Strongest Sect of All Times Chapter 214 Jun Changxiao’s inference 【Fourth】
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 214 Jun Changxiao’s inference 【Fourth】
君常笑的推理【第四更】
หอคอยเก็บประสบการณ์ชั้นที่หนึ่ง.
จุนซ่างเซียวที่ใบหน้าเคร่งขรึมซับซ้อนแบกรับแรงโน้มถ่วงสิบเท่า.
ในเวลานี้เวลาผ่านมาสี่ชั่วโมงแล้ว,แม้นว่าเขาจะยังทนได้ทว่าเวลานี้กับรู้สึกไม่ค่อยดีนัก.
ในทางตรงกันข้าม.
ลู่เชียนเชียนยังคงยืนนิ่ง,เพียงขมวดคิ้วเล็กน้อย,ท่าทางเหนื่อยอ่อน,แต่แววตายังคงผ่อนคาย.
ในเวลานั้น.
จุนเซียวก็เข้าใจในที่สุด,ทำไมนางไม่สนใจห้องปั้นกล้ามเนื้อ,แท้จริงแล้วกายเนื้อของนางก็แข็งแกร่งอยู่แล้ว,ไม่จำเป็นต้องยกระดับแต่อย่างใด.
อายุยังน้อย,มีพลังบ่มเพาะที่ลึกล้ำ,มีกายาธาตุน้ำแข็ง,ศิษย์หญิงใหญ่ดูเหมือนว่าจะไม่ธรรมดาเป็นอย่างมาก.
“เชียนเชียน......”
จุนซ่างเซียวที่อดทนต่อแรงโน้มถ่วงกล่าวออกมาอย่างยากลำบาก,”เจ้า...มีภูมิหลังใด?”
ลู่เชียนเชียนกล่าว,”ข้าไม่มีภูมิหลังใด.”
ไม่มีภูมิหลัง? ใครจะเชื่อกัน.
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”เจ้ามีรากวิญญาณศักดิ์สิทธิ์,มีกายาธาตุน้ำแข็ง,ควรจะมาจากตระกูลใหญ่ที่น่าเกรงขาม.”
แววตาของลู่เชียนเชียนที่ตื่นตระหนก,ลอบคิดในใจ,”นี่เขารู้รากวิญญาณของข้าได้อย่างไร?”
หลังจากที่เขาซื้อแว่นกันแดดหรูหรา,นอกจากโจวหงที่เป็นมือกระบี่,เจ้าสำนักจุนย่อมสามารถเห็นข้อมูลทุกอย่าง.
“ก็เป็นได้ว่า”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”บางทีเจ้าคงมาจากนิกายหลัก.”
ได้ยินคำว่า,นิกายหลัก,แววตาของลู่เชียนเชียนสั่นไหวไปมาทันที.
แม้นว่านางจะปกปิดได้เป็นอย่างดี,ทว่าการจะหลบให้พ้นจากจุนซ่างเซียวย่อมเป็นไปไม่ได้,จุนซ่างเซียวที่ลอบคิดในใจ,”ดูเหมือนว่า,นางจะมาจากนิกายหลักจริง
ๆ.”
รากวิญญาณศักดิ์สิทธิ์.
ต้องเป็นนิกายที่สูงกว่าระดับสามขึ้นไปแน่นอน.
ในเมื่อนางมาจากนิกายหลัก,ทำไมถึงได้มายังมนทลชิงหยาง,เข้าร่วมสำนักที่ไม่เป็นที่รู้จักกัน?
ในเวลานี้,ราวกับวิญญาณโฮมส์และโคนันได้เข้าสิงเขาแล้ว.
เจ้าสำนักจุนที่ราวกับใช้ความคิด,พร้อมกับคาดเดาไปต่าง
ๆ,พบว่านางเผยท่าทางประหลาดใจ,ดูคล้ายว่านางออกมาจากนิกายหลักและเข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้งจริง
ๆ.
หากมันเป็นไปตามที่เขาคาดคำนวน,แล้วปัญหามันอยู่ที่ใดกัน.
ลู่เชียนเชียนเอ่ย,”เรื่องของข้า,เจ้าสำนักไม่รู้จะเป็นการดีที่สุด.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นที่นิกายหลัก,จนเจ้าต้องจากมา,และเข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้งเพื่อหาที่พักพิง.”
”......”
เห็นชัดเจนจากท่าทางของนาง,เขาคงจะเดาถูกต้อง.
เห็นนางเงียบลง,จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ดูเหมือนว่า,เปิ่นจั้วจะคาดเดาใกล้เคียงความจริง.”
ลู่เชียนเชียนไม่เอ่ยอะไรอีกต่อไป,ตั้งใจทนต่อแรงโน้มถ่วงต่อไป.
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”เจ้าเป็นศิษย์ของสำนักไท่กู่เจิ้งวันเดียว,ก็เป็นศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งของข้าตลอดชีวิต,หากเจ้ามีศัตรู,เปิ่นจั้วจะรับผิดชอบเจ้าเอง.”
ลู่เชียนเชียนจ้องมองมายังเขา,เอ่ยออกไปว่า,”หากศัตรูของข้าเป็นจักรพรรดิยุทธ์,เป็นปราชญ์ยุทธ์,เจ้าสำนักยังจะรับผิดชอบข้าหรือไม่?”
จักรพรรดิยุทธ์,ปราชญ์ยุทธ์รึ?
สตรีผู้นี้มีศัตรูทีแข็งแกร่งขนาดนี้เลยรึ?
ลู่เชียนเชียนเอ่ย,”เจ้าสำนักควรตั้งใจพัฒนาสำนัก,เรื่องของข้า,ข้าจัดการเองได้.”
“ลู่เชียนเชียน,ฟังข้า!”
จุนซ่างเซียวที่พยุงร่างที่เริ่มโก่งโค้ง,”กล่าวออกไปว่า,”ถึงศัตรูของเจ้าจะเป็นราชันย์ยุทธ์ที่สูงส่ง,ข้าที่เป็นเจ้าสำนักไท่กู่เจิ้ง,ก็จะรับผิดชอบชีวิตของเจ้า!”
เสียงที่เคร่งขรึมอย่างไม่ธรรมดา.
ทว่าด้วยแรงโน้มถ่วงสิบเท่า,ทำให้ใบหน้าดูจริงจัง,น่านับถือยิ่งกว่าเดิม.
ลู่เชียนเชียนที่ตะลึงงัน.
“พรึดโครม.”
เพราะว่าฝืนพูดออกมาทำให้ขาดสมาธิ,เจ้าสำนักจุนที่ล้มลง,ร่างจิตวิญญาณที่สลายไป,คืนกลับร่างต้น.
ลู่เชียนเชียนยังคงยืนอยู่ที่ชั้นแรก,ในหูของนางยังคงมีคำพูดของเจ้าสำนักดังก้องอยู่.
ในเวลาต่อมา.
ที่มุมปากของนางที่เผยยิ้มยกขึ้นอย่างคาดไม่ถึง.
สตรีน้ำแข็ง,คาดไม่ถึงว่าจะยิ้มหวานถึงเพียงนี้!
เดิมทีลู่เชียนเชียนก็เป็นสตรีที่งดงามอยู่แล้ว,ทว่าด้วยรอยยิ้มที่เพริศแพร้วในเวลานี้,ทำให้งดงามเกินคำบรรยาย.
น่าเสียดาย,เจ้าสำนักจุนได้ออกมาจากหอคอยแล้ว,จึงไม่สามารถได้เห็นเป็นพยานความงามของนางได้.
......
เช้าวันถัดมา.
ภายใต้การสั่งการของจุนซ่างเซียว,หอคอยเก็บประสบการชั้นที่หนึ่ง,จึงถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน.
ส่วนหนึ่งสำรับศิษย์ชาย,อีกส่วนสำหรับศิษย์หญิง.
เหล่าศิษย์หญิง,ถูกแบ่งแยกออกมาเป็นพิเศษโดยเฉพาะ,ให้พวกนางได้ฝึกฝนเป็นการส่วนตัว.
แน่นอนว่าศิษย์หญิงส่วนมากย่อมเป็นกังวลถึงภาพพจน์,ใครจะทนได้เมื่อต้องอยู่ในสภาพ
ไม่น่าดูขณะอดทนต่อแรงโน้มถ่วง,พวกนางย่อมเขินอายเมื่ออยู่ต่อหน้าศิษย์ชาย.
เป็นความจริง,หลังจากแยกพื้นที่เป็นสัดส่วน,เหล่าศิษย์หญิงที่เข้ามาร่วมท้าทาย,ทำให้พวกนางสามารถอดทนได้อย่างเต็มที่,และมีหลายคนที่ผ่านการท้าทายมากขึ้นกว่าเดิม.
โดยเฉพาะหลิงหยวนเสวี๋ยที่พัฒนาอย่างชัดเจน.
นางที่ยกระดับจาก 30
นาที,เป็นห้าสิบนาทีและผ่านการท้าทายได้ในที่สุด.
เหล่าศิษย์ชายเองก็ไม่ธรรมดา,พวกเขาที่แข็งขืนอดทนได้ดีกว่าเดิม.
ด้วยการยกระดับของกายเนื้อในแต่ละวัน,ความแข็งแกร่งของพวกเขาเพิ่มขึ้นเรื่อย
ๆ.
......
หลังจากที่มีหอคอยเก็บประสบการณ์,หลี่ชิงหยางและศิษย์อีกหลาคนที่หยุดบ่มเพาะพลังวิญญาณ,เวลานี้หลัก
ๆแล้วพวกเขาต้องการยกระดับกายเนื้อ,สร้างรากฐานให้มั่นคง,ซึ่งจะช่วยยกระดับวิถียุทธ์ของพวกเขาได้ในภายหลัง.
เย่ซิงเฉินผู้มีประสบการณ์มากมาย,เข้าใจเรื่องนี้ดี,เขาที่
ทั้งวี่ทั้งวัน,ฝึกฝนยกระดับกายเนื้อของตัวเองไม่หยุดหย่อน.
“ขอเพียงข้ามีกายเนื้อที่แข็งแกร่งทรงพลังเพียงพอ,เมื่อไปถึงระดับราชันย์ยุทธ์,จะสามารถฉีกห้วงอากาศก้าวสู่อาณาจักรเบื้องบนได้โดยง่าย!”
อดีตราชันย์รัตติกาลที่ดวงตาลุกโชนด้วยความมุ่งมั่น,ท้ายที่สุด,เขาก็สามารถอดทนได้ห้าชั่วโมง.
หากแต่ยังไม่เพียงพอสร้างสถิติใหม่.
ที่ตอนนี้อยู่ที่หกชั่วโมงแล้ว!
......
สิบวันหลังจากนั้น.
หลังจากที่ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งมุ่งมั่นท้าทายหอคอยชั้นแรก,ส่วนใหญ่ก็สามารถทนได้หนึ่งชั่วโมงแล้ว.
โดยเฉพาะกลุ่มศิษย์สายใน,หนึ่งชั่วโมงเวลานี้พวกเขาเพียงแค่ขมวดคิ้วเท่านั้น.
ยิ่งท้าทายนานวันเข้า,ร่างกายของพวกเขาก็เริ่มปรับตัวเข้ากับแรงโน้มถ่วงสิบเท่า,ทว่าต้องการยกระดับให้สูงกว่านั้นมีเพียงแค่ก้าวผ่านขีดจำกัดตัวเองให้ได้.
นอกจากหลี่ชิงหยาง,เย่ซิงเฉิน,เซียวจุ้ยจื่อที่ชื่นชอบแรงโน้มถ่วงสิบเท่าเป็นอย่างมาก,พวกเขาที่ไม่ได้กลั่นร่างกายอย่างเอาเป็นเอาตายมาพักหนึ่งแล้วนั่นเอง.
ซูเซียวโม่,ลี่เฟยและคนอื่น
ๆที่ไล่ตามมาอย่างช่วยไม่ได้,ตอนนี้พวกเขาที่คิดต้องการลองชั้นที่สองบ้างแล้ว.
ก่อนหน้านี้พวกเขาเพียงแค่คิด,หลังจากทนได้หนึ่งชั่วโมงก็หมดแรงแล้ว,จึงไม่สามารถที่จะก้าวต่อไปด้านหน้าได้.
ตอนนี้เมื่อผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแม้นว่าจะรู้สึกเจ็บระบมอยู่,แต่ก็ยังคงยกขาขึ้นได้อย่างไม่ยากเย็นนัก.
“ไปกัน...”
ซูเซียวโม่,”ไปยัง...ชั้นสอง!”
“กึก!”
เขา,ลี่เฟยและเถียงซีที่ก้าวขึ้นบันไดไปยังชั้นสองในที่สุด.
ศิษย์หลายคนที่เผยท่าทางเศร้าใจ,แววตาเผยความอิจฉาออกมา,ลอบคิดในใจ,”ข้าเพียงแค่ผ่านหนึ่งชั่วโมงก็แทบยกขาไม่ขึ้นแล้ว,จะตามศิษย์พี่ไปได้อย่างไร!”
“ฟิ้ว!”
หอคอยเก็บประสบการณ์ชั้นที่สองเป็นประกาย.
“ซูเซียวโม่,ท้าทายหอเก็บประสบการณ์ชั้นที่สอง!”
“ลี่เฟย,ท้าทาย......”
“เถียนซี,ท้าทาย......”
เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น,เสียงที่เคร่งขรึมโบราณก็ดังขึ้น,”ซูเซียวโม่,ลี่เฟยและเถียนซี
ท้าทายล้มเหลว!”
“กึกซี่!”
“ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!”
ประตูหอคอยที่เปิดออก,ซูเซียวโม่,ลี่เฟยและเถียนซี่ก็ถูกส่งออกมา.
ทั้งสามที่ดวงตาเหลือกค้าง,ปากพ่นฟองน้ำลายฟองฟอด,ร่างกระตุก,เจ็บปวดจากการลงโทษ,ดูเหมือนว่าจะหนักหนากว่าซุยปูเจี้ยนที่พ่ายแพ้ก่อนหน้าด้วยซ้ำ.
“แฮกกก!”
เหล่าศิษย์หลายคนที่กลั่นร่างกายอยู่,มองเห็นศิษย์พี่ทังสามอยู่ในสภาพที่อนาถเป็นอย่างมาก,ถึงกับต้องสูดลมหายใจที่เย็นเยือบเข้ามา.
ชั้นที่สอง...ยืนยันได้ว่ามันหนักหนารุนแรงน่าพรั่นพรึงขนาดใหน!
……
ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น