วันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2564

Immortality Chapter 1285 13th Legion Commander

Immortality Chapter 1285 13th Legion Commander


Chapter 1285 The 13th Legion is long

第十三军团长

  กองกำลังที่ 13

 

เฉิงโห่วไปแล้ว,เขาที่เป็นปราชญ์เทพลำดับหนึ่งที่น่าเกรงขาม,ไม่เคยอดสูขนาดนี้,ทว่าในเวลานี้มันเกี่ยวพันกบเทียนชู,ย่อมไม่มีทางเลือก,ใครใช้ให้เขาต่อสู้อยู่ใกล้ๆกับเสาสวรรค์ล่ะ? เนตรปิศาจสีเขียวที่จบสิ้นอย่างอนาถ,คาดไม่ถึงเลยว่าจะได้รับภัยพิบัติเช่นนี้!

 

"เป็นไปได้อย่างงั้นรึ?"ดวงตาของเฉิงโห่วที่หดเกร็ง.

 

"นำพาเนตรเทียนชูมา? เป็นไปได้ว่าจงซานจงใจอย่างงั้นรึ?"เฉิงโห่วที่คิดกับตัวเอง.

 

"เป็นไปไม่ได้,เป็นไปไม่ได้ที่จงซานจะมีแผนการเช่นนั้น,เขาจะคำนวณเกี่ยวกับเทียนชูได้เลยรึ? หากเป็นเช่นนั้นจริง,จงซานก็น่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว,บางที่ข้าคงจะคิดมากไป!"เฉิงโห่วที่ส่ายหน้าไปมา,ยิ่งคิดยิ่งสั่นสะท้าน.

........................

............

......

 

เฉิงโห่วจากไปแล้ว,แดนเทวะเต่าทมิฬตกอยู่ในความเงียบงัน.

 

อย่างไรก็ตามเหล่าคนที่อยู่ด้านนอกที่ไม่ใช่ข้าราชบริพารของต้าเจิ้ง,โดยเฉพาะอาวุโสเผ่าเต่าทมิฬ,ในเวลานี้กำลังจ้องมองจงซานด้วยความงงงวย,จงซานมีไพ่ในมือมากเท่าไหร่กัน? ถึงกับสามารถไล่เฉิงโห่วไปได้อย่างคาดไม่ถึง? หากเป็นพวกเขาไม่มีทางที่จะทำได้ตลอดกาล.

 

จิงอวิ๋นเทียนที่ไล่จับปิศาจสวรรค์,ทว่ามีบางตนที่สามารถหนีไปได้.

 

ขณะที่จิงอวิ๋นเทียนจ้องมองจงซานในเวลานี้เขาเผยท่าทางซับซ้อนออกมา,ดูเหมือนว่าเขาจะประเมินจงซานต่ำไปแล้ว,เขาที่ต้องการสร้างความประทับใจให้กับเสี่ยวหวัง,ด้วยเจดีย์หมื่นกระจก,เป็นความจริงที่เขาต้องหาวิธีมากมายหลากหลายเพื่อที่จะเกลี้ยกล่อมอีกฝ่าย,ทว่าตอนนี้เขารู้สึกว่าความคิดของเขานั้นจะคิดน้อยไปหน่อย.

 

หนึ่งพันปี,เพียงแค่หนึ่งพันปีความจริงก็ไม่ได้มากมายเท่าไหร่!

............

 

จากนั้นเหตุการณ์ต่างๆก็ผ่านมาหนึ่งเดือน,จงซานยังคงอยู่ในดินแดนขั้วโลกเหนือ,จงซานที่สั่งการ,พร้อมกับนำเหล่าผู้ฝึกตนบางคนของตำหนักเทพเหมันตร์,กลุ่มใหญ่เดินทางบินตรงไปยังทิศใต้.

 

เจ้าตำหนักเทพเหมัตร์เวลานี้ก็คือเป่ยชิงซือ,แน่นอนว่าสามารถเคลื่อนย้ายทุกคนไปด้วย,หากแต่เป่ยชิงซือที่ไม่ต้องการทิ้งตำหนักเทพเหมันตร์ไปเลย,เขาจึงได้ทิ้งคนกลุ่มหนึ่งไว้คอยปกป้องดินแดนภาคเหนือ,ซึ่งมีเสี่ยวหวัง,กุยเสอที่สามารถคอยดูแลได้,เรื่องนี้ย่อมไม่มีอันตรายใดๆแน่.

 

การเดินทางกลับที่มีคนของเป่ยชิงซือเดินทางไปด้วยย่อมไม่สามารถรีบเร่งได้.

 

ด้วยการเดินทางด้วยคนกลุ่มใหญ่,จึงใช้เวลาสองปีครึ่งในการเดินทางกลับ.

 

ต้าเจิ้ง,สวนสวรรค์ลอยฟ้าหลิงเซียว! บนลานตำหนักเทพเหมันตร์.

 

"คารวะเซิ่งหวัง!"เหล่าขุนนางที่คารวะจงซานที่กลับมา.

 

เหล่ายอดฝีมือตำหนักเทพเหมันตร์,ทันทีที่ได้กวาดตามองรอบๆต้องดวงตาเบิกกว้าง,แม้นว่าจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของต้าเจิ้ง,นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเดินทางมาเห็น,แน่นอนว่ามันราวกับกลายเป็นเทพนิยาย.

 

"ไม่ต้องมากพิธิ!"จงซานพยักหน้ารับ.

 

"ขอบพระทัยเซิ่งหวัง!"

 

"ชิงซือ,ตำหนักของคนเทพเหมันตร์,ข้าได้สั่งให้คนจัดเตรียมไว้แล้ว,เจ้านำพวกเขาเข้าไปจัดการเถอะ!"จงซานที่เอ่ยกล่าว.

 

"อืม!"

 

"จินเผิง,พวกเจ้าไปพักได้!"จงซานกล่าว.

 

"รับทราบ!"เหล่าเสนาธิการที่เดินทางไปยังภาคเหนือตอบรับในทันที.

 

"จงซาน,ข้าจะไปกับเจี่ยเจี่ยชิงซือ!"หวนจีเอ่ย.

 

"อืม!"จงซานพยักหน้ารับ.

 

หลังจากจัดการทุกอย่างแล้ว,จงซานที่จ้องมองเหล่าขุนนางที่มาต้อนรับ.

 

"ข้าเพิ่งกลับมา,ให้ขุนนางทุกคนที่มีเรื่องสำคัญ,ก่อนอื่นให้นำฎีกาส่งมาก่อน,หลังจากนี้สามวัน,ข้าจะเป็นคนตรวจสอบเอง,เวลานี้กลับไปก่อน!"จงซานที่เอ่ยปากออกมาในทันที.

 

"รับด้วยเกล้า!"เหล่าขุนนางทุกคนที่รับคำในทันที.

 

เหล่าขุนนางทุกคาที่แยกย้ายจากไป,จงซานเองก็เดินทางกลับไปยังห้องอักษรของตัวเองเช่นกัน.

 

เพราะว่ามีร่างแยกเงาในภพหยิน,ตลอดห้าปีที่เขาออกไปนั้นทำให้ไม่มีงานมากมายสะสม,ภายในห้องอักษรมีเพียงฎีกาไม่กี่ฉบับเท่านั้น.

 

จงซานที่นั่งลง,ขณะที่ตรวจสอบราชกิจ,ซึ่งในเวลานี้ในภพหยางมีแม่ทัพหลายคนยืนอยู่.

 

เป็นหลินเซียว,อี้เหยี่ยน,สุ่ยจิง,เซิ่งกงเป้า,สุ่ยอู๋เหิน,เจ้าโส่วเซี่ยง,หกคนยืนอยุ่.

 

"เซิ่งหวัง!"ทุกคนเอ่ย.

 

"อืม!"

 

เพราะว่าที่ภพหยินยังมีจงซานร่างแยกอยู่,ดังนั้นเหล่าข้าราชบริพารจึงไม่ได้เผยท่าทางประหลาดใจอะไรนักที่มองเห็นจงซานร่างหลัก.

 

"กลุ่มของต้าเซียน,ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?"จงซานเอ่ยสอบถาม.

 

สุ่ยจิงที่ก้าวออกมารายงาน,"เซิ่งหวัง,เหล่าต้าเซียนที่นำมาจากทวีปตะวันออกนั้นมีมากกว่าหนึ่งพัน,นับตั้งแต่พวกเขากลับมาจวบจนหกเดือนที่แล้ว,เฉินได้ทำการบำรุงขวัญ,พร้อมกับมอบหมายให้พวกเขาเข้าสู่ส่วนต่างๆของกองทัพ, หากแต่ด้วยตำแหน่งที่พวกเขาได้รับในเวลานี้,ยังไม่สามารถนับได้ว่ามีประโยชน์นัก,อย่างไรก็ตามพวกเราควรจะหาสถานะการณ์,เพื่อที่จะให้พวกเขาได้ทดสอบเข้าไปเกี่ยวพัน."

 

"เพื่อที่จะทำให้ต้าเซียนได้รับประโยชน์แน่นอนว่าเป็นเรื่องง่าย,พวกเขาในเวลานี้ยังไม่ได้มีภารกิจใหญ่เท่านั้น!"จงซานที่พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม.

 

"ครับ,เหล่าต้าเซียนกว่าหนึ่งพันคนนั้น,ย่อมสามารถกลายเป็นหลักให้กับทัพต้าเจิ้งได้,น่าจะเพียงพอที่จะส่งออกไปทั่วหล้า!"สุ่ยจิงที่พยักหน้ารับ.

 

"เยี่ยม!"จงซานที่พยักหน้ารับ.

 

สุ่ยจิงที่เต็มไปด้วยความพอใจและกลับคืนสู่แถว.

 

"เซิ่งหวัง!"เซิ่งกงเป้าที่กล่าวออกมา.

 

"เซิ่งกงเป้า,ดูเหมือนว่าเจ้าเองก็เพิ่งกลับมาก่อนหน้านี้สามวันอย่างงั้นรึ? เก็บเกี่ยวอะไรได้บ้าง?"จงซานสอบถามออกไป.

 

"เฉินได้ตะเวนไปทุกอาณาเขตเรียบร้อยแล้ว,และดูเหมือนว่าได้เกิดภัยพิบัติขึ้นท่ามกลางพวกเขา,และสามารถชักชวนประมุขสองวิหารสองพื้นที่ได้สำเร็จ,พวกเขายินดีที่จะเข้าร่วมต้าเจิ้ง,เมื่อสงครามเกิดขึ้น,พื้นที่รอบๆแปดแห่ง,ดูเหมือนว่าคงง่ายที่จะจัดการได้! พวกเขาจะต้องล่มสลายเพียงแค่การโจมตีเดียว!"ใบหน้าของเซิ่งกงเป้าที่เผยท่าทางพึงพอใจด้วยเช่นกัน.

 

"อืม! ทำได้ดีมาก,ครั้งนี้รบกวนเจ้าแล้ว!"จงซานที่เผยท่าทางพึงพอใจมากเช่นกัน.

 

เขารับรู้เกี่ยวกับความสามารถของเซิ่งกงเป้าดี,ทว่าคาดไม่ถึงว่าผ่านมาเพียงแค่ห้าปี,เซิ่งกงเป้ากลับสามารถทำให้เขาประหลาดใจและพึงพอใจเป็นอย่างมาก.

 

แปดเขตแดน? ภาคเหนือนั้นมีอยู่ทั้งหมด 36 เขตแดน,หากสามารถยึดครองแปดเขตแดนได้,ต้าเจิ้งก็จะมีพลังเพียงพอที่จะกว้าไปทั่วทั้งทวีปได้อย่างแน่นอน.

 

แปดดินแดนนับเป็นดินแดนที่น่าพึงพอใจ.

 

"ไม่ได้รบกวนเฉินแต่อย่างใด,เฉินไม่ได้ทำอะไรเลย,ทว่าสามารถใช้ประโยชน์จากพลังอำนาจของต้าเจิงที่สามารถกดดันเหล่าดินแดนทั้งหมดที่อยู่รอบๆได้."เซิ่งกงเป้าที่เอ่ยออกมาด้วยความถ่อมตน.

 

เซิ่งกงเป้าในเวลานี้รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย,ไม่ใช่เพราะว่าเกี่ยวกับความดีความชอบที่จะได้รับ,ทว่าเกี่ยวกับนามที่จงซานเรียก,ก่อนหน้านี้จงซานจะเรียกเขา,ขุนนางเซิ่ง,เซิ่งกงเป้า,ทว่าความมุมมองที่ดูเหมือนจะต่างกัน,เพราะว่าเซิ่งกงเป้าในเวลานี้,จงซานให้การยอมรับเขาโดยสมบูรณ์,การยอมรับ,ย่อมทำให้เหล่าข้าราชบริพารพึงพอใจ.

 

"เซียนเซิงเซิ่งไม่ต้องถ่อมตน,เวลานี้ควรจะภาคภูมิ!"อี้เหยี่ยนที่เผยยิ้มกล่าวออกมาด้านข้าง.

 

เซิ่งกงเป้าเผยยิ้มออกมาเล็กน้อย,ส่ายหน้าแต่ไม่กล่าวสิ่งใด.

 

"เซิ่งหวัง,เมื่อเร็วๆนี้ต้าเจิ้งควรจะเฉลิมฉลองได้,พวกเราได้รับรายงานที่จะได้รับชัยชนะอีกครั้งแล้ว!"อี้เหยี่ยนที่เอ่ยปากกล่าวออกมาในทันที.

 

"หืม?"จงซานที่จ้องมองไปยังอี้เหยี่ยน.

 

สงครามยังไม่เริ่ม,ได้รับชัยชนะแล้วอย่างงั้นรึ?

 

"เซิ่งหวังก่อนหน้านี้สิบวัน,มีเซียนบรรพชนจากสามนิกายได้เดินทางมายังต้าเจิ้ง,เฉินเป็นคนรับรอง,และได้พูดคุยกับเจ้าตำหนักถึงสองวัน,ท้ายที่สุดพวกเขาก็กล่าวยอมรับเป้าหมายที่เดินทางมายังต้าเจิ้ง,พวกเขาต้องการเข้าร่วมต้าเจิ้ง!"อี้เหยี่ยนกล่าว.

 

"สามเซียนบรรพชน,ร้องขอเข้าร่วมต้าเจิ้งอย่างงั้นรึ?"จงซานที่ตกใจเล็กน้อย.

 

"ใช่,เฉินเองคราแรกก็ไม่อยากเชื่อ,ทว่าคนทั้งสามได้กล่าวออกมาว่าได้เห็นเซิ่งหวังที่ดินแดนขั้วโลกเหนือ,ในเวลานั้นเซิ่งหวังสามารถที่จะกำราบจวงจื่อพวกเขา.....................................”อี้เหยี่ยนที่เล่าสถานการณ์ต่างๆเกี่ยวกับเซียนบรรพชนทั้งสามที่เต้องการเข้าร่วมต้าเจิ้ง.

 

"เซิ่งหวัง,จะให้จัดการอย่างไรกับคนทั้งสาม?"อี้เหยี่ยนที่จ้องมองไปยังจงซาน.

 

แม้ว่าภายในใจของอี้เหยี่ยนจะยินดี,ทว่าอำนาจการตัดสินใจขั้นสุดท้ายก็ต้องขึ้นอยู่กับจงซาน,ดังนั้นอี้เหยี่ยนจึงต้องรอให้จงซานตัดสินใจอีกครั้ง.

 

"เข้าร่วมต้าเจิ้ง? นับเป็นเรื่องดี,ข้าต้องการพบกับพวกเขาเป็นการส่วนตัวพรุ่งนี้เช้า."จงซานที่พยักหน้าเห็นด้วย.

 

"รับทราบ!"อี้เหยี่ยนเผยยิ้มออกมา.

 

การไปเยือนของเซิ่งกงเป้า,ทำให้อาณาเขตทั้งแปดสามารถล่มสลายเพียงแค่การโจมตีเดียวได้,กับดินแดนทั้งแปดที่ควรได้มา,และยังมีการตกลงลับ,มีอีกสามดินแดน,ไม่ต้องการก่อสงคราม,ทำให้มี 11 ดินแดนสามารถรวบรวมเข้ามาได้แม้นว่าจะยังไม่ประกาศออกไปก็ตาม,เรื่องนี้ในเวลานี้ไม่มีทางที่จงซานจะไม่มีความสุข?

 

"เอาล่ะ,เจ้าบอกว่าจะรายงานชัยชนะอีกครั้ง,ทว่ามีอะไรเพิ่มอีกอย่างงั้นรึ?"จงซานที่สอบถาม.

 

"เฉินมีเรื่องที่ไม่สามารถจัดการได้,ทว่าเรื่องนี้จะต้องให้เซิ่งหวังตัดสินใจ."อี้เหยี่ยนที่ยื่นจดหมายออกไป.

 

"หนึ่งเดือนที่แล้ว,มีบางคนที่เดินทางมาพบกับเฉิน,ในเวลานั้นเฉินได้ใช้ผังจักรพรรดิข้ามมา,เพื่อไม่ต้องการให้ใครรู้,ดังนั้นจึงไม่ได้ส่งสารนี้ไปยังภพหยิน."อี้เหยี่ยนกล่าวออกมาอีกครั้ง.

 

จงซานที่พยักหน้ารับจดหมาย.

 

"อี้หลางเชวี๋ยอย่างงั้นรึ?"จงซานที่เผยท่าทางประหลาดใจ.

 

คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นอี้หลานเชวี๋ยวิหารจวงจื่ออย่างงั้นรึ? เขาส่งจดหมายสวามิภัคมาอย่างงั้นรึ? จงซานที่หลับตาครุ่นคิดเล็กน้อย,ในวันนั้นที่วิหารจวงจื่อ,อี้หลานเชวี๋ยได้กล่าวว่าต้องการยินยอม,หลังจากนั้นจวงจื่อได้เดินทางออกมา,ดูเหมือนว่าจะทำให้อี้หลางเชวี๋ยจัดการในเรื่องต่างๆในเวลานั้น,คาดไม่ถึงเลยว่าอี้หลานเชวี๋ยตัดสินใจที่จะสวามิภัคอย่างงั้นรึ?

 

จงซานที่ทำการวิเคราะห์คำพูดของอี้หลางเชวี๋ย,นิ้วของเขาที่เคาะไปยังโต๊ะเบาๆ,เหล่าแม่ทัพทุกคนที่รอคอยอย่างอดทน.

 

หลังจากหลับตาครุ่นคิดชั่วขณะหนึ่ง,จงซานก็ลืมตาขึ้น,ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา.

 

"เซิ่งหวัง,เป็นอย่างไร? การยอมจำนนของอี้หลานเชวี๋ยยอมรับหรือไม่?"อี้เหยี่ยนที่จ้องมองจงซานด้วยความหวังเล็กน้อย.

 

"ยอมรับ!"จงซานที่สูดหายใจลึก.

 

อี้เหยี่ยนที่จ้องมองไปยังจงซาน,พยักหน้ารับด้วยความพอใจ,เป็นคนที่หาญกล้านัก,จินเผิงที่กลับมานั้น,อี้เหยี่ยนได้สอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากมายที่ดินแดนขั้วโลกเหนือ.

Has a falling out with Zhuangzi, Saint King did not fear unexpectedly Yi Lanque is the board game piece that Zhuangzi puts forth intentionally, unexpectedly complied with the surrender of Yi Lanque confidently, this is the breadth of spirit, this is the mind. Least Yi Yan did not have such big mind to accept a Zhuangzi Buddhist Temple person temporarily. Moreover Yi Lanque also seriously stressed that will not cope with Zhuangzi.

การมีความแค้นกับจวงจื่อ,เซิ่งหวังกับไม่ได้หวาดกลัวว่าอี้หลานเชวี๋ยจะเป็นตัวหมากของจวงจื่อหรือไม่,คาดไม่ถึงว่าจะมั่นใจยอมรับการสวามิภัคของอี้หลานเชวี๋ย,เป็นคนที่มีความกล้าสูง,เกี่ยวกับจิตใจ,หากเป็นอี้เหยี่ยนคงไม่กล้าที่จะตัดสินใจในทันที,จนบางทีอาจทำให้อี้หลานเชวี๋ยถูกจวงจื่อกดดันหรือจัดการไปก่อนได้.

-------------------------------------------------------------

 

ดินแดนวิหารจวงจื่อ.

 

ภายในห้องโถงแห่งหนึ่ง,บิดาอี้หลานเชวี๋ยและบุตรตลอดจนบรรพชนของเขา.

 

"เชวี๋ยเอ๋อ,จงซานและผู้ก่อตั้งกลายเป็นศัตรูกันแล้ว,สารที่พวกเราส่งไปต้าเจิ้ง,จะ........!"บิดาของอี้หลานเชวี๋ยที่กล่าวออกมาด้วยความกังวล.

 

"บิดาโปรดวางใจไม่มีปัญหาแน่นอน!"อี้หลานเชวี๋ยที่ส่ายหน้าไปมา.

 

"แต่ว่า,หากจงซานไม่ยอมรับล่ะ? ในเวลานั้นการที่เราประกาศยอมสวามิภัค,ตระกูลอี้ของพวกเราไม่จบไปแล้วอย่างงั้นรึ?"บิดาของอี้หลานเชวี๋ยเอ่ย.

 

"ข้าคิดว่าจงซานควรจะยอมรับ!"อี้หลานเชวี๋ยที่ส่ายหน้าไปมา.

 

"เชวี๋ยเอ่อ,เจ้ามั่นใจขนาดนั้นเลยรึ?"บรรพชนที่เอ่ยปากออกมาด้วยเช่นกัน.

 

"ไม่ใช่เกี่ยวกับว่ามั่นใจหรือไม่,ทว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องทำ,ยุคสมัยแห่งความวุ่นวายได้เข้ามาถึงแล้ว,ตระกูลอี้ของพวกเรามีแต่จะถูกทำลาย,ต้องการรอดต้องการที่จะตัดสินใจ,ผู้ก่อตั้งไม่ใช่ทางเลือกที่ดีสำหรับพวกเรา,เพราะว่าเป้าหมายของผู้ก่อตั้งนั้น,พวกเรามีประโยชน์น้อยมาก! ตระกูลอี้ของขาไม่มีทางที่จะเป็นหมากใช้แล้วทิ้ง."อี้หลานเชวี๋ยกล่าว.

 

"เชวี๋ยเอ่ย,ข้าจะถามเจ้าอีกครั้งว่าเจ้ามั่นใจกี่เปอร์เซ็น!"บรรพชนที่เผยท่าทางร้อนใจ,เรื่องนี้เกี่ยวกับคนทั้งตระกูล,บรรพชนย่อมต้องการความมั่นใจ.

 

"รับประกัน? หากจงซานได้รับสารที่พวกเราส่งไป,ข้ามั่นใจ 90%,หากจงซานไม่มีความกล้า,ตระกูลอี้ของพวกเราก็ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วม,สิ่งที่ข้ากังวลนั้นไม่ใช่เรื่องนั้น,สิ่งที่ข้ากังวลคือ,จะติดต่อกับต้าเจิ้งอย่างไร."อี้หลางเชวี๋ยที่ส่ายหน้าไปมา.

 

"ติดต่ออย่างงั้นรึ?"บรรพชนที่แสดงท่าทางสงสัย.

 

"ใช่แล้ว,ผู้ก่อตั้งกลับมาแล้ว,การจะติดต่อกับต้าเจิ้งไม่ใช่เรื่องง่าย!"อี้หลานเชวี๋ยที่ขมวดคิ้วไปมา.

 

"หืม,มีใครบางคนมา!"บรรพชนที่ขมวดคิ้วจ้องมองออกไปด้านหน้า.

 

"ประมุข,ศิษย์พี่อู๋ซูขอเข้าพบ?"ผู้เยาว์ตระกูลอี้กล่าวออกมาด้วยความเคารพ.

 

"อู๋ซู? เขามาทำอะไร? เขาเป็นอีกหนึ่งคนที่เป็นผู้สือบทอดของผู้ก่อตั้ง,ไม่ไช่ว่าเขาต้องเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลอี้หรอกรึ?"บิดาของอี้หลางเชวี๋ยที่ขมวดคิ้วไปมา.

 

"ให้เขาเข้ามา!"บรรพชนเอ่ย.

 

"รับทราบ!"

 

จากนั้นไม่นาน,ชายในชุดสีเหลือที่กล่าวเข้ามาด้านใน.

 

"เจ้าต้องการทำอะไร?"บิดาของอี้หลานเชวี๋ยที่เอ่ยออกมาด้วยความเป็นปฏิปักษ์.

 

"ทุกท่าน,ข้ามีเรื่องสำคัญที่ต้องหารือกับประมุขอี้หลางเชวี๋ยไม่รู้ว่า......!"คำพูดของอู๋ซูที่กล่าวขณะจ้องมองไปยังบิดาอี้หลางเชวี๋ยและบรรพชน.

 

"ไม่จำเป็นต้องกังวล!"อี้หลานเชวี๋ยที่ส่ายหน้าไปมา.

 

"ไม่รู้ว่าตำหนักแห่งนี้ได้วางค่ายกลเก็บเสียงกับข้างนอกหรือไม่,เรพาะว่ามันเป็นเรื่องสำคัญมากไม่สามารถให้ด้านนอกได้ยินได้!"อู๋ซูที่ส่ายหน้าไปมา.

 

คนทั้งสามที่จ้องมองหน้ากันและกัน,จากนั้นบรรพชนที่สร้างค่ายกลขึ้นในทันที.

 

ค่ายกลถูกสร้างขึ้น,ตัดพื้นที่เชื่อมต่อด้านในด้านอก.

 

อู๋ซูที่ก้าวเข้าไปด้านหน้าอี้หลางเชวี๋ยพร้อมกับแสดงความเคารพ.

 

"หืม?"ทั้งสามที่เผยท่าทางงงงวย.

 

"ศาลเทวะต้าเจิ้ง,เฉียนหู่จินอี้เหว่ย(ผู้บังคับกองพัน) อู๋ซู่คารวะแม่ทัพกองกำลังที่ 13!"อู๋ซู่ที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.

 

"หืม?"อี้หลานเชวี๋ยและพวกอีกสองคนที่เผยท่าทางตกใจเล็กน้อย.







ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality

#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)


สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click

ปัจจุบันแปลจบแล้ว 1672 ตอน สนใจติดต่อเข้ากลุ่มลับได้ครับ

***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ แปลจบแล้ว.

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น