Immortality Chapter 1269 Depressed Xuan Tianzhong
Chapter 1269 Depressed Xian Tianzhong
郁闷的玄天宗
เซียนเทียนจงที่คับแค้นใจ.
"ฮ่าฮ่าฮ่า,คุกเข่าลง!"
เซียนเทียนจงที่ตื่นเต้นเล็กน้อยหัวเราะร่า,อาวุโสเผ่าเต่าทมิฬที่ได้แต่เงียบ,ไม่มีใครเอ่ยอะไร,หลายๆคนที่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเท่านั้น.
ส่วนเผ่าเต่าทมิฬคนอื่นๆที่เวลานี้คุกเข่าลงด้วยความเคารพ.
ใบหน้าของกุยเสอที่เปลี่ยนสี,ถึงแม้นแต่ในเวลานี้,กุยเสอก็ยังไม่อยากเชื่อภาพที่เห็น.
นี่คือสายโลหิตรุ่นที่หนึ่งอย่างงั้นรึ?
จะเป็นไปไปได้อย่างไร?
เกิดขึ้นได้อย่างไร,กุยเสอที่ครุ่นคิดถึงเซียนเทียนจงจะต้องมีความลับบางอย่างแน่,ทั้งที่เห็นชัดเจนว่าเขามีสายโลหิตรุ่นที่หก,จะเทียบกับตัวเขา,รุ่นที่สองได้อย่างไร!
ในเวลานี้เซียนเทียนจงที่สามารถแสดงสายโลหิตรุ่นที่หนึ่งอย่างคาดไม่ถึง?
เป็นไปได้อย่างไร?
ในเวลานี้กุยเสอที่จ้องมองจงซานด้วยความระวนกระวายใจไปยังจงซานในทันที.
"เป็นอะไร? รับคำไว้แล้ว?
ไม่คิดจะรักษาคำพูดอย่างงั้นรึ? น่าขัน!"เซียนเทียนจงกล่าวหยัน.
เซียนเทียนจงในเวลานี้ที่เต็มไปด้วยความชอบทำ,แน่นอนว่าเขาต้องการทำให้กุยเสออับอาย,หากกุยเสอคุกเขา,ก็ดี,ไม่คุกเข่าก็ดี,ในสายตาของคนเผ่าเต่าทมิฬ,ก็เป็นการทำลายภาพลักษณ์ของเขาในทันที,หลังจากนี้,การที่เขาจะทำอะไรกับกุยเสอ,เหล่าอาวุโสย่อมไม่สามารถเอ่ยอะไรได้.
"เซิ่งหวัง!"กุยเสอที่เผยท่าทางกระอักกระอวลใจจ้องมองไปยังจงซาน,เห็นชัดเจนว่าไม่ต้องการคุกเข่า,ตั้งแต่เด็กจนโต,ยกเว้นจงซานที่เขาให้การยอมรับ,ไม่มีทางที่จะยอมคุกเข่าให้คนอื่น.
ทุกคนที่จ้องมองไปยังจงซาน,เพราะว่ากุยเสอเป็นข้าราชบริพารของจงซาน,หากคุกเข่า,ไม่เพียงแค่กุยเสอที่ขายหน้า,จงซานเองก็ด้วย,จงซานจะให้เขาคุกเข่าหรือไม่?
จงซานที่ส่ายหน้าไปมา,ก่อนที่จะกล่าวออกมาว่า,"ไม่ว่าจะอยู่ที่ใหน,ก็ต้องรับผิดชอบกับคำพูดของเราที่ได้เอ่ยออกไปแล้ว.
ท่าทางหนักแน่นของจงซาน,อาวุโสคนหนึ่งที่ได้ยิน,เผยแววตาประหลาดใจ,เซียนเทียนจงเองก็จ้องมองจงซานด้วยสายตาแปลกๆเช่นกัน.
"ครับ!"กุยเสอที่พยักหน้าอย่างยากลำบาก.
ทันใดนั้น,กุยเสอก็คิถึงคำพูดของจงซาน,บุรุษที่แท้จริงต้องสามารถทนการเหยียดหยันได้,รอคอยที่จะก้าวสู่เก้าสวรรค์!,เป็นไปได้ว่าเซิ่งหวังคาดเดาว่าผลที่ได้จะเป็นเช่นนี้รึ?
ทำไมเซิ่งหวังถึงได้ทำเช่นนี้? เพื่อที่จะให้ต้าเจิ้งขายหน้าอย่างงั้นรึ?
ทันใดนั้นเรื่องราวบางอย่างของต้าเจิ้งก็เข้ามาในสมองของกุยเสอทันที,ใบหน้าของกุยเสอเปลี่ยนเป็นจริงจัง,ใช่แล้ว,เทียบกับเซิ่งหวังในอดีต,สิ่งใดที่เรียกว่าถูกข่มเหงรังแก?
เซิ่งหวังในอดีตเมื่อครั้งแยกสวรรค์นั้นได้ถูกข่มเหงรังแก,ถูกนำตัวไปเป็นตัวประกัน,คุมขังอยู่ในศาลเทวะไท่ชู
ทว่าเซิ่งหวังทำได้,หลังจากที่ถูกข่มเหงรังแก,ก็สามารถกลับมายิ่งใหญ่,สามารถที่จะมีชื่อเสียงไปทั่วสารทิศ,รวมดินแดนเฟิงจงเป็นหนึ่ง,และสามารถกำราบเหยียบย่ำศัตรูทั้งหมดให้อยู่แทบเท้า,ใครจะคิดว่าเซิ่งหวังถึงได้ยอมที่จะเสียหน้าในอดีต?
นี่น่าจะบอกว่าเป็นเชาว์ปัญญาที่หลักแหลมของเซิ่งหวังต่างหาก.
กุยเสอที่จ้องมองไปยังเซียนเทียนจง,ดวงตาที่ขมวดไปมา,ถูกข่มเหงรังแกอย่างงั้นรึ?วันนี้ข้าคุกเข่าให้กับเจ้า,วันหน้า,ข้าจะเหยียบเจ้าให้อยู่ใต้เท้า.
กุยเสอที่ก้าวไปด้านหน้า,สายตาของเซียนเทียนจงที่เผยความพึงพอใจ,ขณะที่เขากำลังจะคุกเข่า.
"กุยเสอ,เจ้าทำอะไร?"จงซานที่อยู่ข้างๆขมวดคิ้วไปมา.
"หืม?"ทุกคนที่ตกใจเล็กน้อย.
จงซานหมายความว่าอย่างไร?
ก่อนหน้านี้บอกให้กุยเสอรักษาสัญญา,ตอนนี้คิดที่จะตะบัดสัตย์แล้วอย่างงั้นรึ?
"เซิ่งหวัง?"กุยเสอที่เผยท่าทางสงสัย.
"สิ่งที่เจ้าควรเคารพนั้นคือสายโลหิตรุ่นที่หนึ่ง,ไม่ใช่สายโลหิตรุ่นที่หก!"จงซานที่กล่าวออกมาเบาๆ.
แม้นว่าจงซานจะกล่าวออกมาเบาๆ,ทว่าเสียงที่กุยเสอได้ยินนั้นราวกับสายฟ้าเก้าสวรรค์ฟาดลงมาในหูของเขา,ร่างกายของเขาถึงกับแข็งค้าง,เกือบขายหน้าแล้ว,กุยเสอเกือบที่จะทำให้ตัวเองตกต่ำเสียเกียรติไปซะแล้ว.
คารวะสายโลหิตรุ่นที่หก,นี่คือความอับอายอย่างที่สุด,ทว่าการคารวะสายโลหิตรุ่นที่หนึ่งนั้นเป็นธรรมเนียม,ไม่ถือว่าเสื่อมเกียรติ,แม้นว่าสายโลหิตของรุ่นหนึ่ง,และรุ่นหกจอยู่ในคนเดียวกัน,ทว่าก็ไม่เหมือนกัน.
"ขอบคุณเซิ่งหวัง!"กุยเสอที่กล่าวออกมาด้วยความเคารพในทันที.
เหล่าอาวุโสที่อยู่ตรงข้ามตกใจเล็กน้อย,จากนั้นเขาที่รู้สึกเหมือนกับกุยเสอ,ในเวลานี้หลายคนที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง,เพราะว่าพวกเขาที่มีสายโลหิตระดับสี่,และยังมีระดับห้า,หากแต่พวกเขาได้แสดงความเคารพสายโลหิตระดับหก,เซียนเทียนจง,ไม่ใช่ว่านี้เป็นการตำหนิพวกเขาด้วยอย่างงั้นรึ?
แม้นว่าจะเป็นเพียงคำพูดไม่กี่คำของจงซาน,ทว่ามันกับกลายเป็นช่องว่างที่ใช้สร้างความแตกต่างระหว่างเซียนเทียนจงและเหล่าอาวุโสได้.
ส่วนเซียนเทียนจงนั้นไม่พบแม้แต่ช่องว่างดังกล่าว,เขายังคิดว่าแผนการที่จะสร้างความอับอายให้กับกุยเสอยังไม่ลมเหลว,เขาที่ขมวดคิ้วเล็กน้อย,สายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจจับจ้องมองไปยังจงซาน.
"เซียนเทียนจง,ข้าขอคารวะต่อสายโลหิตลำดับนึ่งในร่างเจ้า."กุยเสอที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"ข้าคือเขา,เขาคือข้า."เซียนเทียนจงที่กล่าวแย้ง.
กุยเสอที่ส่ายหน้าไปมา,"มีเพียงสายโลหิตที่หนึ่งเท่านั้น,ที่มีคุณสมบัติให้ข้าเคารพ!"
เผ่าเต่าทมิฬทั้งหมดที่ตกใจเล็กน้อย,มีเพียงสายโลหิตที่หนึ่ง?
ทุกคนที่ได้ยินถึงจะเข้าใจความหมาย,กุยเสอมีสายโลหิตลำดับสองอย่างงั้นรึ?
เผ่าเต่าทมิฬมากมายที่สูดหายใจลึก,ไม่มีใครคิดว่ากุยเสอมีสายโลหิตที่สูงก่อนหน้านี้,ทำให้ตอนนี้พวกเขาเริ่มเปลี่ยนไป,แววตาที่เผยความเคารพออกมาเช่นกัน.
ใบหน้าของเซียนเทียนจงที่เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม,ทว่าตอนนี้ไม่สามารถกลับไปได้แล้ว,ไม่เช่นนั้นกุยเสอก็จะไม่เคารพตน.
ขณะนั้นร่างกายของเขาที่กำลังสั่นไหว,ภาพเงาของเต่าทมิฬที่สูงร้อยจั้งปรากฏตัวขึ้นมาอีก,กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวกดทับลงมายังเผ่าเต่าทมิฬทั้งหมด.
สายตาของจงซานที่หดเกร็ง,จับจ้องมองไพ่ลับในมือของเซียนเทียนจงอย่างระมัดระวัง,แผนการของจงซานทั้งหมดนั้น,ก็เพื่อที่จะให้เผ่าเต่าทมิฬทั้งหมดรับรู้เรื่องราวแรกเริ่ม,ให้อาวุโสเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า,สายโลหิตรุ่นที่หนึ่ง,และลูกหลานของบรรพชน.
เผ่าเต่าทมิฬที่ใหญ่ยักษ์,ราวกับว่าขาทั้งสี่กลับหดขยับ,ไม่ใช่ว่ามันคือส่วนเดียวของร่างเดียวกันอย่างงั้นรึ?
เซียนเทียนจงที่ยืนอยู่ด้านหน้ากุยเสอ,ทว่ากุยเสอนั้นไม่สนใจที่จองเขาแม้แต่น้อย.
รักษาคำพูด,กุยเสอที่เงยหน้า,จับจ้องมองไปยังภาพเงาเต่าทมิฬ,พร้อมกับคุกเข่าแสดงความเคารพเป็นอย่างมากออกมา.
"สายโลหิตบรรพชนด้านนอก,สายโลหิตที่สูงกว่า,กุยเสอ,คารวะสายโลหิตบรรพชน!"กุยเสอที่กล่าวออกมาด้วยความเคารพ.
กุยเสอที่คารวะเสร็จ,พร้อมกับลุกขึ้น,เป็นการเคารวะต่อภาพเงาซึ่งเป็นอีกร่างของเซียนเทียนจง.
การแสดงความเคารพนี้,กุยเสอไม่ได้ถูกเซียนเทียนจงสร้างความอับอายให้,เพราะว่ากุยเสอนั้นได้เอ่ยปากออกมาว่าสิ่งที่เขาคารวะคือบรรพชน,ซึ่งเป็นสิ่งที่เต่าทมิฬทุกคนให้ความเคารพ.
สิ่งสำคัญที่สุดกุยเสอกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ,บรรพชนสายโลหิตภายนอก,สายโลหิตที่สูงกว่า?
จากนั้น,ยกเว้นเซียนเทียนจงที่เป็นลูกหลาน,เผ่าเต่าทมิฬคนอื่นๆก็ไม่สามารถทำให้กุยเสอเสื่อมเกียรติได้อีกเช่นกัน.
ในเวลานี้ใบหน้าของเซียนเทียนจงได้กลายเป็นดำมืดแล้ว,ขณะที่เขาจ้องมองกุยเสอด้วยความเย็นชา,ก่อนที่จะจ้องมองไปยังจงซานด้วยความเกลียดชัง.
"เซียนเทียนจง,เจ้ายังไม่เชิญพวกเราเข้าไปด้านในอีกรึ?"จงซานที่เผยยิ้มจับจ้องมองไปยังเซียนเทียนจงที่จ้องมองด้วยสายตาเกลียดชัง.
สายตาของเซียนเทียนจงที่ส่ายไปมา,ท้ายที่สุดก็เก็บมันเอาไว้,"เชิญ!"
"เชิญ!"จงซานที่กล่าวตอบกลับไป.
จากนั้นกลุ่มของจงซานที่ถูกนำเข้าไปด้านในเขตแดนเทวะเผ่าเต่าทมิฬ.
จากนั้น,กลุ่มของจงซานที่ถูกนำไปยังหุบเขาแห่งหนึ่ง,ส่วนเซียนเทียนจงไม่ต้องการที่จะต่อกรกับจงซานอีกแล้ว,ก่อนที่จะจากไป.
ภายในหุบเขาดังกล่าว,จงซานที่ทำการเตรียมค่ายกล,ปกปิดตัวตนของเขาและคนของเขาเอาไว้ในทันที.
คนกลุ่มหนึ่งที่ก้าวเข้าไปในห้องโถง.
"เซิ่งหวังหลักแหลมนัก,เฉินรู้สึกละอาย,เกือบทำให้ต้าเจิ้งขายหน้า."กุยเสอที่กล่าวอภัยออกมาในทันที.
"อืม,การบำเพ็ญเพียรนั้น,ไม่ใช่ใส่ใจแต่เพียงความแข็งแกร่ง,จิตใจเองก็จำเป็นต้องขัดเกลาด้วย,จากนี้ไป,จงครุ่นคิดฝึกฝนให้ดี!"จงซานพยักหน้าและกล่าวตอบ.
"ครับ!"กุยเสอที่กล่าวออกมาในทันที.
ในเวลานี้,กลุ่มคนที่ติดตามจงซานมาด้านหลัง,มีเพียงแค่หนึ่งคนที่เปิดหมวดออกมา,คนผู้นี้ก็คือคนที่มาพบกับจงซานที่ทางเขาเขตแดนขั้วโลกเหนือ,เป็นหัวหน้าหน่วยสังเกตการโต้วเหว่ยที่ถูกส่งมาสังเกตการณ์ที่นี่.
"เซิ่งหวัง,ก่อหน้านี้,เฉินสัมผัสได้ถึงเทียนเต๋า,เป็นความจริงอย่างงั้นรึ?"โต้วเหว่ยที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.
โต้วเหว่ยที่นำกลุ่มคนชุดดำมา,ยกเว้นจินเผิงและจื่อหยางจิงหง,คนอื่นๆเองก็เผยความตื่นเต้นขึ้นมาในทันทีเช่นกัน.
จงซานที่เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย,"มันคือเทียนเต๋าที่ข้าสร้างขึ้นมา,ส่วนเจ้า,หลังจากนี้หากฝึกฝนให้ดี,ก็จะมีเทียนเต๋าได้เช่นกัน."
"ครับ!"โต้วเหว่ยที่แสดงความเคารพ.
เทียนเต๋า,นี่เซิ่งหวังสร้างเทียนเต๋าเจ็ดเสิ้นเลยรึ?
"โต้วเหว่ย!"จงซานที่เอ่ยออกมาอีกครั้ง.
"เฉินอยู่นี่แล้ว!"โต้วเหว่ยที่ตอบรับในทันที.
"ดูแลคนของเจ้า,คนที่นำมาในเวลานี้,ห้ามออกจากหุบเขาเป็นอันข้าง,ไม่สามารถที่จะให้คนด้านนอกเห็นด้าน,ห้ามที่จะถอดหมวกออกมาโดยเด็ดขาด!"จงซานที่กล่าวอย่างเคร่งขรึม.
"รับทราบ!"โต้วเหว่ยที่รับคำในทันที.
จากนั้น,โต้วเหว่ยที่สวมหมวกอีกครั้ง.
จากนี้เซียนเซิงจิงหงที่จะปกปิดกลิ่นอายของพวกเจ้า,พวกเจ้าจำเป็นต้องบำเพ็ญเพียรอยู่แต่ในหุบเขาแห่งนี้!"จงซานออกคำสั่ง.
"น้อมรับคำสั่ง!"คนทั้งแปดที่รับคำในทันที.
"ออกไปได้แล้ว!"จงซานกล่าว.
"ครับ!"
คนทั้งแปดที่ออกจากตำหนักไป,ขณะที่พวกเขานำตำหนักของตัวเองออกมาพร้อมกับเริ่มบำเพ็ญเพียรส่วนตัว.
ภายในห้องโถงหลัก,มีเพียงจงซาน,จื่อหยางจิงหิง,จินเผิงและกุยเสอ.
"เซิ่งหวัง,สายโลหิตบรรพชนเต่าทมิฬนั้นมาจากที่ใดกัน!"แววตาของจินเผิงที่กล่าวออกมาด้วยความสงสัย.
"อืม,กับการแสดงของกุยเสอเวลานี้,พวกเราสามารถจะหาเกี่ยวกับสิ่งที่เซียนเทียนจงซ่อนเอาไว้ได้อย่างชัดเจน!"จงซานพยักหน้า.
"เซิ่งหวัง,เฉินจะไปพบกับเหล่าอาวุโสเผ่าเต่าทมิฬหรือไม่?
จะได้สอบถามเรื่องนี้?"กุยเสอที่กล่าวออกมาในทันที.
"การไปพบกับพวกเขาเวลานี้,เจ้าคิดว่าจะมีคนพบเจ้ากี่คน,เมื่องานบูชายันต์กำลังจะเริ่มแล้ว,การไปถามพวกเขา,พวกเขาก็จะใช้เรื่องดังกล่าวเป็นข้ออ้างบอกปัดเจ้า! นอกจากนี้บางทีพวกเขาเองก็อาจะไม่รู้."จงซานที่ส่ายหน้าไปมา.
"รับทราบ!"กุยเสอที่รับคำในทันที.
ระหว่างที่กล่าวนั้น,จงซานที่ใช้วิชาสร้างภาพขึ้นมา,เป็นภาพของใครคนหนึ่ง,หากเซียนเทียนจงอยู่ที่นี่ย่อมเผยท่าทางประหลาดใจแน่นอน,คนผู้นี้คือที่ปรึกษาของเขา,เซียนจื่ออวิ๋น.
"เซิ่งหวัง,คนผู้นี้?"จินเผิงที่เผยท่าทางสงสัย.
"คนผู้นี้,คือเผ้าหมายของเจ้า!"
"หืม?"
"ก่อนหน้านี้ที่ด้านนอกแดนเทวะเผ่าเต่าทมิฬ,เซียนเทียนจงที่จะตัดสินใจแต่ละครั้ง,เขาที่ดูไม่มั่นใจและจ้องมองไปยังชยคนดังกล่าว,และชายคนดังกล่าวที่เผยท่าทางสงสัยสถานะของโต้วเหว่ย,ข้าพบว่าเขาได้ส่งข้อความไปยังเซียนเทียนจง,ชัดเจนว่าคนผู้นี้มีสถานะไม่ธรรมดา,อย่างน้อย,เขาคือคนที่เซียนเซียนจงสนิทที่สุด! เฝ้าระวังจับตัวเขามา,ข้าต้องการสอบส่วนเขาเป็นการส่วนตัว!"จงซานสั่งการ.
"รับทราบ!"จินเผิงตอบรับในทันที.
---------------------------------------
"เซียนจื่ออซิ่น,เจ้าไม่ได้บอกว่าคนทั้งสิบไม่ใช่เซียนบรรพชนก่อนหน้านี้?
เทียนเต๋านั่น,หมายความว่าอย่างไร?"เซียนเทียนจงที่กล่าวออกมาด้วยอาการหงุดหงิด.
"เรื่องนี้,ผู้น้อยเองก็ไม่รู้,ไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนี้.
"ชิ,ไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นนี้?
เจ้ามั่นใจมากมาย,แล้วตอนนี้จะทำอย่างไร? จงซานพาคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาด้านในแล้ว,พวกเขามีแผนการใดกัน?"เซียนเทียนจงที่กล่าวออกมาเสียงดัง.
"ผู้น้อยยังไม่รู้ในเวลานี้,หากพวกเขาเคลื่อนไหวละก็,บางที่ข้าต้องบอกความต้องการของจงซานได้แน่!"
"เคลื่อนไหวอย่างงั้นรึ?
ในเวลานี้ข้าต้องการให้เจ้าวิเคราะห์ไม่ใช่รึ? ขยะไร้ประโยชน์,ไปให้พ้น!"เซียนเทียนจงกล่าวตำหนิเสียงดัง.
เพราะว่าเซียนเทียนจงเวลานี้กำลังอารมณ์เสียอย่างหนัก,เซียนจื่ออวิ๋นจึงไม่กล่าวกล่าวสิ่งใดเวลานี้,ทำให้เขาได้แต่ถอยออกจากห้องโถงไป.
Chapter 1269 Depressed Xian Tianzhong
郁闷的玄天宗
เซียนเทียนจงที่คับแค้นใจ.
"ฮ่าฮ่าฮ่า,คุกเข่าลง!"
เซียนเทียนจงที่ตื่นเต้นเล็กน้อยหัวเราะร่า,อาวุโสเผ่าเต่าทมิฬที่ได้แต่เงียบ,ไม่มีใครเอ่ยอะไร,หลายๆคนที่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเท่านั้น.
ส่วนเผ่าเต่าทมิฬคนอื่นๆที่เวลานี้คุกเข่าลงด้วยความเคารพ.
ใบหน้าของกุยเสอที่เปลี่ยนสี,ถึงแม้นแต่ในเวลานี้,กุยเสอก็ยังไม่อยากเชื่อภาพที่เห็น.
นี่คือสายโลหิตรุ่นที่หนึ่งอย่างงั้นรึ?
จะเป็นไปไปได้อย่างไร?
เกิดขึ้นได้อย่างไร,กุยเสอที่ครุ่นคิดถึงเซียนเทียนจงจะต้องมีความลับบางอย่างแน่,ทั้งที่เห็นชัดเจนว่าเขามีสายโลหิตรุ่นที่หก,จะเทียบกับตัวเขา,รุ่นที่สองได้อย่างไร!
ในเวลานี้เซียนเทียนจงที่สามารถแสดงสายโลหิตรุ่นที่หนึ่งอย่างคาดไม่ถึง?
เป็นไปได้อย่างไร?
ในเวลานี้กุยเสอที่จ้องมองจงซานด้วยความระวนกระวายใจไปยังจงซานในทันที.
"เป็นอะไร? รับคำไว้แล้ว?
ไม่คิดจะรักษาคำพูดอย่างงั้นรึ? น่าขัน!"เซียนเทียนจงกล่าวหยัน.
เซียนเทียนจงในเวลานี้ที่เต็มไปด้วยความชอบทำ,แน่นอนว่าเขาต้องการทำให้กุยเสออับอาย,หากกุยเสอคุกเขา,ก็ดี,ไม่คุกเข่าก็ดี,ในสายตาของคนเผ่าเต่าทมิฬ,ก็เป็นการทำลายภาพลักษณ์ของเขาในทันที,หลังจากนี้,การที่เขาจะทำอะไรกับกุยเสอ,เหล่าอาวุโสย่อมไม่สามารถเอ่ยอะไรได้.
"เซิ่งหวัง!"กุยเสอที่เผยท่าทางกระอักกระอวลใจจ้องมองไปยังจงซาน,เห็นชัดเจนว่าไม่ต้องการคุกเข่า,ตั้งแต่เด็กจนโต,ยกเว้นจงซานที่เขาให้การยอมรับ,ไม่มีทางที่จะยอมคุกเข่าให้คนอื่น.
ทุกคนที่จ้องมองไปยังจงซาน,เพราะว่ากุยเสอเป็นข้าราชบริพารของจงซาน,หากคุกเข่า,ไม่เพียงแค่กุยเสอที่ขายหน้า,จงซานเองก็ด้วย,จงซานจะให้เขาคุกเข่าหรือไม่?
จงซานที่ส่ายหน้าไปมา,ก่อนที่จะกล่าวออกมาว่า,"ไม่ว่าจะอยู่ที่ใหน,ก็ต้องรับผิดชอบกับคำพูดของเราที่ได้เอ่ยออกไปแล้ว.
ท่าทางหนักแน่นของจงซาน,อาวุโสคนหนึ่งที่ได้ยิน,เผยแววตาประหลาดใจ,เซียนเทียนจงเองก็จ้องมองจงซานด้วยสายตาแปลกๆเช่นกัน.
"ครับ!"กุยเสอที่พยักหน้าอย่างยากลำบาก.
ทันใดนั้น,กุยเสอก็คิถึงคำพูดของจงซาน,บุรุษที่แท้จริงต้องสามารถทนการเหยียดหยันได้,รอคอยที่จะก้าวสู่เก้าสวรรค์!,เป็นไปได้ว่าเซิ่งหวังคาดเดาว่าผลที่ได้จะเป็นเช่นนี้รึ?
ทำไมเซิ่งหวังถึงได้ทำเช่นนี้? เพื่อที่จะให้ต้าเจิ้งขายหน้าอย่างงั้นรึ?
ทันใดนั้นเรื่องราวบางอย่างของต้าเจิ้งก็เข้ามาในสมองของกุยเสอทันที,ใบหน้าของกุยเสอเปลี่ยนเป็นจริงจัง,ใช่แล้ว,เทียบกับเซิ่งหวังในอดีต,สิ่งใดที่เรียกว่าถูกข่มเหงรังแก?
เซิ่งหวังในอดีตเมื่อครั้งแยกสวรรค์นั้นได้ถูกข่มเหงรังแก,ถูกนำตัวไปเป็นตัวประกัน,คุมขังอยู่ในศาลเทวะไท่ชู
ทว่าเซิ่งหวังทำได้,หลังจากที่ถูกข่มเหงรังแก,ก็สามารถกลับมายิ่งใหญ่,สามารถที่จะมีชื่อเสียงไปทั่วสารทิศ,รวมดินแดนเฟิงจงเป็นหนึ่ง,และสามารถกำราบเหยียบย่ำศัตรูทั้งหมดให้อยู่แทบเท้า,ใครจะคิดว่าเซิ่งหวังถึงได้ยอมที่จะเสียหน้าในอดีต?
นี่น่าจะบอกว่าเป็นเชาว์ปัญญาที่หลักแหลมของเซิ่งหวังต่างหาก.
กุยเสอที่จ้องมองไปยังเซียนเทียนจง,ดวงตาที่ขมวดไปมา,ถูกข่มเหงรังแกอย่างงั้นรึ?วันนี้ข้าคุกเข่าให้กับเจ้า,วันหน้า,ข้าจะเหยียบเจ้าให้อยู่ใต้เท้า.
กุยเสอที่ก้าวไปด้านหน้า,สายตาของเซียนเทียนจงที่เผยความพึงพอใจ,ขณะที่เขากำลังจะคุกเข่า.
"กุยเสอ,เจ้าทำอะไร?"จงซานที่อยู่ข้างๆขมวดคิ้วไปมา.
"หืม?"ทุกคนที่ตกใจเล็กน้อย.
จงซานหมายความว่าอย่างไร?
ก่อนหน้านี้บอกให้กุยเสอรักษาสัญญา,ตอนนี้คิดที่จะตะบัดสัตย์แล้วอย่างงั้นรึ?
"เซิ่งหวัง?"กุยเสอที่เผยท่าทางสงสัย.
"สิ่งที่เจ้าควรเคารพนั้นคือสายโลหิตรุ่นที่หนึ่ง,ไม่ใช่สายโลหิตรุ่นที่หก!"จงซานที่กล่าวออกมาเบาๆ.
แม้นว่าจงซานจะกล่าวออกมาเบาๆ,ทว่าเสียงที่กุยเสอได้ยินนั้นราวกับสายฟ้าเก้าสวรรค์ฟาดลงมาในหูของเขา,ร่างกายของเขาถึงกับแข็งค้าง,เกือบขายหน้าแล้ว,กุยเสอเกือบที่จะทำให้ตัวเองตกต่ำเสียเกียรติไปซะแล้ว.
คารวะสายโลหิตรุ่นที่หก,นี่คือความอับอายอย่างที่สุด,ทว่าการคารวะสายโลหิตรุ่นที่หนึ่งนั้นเป็นธรรมเนียม,ไม่ถือว่าเสื่อมเกียรติ,แม้นว่าสายโลหิตของรุ่นหนึ่ง,และรุ่นหกจอยู่ในคนเดียวกัน,ทว่าก็ไม่เหมือนกัน.
"ขอบคุณเซิ่งหวัง!"กุยเสอที่กล่าวออกมาด้วยความเคารพในทันที.
เหล่าอาวุโสที่อยู่ตรงข้ามตกใจเล็กน้อย,จากนั้นเขาที่รู้สึกเหมือนกับกุยเสอ,ในเวลานี้หลายคนที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง,เพราะว่าพวกเขาที่มีสายโลหิตระดับสี่,และยังมีระดับห้า,หากแต่พวกเขาได้แสดงความเคารพสายโลหิตระดับหก,เซียนเทียนจง,ไม่ใช่ว่านี้เป็นการตำหนิพวกเขาด้วยอย่างงั้นรึ?
แม้นว่าจะเป็นเพียงคำพูดไม่กี่คำของจงซาน,ทว่ามันกับกลายเป็นช่องว่างที่ใช้สร้างความแตกต่างระหว่างเซียนเทียนจงและเหล่าอาวุโสได้.
ส่วนเซียนเทียนจงนั้นไม่พบแม้แต่ช่องว่างดังกล่าว,เขายังคิดว่าแผนการที่จะสร้างความอับอายให้กับกุยเสอยังไม่ลมเหลว,เขาที่ขมวดคิ้วเล็กน้อย,สายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจจับจ้องมองไปยังจงซาน.
"เซียนเทียนจง,ข้าขอคารวะต่อสายโลหิตลำดับนึ่งในร่างเจ้า."กุยเสอที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.
"ข้าคือเขา,เขาคือข้า."เซียนเทียนจงที่กล่าวแย้ง.
กุยเสอที่ส่ายหน้าไปมา,"มีเพียงสายโลหิตที่หนึ่งเท่านั้น,ที่มีคุณสมบัติให้ข้าเคารพ!"
เผ่าเต่าทมิฬทั้งหมดที่ตกใจเล็กน้อย,มีเพียงสายโลหิตที่หนึ่ง?
ทุกคนที่ได้ยินถึงจะเข้าใจความหมาย,กุยเสอมีสายโลหิตลำดับสองอย่างงั้นรึ?
เผ่าเต่าทมิฬมากมายที่สูดหายใจลึก,ไม่มีใครคิดว่ากุยเสอมีสายโลหิตที่สูงก่อนหน้านี้,ทำให้ตอนนี้พวกเขาเริ่มเปลี่ยนไป,แววตาที่เผยความเคารพออกมาเช่นกัน.
ใบหน้าของเซียนเทียนจงที่เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม,ทว่าตอนนี้ไม่สามารถกลับไปได้แล้ว,ไม่เช่นนั้นกุยเสอก็จะไม่เคารพตน.
ขณะนั้นร่างกายของเขาที่กำลังสั่นไหว,ภาพเงาของเต่าทมิฬที่สูงร้อยจั้งปรากฏตัวขึ้นมาอีก,กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวกดทับลงมายังเผ่าเต่าทมิฬทั้งหมด.
สายตาของจงซานที่หดเกร็ง,จับจ้องมองไพ่ลับในมือของเซียนเทียนจงอย่างระมัดระวัง,แผนการของจงซานทั้งหมดนั้น,ก็เพื่อที่จะให้เผ่าเต่าทมิฬทั้งหมดรับรู้เรื่องราวแรกเริ่ม,ให้อาวุโสเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า,สายโลหิตรุ่นที่หนึ่ง,และลูกหลานของบรรพชน.
เผ่าเต่าทมิฬที่ใหญ่ยักษ์,ราวกับว่าขาทั้งสี่กลับหดขยับ,ไม่ใช่ว่ามันคือส่วนเดียวของร่างเดียวกันอย่างงั้นรึ?
เซียนเทียนจงที่ยืนอยู่ด้านหน้ากุยเสอ,ทว่ากุยเสอนั้นไม่สนใจที่จองเขาแม้แต่น้อย.
รักษาคำพูด,กุยเสอที่เงยหน้า,จับจ้องมองไปยังภาพเงาเต่าทมิฬ,พร้อมกับคุกเข่าแสดงความเคารพเป็นอย่างมากออกมา.
"สายโลหิตบรรพชนด้านนอก,สายโลหิตที่สูงกว่า,กุยเสอ,คารวะสายโลหิตบรรพชน!"กุยเสอที่กล่าวออกมาด้วยความเคารพ.
กุยเสอที่คารวะเสร็จ,พร้อมกับลุกขึ้น,เป็นการเคารวะต่อภาพเงาซึ่งเป็นอีกร่างของเซียนเทียนจง.
การแสดงความเคารพนี้,กุยเสอไม่ได้ถูกเซียนเทียนจงสร้างความอับอายให้,เพราะว่ากุยเสอนั้นได้เอ่ยปากออกมาว่าสิ่งที่เขาคารวะคือบรรพชน,ซึ่งเป็นสิ่งที่เต่าทมิฬทุกคนให้ความเคารพ.
สิ่งสำคัญที่สุดกุยเสอกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ,บรรพชนสายโลหิตภายนอก,สายโลหิตที่สูงกว่า?
จากนั้น,ยกเว้นเซียนเทียนจงที่เป็นลูกหลาน,เผ่าเต่าทมิฬคนอื่นๆก็ไม่สามารถทำให้กุยเสอเสื่อมเกียรติได้อีกเช่นกัน.
ในเวลานี้ใบหน้าของเซียนเทียนจงได้กลายเป็นดำมืดแล้ว,ขณะที่เขาจ้องมองกุยเสอด้วยความเย็นชา,ก่อนที่จะจ้องมองไปยังจงซานด้วยความเกลียดชัง.
"เซียนเทียนจง,เจ้ายังไม่เชิญพวกเราเข้าไปด้านในอีกรึ?"จงซานที่เผยยิ้มจับจ้องมองไปยังเซียนเทียนจงที่จ้องมองด้วยสายตาเกลียดชัง.
สายตาของเซียนเทียนจงที่ส่ายไปมา,ท้ายที่สุดก็เก็บมันเอาไว้,"เชิญ!"
"เชิญ!"จงซานที่กล่าวตอบกลับไป.
จากนั้นกลุ่มของจงซานที่ถูกนำเข้าไปด้านในเขตแดนเทวะเผ่าเต่าทมิฬ.
จากนั้น,กลุ่มของจงซานที่ถูกนำไปยังหุบเขาแห่งหนึ่ง,ส่วนเซียนเทียนจงไม่ต้องการที่จะต่อกรกับจงซานอีกแล้ว,ก่อนที่จะจากไป.
ภายในหุบเขาดังกล่าว,จงซานที่ทำการเตรียมค่ายกล,ปกปิดตัวตนของเขาและคนของเขาเอาไว้ในทันที.
คนกลุ่มหนึ่งที่ก้าวเข้าไปในห้องโถง.
"เซิ่งหวังหลักแหลมนัก,เฉินรู้สึกละอาย,เกือบทำให้ต้าเจิ้งขายหน้า."กุยเสอที่กล่าวอภัยออกมาในทันที.
"อืม,การบำเพ็ญเพียรนั้น,ไม่ใช่ใส่ใจแต่เพียงความแข็งแกร่ง,จิตใจเองก็จำเป็นต้องขัดเกลาด้วย,จากนี้ไป,จงครุ่นคิดฝึกฝนให้ดี!"จงซานพยักหน้าและกล่าวตอบ.
"ครับ!"กุยเสอที่กล่าวออกมาในทันที.
ในเวลานี้,กลุ่มคนที่ติดตามจงซานมาด้านหลัง,มีเพียงแค่หนึ่งคนที่เปิดหมวดออกมา,คนผู้นี้ก็คือคนที่มาพบกับจงซานที่ทางเขาเขตแดนขั้วโลกเหนือ,เป็นหัวหน้าหน่วยสังเกตการโต้วเหว่ยที่ถูกส่งมาสังเกตการณ์ที่นี่.
"เซิ่งหวัง,ก่อหน้านี้,เฉินสัมผัสได้ถึงเทียนเต๋า,เป็นความจริงอย่างงั้นรึ?"โต้วเหว่ยที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.
โต้วเหว่ยที่นำกลุ่มคนชุดดำมา,ยกเว้นจินเผิงและจื่อหยางจิงหง,คนอื่นๆเองก็เผยความตื่นเต้นขึ้นมาในทันทีเช่นกัน.
จงซานที่เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย,"มันคือเทียนเต๋าที่ข้าสร้างขึ้นมา,ส่วนเจ้า,หลังจากนี้หากฝึกฝนให้ดี,ก็จะมีเทียนเต๋าได้เช่นกัน."
"ครับ!"โต้วเหว่ยที่แสดงความเคารพ.
เทียนเต๋า,นี่เซิ่งหวังสร้างเทียนเต๋าเจ็ดเสิ้นเลยรึ?
"โต้วเหว่ย!"จงซานที่เอ่ยออกมาอีกครั้ง.
"เฉินอยู่นี่แล้ว!"โต้วเหว่ยที่ตอบรับในทันที.
"ดูแลคนของเจ้า,คนที่นำมาในเวลานี้,ห้ามออกจากหุบเขาเป็นอันข้าง,ไม่สามารถที่จะให้คนด้านนอกเห็นด้าน,ห้ามที่จะถอดหมวกออกมาโดยเด็ดขาด!"จงซานที่กล่าวอย่างเคร่งขรึม.
"รับทราบ!"โต้วเหว่ยที่รับคำในทันที.
จากนั้น,โต้วเหว่ยที่สวมหมวกอีกครั้ง.
จากนี้เซียนเซิงจิงหงที่จะปกปิดกลิ่นอายของพวกเจ้า,พวกเจ้าจำเป็นต้องบำเพ็ญเพียรอยู่แต่ในหุบเขาแห่งนี้!"จงซานออกคำสั่ง.
"น้อมรับคำสั่ง!"คนทั้งแปดที่รับคำในทันที.
"ออกไปได้แล้ว!"จงซานกล่าว.
"ครับ!"
คนทั้งแปดที่ออกจากตำหนักไป,ขณะที่พวกเขานำตำหนักของตัวเองออกมาพร้อมกับเริ่มบำเพ็ญเพียรส่วนตัว.
ภายในห้องโถงหลัก,มีเพียงจงซาน,จื่อหยางจิงหิง,จินเผิงและกุยเสอ.
"เซิ่งหวัง,สายโลหิตบรรพชนเต่าทมิฬนั้นมาจากที่ใดกัน!"แววตาของจินเผิงที่กล่าวออกมาด้วยความสงสัย.
"อืม,กับการแสดงของกุยเสอเวลานี้,พวกเราสามารถจะหาเกี่ยวกับสิ่งที่เซียนเทียนจงซ่อนเอาไว้ได้อย่างชัดเจน!"จงซานพยักหน้า.
"เซิ่งหวัง,เฉินจะไปพบกับเหล่าอาวุโสเผ่าเต่าทมิฬหรือไม่?
จะได้สอบถามเรื่องนี้?"กุยเสอที่กล่าวออกมาในทันที.
"การไปพบกับพวกเขาเวลานี้,เจ้าคิดว่าจะมีคนพบเจ้ากี่คน,เมื่องานบูชายันต์กำลังจะเริ่มแล้ว,การไปถามพวกเขา,พวกเขาก็จะใช้เรื่องดังกล่าวเป็นข้ออ้างบอกปัดเจ้า! นอกจากนี้บางทีพวกเขาเองก็อาจะไม่รู้."จงซานที่ส่ายหน้าไปมา.
"รับทราบ!"กุยเสอที่รับคำในทันที.
ระหว่างที่กล่าวนั้น,จงซานที่ใช้วิชาสร้างภาพขึ้นมา,เป็นภาพของใครคนหนึ่ง,หากเซียนเทียนจงอยู่ที่นี่ย่อมเผยท่าทางประหลาดใจแน่นอน,คนผู้นี้คือที่ปรึกษาของเขา,เซียนจื่ออวิ๋น.
"เซิ่งหวัง,คนผู้นี้?"จินเผิงที่เผยท่าทางสงสัย.
"คนผู้นี้,คือเผ้าหมายของเจ้า!"
"หืม?"
"ก่อนหน้านี้ที่ด้านนอกแดนเทวะเผ่าเต่าทมิฬ,เซียนเทียนจงที่จะตัดสินใจแต่ละครั้ง,เขาที่ดูไม่มั่นใจและจ้องมองไปยังชยคนดังกล่าว,และชายคนดังกล่าวที่เผยท่าทางสงสัยสถานะของโต้วเหว่ย,ข้าพบว่าเขาได้ส่งข้อความไปยังเซียนเทียนจง,ชัดเจนว่าคนผู้นี้มีสถานะไม่ธรรมดา,อย่างน้อย,เขาคือคนที่เซียนเซียนจงสนิทที่สุด! เฝ้าระวังจับตัวเขามา,ข้าต้องการสอบส่วนเขาเป็นการส่วนตัว!"จงซานสั่งการ.
"รับทราบ!"จินเผิงตอบรับในทันที.
---------------------------------------
"เซียนจื่ออซิ่น,เจ้าไม่ได้บอกว่าคนทั้งสิบไม่ใช่เซียนบรรพชนก่อนหน้านี้?
เทียนเต๋านั่น,หมายความว่าอย่างไร?"เซียนเทียนจงที่กล่าวออกมาด้วยอาการหงุดหงิด.
"เรื่องนี้,ผู้น้อยเองก็ไม่รู้,ไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนี้.
"ชิ,ไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นนี้?
เจ้ามั่นใจมากมาย,แล้วตอนนี้จะทำอย่างไร? จงซานพาคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาด้านในแล้ว,พวกเขามีแผนการใดกัน?"เซียนเทียนจงที่กล่าวออกมาเสียงดัง.
"ผู้น้อยยังไม่รู้ในเวลานี้,หากพวกเขาเคลื่อนไหวละก็,บางที่ข้าต้องบอกความต้องการของจงซานได้แน่!"
"เคลื่อนไหวอย่างงั้นรึ?
ในเวลานี้ข้าต้องการให้เจ้าวิเคราะห์ไม่ใช่รึ? ขยะไร้ประโยชน์,ไปให้พ้น!"เซียนเทียนจงกล่าวตำหนิเสียงดัง.
เพราะว่าเซียนเทียนจงเวลานี้กำลังอารมณ์เสียอย่างหนัก,เซียนจื่ออวิ๋นจึงไม่กล่าวกล่าวสิ่งใดเวลานี้,ทำให้เขาได้แต่ถอยออกจากห้องโถงไป.
ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality
#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)
สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click
ปัจจุบันแปลจบแล้ว 1672 ตอน สนใจติดต่อเข้ากลุ่มลับได้ครับ
***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ แปลจบแล้ว.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น