วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2564

Strongest Sect of All Times Chapter 219 Wonderful and Magnificent Palace palace master, ruthless role

Strongest Sect of All Times  Chapter 219 Wonderful and Magnificent Palace palace master, ruthless role

 นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล

Chapter 219 Wonderful and Magnificent Palace palace master, ruthless role

华宫宫主,狠角色

 

จุนซ่างเซียว,ที่มั่นใจในเสน่ห์จดจ้องมองขยิบตาให้อีกฝ่าย.

อย่างไรก็ตาม,ซี่จิงเสวียนที่ดูคล้ายจดจ้องมองไม่ได้วางตา,ทำให้เขาไม่ยินยอมจ้องกลับ.

มาเลย,มาเลย.

วันนี้เปิ่นจั้วจะสู้กับเจ้าสัก 300 รอบ,ขยิบตาให้เจ้าอยู่นี่ล่ะ!


ท่าทางของจุนซ่างเซียวที่ไม่ยินยอม,ราวกับเด็กที่ไม่รู้จักโต.

จากนั้น,เจ้ามองข้า,ข้ามองเจ้า.

จนดวงตาของเขาแห้ง,ไม่สามารถขยับตาไหว.

เขาต้องการแสดงให้เห็นถึงความจริงของบุรุษ,ทำให้สตรีเข้าใจ,อะไรที่เรียกว่าเขินอาย,เขินอายนั่นเป็นอย่างไร.

อย่างไรก็ตาม.

ลู่เชียนเชียนที่ก้าวออกมาขวางเขา,ทำให้เขาแข็งค้างไปในทันที.

ผ่านไปนานเหมือนกันถึงตั้งสติได้.

จุนซ่างเซียวที่เผยท่าทางตะลึงงัน,”นี่...สตรีผู้นี้มองไม่เห็นหรอกรึ?”

“อืม.”

ลูเชียนเชียนเอ่ย,”นางมองไม่เห็นตั้งแต่เกิด,จากนั้นยังถูกบิดามารดาทิ้งไว้ที่เทือกเขาร้าง,อดีตเจ้าวังเมี่ยวฮัวคนก่อนผ่านไปเห็น,จึงได้นำกลับมาเลี้ยงดู.”

“น่าสงสารเพียงนั้นเลยรึ?”

จุนซ่างเซียวที่จ้องมองไปยังซีจิงเสวียน,และตระหนักได้ในทันที,แม้นว่าดวงตานางจะใสกระจ่าง,ทว่ากับดูว่างเปล่าไร้วิญญาณ.

เป็นความจริง,ดวงตานางบอดแล้ว.

ไม่สามารถมองเห็น,แต่สามารถเป็นเจ้าวังระดับสี่,ไม่สงสัยเลยว่า,นางถูกเรียกว่าสตรีผู้โดดเด่น.

ลู่เชียนเชียนเอ่ย,”นางเข้าร่วมการประมูลครั้งนี้,คงหวังในเม็ดยาฟื้นฟู,ว่าจะสามารถรักษาดวงตาของนางได้.”

จุนซ่างเซียวส่ายหน้าไปมา,”เม็ดยาฟื้นฟูสามารถรักษาอาการบาดเจ็บ,แต่จะรักษาอาการเจ็บป่วยได้อย่างไร.”

เฮ้อ.

ตัวเขาที่จดจ้องมองขยิบตาให้สตรีตาบอด,มีความหมายอะไรกัน.

จุนซ่างเซียวที่ถอนสายตากลับคืน,ตัวเขาอยู่ในสภาวะพ่ายแพ้,ท่าทางองอาจผ่าเผยก่อนหน้านี้หายไปหมดทันที.

“เจ้าสำนักจุน.”

ซีจิงเสวียนที่ยืนอยู่หน้าต่างอีกฝังเอ่ยกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม,”เมื่อครู่ท่านกำลังจ้องมองมายังข้าอย่างงั้นรึ?”

รอยยิ้มที่เฉิดฉาย,ราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิที่ถูกพัดออกมา.

น่าเสียดาย.

สตรีผู้งดงาม,ไม่สามารถมองเห็นแสง,ไม่สามารถมองเห็นความงดงามของธรรมชาติท่ามกลางสวรรค์และปฐพี.

จุนซ่างเซียวเอ่ย,”จุนโหมวได้ยินว่า,เจ้าวังซีนั้นเป็นสตรีที่งดงามที่สุดในทวีปชิงหยุน,วันนี้ได้เห็นแล้วคู่ควรกับชื่อเสียงแล้ว.”

ซีจิงเสวียนเผยยิ้ม,”เจ้าสำนักไท่กุ่เจิ้ง,ได้นำคนออกไปประลอง,ชนะสำนักเห่าฉี,ทำให้ข้ารู้สึกชื่นชมนัก.”

เป็นการชื่นชมจริง ๆ,ไม่ได้เผยท่าทางเย้ยหยันเหมือนกับเหล่ากลุ่มอิทธิพลนอกมนทล.

ขณะที่จุนซ่างเซียวจะเอ่ยกล่าวอย่างถ่อมตนออกไป.

สตรีผู้หนึ่งที่ก้าวมาด้านหน้าซีจิงเสวีย,แลมองเขาเขม็ง,กล่าวออกไปว่า,”เจ้าวัง,อาวุโสใหญ่เอ่ยว่าท่านไม่ควรพูดคุยกับคนแปลกหน้า,โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบุรุษที่เหลาะแหละ.”

บุรุษเหลาะแหละ?

หมายความว่าอย่างไร? คงไม่ได้หมายถึงเปิ่นจั้วหรอกนะ?

จุนซ่างเซี่ยวที่ต้องการโต้เถียงกลับ,ทว่าสตรีคนดังกล่าวได้พยุงซีจิงเสวียนออกจากหน้าต่างไปแล้ว.

“เชียนเชียน.”

จุนซ่างเซี่ยวเอ่ยด้วยน้ำเสียงมีอารมณ์.”เปิ่นจั้วไม่ใช่คนเหลาะแหละใช่ใหม?”

ลู่เชียนเชียนเอ่ย,”พฤติกรรมที่เจ้าสำนักพยายามส่งสายตาให้กับนางเมื่อครู่นี้,ถือว่าเหลาะแหละจริง ๆ.”

จุนซ่างเซียวที่แทบทรุดลงบนเก้าอี้,ภายในใจที่โอดครวญ,”ข้าพยายามที่จะแสดงความเป็นชายให้นางได้เห็นต่างหาก!

“เจ้าสำนัก.”

ลู่เชียนเชียนเอ่ย,”ท่านรู้สึกอย่างไรกับเจ้าวังเมี่ยวฮัว?”

จุนซ่างเซียวเอ่ยตามจริง,”น้ำเสียงสดใสเพียงแค่ได้ยิน,ใบหน้าท่าทางรอยยิ้มงดงามเพลิศพริ้ง.”

มีความหมายใดซ่อนอยู่หรือไม่?

เขาเองก็อยากจะบอกับศิษย์หญิงใหญ่เช่นกัน,เมื่อเจ้าพูดเจ้ายิ้มก็น่ามองเช่นกัน!

ลู่เชียนเชียนที่ราวกับไม่ต้องการได้ยิน,กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา,”ทว่านั่นเพียงแค่สิ่งที่เห็นภายนอก,เท่าที่ข้ารู้มา,ซีจิงเสวียนนั้นโหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก.”

“หืม?”

จุนซ่างเซียวเอ่ย,”โหดเหี้ยมอย่างไร?”

“มีข่าวลือว่า,หลังจากที่น่างได้เป็นเจ้าวังแล้ว,ได้ใช้อำนาจสั่งศิษย์ตามบิดามารดาที่ให้กำเนิด.”ลู่เชียนเชียนเอ่ย.

“ก็เป็นสิ่งที่ควรทำ.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.

ลู่เชียนเชียนเอ่ย,”หลังจากนั้น,ซีจิงเสวียนที่พบกับพวกเขา,ก็ลงมือสังหารพวกเขาด้วยตัวเอง.”

“อะไรนะ?”

จุนซ่างเซียวที่ดวงตาเบิกกว้างกลมโต.

เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นถึงเพียงนั้นเลยรึ?

ทว่าการที่บุตรลงมือสังหารบิดามารดาของตัวเอง,นับว่าจิตใจของนางมีปัญหาอย่างแน่นอน.

จุนซ่างเซียวที่ยากจะจิตนาการได้,กับสตรีผู้งดงามถึงเพียงนี้,กับอมหิตถึงเพียงนี้เลยรึ?

“จากนั้นไม่กี่ปี,เจ้าสำนักระดับหกล่วงเกินวังเมี่ยวฮัว.”

ลู่เชียนเชียนเอ่ย,”สามวันหลังจากนั้น,คนในสำนักไม่ว่าจะระดับต่ำหรือสูงก็กลายเป็นศพ 5000 ชีวิต,แม้แต่หมาและแมวยังไม่เหลือรอด.”

“เฮ้ย!

จุนซ่างเซียวที่ตื่นตระหนก,”นี่อมหิตถึงเพียงนั้นเลยรึ?”

การทำลายสำนักอื่น,จุนซ่างเซียวก็ทำมาแล้ว,ทว่าเขาจัดการเพียงคนที่มีความแค้น,คนที่ต้องรับผิดชอบ,เขาสังหารเพียงเจ้าสำนักและอาวุโส,ตลอดจนคนที่ขัดขวางเขาเท่านั้น,สำนักหลิงชวนเวลานั้นยังมีศิษย์จำนวนไม่น้อยที่รอดชีวิต.

เลือดต้องล้างด้วยเลือด,แต่ก็ไม่จำเป็นต้องดึงคนบริสุทธ์เข้ามาเกี่ยวข้อง.

“วังเมี่ยวฮัวเป็นนิกายมารรึอย่างไร?”

“นิกายธรรมมะ.”

“แล้วสำนักระดับหกนั่นเป็นสำนักมารรึ?”

“สำนักธรรมมะ.”

“ในเมื่อเป็นสำนักธรรมมะ,การทำลายสำนักระดับหก,ไม่มีใครติเตือนพวกเขาเลยรึ?”

“มี.”

ลู่เชียนเชียนเอ่ย,”เบื้องหลังของสำนักระดับหกนั้น,มีเจ้านิกาย,นิกายระดับสี่ที่บุกวังเมี่ยวฮัว,ท้ายที่สุดก็ถูกซีจิงเสวียนทำให้บาดเจ็บ.”

จุนซ่างเซียวมุมปากกระตุก.

สตรีผู้ที่ดูไม่เป็นพิษเป็นภัย,แต่กับน่าเกรงขามขนาดนี้เลยรึ?

ในเวลานั้น,จุนซ่างเซียวนึกถึงภาพที่เห็น.

สตรีผู้งดงาม,หากแต่กับซ่อนรอยยิ้มที่อันตรายเอาไว้.

หากว่าเป็นดั่งข่าวลือ,ก็ทำให้จุนว่างเซียวต้องสูดหายใจลึก,ลอบคิดในใจ,”อมหิตจริง ๆรึ?!

......

บนตึกห้องรับรองชั้นสามของวังเมี่ยวฮัว.

ซีจิงเสวียนที่ถูกพยุงมานั่งบนเก้าอี้,นางที่เผยยิ้มออกมา,”เม่ยเอ๋อ,เจ้าสำนักไท่กู่เจิ้ง,ฟังจากน้ำเสียงแล้วดูเหมือนว่าจะยังหนุ่มมาก.”

แม้นว่าจะสัมผัสรับรู้ถึงลักษณะภายนอกคร่าว ๆ,แต่น่าเสียดายว่าไม่สามารถมองเห็นได้.

“เจ้าวัง.”

เม่ายเอ๋อก็คือศิษย์ของวังเมี่ยวฮัว,เอ่ยออกมาว่า,”คนผู้นี้,จากรูปร่างหน้าตาคงมีอายุ 18 ปี.”

ซีจิงเสวียนที่กล่าวเสียงเบา,”เอาชนะเจ้าสำนักระดับหก,ทั้งที่เป็นสำนักระดับแปด,นับว่าเป็นคนที่โดดเด่น.น่าเสียดาย......”

ในเวลานั้น,นางที่ก้มหน้าลง.

กล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าใจ,”ไม่สามารถมองเห็นเขาด้วยตาของตัวเอง.”

เม่ยเอ๋อที่ใบหน้าเปลี่ยนสี,เร่งรีบเอ่ยออกมาว่า,”เจ้าวัง,พวกเราอยู่ในโรงประมูล,ท่ามกลางกลุ่มอิทธิพมากมาย,จะเผยความอ่อนแอให้คนอื่นเห็นไม่ได้!

เหล่าศิษย์ของวังเมี่ยวหัวที่ตื่นตะหนัก,เร่งรีบเข้ามาปลอบใจเจ้าวัง.

จากนั้น.

ซีจิงเสวียนที่เงยหน้าขึ้น,ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้าแต่ก็ยังมีรอยยิ้ม,”ข้ารู้,ข้ารู้!

“ฟู่!

เห็นเจ้าวังเผยยิ้ม,เหล่าศิษย์ที่เผยท่าทางเบาใจ,จิตใจที่อ่อนคลายขึ้นมาทันที.

“จุนซ่างเซียว.”

ซีจิงเสวียนที่กล่าวเสียงเบา,”หากว่าข้ารักษาตาข้าหายในวันนี้,จะต้องได้เห็นท่านอย่างแน่นอน.”

เม่ยเอ๋อกล่าว,”เจ้าวัง,สำนักระดับแปดคงอยู่ได้ไม่นาน,จากการกระทำของเขาแล้วคงจะถูกกำจัดในเร็ววันนี้.”

ศิษย์คนหนึ่งเอ่ย,”ข้าได้ยินมาว่า,สำนักไท่กู่เจิ้งและนิกายเซิ่งชวนจะประลองกันในอีกหนึ่งปี,หากว่าเขาแพ้,แน่นอนว่าคงจะหายไปจากยุทธ์ภพในเร็ววัน.”

“เอ๋?”

ซีจิงเสวียนเผยท่าทางประหลาดใจ,”นี่เจ้าสำนักจุนท้าทายนิกายระดับห้าหรอกรึ?”

เม่ยเอ๋อกล่าว,”ความแข็งแกร่งพวกเขาไม่ชัดเจนนัก,ต้องการท้าทายนิกายเซิ่งชวน,มีแต่แส่หาความตาย,ดังนั้นเจ้าวังไม่จำเป็นต้องสนใจหรอก.”

“จบการประมูลแล้ว,ไปสืบเรื่องที่สำนักไท่กู่เจิ้งท้าทายนิกายเซิ่งชวนครั้งนี้ให้หน่อย,หากข้า...ข้าต้องการรู้.”

ซีจิงเสวียนที่กล่าวออกมาอย่างคาดหวัง.

เหล่าศิษย์ถึงกับพูดไม่ออก.

เจ้าสำนักไท่กู่เจิ้งที่ส่งสายตาของเจ้าวัง,ทำให้เจ้าวังสนใจรึอย่างไร?


ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times

#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
Author(s)
Goodbye Jianghu


เข้ากลุ่มลับ VIP ====> Click


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น