Immortality Chapter 1253 Land of the Polar North
Chapter 1253 Land of the Polar North
极北之地
แดนขั้วโลกเหนือ.
แดนขั้วโลกเหนือ.คือแดนเหนือสุดของโลกใบนี้,มีหิมะปกคลุมทั่วทุกสถานที่,และยังมีหิมะตกตลอดปีอีกด้วย.
ลึกเข้าไปในแดนขั้วโลกเหนือนั้นมีเทือกเขาที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะที่หนักหน่วงรุนแรง,รอบๆนั้นมีตำหนักขนาดใหญ่หลากหลากกระจายไปทั่ว.
ภายในตำหนักแห่งหนึ่ง,มีสตรีผมเงิน,กำลังจ้องมองกระจกอยู่.
ภาพที่ด้านในกระจกนั้น,สะท้องภาพเสื้อผ้าของบุรุษผู้หนึ่ง.
สตรีคนดังกล่าวที่จ้องมองเสื้อผ้าบุรุษที่วางอยู่ด้านหน้าโต๊ะกระจก,พร้อมกับสะอื้นเป็นระยะ,น้ำตาคลอเบ้าทั้งสองตา,นางที่ขบริมฝีปากแน่น,ราวกับว่ากำลังระงับความเจ็บปวดในใจ.
หากจงซานอยู่ที่นี่,จะต้องโกรธเกรี้ยวอย่างหนักแน่นอน,เขาจะยอมให้เป่ยชิงซือโศกเศร้าได้อย่างไร?
คนที่นั่งอยู่หน้ากระจก,ย่อมเป็นฮวงโหวต้าเจิ้ง,เป่ยชิงซือ.
ที่ด้านหลังของเป่ยชิงซือ,มีสตรีสองคนที่คอยหวีผมให้กับนาง.
"เจ้าตำหนักน้อย(เจ้าตำหนักน้อย),พวกเราไม่เคยเห็นท่านยิ้มมานานแล้ว."สาวใช้คนหนึ่งที่ขมวดคิ้วและเอ่ยออกมา.
"ใช่,เจ้าตำหนักน้อย,ข้าจำได้,ก่อนหน้านี้ท่านสวมชุดนี้แล้ว,ท่านเผยยิ้มที่มีความสุขทุกครั้ง,ทำไมเวลานี้ถึงได้เศร้าขนาดนั้น?"สาวใช้อีกคนที่เอ่ย.
เป่ยชิงซือไม่สนใจนัก,อารมณ์ของนางเวลานี้ไม่ดีเท่าใด.
"เจ้าตำหนักน้อย,ท่านความรู้,นับตั้งแต่พวกเราได้เจอท่าน,ข้าและเสี่ยวเหม่ยรู้สึกตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก,ไม่คิดว่าในโลกนี้จะมีสตรีที่งดงามเพียงนี้?
ในตำหนักเทพหมันตร์ไม่มึใครเทียบท่านได้!"เสียงของสาวใช้ที่กล่าวเปลี่ยนหัวข้อ.
"ใช่,แม้แต่เจ้าตำหนักยังเทียบไม่ได้!"สาวใช้อีกคนที่กล่าวเปลี่ยนหัวข้อในทันที.
"ใช้,เจ้าตำหนักยังเทียบกับเจ้าตำหนักน้อยไม่ได้!"สาวใช้ที่กล่าวยกยอไม่หยุด,ชัดเจนว่าเป็นคำพูดที่ดูไม่น่าเชื่อถือนัก.
"เสี่ยวเหม่ย,เสี่ยวหลิง."เป่ยชิงซือที่ครุ่นคิดและกล่าวออกมา.
"เจ้าตำหนักน้อย,มีเรื่องอะไรอย่างงั้นรึ?"สาวใช้ทั้งสองที่เอ่ยออกมาในทันที.
"ข้ามีเรื่องไหว่วานพวกเจ้า!"เป่ยชิงซือเอ่ย.
"เจ้าตำหนักน้อย,ท่านมีเรื่องอันใดรึ?
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอันใดพวกเราล้วนเต็มใจแน่นอน!"เสี่ยวหลิงที่อ่ยออกมาทันที.
"ใช่,เจ้าตำหนักน้อย,มีเรื่องอันใด,พวกเราจะต้องช่วยท่านอย่างแน่นอน!"เสี่ยวเหม่ยที่กล่าวออกมาในทันที.
"อีกไม่ถึงหนึ่งปี,จะต้องเกิดเรื่องบางอย่างกลับข้า,เมื่อถึงเวลานั้น,ข้าจะร้องขอท่านประมุขปล่อยพวกเจ้าไป,ข้าต้องการให้พวกเจ้าช่วยข้าส่งสิ่งของไปยังศาลเทวะต้าเจิ้ง!"เป่ยชิงซือที่กล่าวออกมาด้วยความเศร้า.
"แล้วเจ้าตำหนักน้อยไม่ไปเองล่ะ?"เสี่ยวเหม่ยเอ่ย.
"เกิดเรื่อง? เกิดเรื่องอันใด?
เป็นไปได้,หรือว่า,เจ้าตำหนักน้อย,ไม่ใช่ท่าน,จะเป็นท่านได้อย่างไร....!"เหสี่ยวหลิงที่อุทานออกมาในทันที.
ท่าทางของเสี่ยวหลิงที่เต็มไปด้วยความกระวนกระวาย,เสี่ยวเหม่ยเองก็เช่นกัน,ทว่าในเวลานั้น.
"เจ้าตำหนัก,คารวะเจ้าตำหนัก!"เสี่ยวเหม่ยที่เร่งรีบแสดงความเคารพทันที.
"คารวะเจ้าตำหนัก!"เสี่ยวหลิงเอ๋อก็เร่งรีบแสดงความเคารพในทันที.
ในเวลานั้นมีสตรีที่ดูคล้ายกับเป่ยชิงซือปรากฏขึ้น,ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเย็นชา,แม้แต่ทำให้ทุกคนรู้สึกขลาดเขลา,เป็นเจ้าตำหนักตำหนักเทพเหมันตร์นั่นเอง.
"ออกไป!"เจ้าตำหนักที่กล่าวกับสาวใช้ทั้งสอง.
"ค่ะ!"สาวใช้ทั้งสองที่เร่งรีบหนีไปในทันที.
เป่ยชิงซือที่ไม่หันมา,ทว่ายังคงหวีผมเบาๆ,แน่นอนว่า,นางสามารถมองเห็นว่าเจ้าตำหนักที่ก้าวมาด้านหลังจากในกระจกได้.
"ชิงซือ!"เจ้าตำหนักเทพหมันตร์กล่าวออกมาเบาๆ.
"เจ้าตำหนัก!"เป่ยชิงซือที่เอ่ยออกมาเบาๆ.
เจ้าตำหนักเทพเหมันตร์ที่ใบหน้ากระตุกเล็กน้อย,พลางถอนหายใจเบาๆ,"ดูเหมือนว่า,เจ้าจะจำบรรพชนเช่นข้าได้แล้ว!"
"ชิงซือไม่กล้า!"เป่ยชิงซือออกมาเบาๆ.
กับท่าทางที่ดูสูงส่งที่แผ่ออกมาของเจ้าตำหนัก.
ราวกับว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมามาย,ก่อนที่จะส่ายหน้าไปมา,"นับตั้งแต่วันแรกที่เจ้ากลับมา,ข้ารู้ว่าเจ้ามีพรสวรรค์ที่โดยเด่น,ทักษะเทวะทางสายโลหิตของข้า,เจ้าก้ไม่ได้ด้อยกว่าข้า,ข้ารู้สึกขอบคุณ."
เป่ยชิงซือที่ขบริมฝีปากแน่น.
"หากว่าเจ้าไม่ต้องการ,เจ้าก็ไปเถอะ,การบูชายันต์ในครั้งนี้,ข้าจะไปเอง,ข้าหวังเพียงว่าอีกหมื่นปีข้างหน้า,เจ้าจะช่วยจัดการทุกอย่างแทนข้า!"เจ้าตำหนักเทพเหมันตร์ที่ส่ายหน้าไปมา.
ใบหน้าของเป่ยชิงซือที่เจ็บปวด,จ้องมองชุดจงซานที่วางอยู่ด้านหน้า,น้ำตาของนางที่ไหลเป็นสาย,หลั่งออกมาไม่หยุด.
"การบูชายันต์ครั้งนี้,จำเป็นต้องมีดวงวิญญาณที่ดีที่สุด,ในตำหนักเทพเหมันต์ในเวลานี้,คนที่มีดวงวิญญาณบริสุทธิ์ที่สุดก็มีเพียงเจ้าและข้า,ในทุกๆหมื่นปี,หากว่าไม่ทำการบูชายันต์,ทั่วทั้งโลก,ประชาชนของโลกใบใหญ่จะตกอยู่ในความวุ่นวาย!"เจ้าตำหนักเทพเหมันตร์เอ่ยพลางถอนหายใจ.
"เจ้า,เจ้าตำหนัก! ข้า,ข้า.....!"เป่ยชิงซือที่ขบริมฝีปากแน่น.
"เจ้ากล่าวมา!"เจ้าตำหนักเทพเหมันตร์ที่จ้องมองไปยังเป่ยชิงซือ.
"กับคำพูดที่ข้าได้กล่าวกับเสี่ยวเหม่ยและเสี่ยวหลิงนั้น,ท่านควรจะได้ยิน,การบูชายันต์นี้,เมื่อข้าไปแล้ว,ข้าขอให้ท่านประมุขช่วยเรื่องหนึ่ง."เป่ยชิงซือที่กล่าวออกมาด้วยความยากลำบาก.
"เรื่องอะไร? เจ้ากล่าว!"เจ้าตำหนักเหมันตร์ที่ดวงตาเป็นประกาย.
"หลังจากนี้,เจ้าตำหนักได้โปรดปล่อยเสี่ยวเหม่ยและเสี่ยวหลิงจากไป,ข้าต้องการให้พวกนางนำสิ่งของบางอย่างไปยังต้าเจิ้ง!"ดวงตาของเป่ยชิงซือที่ยังคงน้ำตาไหลอาบไปทั้งสองแก้ม.
"ได้,ข้ารับปาก,เมื่อถึงเวลานั้น,ข้าจะคุ้มครองพวกนางไปยังต้าเจิ้งเอง!"เจ้าตำหนักเทพหมันตร์ที่กล่าวอย่างหนักแน่น.
"อืม!"เป่ยชิงซือที่พยักหน้ารับเบาๆ.
เห็นเป่ยชิงซือที่โศกเศร้ายิ่งกว่าเมื่อก่อน,เจ้าตำหนักที่เอ่ยออกมาเบาๆ,"ชิงซือ,เจ้าควรจะเห็นการบูชายันต์ในครั้งนี้ไม่ใช่แค่เพื่อตำหนักเทพเหมันตร์,ทว่าเพื่อทุกคนทั่วโลกใบใหญ่,เพื่อปุถุชนทุกคน,เพื่อบุรุษของเจ้า,การเสียสละของเจ้า,จะทำให้ทุกคนในโลกใบใหญ่รอดชีวิต,หลังจากนี้,ทุกคนจะต้องจดจำเจ้าได้!"
"ข้ารู้,ข้าจะพยายาม,เจ้าตำหนัก,ข้าต้องการพัก!"เป่ยชิงซือที่ระงับความโศกเศร้าเสียใจที่มากมายเอาไว้.
"ได้,เจ้าพักเถอะ!"เจ้าตำหนักเหมันตร์ที่กล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน.
จากนั้น,เจ้าตำหนักที่ออกมาจาห้องโถง,พร้อมกับพ่นลมหายใจยาว,ก่อนที่จะหายตัวไปในทันที.
ในห้องโถง,เป่ยชิงซือที่ยกชุดของจงซานขึ้นมากกอด,พร้อมกับซบหน้าร้องไห้อยู่ที่มุม,นางที่กอดชุดของเขาแน่น,น้ำตาที่ไหลออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจ.
บางที่การที่ซบหน้าร้องไห้ที่มุม,มันได้ทำให้เป่ยชิงซือมีกำลังใจมากขึ้น.
-------------------------------------------------------------------------
กลุ่มของจงซานที่เดินทางออกมาจากวิหารจวงจื่อ,มุ่งตรงไปยังดินแดนขั้วโลกเหนือ.
หลังจากใช้เวลาไม่กี่เดือน,กลุ่มของจงซานก็เดินทางมาถึงขั้วโลกเหนือ.
ดินแดนแห่งนี้ที่ถูกหิมะปกคลุม,บนท้องฟ้าที่มีหิมะล่วงหล่นลงมาตลอดเวลา,อุณหภูมิรอบๆที่เต็มไปด้วยความหนาวเย็น,ทว่าสำหรับเหล่ายอดฝีมือแล้ว,สภาพแวดล้อมเช่นนี้หาได้มีอะไรพิเศษ,เป็นเพียงภาพที่ดูแปลกตาเท่านั้น.
บนยอดเขาหิมะ,กลุ่มของจงซานทั้งสิบสองที่ร่อนลง,พร้อมกับจ้องมองไปยังสถานที่ลึกเข้าไปในด้านใน.
ที่ด้านหน้าของจงซาน,เวลานี้มีชายในชุดสีแดงกำลังนั่งคุกเข่าอยู่.
"หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนแดนขั้วโลกเหนือ,โต้วเหว่ยคารวะเซิ่งหวัง!"ชายในชุดสีแดงที่กล่าวออกมาด้วยความเคารพ.
หน่วยลาดตระเวนดินแดนขั้วโลกเหนือ,เป็นนางที่ดูน่าพึงพอใจ,ทว่านี่คือหน่วยลาดตะเวนที่ต้าเจิ้งส่งออกมาสำรวจดินแดนขั้วโลกเหนือ,ไม่ใช่แค่แดนขั้วโลกเหนือ,พื้นที่อื่นๆเองก็ถูกส่งออกไปด้วยเช่นกัน.
"ลุกขึ้น!"จงซานเอ่ยออกมาเบาๆ.
"ครับ!"โตวเหว่ยที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.
แม้นว่าโต้วเหว่ยจะถูกส่งออกมานานแล้ว,ไม่ได้รู้เรื่องอะไรที่เมืองหลวงมากนัก,ทว่า,การต่อสู้ที่เกิดขึ้นที่ต้าเจิ้งในครั้งนั้น,สามปราชญ์เทพ,ที่ถูกไล่กลับไป,ทั่วภาคเหนือทุกคนต่างก็ได้ยิน,สำหรับโต้วเหว่ยที่เป็นหน่วยเก็บข้อมูล,ย่อมรับรู้เรื่องราวดังกล่าวแน่นอน.
ปราชญ์เทพ,นี่คือตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกหล้า,ทว่าเซิ่งหวังกับรับมือกับปราชญ์เทพสามคน,ได้อย่างไร้รอยขีดข่วน,และยังตำหน้าปราชญ์เทพสองครั้งอีกด้วย.
ข่าวดังกล่าวนี้,ทำให้โต้วเหว่ยขนลุกทีเดียว,โตวเหว่ยเข้าร่วมต้าเจิ้งตั้งแต่โลกใบเล็ก,แน่นอนว่าเขารับรู้ถึงความแข็งแกร่งของเซิ่งหวังผู้นี้ดี.
ในโลกใบเล็กผ่านมาหลายแสนปีที่ไม่มีใครสามารถผนวกมันได้,หากแต่เซิ่งหวังกลับใช้เวลาเพียงแค่
800 ปี,ในการรวมโลกใบเล็กเป็นหนึ่ง,ก่อนที่จะแยกสวรรค์,สะบั้นปฐพี,แม้นว่าคราแรกจะกลายเป็นเมืองขึ้นของศาลเทวะไท่ชู,แต่โต้วเหว่ยก็เชื่อว่า,ขอเพียงแค่มีเวลา,เซิ่งหวังจะกลับมามีอำนาจได้แน่.
และแล้วเซิ่งหวังก็ทำสำเร็จ,ไม่กี่ร้อยปี,กลับมีคามแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก,สำหรับข้าราชบริพารต้าเจิ้งแล้ว,ย่อมเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ.
"มีข่าวอะไรเกี่ยวกับตำหนักเทพเหมันตร์หรือไม่?"จงซานสอบถาม.
"เซิ่งหวัง,เฉินไร้ความสามารถ,ไม่สามารถเข้าไปสำรวจด้านในได้!"โต้วเหว่ยเอ่ยออกมาในทันที.
"หืม?"
"อาณาเขตขั้วโลกเหนือนั้นใหญ่มาก,ใหญ่กว่าอาณาเขตทั่วไหลายเท่า,คนของพวกเราได้แยกออกเป็นสามกลุ่ม!"โต้วเหว่ยกล่าว.
จงซานที่ไม่กล่าวสิ่งใด,รอให้เขากล่าวต่อ.
"ส่วนแรก,สำรวจพื้นที่ทางใต้,ดินแดนรอบๆ,ซึ่งดินแดนดังกล่าวนั้น,มีสามราชวงศ์สวรรค์ครอบครอง,และมีสิบกว่าราชวงศ์ราชันย์,พวกเขาที่กำลังแย่งชิงดินแดนกันไม่หยุดหย่อน,ทว่าก็ไม่มีกองกำลังหลักใดที่จะแข็งแกร่งที่สุด,
"ส่วนที่สอง,สำรวจพื้นที่ทางเหนือ,ซึ่งเป็นเขตแดนของเผ่าจิงและตำหนักเทพเหมันตร์,ช่างน่าเศร้า,ความแข็งแกร่งของเฉินไม่พอ,ไม่สามารถเข้าไปได้.
"ทำไม?"จงซานสอบถาม.
"เพราะว่าส่วนที่สาม,พื้นที่ตอนกลาง,สถานที่ดังกล่าวมีกลุ่มอิทธิพลใหญ่ขวางกั้นอยู่,เป็นแดนเทวะเต๋าทมิฬ,พวกเขาขัดขวางคนนอกทั้งหมดเอาไว้,ไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปด้านในได้,เฉินลองทดสอบหลายครั้งแล้ว,หากแต่ก็ถูกคนของเผ่าเต่าทมิฬขวางกั้นในทุกครั้ง,ทำให้เฉินไม่สามารถกระทำการใดได้,ไม่สามารถทำภารกิจของต้าเจิ้งได้ลุล่วง."โต้วเหว่ยเอ่ย.
"อืม,ลำบากเจ้าแล้ว!"จงซานพยักหน้ารับ.
"ขอบพระทัยเซิ่งหวัง,เฉินยินดีทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้.
"เผ่าเต๋าทมิฬขวางคนภายนอก,ในแดนเทวะเต่าทมิฬมีเพียงคนในเผ่าเต๋าทมิฬอย่างงั้นรึ?"จงซานที่กล่าวสอบถาม.
จงซานที่จ้องมองออกไป,ที่ขอบฟ้าไกลนั้นมีเสาที่คำยันปฐพี,เสาดังกล่าวนั้นมีสีฟ้าเข้ม,เพราะว่ามันมีหมอกคอยปกคลุมอยู่รอบๆ,เมื่อแสงที่ส่องมาตัดกับของฟ้า,ทำให้ไม่สามารถมองเห็นทุกอย่างได้ชัดแจ้ง.
เสาสีเสาที่คำยันปฐพี,แม้แต่อยู่ไกลออกมามากยังมองเห็น,มันมีขนาดใหญ่,เสาทั้งสี่ยึดครองพินแดนทางตะวันออก,ใต้,เหนือและตะวันตก,ทั้งสี่ทิศทางแยกกันออกไป.
"มีครับ,ช่างน่าเศร้าที่เฉินเข้าไปไม่ได้,เผ่าเต๋าทมิฬไม่ให้พวกเราเข้าใกล้ได้เลย!"โต้วเหว่ยที่กล่าวออกมาในทันที.
"จงซาน,บางที....!"หวนจีที่เผยท่าทางจริงจังออกมา.
จงซาน?
โต้วเหว่ยที่หวาดผวา,สตรีคนนี้ใครกัน,คาดไม่ถึงเลยว่าจะกล่าวนามเซิ่งหวังออกมาตรงๆ.
"มีอะไร?"จงซานสอบถาม.
"กลิ่นอายโลกปิศาจสวรรค์,ข้าสัมผัสได้ถึงโลกปิศาจสวรรค์ที่รุนแรงมาก!"หวนจีที่ส่ายหน้าไปมา.
Chapter 1253 Land of the Polar North
极北之地
แดนขั้วโลกเหนือ.
แดนขั้วโลกเหนือ.คือแดนเหนือสุดของโลกใบนี้,มีหิมะปกคลุมทั่วทุกสถานที่,และยังมีหิมะตกตลอดปีอีกด้วย.
ลึกเข้าไปในแดนขั้วโลกเหนือนั้นมีเทือกเขาที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะที่หนักหน่วงรุนแรง,รอบๆนั้นมีตำหนักขนาดใหญ่หลากหลากกระจายไปทั่ว.
ภายในตำหนักแห่งหนึ่ง,มีสตรีผมเงิน,กำลังจ้องมองกระจกอยู่.
ภาพที่ด้านในกระจกนั้น,สะท้องภาพเสื้อผ้าของบุรุษผู้หนึ่ง.
สตรีคนดังกล่าวที่จ้องมองเสื้อผ้าบุรุษที่วางอยู่ด้านหน้าโต๊ะกระจก,พร้อมกับสะอื้นเป็นระยะ,น้ำตาคลอเบ้าทั้งสองตา,นางที่ขบริมฝีปากแน่น,ราวกับว่ากำลังระงับความเจ็บปวดในใจ.
หากจงซานอยู่ที่นี่,จะต้องโกรธเกรี้ยวอย่างหนักแน่นอน,เขาจะยอมให้เป่ยชิงซือโศกเศร้าได้อย่างไร?
คนที่นั่งอยู่หน้ากระจก,ย่อมเป็นฮวงโหวต้าเจิ้ง,เป่ยชิงซือ.
ที่ด้านหลังของเป่ยชิงซือ,มีสตรีสองคนที่คอยหวีผมให้กับนาง.
"เจ้าตำหนักน้อย(เจ้าตำหนักน้อย),พวกเราไม่เคยเห็นท่านยิ้มมานานแล้ว."สาวใช้คนหนึ่งที่ขมวดคิ้วและเอ่ยออกมา.
"ใช่,เจ้าตำหนักน้อย,ข้าจำได้,ก่อนหน้านี้ท่านสวมชุดนี้แล้ว,ท่านเผยยิ้มที่มีความสุขทุกครั้ง,ทำไมเวลานี้ถึงได้เศร้าขนาดนั้น?"สาวใช้อีกคนที่เอ่ย.
เป่ยชิงซือไม่สนใจนัก,อารมณ์ของนางเวลานี้ไม่ดีเท่าใด.
"เจ้าตำหนักน้อย,ท่านความรู้,นับตั้งแต่พวกเราได้เจอท่าน,ข้าและเสี่ยวเหม่ยรู้สึกตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก,ไม่คิดว่าในโลกนี้จะมีสตรีที่งดงามเพียงนี้?
ในตำหนักเทพหมันตร์ไม่มึใครเทียบท่านได้!"เสียงของสาวใช้ที่กล่าวเปลี่ยนหัวข้อ.
"ใช่,แม้แต่เจ้าตำหนักยังเทียบไม่ได้!"สาวใช้อีกคนที่กล่าวเปลี่ยนหัวข้อในทันที.
"ใช้,เจ้าตำหนักยังเทียบกับเจ้าตำหนักน้อยไม่ได้!"สาวใช้ที่กล่าวยกยอไม่หยุด,ชัดเจนว่าเป็นคำพูดที่ดูไม่น่าเชื่อถือนัก.
"เสี่ยวเหม่ย,เสี่ยวหลิง."เป่ยชิงซือที่ครุ่นคิดและกล่าวออกมา.
"เจ้าตำหนักน้อย,มีเรื่องอะไรอย่างงั้นรึ?"สาวใช้ทั้งสองที่เอ่ยออกมาในทันที.
"ข้ามีเรื่องไหว่วานพวกเจ้า!"เป่ยชิงซือเอ่ย.
"เจ้าตำหนักน้อย,ท่านมีเรื่องอันใดรึ?
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอันใดพวกเราล้วนเต็มใจแน่นอน!"เสี่ยวหลิงที่อ่ยออกมาทันที.
"ใช่,เจ้าตำหนักน้อย,มีเรื่องอันใด,พวกเราจะต้องช่วยท่านอย่างแน่นอน!"เสี่ยวเหม่ยที่กล่าวออกมาในทันที.
"อีกไม่ถึงหนึ่งปี,จะต้องเกิดเรื่องบางอย่างกลับข้า,เมื่อถึงเวลานั้น,ข้าจะร้องขอท่านประมุขปล่อยพวกเจ้าไป,ข้าต้องการให้พวกเจ้าช่วยข้าส่งสิ่งของไปยังศาลเทวะต้าเจิ้ง!"เป่ยชิงซือที่กล่าวออกมาด้วยความเศร้า.
"แล้วเจ้าตำหนักน้อยไม่ไปเองล่ะ?"เสี่ยวเหม่ยเอ่ย.
"เกิดเรื่อง? เกิดเรื่องอันใด?
เป็นไปได้,หรือว่า,เจ้าตำหนักน้อย,ไม่ใช่ท่าน,จะเป็นท่านได้อย่างไร....!"เหสี่ยวหลิงที่อุทานออกมาในทันที.
ท่าทางของเสี่ยวหลิงที่เต็มไปด้วยความกระวนกระวาย,เสี่ยวเหม่ยเองก็เช่นกัน,ทว่าในเวลานั้น.
"เจ้าตำหนัก,คารวะเจ้าตำหนัก!"เสี่ยวเหม่ยที่เร่งรีบแสดงความเคารพทันที.
"คารวะเจ้าตำหนัก!"เสี่ยวหลิงเอ๋อก็เร่งรีบแสดงความเคารพในทันที.
ในเวลานั้นมีสตรีที่ดูคล้ายกับเป่ยชิงซือปรากฏขึ้น,ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเย็นชา,แม้แต่ทำให้ทุกคนรู้สึกขลาดเขลา,เป็นเจ้าตำหนักตำหนักเทพเหมันตร์นั่นเอง.
"ออกไป!"เจ้าตำหนักที่กล่าวกับสาวใช้ทั้งสอง.
"ค่ะ!"สาวใช้ทั้งสองที่เร่งรีบหนีไปในทันที.
เป่ยชิงซือที่ไม่หันมา,ทว่ายังคงหวีผมเบาๆ,แน่นอนว่า,นางสามารถมองเห็นว่าเจ้าตำหนักที่ก้าวมาด้านหลังจากในกระจกได้.
"ชิงซือ!"เจ้าตำหนักเทพหมันตร์กล่าวออกมาเบาๆ.
"เจ้าตำหนัก!"เป่ยชิงซือที่เอ่ยออกมาเบาๆ.
เจ้าตำหนักเทพเหมันตร์ที่ใบหน้ากระตุกเล็กน้อย,พลางถอนหายใจเบาๆ,"ดูเหมือนว่า,เจ้าจะจำบรรพชนเช่นข้าได้แล้ว!"
"ชิงซือไม่กล้า!"เป่ยชิงซือออกมาเบาๆ.
กับท่าทางที่ดูสูงส่งที่แผ่ออกมาของเจ้าตำหนัก.
ราวกับว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมามาย,ก่อนที่จะส่ายหน้าไปมา,"นับตั้งแต่วันแรกที่เจ้ากลับมา,ข้ารู้ว่าเจ้ามีพรสวรรค์ที่โดยเด่น,ทักษะเทวะทางสายโลหิตของข้า,เจ้าก้ไม่ได้ด้อยกว่าข้า,ข้ารู้สึกขอบคุณ."
เป่ยชิงซือที่ขบริมฝีปากแน่น.
"หากว่าเจ้าไม่ต้องการ,เจ้าก็ไปเถอะ,การบูชายันต์ในครั้งนี้,ข้าจะไปเอง,ข้าหวังเพียงว่าอีกหมื่นปีข้างหน้า,เจ้าจะช่วยจัดการทุกอย่างแทนข้า!"เจ้าตำหนักเทพเหมันตร์ที่ส่ายหน้าไปมา.
ใบหน้าของเป่ยชิงซือที่เจ็บปวด,จ้องมองชุดจงซานที่วางอยู่ด้านหน้า,น้ำตาของนางที่ไหลเป็นสาย,หลั่งออกมาไม่หยุด.
"การบูชายันต์ครั้งนี้,จำเป็นต้องมีดวงวิญญาณที่ดีที่สุด,ในตำหนักเทพเหมันต์ในเวลานี้,คนที่มีดวงวิญญาณบริสุทธิ์ที่สุดก็มีเพียงเจ้าและข้า,ในทุกๆหมื่นปี,หากว่าไม่ทำการบูชายันต์,ทั่วทั้งโลก,ประชาชนของโลกใบใหญ่จะตกอยู่ในความวุ่นวาย!"เจ้าตำหนักเทพเหมันตร์เอ่ยพลางถอนหายใจ.
"เจ้า,เจ้าตำหนัก! ข้า,ข้า.....!"เป่ยชิงซือที่ขบริมฝีปากแน่น.
"เจ้ากล่าวมา!"เจ้าตำหนักเทพเหมันตร์ที่จ้องมองไปยังเป่ยชิงซือ.
"กับคำพูดที่ข้าได้กล่าวกับเสี่ยวเหม่ยและเสี่ยวหลิงนั้น,ท่านควรจะได้ยิน,การบูชายันต์นี้,เมื่อข้าไปแล้ว,ข้าขอให้ท่านประมุขช่วยเรื่องหนึ่ง."เป่ยชิงซือที่กล่าวออกมาด้วยความยากลำบาก.
"เรื่องอะไร? เจ้ากล่าว!"เจ้าตำหนักเหมันตร์ที่ดวงตาเป็นประกาย.
"หลังจากนี้,เจ้าตำหนักได้โปรดปล่อยเสี่ยวเหม่ยและเสี่ยวหลิงจากไป,ข้าต้องการให้พวกนางนำสิ่งของบางอย่างไปยังต้าเจิ้ง!"ดวงตาของเป่ยชิงซือที่ยังคงน้ำตาไหลอาบไปทั้งสองแก้ม.
"ได้,ข้ารับปาก,เมื่อถึงเวลานั้น,ข้าจะคุ้มครองพวกนางไปยังต้าเจิ้งเอง!"เจ้าตำหนักเทพหมันตร์ที่กล่าวอย่างหนักแน่น.
"อืม!"เป่ยชิงซือที่พยักหน้ารับเบาๆ.
เห็นเป่ยชิงซือที่โศกเศร้ายิ่งกว่าเมื่อก่อน,เจ้าตำหนักที่เอ่ยออกมาเบาๆ,"ชิงซือ,เจ้าควรจะเห็นการบูชายันต์ในครั้งนี้ไม่ใช่แค่เพื่อตำหนักเทพเหมันตร์,ทว่าเพื่อทุกคนทั่วโลกใบใหญ่,เพื่อปุถุชนทุกคน,เพื่อบุรุษของเจ้า,การเสียสละของเจ้า,จะทำให้ทุกคนในโลกใบใหญ่รอดชีวิต,หลังจากนี้,ทุกคนจะต้องจดจำเจ้าได้!"
"ข้ารู้,ข้าจะพยายาม,เจ้าตำหนัก,ข้าต้องการพัก!"เป่ยชิงซือที่ระงับความโศกเศร้าเสียใจที่มากมายเอาไว้.
"ได้,เจ้าพักเถอะ!"เจ้าตำหนักเหมันตร์ที่กล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน.
จากนั้น,เจ้าตำหนักที่ออกมาจาห้องโถง,พร้อมกับพ่นลมหายใจยาว,ก่อนที่จะหายตัวไปในทันที.
ในห้องโถง,เป่ยชิงซือที่ยกชุดของจงซานขึ้นมากกอด,พร้อมกับซบหน้าร้องไห้อยู่ที่มุม,นางที่กอดชุดของเขาแน่น,น้ำตาที่ไหลออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจ.
บางที่การที่ซบหน้าร้องไห้ที่มุม,มันได้ทำให้เป่ยชิงซือมีกำลังใจมากขึ้น.
-------------------------------------------------------------------------
กลุ่มของจงซานที่เดินทางออกมาจากวิหารจวงจื่อ,มุ่งตรงไปยังดินแดนขั้วโลกเหนือ.
หลังจากใช้เวลาไม่กี่เดือน,กลุ่มของจงซานก็เดินทางมาถึงขั้วโลกเหนือ.
ดินแดนแห่งนี้ที่ถูกหิมะปกคลุม,บนท้องฟ้าที่มีหิมะล่วงหล่นลงมาตลอดเวลา,อุณหภูมิรอบๆที่เต็มไปด้วยความหนาวเย็น,ทว่าสำหรับเหล่ายอดฝีมือแล้ว,สภาพแวดล้อมเช่นนี้หาได้มีอะไรพิเศษ,เป็นเพียงภาพที่ดูแปลกตาเท่านั้น.
บนยอดเขาหิมะ,กลุ่มของจงซานทั้งสิบสองที่ร่อนลง,พร้อมกับจ้องมองไปยังสถานที่ลึกเข้าไปในด้านใน.
ที่ด้านหน้าของจงซาน,เวลานี้มีชายในชุดสีแดงกำลังนั่งคุกเข่าอยู่.
"หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนแดนขั้วโลกเหนือ,โต้วเหว่ยคารวะเซิ่งหวัง!"ชายในชุดสีแดงที่กล่าวออกมาด้วยความเคารพ.
หน่วยลาดตระเวนดินแดนขั้วโลกเหนือ,เป็นนางที่ดูน่าพึงพอใจ,ทว่านี่คือหน่วยลาดตะเวนที่ต้าเจิ้งส่งออกมาสำรวจดินแดนขั้วโลกเหนือ,ไม่ใช่แค่แดนขั้วโลกเหนือ,พื้นที่อื่นๆเองก็ถูกส่งออกไปด้วยเช่นกัน.
"ลุกขึ้น!"จงซานเอ่ยออกมาเบาๆ.
"ครับ!"โตวเหว่ยที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.
แม้นว่าโต้วเหว่ยจะถูกส่งออกมานานแล้ว,ไม่ได้รู้เรื่องอะไรที่เมืองหลวงมากนัก,ทว่า,การต่อสู้ที่เกิดขึ้นที่ต้าเจิ้งในครั้งนั้น,สามปราชญ์เทพ,ที่ถูกไล่กลับไป,ทั่วภาคเหนือทุกคนต่างก็ได้ยิน,สำหรับโต้วเหว่ยที่เป็นหน่วยเก็บข้อมูล,ย่อมรับรู้เรื่องราวดังกล่าวแน่นอน.
ปราชญ์เทพ,นี่คือตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกหล้า,ทว่าเซิ่งหวังกับรับมือกับปราชญ์เทพสามคน,ได้อย่างไร้รอยขีดข่วน,และยังตำหน้าปราชญ์เทพสองครั้งอีกด้วย.
ข่าวดังกล่าวนี้,ทำให้โต้วเหว่ยขนลุกทีเดียว,โตวเหว่ยเข้าร่วมต้าเจิ้งตั้งแต่โลกใบเล็ก,แน่นอนว่าเขารับรู้ถึงความแข็งแกร่งของเซิ่งหวังผู้นี้ดี.
ในโลกใบเล็กผ่านมาหลายแสนปีที่ไม่มีใครสามารถผนวกมันได้,หากแต่เซิ่งหวังกลับใช้เวลาเพียงแค่
800 ปี,ในการรวมโลกใบเล็กเป็นหนึ่ง,ก่อนที่จะแยกสวรรค์,สะบั้นปฐพี,แม้นว่าคราแรกจะกลายเป็นเมืองขึ้นของศาลเทวะไท่ชู,แต่โต้วเหว่ยก็เชื่อว่า,ขอเพียงแค่มีเวลา,เซิ่งหวังจะกลับมามีอำนาจได้แน่.
และแล้วเซิ่งหวังก็ทำสำเร็จ,ไม่กี่ร้อยปี,กลับมีคามแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก,สำหรับข้าราชบริพารต้าเจิ้งแล้ว,ย่อมเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ.
"มีข่าวอะไรเกี่ยวกับตำหนักเทพเหมันตร์หรือไม่?"จงซานสอบถาม.
"เซิ่งหวัง,เฉินไร้ความสามารถ,ไม่สามารถเข้าไปสำรวจด้านในได้!"โต้วเหว่ยเอ่ยออกมาในทันที.
"หืม?"
"อาณาเขตขั้วโลกเหนือนั้นใหญ่มาก,ใหญ่กว่าอาณาเขตทั่วไหลายเท่า,คนของพวกเราได้แยกออกเป็นสามกลุ่ม!"โต้วเหว่ยกล่าว.
จงซานที่ไม่กล่าวสิ่งใด,รอให้เขากล่าวต่อ.
"ส่วนแรก,สำรวจพื้นที่ทางใต้,ดินแดนรอบๆ,ซึ่งดินแดนดังกล่าวนั้น,มีสามราชวงศ์สวรรค์ครอบครอง,และมีสิบกว่าราชวงศ์ราชันย์,พวกเขาที่กำลังแย่งชิงดินแดนกันไม่หยุดหย่อน,ทว่าก็ไม่มีกองกำลังหลักใดที่จะแข็งแกร่งที่สุด,
"ส่วนที่สอง,สำรวจพื้นที่ทางเหนือ,ซึ่งเป็นเขตแดนของเผ่าจิงและตำหนักเทพเหมันตร์,ช่างน่าเศร้า,ความแข็งแกร่งของเฉินไม่พอ,ไม่สามารถเข้าไปได้.
"ทำไม?"จงซานสอบถาม.
"เพราะว่าส่วนที่สาม,พื้นที่ตอนกลาง,สถานที่ดังกล่าวมีกลุ่มอิทธิพลใหญ่ขวางกั้นอยู่,เป็นแดนเทวะเต๋าทมิฬ,พวกเขาขัดขวางคนนอกทั้งหมดเอาไว้,ไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปด้านในได้,เฉินลองทดสอบหลายครั้งแล้ว,หากแต่ก็ถูกคนของเผ่าเต่าทมิฬขวางกั้นในทุกครั้ง,ทำให้เฉินไม่สามารถกระทำการใดได้,ไม่สามารถทำภารกิจของต้าเจิ้งได้ลุล่วง."โต้วเหว่ยเอ่ย.
"อืม,ลำบากเจ้าแล้ว!"จงซานพยักหน้ารับ.
"ขอบพระทัยเซิ่งหวัง,เฉินยินดีทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้.
"เผ่าเต๋าทมิฬขวางคนภายนอก,ในแดนเทวะเต่าทมิฬมีเพียงคนในเผ่าเต๋าทมิฬอย่างงั้นรึ?"จงซานที่กล่าวสอบถาม.
จงซานที่จ้องมองออกไป,ที่ขอบฟ้าไกลนั้นมีเสาที่คำยันปฐพี,เสาดังกล่าวนั้นมีสีฟ้าเข้ม,เพราะว่ามันมีหมอกคอยปกคลุมอยู่รอบๆ,เมื่อแสงที่ส่องมาตัดกับของฟ้า,ทำให้ไม่สามารถมองเห็นทุกอย่างได้ชัดแจ้ง.
เสาสีเสาที่คำยันปฐพี,แม้แต่อยู่ไกลออกมามากยังมองเห็น,มันมีขนาดใหญ่,เสาทั้งสี่ยึดครองพินแดนทางตะวันออก,ใต้,เหนือและตะวันตก,ทั้งสี่ทิศทางแยกกันออกไป.
"มีครับ,ช่างน่าเศร้าที่เฉินเข้าไปไม่ได้,เผ่าเต๋าทมิฬไม่ให้พวกเราเข้าใกล้ได้เลย!"โต้วเหว่ยที่กล่าวออกมาในทันที.
"จงซาน,บางที....!"หวนจีที่เผยท่าทางจริงจังออกมา.
จงซาน?
โต้วเหว่ยที่หวาดผวา,สตรีคนนี้ใครกัน,คาดไม่ถึงเลยว่าจะกล่าวนามเซิ่งหวังออกมาตรงๆ.
"มีอะไร?"จงซานสอบถาม.
"กลิ่นอายโลกปิศาจสวรรค์,ข้าสัมผัสได้ถึงโลกปิศาจสวรรค์ที่รุนแรงมาก!"หวนจีที่ส่ายหน้าไปมา.
ที่มาจากhttps://lnmtl.com/novel/immortality
#นิยาย เรื่องอมตะ #Immortality#นิยายแปลไทย
Author(s)
สนใจสนับสนุนพวกเรา,เข้าร่วมกลุ่ม VIP ====> Click
ปัจจุบันแปลจบแล้ว 1672 ตอน สนใจติดต่อเข้ากลุ่มลับได้ครับ
***เว็ปฟรีอัพ สองวันหนึ่งตอน
***กลุ่มลับ แปลจบแล้ว.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น