Strongest Sect of All Times Chapter 215 By invitation of Patriarch Ai, opens mind
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 215 By invitation of Patriarch Ai,
opens mind 【Before dawn (3
- 5 am)】
受艾家主之邀,去开开眼界【第五更】
หอคอยเก็บประสบการณ์ที่แต่ละชั้นมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป.
ชั้นแรกคือการยกระดับกายเนื้อด้วยแรงโน้มถ่วง,เป็นกลั่นกายเนื้อให้ถึงขีดสุด.
ในชั้นนี้เป็นการฝึกฝนกายเนื้อล้วน
ๆ,ทว่าร่างกายทั้งหมดนั้นยังมีสิ่งจำเป็นต้องยกระดับด้วยเช่นกัน.
เลือดเนื้อคือรากฐาน,กระดูกคือแกน.
ภายใต้แรงโน้มถ่วงที่บีบอัด,ทำให้เลือดเนื้ออัดแน่นผสานเข้ากัน.
จากนั้น.
เป้าหมายของหอคอยเก็บประสบการชั้นสอง,นั่นก็คือการกลั่นกระดูก.
การกลั่นกระดูกไม่ได้ใช้แรงโน้มถ่วง,ทว่าการกลั่นกระดูกและเส้นโลหิตนั้นใช้เพลิงพิเศษ.
กลุ่มของซูเซียวโม่ที่ก้าวขึ้นไปบนชั้นสอง,ทั่วร่างปกคลุมด้วยเปลวเพลิงที่แปลกประหลาดขึ้นมาทันที,กระดูกและเส้นโลหิตถูกกลั่นอย่างบ้าคลั่ง.
กลั่นกายเนื้อ,ใช้แรงโน้มถ่วง.
ทว่าการกลั่นกระดูกและเส้นโลหิตนั้น,ใช้เปลวเพลิงที่แปลกประหลาดเผา,สร้างความเจ็บปวดที่มากมายยิ่งกว่าการกลั่นกายเนื้อซะอีก!
ด้วยการท้าทายก่อนหน้านี้,กลุ่มของซูเซียวโม่ยังไม่เป็นที่พอใจด้วยซ้ำ,เมื่อต้องพบกับประสบการที่รุนแรงกว่าเดิม,ก็ทนได้ไม่กี่วินาที,ร่างจิตวิญญาณก็ถูกส่งกลับร่างหลักทันที.
การลงโทษชั้นที่สองนั้น,มากกว่าชั้นแรกด้วยซ้ำ.
เห็นสภาพร่างกายทีกระตุกน้ำลายฟูมปากเช่นนี้,เกรงว่าคงต้องใช้เวลาฟื้นฟูสองวันเป็นแน่.
จุนซ่างเซียวที่ยืนส่ายหน้าไปมา จ้องมองคนทั้งสาม,”ชั้นแรกยังปรับตัวเองไม่ได้,เร่งรีบไปชั้นสอง,จะใจกล้าเกินไปแล้ว.”
ดูเหมือนว่าจะต้องปรับร่างกายให้คงที่จงแทบไม่ส่งผลถึงจะก้าวขึ้นไปชั้นต่อได้.
อย่างน้อยต้องสามารถอดทนได้หนึ่งชั่วโมง,โดยไม่รู้สึกอะไรซะก่อน.
กล่าวตามตรง,เวลานี้ยังไม่มีศิษย์คนใหนที่มีคุณสมบัติพอ.
ดังนั้น,การจะก้าวขึ้นไปยังชั้นสองนั้น,จึงเป็นงานที่ค่อนข้างหนักทีเดียว.
......
ศิษย์พี่ทั้งสามได้กลายเป็นตัวอย่างแล้ว,ทำให้ศิษย์ของสำนักไท่กู่เจิ้งตอนนี้ต้องกลั่นร่างกายอย่างจริงจัง.
การปรับร่างกายกับแรงโน้มถ่วงสิบเท่านั้น,ควรจะใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง,ให้ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด,จากนั้นก็บ่มเพาะวิชาต่าง
ๆได้อย่างปรกติ.
ที่จริงการกลั่นร่างกายนั้นทำเพียงหนึ่งชั่วโมง,ถือว่าเหมาะสมแล้ว,ไม่จำเป็นต้องแข็งขืน,ไม่ต้องกระทำจนตัวเองหมดเรี่ยวแรง.
หลี่ชิงหยางที่ตระหนักถึงเรื่องนี้,จึงไม่ได้ไล่ตามขีดจำกัดของตัวเองอีกต่อไป.
ทุก
ๆวันเขาจะกลั่นร่างกายเพียงสองชั่วโมง,จากนั้นก็บ่มเพาะวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็นและช่วยเจ้าสำนักจัดการงานในสำนักเหมือนเดิม.
ซูเซียวโม่และลี่เฟยตลอดจนคนอื่น
ๆเองก็หันมากระทำตาม.
ในความเห็นของพวกเขา,การกลั่นกายเนื้อนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งในวิถียุทธ์,พลังวิญญาณเองก็เป็นสิ่งจำเป็นไม่ต่างกัน.
จากนั้นมาทุกอย่างก็ค่อย
ๆกลับมาเป็นเหมือนเดิม,การพัฒนาของทุกคนที่ก้าวไปในทิศทางที่สมดุล.
อย่างไรก็ตาม.
ยังคงมีเพียงเซียวจุ้ยจื่อและเย่ซิงเฉินที่บ้าคลั่งสุดโต่ง,พวกเขาที่ยังไม่ยอมแพ้การกลั่นร่างกายให้ได้หกชั่วโมง.
กับความมุ่งหมายยกระดับกายเนื้อของพวกเขา,พลังใจของพวกเขาทั้งสองนั้น
เกินล้นจนผิดปรกติ.
จุนซ่างเซียวนั้นไม่ได้คิดจะห้ามทั้งสองแต่อย่างใด,ต้องไม่ลืมว่ากายเนื้อที่สุดยอด,ย่อมมีทางเลือกในวิถียุทธ์มากกว่าคนอื่น
ๆ.
เส้นทางในการฝึกฝนของแต่ละคนนั้นไม่มีใครผิดถูก,สุดท้ายแล้วเป้าหมายของทุกคนก็คือความแข็งแกร่ง.
......
ในช่วงนี้,จุนซ่างเซียวที่เริ่มแจกจ่ายวิชาฝ่ามือสะบั้นภูผา,ผนึกเจี่ยหยินให้กับเหล่าศิษย์ได้ฝึกฝน.
ฝ่ามือเปิดภูผานั้นเป็นวิชาฝ่ามือที่ทรงพลังมาก,ด้วยการรวบรวมพลังวิญญาณไว้ที่ฝ่ามือและปะทุพลังระเบิดภูผา.
ส่วนผนึกเจี่ยหยินนั้นเป็นวิชาในการป้องกัน,โดยใช้พลังวิญญาณ,สร้างม่านพลังปกคลุมร่างกาย.
วิชาทั้งสองแม้นว่าจะมีระดับไม่ได้สูงนัก,ทว่าง่ายในการฝึกฝน,และหากฝึกฝนไปจนถึงขั้นสุด,ก็จะช่วยยกระดับพลังบ่มเพาะและสนับสนุนการต่อสู้ได้เป็นอย่างมาก.
ภายในห้องหนังสือ.
จุนซ่างเซียวที่มีน้ำยาเปลี่ยนพรสวรรค์ระดับสูงสิบขวดออกมา,”ที่หุบเขาแห่งความตาย,ผลงานของพวกเจ้าไม่เลว,นี่คือน้ำยารับไปซิ.”
จางเหว่ยและกลุ่มศิษย์รากวิญญาณระดับกลางก้าวเข้ามา,รับน้ำยาเปลี่ยนพรสวรรค์คนละขวด.
หลังจากที่ดื่มน้ำยาแล้ว,รากวิญญาณของพวกเขาก็ยกระดับจากระดับกลางไปยังระดับสูง.
หุบเขาแห่งความตาย,หลงจื่อหยางและหลี่ยูหัวเองก็แสดงผลงานไม่เลวเช่นกัน,แต่เพราะพวกเขาเข้ามาทีหลัง,จุนซ่างเซียวจึงเลือกศิษย์ที่เข้ามาก่อน.
ศิษย์มีมากมาย,ทรัพยากรมีจำกัด.
จำเป็นต้องมีการคัดสรรเลือกคนที่สมควรที่สุด.
“น้ำยานี้มันอะไรกัน,หลังจากดื่มแล้ว,รากวิญญาณและพลังบ่มเพาะเพิ่มขึ้นอย่างคาดไม่ถึง!”
“น่าเหลือเชื่อ!”
“เจ้าสำนักมอบน้ำยาที่กลั่นมาจากผลไม้เซียนอย่างงั้นรึ?”
ศิษย์สิบคนที่ตื่นตะลึง.
รากวิญญาณที่ยกระดับขึ้นไปยังระดับสูง,ไม่เพียงแค่ทำให้พวกเขาประหลาดใจ,หนทางที่จะก้าวไปยังศิษย์สายใน,ในอนาคตเปิดขึ้นในทันที.
......
เหล่าศิษย์ที่พลังบ่มเพาะไม่สูงพวกเขาจึงใช้ได้แค่เครื่องปั้นกล้ามเนื้อและค่ายกลรวมวิญญาณ,ไม่สามารถเข้าไปในหอคอยเก็บประสบการได้.
เกี่ยวกับการฝึกฝนของศิษย์,สำนักไท่กู่เจิ้งจำเป็นต้องยกระดับทั้งวิถียุทธ์และประสบการณ์.
เกี่ยวกับประสบการณ์ถูกแก้ไขได้แล้ว,ทว่าปัญหาที่มีตอนนี้คือทรัพยากรในการยกระดับวิถียุทธ์.
ทรัพยากรวิถียุทธ์ก็มีเม็ดยา,อาวุธตลอดจนศิลาวิญญาณ.
เม็ดยาและอาวุธด้วยฟังชั่นปรุงยาและหลอมอุปกรณ์,ส่วนศิลาวิญญาณนั้นนับว่าหายากเอาการ.
ในตลาดนั้น,อัตราแลกเปลี่ยน หนึ่งก้อนศิลาวิญญาณเท่ากับเงินหนึ่งหมื่นเหรียญ,ด้วยเงินที่เขามีหากว่าแลกเปลี่ยนออกไป,ก็จะได้ศิลาวิญญาณหนึ่งพันกว่าก้อน.
ตัวเขาคนเดียวก็ดูดซับก็หมดแล้ว,ไม่มีเหลือให้ศิษย์หลายร้อยคนแน่.
“จนจริง ๆ.”
จุนซ่างเซียวที่นั่งอยู่ในห้องหนังสือ,บีบกระหมับตัวเองไปมา.
หากไม่มีระเบิดเวลาล่ะก็,เขาคงจะค่อย
ๆก้าวเดินพัฒนาอย่างเชื่องช้าในต่างโลกได้.
ด้วยชีวิตที่ก้าวเดินอยู่บนเส้นด้าย,เจ้าสำนักจุนจึงต้องค้นหาวิถีในการหาทรัพยากรฝึกฝนให้ได้มามากที่สุด.
ที่จริงด้วยหอคอยเก็บประสบการ,ก็เพียงพอที่จะให้ศิษย์ของเขาแข็งแกร่งได้อย่างแน่นอน,ทว่าการจะทำให้สำนักทรงพลังอย่างรวดเร็วนั้นยังไม่พอ!
เส้นตายของภารกิจหลักนั้นเพียงแค่หนึ่งร้อยปี,เขาจำเป็นต้องเร่งระดับให้มากที่สุด,ไม่สามารถที่จะก้าวไปอย่างเชื่องช้าได้!
“ด้วยเม็ดยาฟื้นฟูจำนวนมาก,คงจะพอได้รับเงินทุนอยู่ไม่น้อย.”จุนซ่างเซียวกล่าวเสียงเบา.
เขายังไม่คิดที่จะปล่อยเม็ดยาบูรณะร่างกายออกไปจำนวนมาก.
สิ่งนี้เป็นเม็ดยาที่ต่อต้านสวรรค์ยิ่งกว่าเม็ดยาฟื้นฟู,หากขายเป็นจำนวนมาก,ย่อมส่งผลทำให้กลุ่มอิทธิพลใหญ่หันมาจับตามองแน่.
ถึงเขาจะต้องการขายยา,แต่ก็ไม่ต้องการดึงศัตรูเข้ามาหาด้วยเช่นกัน,ในเวลานี้เขายังไม่มีพลังเพียงพอที่จะรับมือนั่นเอง.
“เจ้าสำนัก.”
ในเวลานั้น,หลี่ชิงหยางที่ก้าวเข้ามาหา,เอ่ยออกไปว่า,”ประมุขอ้ายขอพบ.”
มีเรื่องอันใดกัน?
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”เชิญที่ห้องโถงใหญ่.”
“ครับ.”
......
ประมุขอ้ายได้มาพบเขาก่อนหน้านี้แล้ว,เจ้าสำนักจุนจะเดินทางไปยังหุบเขาแห่งความตาย,ดังนั้นการมาเยือน,เป็นเพราะเขาต้องการให้เจ้าสำนักจุนเข้าร่วมงานประมูลครั้งนี้นะเอง.
“เรื่องนี้......”
หลังจากพอคาดเดาเกี่ยวกับเป้าหมาย,ทำให้เจ้าสำนักจุนลังเลเล็กน้อย,กล่าวออกไปว่า,”ประมุขอ้าย,เปิ่นจั้วนั้นมีงานมากมาย,คงไม่มีเวลาเข้าร่วมประมูล.”
นี่เขาไม่มีความสนใจเลยจริง ๆ.
“เจ้าสำนักจุน.”
ประมุขอ้ายเอ่ย,”มียอดฝีมือและกลุ่มอิทธิพลใหญ่เข้าร่วมงานประมูลในครั้งนี้,มีเหล่าคนจากมนทลอื่น,ไม่คิดจะเปิดหูเปิดตาหน่อยรึ?.”
“อีกอย่าง.”
เขาที่หยุดและเอ่ยกล่าวออกมาว่า,”มีเจ้าวัง,วังเมี่ยวฮัวก็มาด้วย.”
จุนซ่างเซียวเผยท่าทางประหลาดใจ,”นี่การประมูลครั้งนี้มีนิกายระดับสี่เข้าร่วมด้วยรึ?”
ประมุขอ้ายที่เผยยิ้มออกมา,”เจ้าสำนักจุน,ไม่เคยได้ยินเรื่องของเจ้าวัง,วังเมี่ยวฮัวอย่างงั้นรึ?”
“ไม่เคยได้ยินเลย.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
ประมุขอ้ายเอ่ย,”เจ้าวัง,วังเมี่ยวฮัวนั้นก็เหมือนกับประมุขจริง,ยังเป็นผู้เยาว์,อีกทั้งยังกล่าวได้ว่าเป็นสตรีที่งดงามมีชื่อเสียงที่สุดของแผ่นดินก็ว่าได้.”
“หืม?”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”เจ้าวัง,วังเมี่ยวฮัวเป็นสตรีรึ?”
“ไม่ผิด.”
ประมุขอ้ายกล่าว,”วังเมี่ยวฮัวนั้นรับศิษย์เพียงสตรีเท่านั้น,ถือว่าเป็นสำนักสตรีที่มีน้อยนิดในทวีปชิงหยุน.”
“ยังเยาว์อยู่รึ?”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
ประมุขอ้ายเอ่ย,”เจ้าวังเมี่ยวฮัวนั้นมีอายุยังไม่ถึง
20 เลยด้วยซ้ำ,ทว่ากับมีความงามที่โดดเด่น,ที่จะพบเห็นในหมื่นปี.”
“เอิ่ม.”
จุนซ่างเซียวเอ่ยอย่างจริงจัง,”ประมุขอ้ายอุตส่ามาชวนอย่างจริงจัง,หากเปิ่นจั้วปฏิเสธ,ดูจะไร้เหตุผลไปหน่อย.”
เขาที่ตัดสินใจในทันที.
เขาต้องการรับรู้ว่าความงามที่ไม่เคยมีมาในหมื่นปีจะเป็นอย่างไร,ถือว่าเป็นการเปิดหูเปิดตาด้วย!
ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น