรับศิษย์ได้,ถูกบีบ,จนทำให้ต้องเข้าร่วมเป็นพันธมิตรไปในที่สุด.

ไม่เช่นนั้นแล้ว,งานรับศิษย์ร้อยสำนักในอดีต,สำนักระดับต่ำสุดคงไม่ได้ศิษย์แม้แต่คนเดียว.

“เจ้าเมืองอ้าว.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย,”สำนักไท่กู่เจิ้งของข้าไม่สามารถรับศิษย์ในเมืองหลี่หยางได้อย่างงั้นรึ?”

“ไม่ได้หมายความเช่นนั้น.”

เจ้าเมืองอ้าวเอ่ย,”ทว่าเจ้าเมืองจุนที่ต่อต้านพันธะมิตรร้อยสำนัก,ไม่ใช่เกรงว่าจะมีคนมาหาเรื่องอย่างงั้นรึ?”

หากเป็นก่อนหน้านี้,เจ้าเมืองอ้าวไม่มีทางให้สำนักไท่กู่เจิ้งเข้ามาด้านในได้เพราะว่าอาจจะเป็นการล่วงเกินผู้นำฉินได้.

ทว่าตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว.

ศิษย์สามคนได้รับชัยชนะเลิศ,ขอเพียงไม่โง่เขลาย่อมเข้าใจ,แม้นว่าสำนักไท่กู่เจิ้งจะมีระดับแปด,ทว่าความแข็งแกร่งและประสิทธิภาพนั้นไม่ธรรมดาเลย.

เป็นเพราะฉินเห่าหราน,กีดกันไม่ให้สำนักอื่น ๆที่อยู่ใต้ตัวเองได้เติบโตแซ่งหน้า,เรื่องนี้ก็เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องนัก.

อีกอย่างข้อตกลงที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการรับปากด้วยวาจา.

การห้ามสำนักไท่กู่เจิ้งรับศิษย์ในเมือง,ไม่ใช่เรื่องฉลาดเลย.

ทำไมเขาต้องขัดขืนเรื่องนี้ด้วย?

ใช่แล้ว,ในเมืองนั้นมีคนของพันธมิตรร้อยสำนักอยู่.

ความหมายของเจ้าเมืองอ้าวต้องการจะสื่อ,เรื่องของเจ้าก็คือเรื่องของเจ้า,เรื่องของข้าก็คือเรื่องของข้า,ข้าสามารถที่จะหลับตาลงได้,หากไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับข้า.

แน่นอนว่าจุนซ่างเซียวสามารถเข้าใจเรื่องดังกล่าวได้,จึงได้ยกมือประสานกล่าวออกมาว่า,”วันนี้,สำนักไท่กู่เจิ้งจะรับศิษย์ในเมืองหลี่หยาง,หากว่าพันธะมิตรร้อยสำนักกล้ามาหาเรื่อง,ก็หมายความว่าเป็นเรื่องระหว่างข้าและพวกเขา.”

เจ้าเมืองอ้าวที่เผยท่าทางอักอ่วนออกมาเหมือนกัน.

......

บนพื้นที่ลานประลองประจำเมือง,สำนักไท่กู่เจิ้งที่มาสร้างซุ้มขึ้นที่นี่.

ศิษย์ของสำนักไท่กู่เจิ้งทีกระจายไปทั่ว ถนนทุกสาย,เพื่อที่จะแจกใบปลิวโฆษณา,ให้ทุกคนในเมืองหลี่หยางได้รับรู้.

เข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง,ร่วมสร้างฝันด้วยกัน.

คำโฆษณาชวนเชื่อที่แปลกใหม่โดดเด่น,เพื่อสร้างความสนให้กับพวกเขา.

ภาษาคำพูดที่กระชับในใบปลิว,ได้กระตุ้นต่อมความสนใจของผู้เยาว์ชาวยุทธ์เป็นอย่างมาก,แม้แต่ต้องการส่งบุตรหลายเข้ามาสมัคร.

“เจ้าเมืองอ้าวและผู้นำฉินตกลงเอาไว้,ว่าผู้เยาว์ของเมืองเราจะต้องเข้าร่วมพันธมิตรร้อยสำนัก,การที่สำนักไท่กู่เจิ้งมารับศิษย์เช่นนี้,ไม่สร้างปัญหาอย่างงั้นรึ?”

“พูดไปก็แปลก,เจ้าเมืองอ้าวเห็นด้วยได้อย่างไร?”

“ในความเห็นของข้า,การรับสมัครศิษย์เช่นนี้,เป็นเรื่องระหว่างสำนัก,เจ้าเมืองไม่ต้องการเข้ามายุ่ง,ดังนั้นจึงเลือกที่จะเป็นกลาง.”

“แล้วคนของร้อยสำนัก,รู้เรื่องเข้า จะไม่มาสร้างปัญหาหรอกรึ?”

เหล่าชาวยุทธ์มากมายพูดคุยกันเสียงดัง,ต่างก็คาดเดาว่าจะเกิดปัญหาขึ้นแน่นอน,แม้แต่เข้ามามุงรอคอยดูเรื่องสนุกที่อาจจะเกิดขึ้น.

เป็นความจริง!

เรื่องที่สำนักไท่กู่เจิ้งรับคนนี้,ผ่านไปไม่ถึงสองชั่วยาม,คนหลายสิบคนที่เวลานี้ดวงตาขวางโกรธรุ่ม ๆก็ปรากฏตัวขึ้น.

“จุนซ่างเซียว!

เจ้าสำนักพยัคฆ์คำรามที่ตะโกนออกมาเสียงดังลั่น,”ในเมืองหลี่หยาง,สำนักไท่กู่เจิ้งไม่มีคุณสมบัติรับสมัครศิษย์!

จุนซ่างเซียวที่ยังคงนั่งไขว่ห้าง,ร่างพิงเก้าอี้,มือสองข้างที่กอดอก,เผยยิ้ม,”ทำไม?”

“เพราะว่า.....”

ขณะเอ่ยได้สองคำ,เจ้าสำนักพยัคฆ์คำรามที่ต้องหยุดชั่วครู่,เพราะคิดถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้.

เมื่อครั้งงานรับศิษย์ร้อยสำนักครั้งที่แล้ว,จุนซ่างเซียวที่ตั้งซุ้มระหว่างสำนักดาบใหญ่และสำนักพยัคฆ์คำราม,เป็นเหตุให้ศิษย์ของสองสำนักโกรธเกรี้ยว,เขาไปรุมล้อมแม้แต่วางแผนร้ายเอาไว้.

ในเวลานั้นจุนซ่างเซียวอ่อนแอมาก,มีศิษย์คนเดียวคือลู่เชียนเชียน,ถูกคนมากมายเหยียดหยันดูแคลน,ไม่มีใครเห็นเขาอยู่ในสายตา.

ตอนนี้,ในมนทลชิงหยาง,ยกเว้นนิกายเขาซางซาน,จะมีกลุ่มอิทธิพลใดกล้าดูถูกพวกเขา?

เพียงคนเดียวไม่มีใครกล้า,ดังนั้นพวกเขาจึงต้องรวมหัวกัน.

สำนักไท่กู่เจิ้งจะยอดเยี่ยมขนาดใหน,กล้าที่จะเป็นศัตรูกับกลุ่มอิทธิพลทั่วมนทลชิงหยางอย่างงั้นรึ?

“จุนซ่างเซียว!

เจ้าสำนักอีกคนกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว,”ในเมื่อเจ้าออกจากพันธมิตรแล้ว,ควรที่จะรู้กฎเกณฑ์ของยุทธ์ภพ,เจ้าไม่สามารถรับศิษย์ในมนทลชิงหยางได้!

ปรกติแล้วพวกเขาไม่กล้าหาเรื่องสำนักไท่กู่เจิ้ง,ทว่าเวลานี้พวกเขามารับศิษย์ในถิ่นตัวเอง,เวลานี้พวกเขาไม่สามารถทนเอาไว้ได้อีกแล้ว!

ทำไม?

เพราะว่าหากปล่อยให้สำนักไท่กู่เจิ้งรับศิษย์ได้,สำนักในพันธมิตรร้อยสำนักจะเอาหน้าไปไว้ที่ใหน?

เรื่องนี้เกี่ยวกับศักดิ์ศรี,ถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่งแม้แต่เอาชนะคนของสำนักเห่าฉีได้,พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะยอมอ่อนข้อ!

จุนซ่างเซียวที่ยกเท้าข้างหนึ่งลง,แขนทั้งสองข้างยังคงกอดอก,เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม,”ใครแข็งแกร่งกว่า,คนนั้นมีสิทธิ์ที่จะพูด ถูกผิด,นั่นไม่ใช่กฎเกณฑ์ยุทธภพหรอกรึ?”

หากจะกล่าวให้ถูกล่ะก็.

ในวันนั้นสำนักเห่าฉีแข็งแกร่ง,พันธะมิตรร้อยสำนักก็แข็งแกร่ง,ดังนั้นคำพูดของพวกเขาจึงกลายเป็นกฎเกณฑ์ของยุทธภพไป.

ในเมื่อจุนซ่างเซียวเดินทางมายังเมืองหลี่หยางรับศิษย์,เขาก็ตั้งใจจะทำลายกฎเกณฑ์นี้และสร้างกฎของเขาขึ้นมาเอง.

ในเมื่อแยกออกจากพันธะมิตรร้อยสำนักแล้ว,ก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจกลุ่มขยะเหล่านี้,เขาจะต้องมีอิสระที่จะทำและหาผลประโยชน์.

การนำศิษย์ลงเขาในครั้งนี้,ก็เพื่อแสดงความแข็งแกร่งให้โลกรู้อยู่แล้ว!

“ทุกท่าน.”

จุนซ่างเซียวที่กวาดตามองเหล่าเจ้าสำนักที่โกรธเกรี้ยว,เอ่ยกล่าวออกมาว่า,”เปิ่นจั้วมารับศิษย์ในเมืองหลี่หยาง,หากใครปฏิเสธ,สามารถท้าประลองได้,สำนักไท่กู่เจิ้งยินดีรับทุกคำท้า.”

ยินดีรับทุกท้า,คำพูดดังกล่าวที่ดังก้องทำให้ทุกคนกลายเป็นบ้าคลั่งขึ้นมาในทันที.

เซียวจุ้ยจื่อและศิษย์คนอื่น ๆที่ร่วมมือกับเจ้าสำนัก,ระเบิดพลังวิญญาณออกมารอบกาย,สร้างแรงกดดันที่หนักหน่วงรุนแรงออกมา.

นี่คือพลังของศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง.

คนกลุ่มนี้ที่เผยความสามารถที่ล้ำเหลือออกมาให้ทุกคนได้เห็น.

ในเวลานี้ไม่ว่าใครที่เห็นได้แต่กลืนน้ำลายลงช้า ๆ.

หากไม่ยอมรับ?

ก็มาสู้กัน!

เหล่าชาวยุทธ์ที่เห็นสำนักไท่กู่เจิ้งเผยความกล้าอย่างไม่เกรงกลัวต่อหน้าเหล่าเจ้าสำนักจำนวนมาก,ต่างก็เต็มไปด้วยความชื่นชม.

ในมนทลชิงหยาง,พันธมิตรร้อยสำนักเป็นกฎเกณฑ์ที่พูดถูกมาตลอด,ใครจะคิดว่า,วันหนึ่ง,กับมีสำนักหนึ่งที่กล้าเอ่ยท้าทายพวกเขา.

บรรยากาศที่กลายเป็นอึมครึม.

เห็นสำนักไท่กู่เจิ้งที่ยะโสโอหัง,ทำให้เหล่าเจ้าสำนักต่าง ๆเผยความโกรธเกรี้ยวมากขึ้นและก็มากขึ้น.

ความโกรธที่สุมอก,ในที่สุดก็มีมีเจ้าสำนักระดับแปดคนหนึ่งที่เอ่ยกล่าวออกมา,”ซุยโหมว,ต้องการขอคำแนะนำจากเจ้าสำนักจุน!

“โทษที.”

จุนซ่างเซียวที่ส่ายหน้าไปมา,”ความแข็งแกร่งของเจ้าอ่อนด้อยยิ่งนัก,เปิ่นจั้วไม่ต้องการลงมือ.”

“จุ้ยจื่อ.”

เขาที่โบกมือ,”ไปเล่นเป็นเพื่อนเจ้าสำนักซุยสักสองสามขบวนท่าหน่อย,อย่าได้ลงมือรุนแรง,จนเอาชีวิตเขาล่ะ.”

“ครับ!

เซียวจุ้ยจื่อที่ก้าวออกไป,ผายมือไปยังเวทีประลอง,กล่าวออกมาว่า,”เจ้าสำนักซุย,เชิญ.”


ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times

#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
Author(s)
Goodbye Jianghu


เข้ากลุ่มลับ VIP ====> Click


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น