Strongest Sect of All Times Chapter 219 Wonderful and Magnificent Palace palace master, ruthless role
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 219 Wonderful and Magnificent Palace
palace master, ruthless role
妙华宫宫主,狠角色
จุนซ่างเซียว,ที่มั่นใจในเสน่ห์จดจ้องมองขยิบตาให้อีกฝ่าย.
อย่างไรก็ตาม,ซี่จิงเสวียนที่ดูคล้ายจดจ้องมองไม่ได้วางตา,ทำให้เขาไม่ยินยอมจ้องกลับ.
มาเลย,มาเลย.
วันนี้เปิ่นจั้วจะสู้กับเจ้าสัก 300
รอบ,ขยิบตาให้เจ้าอยู่นี่ล่ะ!
ท่าทางของจุนซ่างเซียวที่ไม่ยินยอม,ราวกับเด็กที่ไม่รู้จักโต.
จากนั้น,เจ้ามองข้า,ข้ามองเจ้า.
จนดวงตาของเขาแห้ง,ไม่สามารถขยับตาไหว.
เขาต้องการแสดงให้เห็นถึงความจริงของบุรุษ,ทำให้สตรีเข้าใจ,อะไรที่เรียกว่าเขินอาย,เขินอายนั่นเป็นอย่างไร.
อย่างไรก็ตาม.
ลู่เชียนเชียนที่ก้าวออกมาขวางเขา,ทำให้เขาแข็งค้างไปในทันที.
ผ่านไปนานเหมือนกันถึงตั้งสติได้.
จุนซ่างเซียวที่เผยท่าทางตะลึงงัน,”นี่...สตรีผู้นี้มองไม่เห็นหรอกรึ?”
“อืม.”
ลูเชียนเชียนเอ่ย,”นางมองไม่เห็นตั้งแต่เกิด,จากนั้นยังถูกบิดามารดาทิ้งไว้ที่เทือกเขาร้าง,อดีตเจ้าวังเมี่ยวฮัวคนก่อนผ่านไปเห็น,จึงได้นำกลับมาเลี้ยงดู.”
“น่าสงสารเพียงนั้นเลยรึ?”
จุนซ่างเซียวที่จ้องมองไปยังซีจิงเสวียน,และตระหนักได้ในทันที,แม้นว่าดวงตานางจะใสกระจ่าง,ทว่ากับดูว่างเปล่าไร้วิญญาณ.
เป็นความจริง,ดวงตานางบอดแล้ว.
ไม่สามารถมองเห็น,แต่สามารถเป็นเจ้าวังระดับสี่,ไม่สงสัยเลยว่า,นางถูกเรียกว่าสตรีผู้โดดเด่น.
ลู่เชียนเชียนเอ่ย,”นางเข้าร่วมการประมูลครั้งนี้,คงหวังในเม็ดยาฟื้นฟู,ว่าจะสามารถรักษาดวงตาของนางได้.”
จุนซ่างเซียวส่ายหน้าไปมา,”เม็ดยาฟื้นฟูสามารถรักษาอาการบาดเจ็บ,แต่จะรักษาอาการเจ็บป่วยได้อย่างไร.”
เฮ้อ.
ตัวเขาที่จดจ้องมองขยิบตาให้สตรีตาบอด,มีความหมายอะไรกัน.
จุนซ่างเซียวที่ถอนสายตากลับคืน,ตัวเขาอยู่ในสภาวะพ่ายแพ้,ท่าทางองอาจผ่าเผยก่อนหน้านี้หายไปหมดทันที.
“เจ้าสำนักจุน.”
ซีจิงเสวียนที่ยืนอยู่หน้าต่างอีกฝังเอ่ยกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม,”เมื่อครู่ท่านกำลังจ้องมองมายังข้าอย่างงั้นรึ?”
รอยยิ้มที่เฉิดฉาย,ราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิที่ถูกพัดออกมา.
น่าเสียดาย.
สตรีผู้งดงาม,ไม่สามารถมองเห็นแสง,ไม่สามารถมองเห็นความงดงามของธรรมชาติท่ามกลางสวรรค์และปฐพี.
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”จุนโหมวได้ยินว่า,เจ้าวังซีนั้นเป็นสตรีที่งดงามที่สุดในทวีปชิงหยุน,วันนี้ได้เห็นแล้วคู่ควรกับชื่อเสียงแล้ว.”
ซีจิงเสวียนเผยยิ้ม,”เจ้าสำนักไท่กุ่เจิ้ง,ได้นำคนออกไปประลอง,ชนะสำนักเห่าฉี,ทำให้ข้ารู้สึกชื่นชมนัก.”
เป็นการชื่นชมจริง
ๆ,ไม่ได้เผยท่าทางเย้ยหยันเหมือนกับเหล่ากลุ่มอิทธิพลนอกมนทล.
ขณะที่จุนซ่างเซียวจะเอ่ยกล่าวอย่างถ่อมตนออกไป.
สตรีผู้หนึ่งที่ก้าวมาด้านหน้าซีจิงเสวีย,แลมองเขาเขม็ง,กล่าวออกไปว่า,”เจ้าวัง,อาวุโสใหญ่เอ่ยว่าท่านไม่ควรพูดคุยกับคนแปลกหน้า,โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบุรุษที่เหลาะแหละ.”
บุรุษเหลาะแหละ?
หมายความว่าอย่างไร?
คงไม่ได้หมายถึงเปิ่นจั้วหรอกนะ?
จุนซ่างเซี่ยวที่ต้องการโต้เถียงกลับ,ทว่าสตรีคนดังกล่าวได้พยุงซีจิงเสวียนออกจากหน้าต่างไปแล้ว.
“เชียนเชียน.”
จุนซ่างเซี่ยวเอ่ยด้วยน้ำเสียงมีอารมณ์.”เปิ่นจั้วไม่ใช่คนเหลาะแหละใช่ใหม?”
ลู่เชียนเชียนเอ่ย,”พฤติกรรมที่เจ้าสำนักพยายามส่งสายตาให้กับนางเมื่อครู่นี้,ถือว่าเหลาะแหละจริง
ๆ.”
จุนซ่างเซียวที่แทบทรุดลงบนเก้าอี้,ภายในใจที่โอดครวญ,”ข้าพยายามที่จะแสดงความเป็นชายให้นางได้เห็นต่างหาก!”
“เจ้าสำนัก.”
ลู่เชียนเชียนเอ่ย,”ท่านรู้สึกอย่างไรกับเจ้าวังเมี่ยวฮัว?”
จุนซ่างเซียวเอ่ยตามจริง,”น้ำเสียงสดใสเพียงแค่ได้ยิน,ใบหน้าท่าทางรอยยิ้มงดงามเพลิศพริ้ง.”
มีความหมายใดซ่อนอยู่หรือไม่?
เขาเองก็อยากจะบอกับศิษย์หญิงใหญ่เช่นกัน,เมื่อเจ้าพูดเจ้ายิ้มก็น่ามองเช่นกัน!
ลู่เชียนเชียนที่ราวกับไม่ต้องการได้ยิน,กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา,”ทว่านั่นเพียงแค่สิ่งที่เห็นภายนอก,เท่าที่ข้ารู้มา,ซีจิงเสวียนนั้นโหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก.”
“หืม?”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”โหดเหี้ยมอย่างไร?”
“มีข่าวลือว่า,หลังจากที่น่างได้เป็นเจ้าวังแล้ว,ได้ใช้อำนาจสั่งศิษย์ตามบิดามารดาที่ให้กำเนิด.”ลู่เชียนเชียนเอ่ย.
“ก็เป็นสิ่งที่ควรทำ.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
ลู่เชียนเชียนเอ่ย,”หลังจากนั้น,ซีจิงเสวียนที่พบกับพวกเขา,ก็ลงมือสังหารพวกเขาด้วยตัวเอง.”
“อะไรนะ?”
จุนซ่างเซียวที่ดวงตาเบิกกว้างกลมโต.
เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นถึงเพียงนั้นเลยรึ?
ทว่าการที่บุตรลงมือสังหารบิดามารดาของตัวเอง,นับว่าจิตใจของนางมีปัญหาอย่างแน่นอน.
จุนซ่างเซียวที่ยากจะจิตนาการได้,กับสตรีผู้งดงามถึงเพียงนี้,กับอมหิตถึงเพียงนี้เลยรึ?
“จากนั้นไม่กี่ปี,เจ้าสำนักระดับหกล่วงเกินวังเมี่ยวฮัว.”
ลู่เชียนเชียนเอ่ย,”สามวันหลังจากนั้น,คนในสำนักไม่ว่าจะระดับต่ำหรือสูงก็กลายเป็นศพ
5000 ชีวิต,แม้แต่หมาและแมวยังไม่เหลือรอด.”
“เฮ้ย!”
จุนซ่างเซียวที่ตื่นตระหนก,”นี่อมหิตถึงเพียงนั้นเลยรึ?”
การทำลายสำนักอื่น,จุนซ่างเซียวก็ทำมาแล้ว,ทว่าเขาจัดการเพียงคนที่มีความแค้น,คนที่ต้องรับผิดชอบ,เขาสังหารเพียงเจ้าสำนักและอาวุโส,ตลอดจนคนที่ขัดขวางเขาเท่านั้น,สำนักหลิงชวนเวลานั้นยังมีศิษย์จำนวนไม่น้อยที่รอดชีวิต.
เลือดต้องล้างด้วยเลือด,แต่ก็ไม่จำเป็นต้องดึงคนบริสุทธ์เข้ามาเกี่ยวข้อง.
“วังเมี่ยวฮัวเป็นนิกายมารรึอย่างไร?”
“นิกายธรรมมะ.”
“แล้วสำนักระดับหกนั่นเป็นสำนักมารรึ?”
“สำนักธรรมมะ.”
“ในเมื่อเป็นสำนักธรรมมะ,การทำลายสำนักระดับหก,ไม่มีใครติเตือนพวกเขาเลยรึ?”
“มี.”
ลู่เชียนเชียนเอ่ย,”เบื้องหลังของสำนักระดับหกนั้น,มีเจ้านิกาย,นิกายระดับสี่ที่บุกวังเมี่ยวฮัว,ท้ายที่สุดก็ถูกซีจิงเสวียนทำให้บาดเจ็บ.”
จุนซ่างเซียวมุมปากกระตุก.
สตรีผู้ที่ดูไม่เป็นพิษเป็นภัย,แต่กับน่าเกรงขามขนาดนี้เลยรึ?
ในเวลานั้น,จุนซ่างเซียวนึกถึงภาพที่เห็น.
สตรีผู้งดงาม,หากแต่กับซ่อนรอยยิ้มที่อันตรายเอาไว้.
หากว่าเป็นดั่งข่าวลือ,ก็ทำให้จุนว่างเซียวต้องสูดหายใจลึก,ลอบคิดในใจ,”อมหิตจริง
ๆรึ?!”
......
บนตึกห้องรับรองชั้นสามของวังเมี่ยวฮัว.
ซีจิงเสวียนที่ถูกพยุงมานั่งบนเก้าอี้,นางที่เผยยิ้มออกมา,”เม่ยเอ๋อ,เจ้าสำนักไท่กู่เจิ้ง,ฟังจากน้ำเสียงแล้วดูเหมือนว่าจะยังหนุ่มมาก.”
แม้นว่าจะสัมผัสรับรู้ถึงลักษณะภายนอกคร่าว ๆ,แต่น่าเสียดายว่าไม่สามารถมองเห็นได้.
“เจ้าวัง.”
เม่ายเอ๋อก็คือศิษย์ของวังเมี่ยวฮัว,เอ่ยออกมาว่า,”คนผู้นี้,จากรูปร่างหน้าตาคงมีอายุ
18 ปี.”
ซีจิงเสวียนที่กล่าวเสียงเบา,”เอาชนะเจ้าสำนักระดับหก,ทั้งที่เป็นสำนักระดับแปด,นับว่าเป็นคนที่โดดเด่น.น่าเสียดาย......”
ในเวลานั้น,นางที่ก้มหน้าลง.
กล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าใจ,”ไม่สามารถมองเห็นเขาด้วยตาของตัวเอง.”
เม่ยเอ๋อที่ใบหน้าเปลี่ยนสี,เร่งรีบเอ่ยออกมาว่า,”เจ้าวัง,พวกเราอยู่ในโรงประมูล,ท่ามกลางกลุ่มอิทธิพมากมาย,จะเผยความอ่อนแอให้คนอื่นเห็นไม่ได้!”
เหล่าศิษย์ของวังเมี่ยวหัวที่ตื่นตะหนัก,เร่งรีบเข้ามาปลอบใจเจ้าวัง.
จากนั้น.
ซีจิงเสวียนที่เงยหน้าขึ้น,ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้าแต่ก็ยังมีรอยยิ้ม,”ข้ารู้,ข้ารู้!”
“ฟู่!”
เห็นเจ้าวังเผยยิ้ม,เหล่าศิษย์ที่เผยท่าทางเบาใจ,จิตใจที่อ่อนคลายขึ้นมาทันที.
“จุนซ่างเซียว.”
ซีจิงเสวียนที่กล่าวเสียงเบา,”หากว่าข้ารักษาตาข้าหายในวันนี้,จะต้องได้เห็นท่านอย่างแน่นอน.”
เม่ยเอ๋อกล่าว,”เจ้าวัง,สำนักระดับแปดคงอยู่ได้ไม่นาน,จากการกระทำของเขาแล้วคงจะถูกกำจัดในเร็ววันนี้.”
ศิษย์คนหนึ่งเอ่ย,”ข้าได้ยินมาว่า,สำนักไท่กู่เจิ้งและนิกายเซิ่งชวนจะประลองกันในอีกหนึ่งปี,หากว่าเขาแพ้,แน่นอนว่าคงจะหายไปจากยุทธ์ภพในเร็ววัน.”
“เอ๋?”
ซีจิงเสวียนเผยท่าทางประหลาดใจ,”นี่เจ้าสำนักจุนท้าทายนิกายระดับห้าหรอกรึ?”
เม่ยเอ๋อกล่าว,”ความแข็งแกร่งพวกเขาไม่ชัดเจนนัก,ต้องการท้าทายนิกายเซิ่งชวน,มีแต่แส่หาความตาย,ดังนั้นเจ้าวังไม่จำเป็นต้องสนใจหรอก.”
“จบการประมูลแล้ว,ไปสืบเรื่องที่สำนักไท่กู่เจิ้งท้าทายนิกายเซิ่งชวนครั้งนี้ให้หน่อย,หากข้า...ข้าต้องการรู้.”
ซีจิงเสวียนที่กล่าวออกมาอย่างคาดหวัง.
เหล่าศิษย์ถึงกับพูดไม่ออก.
เจ้าสำนักไท่กู่เจิ้งที่ส่งสายตาของเจ้าวัง,ทำให้เจ้าวังสนใจรึอย่างไร?
ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น