Strongest Sect of All Times Chapter 218 Defends the man dignity, look looking at each other!
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 218 Defends the
man dignity, look looking at each other!
捍卫男人尊严,眼神对视!
บางครั้ง,เจ้าไม่ต้องทำตัวเทห์ออกมาก็ได้,ไม่เช่นนั้นคนอื่นอาจจะหาว่าเจ้าโง่.
ดังนั้นจุนซ่างเซียวที่นำบัตรแพลทินัมออกมาแสดงต่อกลุ่มบัตรทองที่อหังการ.
กล่าวตามจริง.
กลุ่มคนนอกมนทลช่างโอหังยิ่งนัก,มีรึที่เจ้าสำนักจุนจะปล่อยไป.
เฮ้อ.
อย่าทำเท่ห์ก็ไม่มีใครว่า,แต่ดูด้วยว่าอยู่ต่อหน้าใคร.
เหล่าคนของมนทลชิงหยางเวลานี้,รู้สึกสะใจเป็นอย่างมาก!
พวกเขาไม่สามารถที่จะทำอะไรเหล่าคนนอกมนทลได้ทำได้แค่โกรธเกรี้ยวอยู่ในใจ.
จุนซ่างเซียวที่นำบัตรแพลทินัมออกมาตอกหน้าคนเหล่านี้อย่างรุนแรง,ช่วยบรรเทาความโกรธของพวกเขาเป็นอย่างมาก.
อย่างไรก็ตาม.
สำนักระดับแปด,ได้รับบัตรเข้าร่วมประมูลห้องสูงสุด,ในมนทลชิงหยางแห่งนี้
พวกเขาที่ราวกับตระหนักได้ในทันทีว่าสำนักไท่กู่เจิ้งและตระกูลอ้ายมีความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นกันเป็นอย่างมาก!
“สวรรค์!”
“เจ้าสำนักจุนมีบัตรแพลทินัมจริง ๆ!”
“นี่เขาร่ำรวยขนาดนี้เลยรึ?!”
เหล่าชาวยุทธ์ในมลทลชิงหยางที่มาเข้าร่วมเพื่อความสนุก,ภายในใจที่รู้สึกตื่นตะลึงตาค้าง,แววตาที่เผยท่าทางไม่อยากเชื่อไปตาม
ๆ กัน.
......
ภายในห้องประมูล,มีเส้นทางที่ทอดยาวเข้าไปผนังทั้งสองข้างมีรูปภาพโบราณประดับ,ดูหรูหราเป็นอย่างมาก.
จุนซ่างเซียวนำลู่เชียนเชียนก้าวเข้าไปในห้องประมูลหลัก.
ที่ใจกลางของห้องโถงใหญ่นั้นมีแท่นเวทีประมูล,รอบ
ๆมีแถวที่นั่งมากมาย,ที่นั่งเหล่านี้คือที่นั่งระดับเงินนั่นเอง.
ส่วนบัตรทองนั้นจะอยู่ชั้นสอง,สามารถที่จะมองเห็นพื้นที่ตรงกลางได้ชัดขึ้นมาอีกระดับ.
ส่วนบัตรแพลทินัมนั้นมีอยู่ชั้นสาม,ไม่เพียงแค่เป็นชั้นบนเท่านั้นยังเป็นห้องส่วนตัว,มีสภาพบรรยากาศหรูหราเป็นอย่างมาก,เหมาะสมที่จะใช้รองรับแขกผู้มีเกียรติ.
“เจ้าสำนักจุน!”
จุนซ่างเซียวที่หยุด,เป็นประมุขอ้ายเร่งรีบเข้ามา,เอ่ยกล่าวขออภัย,”ขออภัยที่ไม่ได้ออกมาต้อนรับ,ต้องขออภัยจริง
ๆ.
บนที่นั่งระดับเงินตอนนี้เหล่าผู้ฝึกยุทธ์เริ่มมองหาที่นั่ง,จ้องมองมาด้วยความอัศจรรย์ใจ.
ตระกูลอ้ายที่เผยเม็ดยาสองชนิดต่อสาธารณะ,ทำให้สถานะของพวกเขานั้นเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมากในกลุ่มอิทธิพลต่าง
ๆ,คาดไม่ถึงว่าจะแสดงท่าทางสุภาพกับเจ้าสำนักระดับแปด.
บนชั้นสองเอง,เหล่าสำนักระดับหกต่างก็จดจ้องมองมายังจุนซ่างเซียวด้วยความประหลาดใจ.
ลึก ๆภายใน ที่เผยท่าทางเหยียดหยันออกมาด้วยซ้ำ.
“เขานะรึ? จุนซ่างเซียว?”
ในชั้นที่สามห้องเดี่ยว,เสียงของสตรีผู้หนึ่งเอ่ยกล่าวจ้องมองไปยังจุนซ่างเซียว,กล่าวเสียงเบา.
สตรีผู้นี้มีอายุราว ๆ 20
ปี,ผมสีดำขลับส่วนหนึ่งประบ่า,และอีกส่วนทิ้งลงด้านหลังราวกับน้ำตก,ส่องประกายแสงวับวาวราวกับไข่มุก.
ดวงตาที่ดูใส่กระจ่างแต่กับนิ่งงัน,ร่างกายเผยความสูงศักดิ์ออกมา
ดูเด่นน่าเคารพ.
ในเวลานั้น,จุนซ่างเซียวที่ไม่สามารถรับรู้ได้,ทว่าทันทีที่อีกฝ่ายเอ่ยกล่าว,ราวกับเป็นสันชาติญาณเขาที่เงยหน้าขึ้นมองไปยังอีกฝ่ายทันที.
สตรีผู้นี้,อืม,งดงามยิ่งนัก.
เขาที่จ้องมองคราหนึ่ง,ก่อนจะถอนสายตากลับ,พร้อมกับยกมือประสานไปยังด้านหน้า,”ประมุขอ้ายต้องดูแลงานประมูล,ที่ต้องมาต้อนรับข้าด้วยตัวเอง,ทำให้เปิ่นจั้วรู้สึกประหม่าจริง
ๆ.”
“เจ้าสำนักจุนนั้นเป็นแขกผู้ทรงเกียรติของตระกูลอ้าย,ถึงจะยุ่งเพียงใด,ข้าก็ต้องมาทักทายด้วยตัวเอง.”
เสียงของประมุขอ้ายนั้นดังมาก,ราวกับต้องการที่จะพูดให้เหล่าชาวยุทธ์มากมายได้ยิน.
เหล่ากลุ่มอิทธิพลต่าง
ๆรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก,สำนักไท่กู่เจิ้งมีความสามารถใด,จึงทำให้ตระกูลอ้ายให้ความสำคัญถึงเพียงนี้?
“เจ้าสำนัก,โปรดเชิญที่ชั้นสาม.”
อ้ายซางหนี่ที่มาต้อนรับด้วยตัวเอง,นำจุนซ่างเซียวขึ้นไปด้านบน.
ขึ้นไปชั้นสามอย่างงั้นรึ?
นี่เจ้าสำนักไท่กู่เจิ้งได้รับบัตรแพลทินัมอย่างงั้นรึ?
เหล่ากลุ่มอิทธิพลต่าง
ๆที่ใบหน้าเปลี่ยนสี,ภายในใจที่ตื่นตกใจเป็นอย่างมาก.
“เจ้าสำนักจุน.”
ขณะก้าวขึ้นบันได,อ้ายซางหนี่เอ่ยออกมาว่า,”ที่ท่านเห็นเมื่อครู่นี้,คือวังเมี่ยวฮัว,เจ้าวังซี่จิงเสวียน.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”เดาไว้แล้ว.”
แม้นว่าจะมองเพียงพริบตาเดียว,ก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่สูงส่ง,ความงดงามเป็นที่เลื่องลือ,ไม่ต้องเดาเลยว่าต้องเป็นเจ้าวัง,วังเมี่ยวฮัว.
เป็นความสง่างามไร้ที่เปรียบ,ที่ยากจะมีใครเทียบเคียง.
บางทีคำว่างดงามอาจจะยังไม่เพียงพอสำหรับนาง.
ระบบที่ราวกับอดรนทนไม่ได้เอ่ยออกไปว่า,”ข้าไม่เคยเห็นคนหน้าด้านเท่าโอสน์เลย!”
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
อ้ายซางหนี่เอ่ย,”งดงาม,ราวกับเทพธิดาใช่หรือไม่?”
“อืม.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ก็ใช้ได้.”
อ้ายซางหนี่ที่มุมปากกระตุก,ทว่าเมื่อจ้องมองลู่เชียนเชียนที่ตามมาด้านหลัง,ลอบคิดในใจ,”สตรีผู้นี้ก็งดงามไม่ได้ด้อยกว่าเจ้าวัง,ไม่สงสัยเลยว่าเจ้าสำนักจุนเพียงกล่าวชื่นชมเพียงว่าใช้ได้.”
......
บนชั้นสาม.
จุนซ่างเซียวและลู่เชียนเชียนที่ก้าวขึ้นไป.
ที่ด้านบนนั้นมีพื้นที่กว้างมาก,ทุกส่วนสัดนั้นดูหรูหราไปหมด.
โต๊ะที่นั่งเครื่องเรือนต่าง
ๆ,อยู่ในระดับสูงอย่างที่สุด.
บอกได้เพียงแค่ว่า,โคตรหรูหรา!
แม้นว่าจุนซ่างเซียวจะตื่นตะลึง,ทว่าก็ไม่แสดงอาการออกมา.
ต้องไม่ลืมว่า เขานั้นเป็นประมุขสำนัก,ถึงแม้นว่าจะก้าวมายังราชวัง,ก็จะไม่แสดงท่าทางบ้านนอกคอกนาออกมาเด็ดขาด.
“เจ้าสำนักจุน.”
ประมุขอ้ายที่เผยยิ้มกล่าวออกมาว่า,”อ้ายโหมวยังมีแขกที่ต้องต้อนรับ,คงไม่รบกวนแล้ว,หากมีสิ่งใดต้องการให้สาวใช้เข้าไปแจ้งข้าได้.”
“อืม.”
จุนซ่างเซียวที่กวาดตามองอย่างระมัดระวัง,ขณะที่เดินมาอยู่ด้านหน้าหน้าต่าง,ก็จ้องมองไปยังเจ้าวังอย่างคาดไม่ถึง,ที่อีกฝั่งตึก.
เฮ้ เฮ้.
นี่ไม่ใช่ว่ากำลังสอดประสานตากันหรอกรึ?
เป็นโอกาสอันดี,ซี่จิงเสวียนที่ยืนที่หน้าต่าง,สายตาคล้ายกับจ้องมองมายังจุนซ่างเซียว.
ทั้งสองที่ดูเหมือนจะจ้องมองกันและกัน,แม้นว่าจะอยู่ห่างออกมาไกลเหมือนกัน.
ในเวลานี้เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่เข้ามาเองก็จดจ้องมองไปยังสตรีผู้งดงาม,ตอนนี้เจ้าสำนักจุนที่ยืนอยู่ห้องส่วนตัวอีกฝั่งเอง,ก็จ้องมองเช่นกัน.
เจ้ามองข้า,ข้ามองเจ้า,ก็ลองดูว่าใครจะยอมก่อน!
สตรีผู้นี้มีผิวพรรณที่ประณีต,ความงามที่เปล่งรัศมี,ความงามที่จะมีหนึ่งในหมื่นคนจริง
ๆ.
เป็นความจริง.
กับโลกที่หล่อเลี้ยงด้วยพลังวิญญาณ,แน่นอนว่าจะต้องสร้างสตรีผู้งดงามตามธรรมชาติขึ้นมา.
สตรีและบุรุษที่จ้องมองกัน,ย่อมมีความหมาย.
ทว่าจุนซ่างเซียวนั้นหน้าหนากว่าใคร,เจ้ามองข้า,ข้าก็จะมองเจ้าด้วยเช่นกัน.
โดยปรกติแล้ว,เหล่าหญิงสาวเมื่อมีบุรุษจับจ้องมอง,จะต้องเผยท่าทางเอียงอายออกมาบ้าง.
อย่างไรก็ตาม,ซีจิงเสวียนนั้นไม่ธรรมดาเลยจริง
ๆ,นางที่ยังคงจ้องมองมายังเขา,แม้แต่ไม่กระพริบตาด้วยซ้ำ.
สตรีผู้นี้,จะหน้าหนาไปรึไม่?
กล้าที่จะมองเขม็งมายังข้า,ไม่คิดจะมองคนอื่นเลยรึ?
ดี,ดีมาก.
เปิ่นจั้วจะให้เจ้าได้รับประสบการณ์ในวันนี้,ว่าอะไรคือคลื่นไฟฟ้าทางสายตา.
จุนซ่างเซียวที่หันกลับ,ก่อนที่จะขยิบตา,และเผยยิ้มให้ด้วย.
แฮก ๆ!
พริบตานั้น,ราวกับกระแสไฟพวยพุ่งไปยังนาง.
อย่างไรก็ตาม,เจ้าวังเมี่ยวฮัวกับไม่ตอบสนองแม้แต่น้อย,ราวกับการขยิบตาของจุนซ่างเซียวไม่ได้สงผลอะไรเลยแม้แต่น้อย.
แปลกไปแล้ว.
นี่พี่ชายไม่มีสเน่ห์พองั้นรึ?
เจ้าสำนักจุนที่ราวกับเข้าข้างตัวเองที่นางจ้องมองมายังเขา,เขาที่ยังคงขยิบตาออกไป,ทว่ากับไม่มีผลอะไรกับสตรีผู้งดงามที่ยังคงยืนนิ่งอยู่เช่นเดิม.
ข้าไม่เชื่อ!
จุนซ่างเซียวที่ยืนมือไขว้หลังจ้องมองไปด้านหน้า.
เขาที่ขยิบตาส่งสายตาออกไปให้,แม้แต่เล่นหูเล่นตาไปด้านหน้า,เพื่อที่จะยั่วอีกฝ่ายให้แสดงอารมณ์ออกมาบ้าง.
เฮ้ย
เฮ้ย,นี่ก็ทำทุกวิธีแล้ว,คาดไม่ถึงเลยว่าจะไม่มีผลอะไรเลย,เจ้าสำนักจุนที่รู้สึกปวดตาเล็กน้อย,นี่อีกฝ่ายไม่มีความรู้สึกเลยรึ?
ด้วยสองตาที่จ้องมองคนอื่นเป็นเวลานาน.
เพราะว่านานไปหน่อย,เลยทำให้ตาเขาแห้ง.
ไม่แพ้,ข้าจะจ้องมองให้นางรู้สึกอายให้ได้.
จุนซ่างเซียวเวลานี้เตรียมที่จะจ้องมองไปอีกครั้ง,ก็มีคนยื่นมือมาขวาง.
ลู่เชียนเชียนนั่นเอง,นางจ้องมองไปยังซีจิงเสวียน,และกล่าวด้วยน้ำเสียงเสียดาย,”เจ้าวัง,วังเมี่ยวฮัวนั้น,แม้นว่าจะงดงามโดดเด่น,แต่กับตาบอดตั้งแต่เกิด
น่าเสียดายนัก.”
กึก.
จุนซางเซียวถึงกับแข็งค้างไปในทันที.
ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น