Strongest Sect of All Times Chapter 259 Warm Liyang City city lord
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 259 Warm Liyang City city lord
热情的历阳城城主
ในทวีปชิงหยุนนั้น,ผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูง,จะบาดเจ็บมากกว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับต่ำ.
ทำไม?
เพราะว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับต่ำระมัดระวังตัว,อยู่แบบเจียมเนื้อเจียมตัวมากกว่า.
ยิ่งมีระดับพลังบ่มเพาะที่สูงก็จะยิ่งหาญกล้าแม้แต่ยโส,ทำอะไรตามใจ,แม้แต่ลงมือกับคนอื่นด้วยความโกรธ.
ดังนั้นเม็ดยาระดับกลางที่ใช้สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ระดับอาจารย์ยุทธ์และบรรพชนยุทธ์,น่าจะขายได้ดีกว่าเม็ดยาระดับต้นที่เหมาะกับศิษย์ยุทธ์และเปิดชีพจร.
หากไม่เพราะว่าเส้นทางไปยังมนทลหลิวหยางค่อนข้างไกล,เจ้าสำนักจุนคงเดินทางไปพบกับประมุขอ้าย,เพื่อประมูลยาดังกล่าวนี้แน่.
อีกอย่าง,เขาเองก็ต้องการทดสอบตลาดราคาของเม็ดยานี้ด้วยเช่นกัน.
และอีกหนึ่งเรื่องที่เขาจะต้องทำ,คือการรับศิษย์!
นับว่าเป็นเรื่องที่แปลก.
นับตั้งแต่ที่เขารับสมัครศิษย์ไป 500
คน,จวบจนถึงตอนนี้ก็ยังมีที่ว่างอีกมาก,ทำให้จุนซ่างเซียวเศร้าใจเป็นอย่างมาก.
เขาที่จัดการสำนักเห่าฉีไปอย่างไม่ไว้หน้า,ไม่มีผู้เยาว์ของมนทลชิงหยางอย่างเข้าสำนักเขาเลยรึ?
ไร้วิสัยทัศน์อะไรเช่นนี้?
ไม่ใช่ว่าคนของมนทลชิงหยางไร้วิสัยทัศน์.
ทว่านับตั้งแต่งานรับศิษย์ร้อยสำนัก,ผู้เยาว์ทั้งหมดได้เข้าร่วมสำนักอื่น
ๆไปจนหมดแล้ว.
ที่เหลืออยู่คือกลุ่มคนที่ไร้พรสวรรค์,แม้แต่รากวิญญาณระดับต่ำก็ยังไม่มี.
โฆษณาประกาศของเจ้าสำนักจุนเองก็มีเพียงแค่เมืองชิงหยางและเมืองฮู่หยางเท่านั้น.
ส่วนอีกหกเมือง,ถึงบิดามารดาของพวกเขาต้องการส่งศิษย์เข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง,แต่ก็หวาดกลัวต่อพันธมิตรร้อยสำนักเช่นกัน.
ในเวลานี้,เหล่าผู้เยาว์ที่ต้องการเข้าร่วมจึงมีน้อย,เพราะว่าส่วนใหญ่หวาดกลัว,ไม่กล้าส่งลูกหลานออกมานั่นเอง.
“ไม่ได้การ,ไม่ได้การแล้ว.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”จะต้องรับศิษย์ให้เร็วที่สุด,เพื่อที่จะรับคะแนนสนับสนุน,อย่างน้อยก็น่าจะได้หลายร้อย,อ๊าก.”
ห้าแต้มสนับสนุน,เขาไม่กล้าเปิดค่ายกลรวมวิญญาณและค่ายกลคุ้มกันสำนักเลย,เพราะว่าสองวันนี้ใช้แต้มไปมหาศาล.
หลังจากเตรียมการมาระยะหนึ่ง.
เจ้าสำนักจุนไม่สามารถรอให้คนมาสมัครที่สำนักเองได้,เขาจะต้องลงมือเอง,เดินทางไปโฆษณาที่เมืองใหญ่.
แปดเมืองใหญ่ของมนทลชิงหยาง,มีหกเมืองที่เขาสามารถลงมือได้,ดังนั้นจึงเลือกหนึ่งในนั้นนั่นก็คือเมืองหลี่หยาง.
“จุ้ยจื่อ.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”เจ้าตามข้ามาด้วย.”
“ครับ.”
เซียวจุ้ยจื่อตอบรับ.
หากเป็นก่อนหน้านี้,การเดินทางไปยังเมืองหลี่หยาง,อาจทำให้เขาสั่นไหว,ตอนนี้พลังบ่มเพาะของเขาที่ยกระดับสูง,และพรสวรรค์ก็คืนกลับ,แน่นอนเขาหาได้สนใจเรื่องราวใด
ๆอีก.
จุนซ่างเซียวที่เลือกศิษย์อีกหลายคน,ส่วนมากเป็นศิษย์สายนอก,ที่มีพรสวรรค์ธรรมดา,ความแข็งแกร่งศิษย์ยุทธ์ขั้นสามและสี่.
เขาต้องการที่จะบอกให้ทุกคนได้รู้,เข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง,ไม่ต้องมีรากวิญญาณที่โดดเด่น,ด้วยการสนับสนุนของเปิ่นจั้ว,สามารถการเป็นคนแข็งแกร่งได้.
......
เมืองหลี่หยาง.
จุนซ่างเซียวที่มายืนอยู่ที่ด้านหน้าประตูเมือง,พร้อมกับศิษย์ที่ตามมาด้วย
20-30 คน,พวกเขาที่เงยหน้ายืดอก,เผยความอหังการออกมา.
“นั่นมันสำนักไท่กู่เจิ้ง!”
“พวกเขามาทำอะไรกัน?”
เหล่าชาวยุทธ์ที่พูดคุยกันเสียงเบา.
ก่อนเข้าร่วมงานประลองสำนัก,ผู้คนที่ดูแคลนเหยียดหยันพวกเขาเป็นอย่างมาก,หากแต่ในเวลานี้สำนักไท่กู่เจิ้งเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ.
พวกเขาไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว.
ตลอดสองข้างทางไปยังตำหนักเจ้าเมือง,เหล่าชาวยุทธ์ที่ต้องคอยหลบเปิดทางให้กับพวกเขา.
จุนซ่างเซียวและศิษย์ที่เดินตรงไปยังตำหนักเจ้าเมือง,ก่อนที่จะไปหยุดที่หน้าตำหนัก,ยกมือประสานเอ่ยออกไปเสียงดัง,”เจ้าสำนักไท่กู่เจิ้งจุนซ่างเซียว,ขอเข้าพบกับเจ้าเมืองอ้าว.”
เหล่าทหารเฝ้าประตูที่เร่งรีบเข้าไปรายงานในทันที.
เพียงไม่นาน.
เจ้าเมืองอ้าวผู้มีเคราแหลมสองข้างก้าวเดินออกมาด้วยรอยยิ้ม,ยกมือประสาน,”เจ้าสำนักจุน,มาด้วยตัวเองเลยรึ?.”
เหล่าชาวยุทธ์บนถนนที่ตื่นตระหนก.
แม้นว่าสำนักไท่กู่เจิ้งจะเป็นที่พูดถึงเมื่อเร็ว
ๆนี้,ทว่าสำนักระดับแปด,คู่ควรที่จะให้เจ้าเมืองอ้าวออกมาต้อนรับด้วยตัวเองด้วยรึ?
จุนซ่างเซียวที่ยกมือประสานระหว่างอก,ก่อนที่จะนำศิษย์ก้าวเข้าไปด้านในท่ามกลางสายตาของผู้คน.
......
“อาวุโสใหญ่.”
ตระกูลเซียว,อาวุโสสามที่ก้าวเข้ามาในห้องโถง,ท่าทางโกรธเกรี้ยวเอ่ยกล่าวออกมาเสียงดัง,”เจ้าสำนักไท่กู่เจิ้งนำศิษย์เข้ามาในเมืองหลี่หยาง.”
อาวุโสใหญ่ที่ดื่มชาอยู่ใบหน้ามืดครึ้มเอ่ยออกมาว่า,”ไอ้ขยะก็มารึ?”
“มา.”อาวุโสสามเอ่ย.
“แก๊ก ซ่า!”
อาวุโสใหญ่ที่บดถ้วยน้ำชา,ดวงตาที่เป็นประกายเต็มไปด้วยความโกรธและจิตสังหารที่พลุ้งพล่าน.
นับตั้งแต่งานประลองยุทธ์สำนัก,เซียวจุ้ยจื่อได้ชนะเลิศการแข่งขัน,เป็นการตบหน้าตระกูลเซียวอย่างรุนแรง,เขายากจะกลืนมันลงได้,จากนั้นเขาก็ส่งมือสังหารไปสังหารอีกฝ่ายนอกเมือง.
แม้นว่าจะล้มเหลว,ทว่าก็ไม่ได้เผยสถานะร่องรอยให้อีกฝ่ายรับรู้.
แต่กระนั้นหากตระกูลเซียวรู้ว่าหายนะที่พวกเขาได้รับในชั่วระยะเวลาที่ผ่านมาไม่นานี้,เป็นฝีมือของจุนซ่างเซียว,พวกเขาอาจจะเข้าใจได้ว่าเรื่องดังกล่าวนั้นถูกเปิดโปงมานานแล้ว.
“มันมาทำอะไรกัน?”อาวุโสใหญ่ที่ก้าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา.
อาวุโสสามเอ่ย,”มาขอพบเจ้าเมืองอ้าว.”
“ชิ.”
อาวุโสใหญ่แค่นเสียงดูแคลน,”เจ้าเมืองอ้าวและฉินเห่าหรานมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา,สำนักไท่กู่เจิ้งไม่ถูกกับฉินเห่าหราน,คิดว่าจะได้เข้าพบอย่างงั้นรึ?”
“เรื่องนี้......”
อาวุโสสามที่หยุดและเอ่ยออกมาว่า,”เจ้าเมืองอ้าวถึงกับออกมาต้อนรับจุนซ่างเซียวด้วยตัวเอง.”
“อะไรนะ?”
อาวุโสใหญ่ที่ดวงตาเบิกกว้าง.
เจ้าเมืองอ้าวที่ดูเหมือนว่าจะค่อนข้างเก็บเนื้อเก็บตัวเป็นอย่างมาก,ถึงแม้จะเป็นประมุขตระกูลเซียวไปขอพบ,ก็ใช่ว่าจะสามารถพบได้!
ไม่ต้องบอกเลยว่าเจ้าสำนักระดับแปด,มีคุณสมบัติใดที่เจ้าเมืองต้องออกมาต้อนรับ?
เพราะว่าคับแค้นเซียจุ้ยจื่อ,จึงเป็นศัตรูกับสำนักไท่กู่เจิ้งไปด้วย,ทำให้พวกเขาลืมไปว่า,สำนักระดับแปดแห่งนี้เอาชนะสำนักเห่าฉีได้.
ขอถาม,ตระกูลเซียวมีความสามารถพอรึ?
ตอบได้เลยว่าไม่.
ในมนทลชิงหยางมีเพียงแค่นิกายระดับห้า,นิกายเขาซางซาน,ที่มีคุณสมบัตินั้น.
ดังนั้น,การที่สำนักเช่นนี้ขอเข้าพบ,เจ้าเมืองที่ออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง,เรื่องนี้ปัญหาอยู่ที่ใด?
เจ้าเมืองอ้าวไม่เพียงออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง,ยังเผยให้เห็นว่าพวกเขาเป็นแขกคนสำคัญ
ต้อนรับอย่างอบอุ่น.
จุนซ่างเซียวที่รู้สึกงงงวยเล็กน้อยเช่นกัน.
สถานการณ์ตอนนี้หมายความว่าอย่างไร,ไม่ใช่ว่าเจ้าเมืองว่ากำลังประจบเขาหรอกรึ?
“สำนักไท่กู่เจิ้งทรงพลังจริง
ๆ,ได้ยินมาว่าส่งศิษย์เข้าร่วมงานประลองมนทลปิงหยาง,มนทลเหอหยาง,และมนทลฮวยหยิง,และยังได้รับชัยชนะเลิศทั้งหมดมา,น่าชื่นชมนัก.”เจ้าเมืองอ้าวเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม.
เป็นเช่นนี้นะเอง.
ไม่สงสัยเลยว่า,ต้อนรับอย่างอบอุ่น!
ดูเหมือนว่าคงไม่ใช่เจ้าเมืองอ้าว,เจ้าเมืองอีกเจ็ดเมืองคงจะได้รับข่าวเรียบร้อยแล้วเช่นกัน.
การประลองที่มนทลปิงหยาง,เย่ซิงเฉินที่ได้รับชัยชนะนั้น,ต้องบอกได้ว่า
น่าตื่นตะลึงขนาดใหน.
ไม่เพียงแค่ส่งศิษย์เข้าร่วมประลอง,ยังเป็นการแข่งขัน,กับดินแดนระดับแปดอีกด้วย,เรื่องนี้ได้ทำให้ผู้คนมากมายตื่นตระหนก.
เจ้าเมืองหลายคนต่างก็คาดเดาว่า,มนทลปิงหยางส่งศิษย์ระดับสองออกมาประลองหรือไม่,ไม่ได้ส่งศิษย์ระดับสูงเข้าร่วมใช่ใหม?
จากนั้น,พวกเขาก็ได้ข่าวจากมนทลฮวยหยิงว่าหลี่ชิงหยางได้ชัยชนะเลิศกลับมา,เรื่องนี้ทำให้เจ้าเมืองหลากหลายคนงงงวยเข้าไปอีก.
สถานที่ แห่งนั้นมีสำนักมารมากมาย.
งานประลองนี้,ต่อสู้เอาความเป็นความตายเข้าแลก,ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งกับได้รับชัยชนะอย่างงั้นรึ?
ใช่แล้ว,เป็นความจริง.
หลังจากที่พวกเขาควบคุมอารมณ์ตัวเองได้แล้ว.
จากนั้น,พวกเขาก็ได้ยินข่าวว่าเซียวจุ้ยจื่อก็ได้รับชัยชนะเลิศงานประลองยุทธ์สำนักที่มนทลเหอหยาง,เจ้าเมืองต่าง
ๆเวลานี้ถึงกับดวงตาเบิกกว้างขึ้นมา!
ได้รับชัยชนะเลิศจากมนทลระดับแปดสองแห่ง,จากมนทลที่มีสำนักมารมากมายอีกหนึ่งแห่ง,สำนักไท่กู่เจิ้งส่งศิษย์สามคนไปยังสามสถานที่,ได้รับชนะเลิศทุกคน,เรื่องนี้ต้องน่าเกรงขามขนาดใหน.
อย่างไรก็ตามการประลองยังไม่ได้จบแค่นั้น,ซูเซียวโม่และลี่เฟยที่ถูกส่งออกไปไกลหน่อย,ต้องรอระยะเวลาอีกสักหน่อยถึงจะมีข่าวถูกส่งมา.
ไม่เช่นนั้นแล้ว,บางที่เจ้าเมืองต่าง
ๆคงจะตื่นตกใจยิ่งกว่านี้.
“เจ้าเมืองอ้าว.”
จุนซ่างเซียวที่เข้าหัวข้อหลักทันที,”จุนโหมวเดินทางมาครั้งนี้,ต้องการที่จะรับสมัครศิษย์ในเมืองที่ทรงเกียรติของท่าน,ได้โปรดรับรองการรับสมัครครั้งนี้ด้วย.”
ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น