Strongest Sect of All Times Chapter 204 Black Eagle Hall custom
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 204 Black Eagle Hall custom
黑鹰堂的规矩
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ไร้สังกัดที่ออกมาจากด้านใน,ต่างก็บอกว่าสำนักไท่กู่เจิ้งถูกมังกรเพลิงสังหารไปหมดแล้ว,ทว่าตอนนี้ทุกคนกลับออกมาครบทั้งหมด.
พวกเขาถูกตบหน้าอย่างรุนแรง,จนอ้าปากค้าง.
เจ้าสำนักจุนที่รู้ดี,คงจะมีหลายคนที่แอบหัวเราะเยาะเขาก่อนหน้านี้,ทั้งที่เขาขี่พยัคฆ์สายฟ้าม่วง,เผยความเท่ห์ออกมา,ก็ยังมีคนสงสัยในตัวเขา,ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะถูกตบหน้าเข้าอย่างจังแล้วสินะ.
เห็นทุกคนที่อึ้งนิ่งพูดอะไรไม่ออก.
จุนซ่างเซียวกล่าวด้วยน้ำเสียงสดใส,”กลับสำนัก!”
“รับทราบ!”
ศิษย์ทุกคนที่ตะโกนออกไปเสียงดัง.
ภายใต้ใบหน้าที่แข็งค้างของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ไร้สังกัด,เจ้าสำนักจุนที่ขี่พยัคฆ์,เตรียมนำศิษย์จากไป.
การเดินทางครั้งนี้เก็บเกี่ยวได้มากมาย.
อารมณ์ของเขาย่อมยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก,ไม่สนใจคนอื่นจะคิดอย่างไร.
“เจ้าสำนักจุน.”
ที่ด้านหลัง,ซ่งฮุยและอีกลายคนก้าวตามมา.
จุนซ่างเซียวเอ่ย,มีเรื่องอะไรอย่างงั้นรึ?”
ซ่งฮุยที่ยกมือประสานเอ่ยออกมาว่า,”เจ้าสำนักจุน,ข้าและทุกคนต้องการเข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง,ไม่รู้ว่าจะรับพวกเราได้หรือไม่?”
หลังจากเห็นความแข็งแกร่งของสำนักไท่กู่เจิ้งแล้ว,หากมีเชาว์ปัญญา,ย่อมเข้าใจว่าสำนักนี้มีพลังที่ร้ายกาจมีอนาคตที่สดใส,หากสามารถเข้าร่วมตั้งแต่เนิ่น
ๆ,แน่นอนว่าย่อมเป็นการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมแน่นอน.
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”เข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง,ทำไมจะไม่ได้ล่ะ.”
ภายในใจของทุกคนที่เผยความดีใจ.
“แต่ว่า.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”สิ่งของที่พวกเจ้าเก็บเกี่ยวได้,ต้องมอบให้กับเปิ่นจั้ว,เป็นค่าใช้สมัคร.”
ห๋า??
ทุกคนที่หวาดผวา.
จ่าย 2000,เพื่อเก็บของเหลือ,กว่าจะเก็บสิ่งของมีค่าได้,ตอนนี้ต้องมอบให้ทั้งหมด
ไม่เท่ากับว่าสิ่งที่พวกเขาพยายามลงทุนไป,เสียเปล่าหรอกรึ?
“เจ้าสำนักจุน,คำของของท่านมากเกินไป.”ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าว.
“ขอลา!”
ผู้ฝึกยุทธ์อีกคนที่ยกมือประสานแล้วจากไป.
ในเวลานั้น,ผู้ฝึกยุทธ์ไร้สังกัดแปดคน,ตอนนี้เหลือเพียงซ่งฮุยและอีกสองคน.
พวกเขาไม่ได้ตัวคนเดียว,ยังมีครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบ,ด้วยทรัพย์สินจำนวนนี้,มันสำคัญยิ่งกว่าชีวิต.
“เจ้าสำนักจุน.”
ซ่งฮุยที่แววตาหนักแน่น.”ข้ายินยอม!”
กล่าวจบ,เขายื่นแหวนออกไปสองวง.
เขานั้นย่อมใส่ใจกับเงินเป็นอย่างมาก,อย่างไรก็ตามของเขานี้มันจำเป็นในการซื้อทรัพยากรในการฝึกฝน,ทว่าหากคิดใครครวญให้ดี,การเข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้งย่อมมีค่ากว่าทรัพยากรเหล่านั้นมาก!
ตั้งแต่การเดินทางเข้าไปในหุบเขาแห่งความตายเป็นเหมือนกับการเดิมพัน,ตอนนี้การใช้ทรัพยากรทั้งหมดก็เป็นการเดิมพันด้วยเช่นกัน.
“พวกเราก็ด้วย!”
อีกสองคนก็ยินดีพร้อมกับส่งแหวนเก็บของออกไปเช่นกัน.
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ไป,กลับสำนักไท่กู่เจิ้งค่อยลงทะเบียนอย่างเป็นทางการ.”
เมื่อครั้งเขาจะออกไปสังหารมังกรเพลิงนั้น,ซ่งหุยและพวกสามคนอาสาที่จะช่วย,เขาสามารถมองเห็นความจริงใจของพวกเขาได้.
ตอนนี้พวกเขายินดีที่จะจ่ายทุ่มทั้งหมด,อธิบายได้ว่าพวกเขายอมรับสำนักไท่กู่เจิ้งจริง
ๆ,แน่นอนว่าเขาต้องรับ,อีกอย่างยังเหลือโควตาถึง 500 ที่.
สำหรับคนที่ปฏิเสธที่จะจ่ายก่อนหน้านี้,ถึงพวกเขานั่งคุกเข่าขอร้อง,ก็ไม่มีคุณสมบัติเป็นศิษย์ของเขา.
......
หลังจากเดินทางมาไม่นาน.
จุนซ่างเซียวก็มาหยุดที่ลำธารแห่งหนึ่ง,และให้ศิษย์ได้หยุดพัก.
ตั้งแต่ที่ออกมาจากหุบเขาแห่งความตาย,ก็เปื้อนฝุ่นควันมาตลอดทั้งวัน,ตอนนี้จึงต้องพักชำระล้างร่างกาย.
เพราะว่ามีลู่เชียนเชียนและหลิงหยวนเสวี๋ย,หลี่ชิงหยางจึงได้ทำการแบ่งพื้นที่กันเป็นสัดส่วน.
จุนซ่างเซียวที่ทำความสะอาดร่างกายและเปลี่ยนชุดเจ้าสำนักใหม่,ซึ่งคนอื่นเองก็เช่นกัน.
“เสี่ยวโม่,เสี่ยวเฟย.”
เขาที่ตะโกนออกไป,”ไปหาฟืน,เตรียมย่างเนื้อ.”
นับตั้งแต่ออกมาจากหุบเขาแห่งความตาย,พวกเขามีเนื้อมากมาย,สามารถนำมาย่างกินได้ในทันที.
“ครับ!”
หลังจากเปลี่ยนชุดใหม่เสร็จแล้ว,ซูเซียวโม่และหลี่เฟยที่ออกไปหาไม้และฟื้นกลับมา.
สำหรับพวกของซ่งฮุยแม้ว่าจะยังไม่ได้รับอย่างเป็นทางการ,พวกเขาก็กลมกลืนเข้ากับคนในสนัก,และช่วยเหลือคนอื่น
ๆอย่างกลมเกลียว.
แม้นแต่ช่วยทุกคนย่างเนื้อ.
ตลอดหลายปีมานี้พวกเขาที่ต้องโลดโผนอยู่ในป่าเขาตลอด,แน่นอนว่าย่อมต้องเชี่ยวชาญการย่างเนื้อด้วยเช่นกัน.
“ฟู่ ฟู่!”
เปลวเพลิงที่ลุกโชตช่วง,เนื้อยางที่เสียบบนพื้นอังความร้อน.
“ฟิ้ว! ฟิ้ว!”
อย่างไรก็ตามขณะที่ทุกคนกำลังกินเนื้อย่างอยู่นั้น,จากในป่าทึบก็มีคนจำนวนหนึ่งเข้ามาล้อมกรอบพวกเขาเอาไว้ในทันที.
คนเหล่านี้สวมชุดสีดำล้วนที่หน้าอกมีอักษรคำว่า”อิง”(อินทรีย์)
ปักอยู่.
ชายวัยกลางคนที่ผมสูง,ดวงตาเป็นประกาย,ดูมีความแข็งแกร่งไม่น้อย.
เห็นอักษรคำว่า”อิง”บนอกเสื้อ,ซ่งฮุยที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นซับซ้อนก่อนที่จะเข้ามาใกล้เอ่ยกล่าวเสียงเบา,”เจ้าสำนัก,คนเหล่านี้คือคนจากหออินทรีย์ดำ!”
หออินทรีย์ดำ?
หลี่ชิงหยางที่ใบหน้าเปลี่ยนสีเช่นกัน.
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ร้ายกาจขนาดนั้นเลยรึ?”
หลี่ชิงหยางที่กล่าวอย่างจริงจัง,”เจ้าสำนัก,หออินทรีย์ดำนั้น,เป็นสำนักมารขั้นที่เจ็ดอยู่มนทลฮวยหยิง.
“สำนักมาร?”
จุนซ่างเซียวที่เผยท่าทางประหลาดใจ.
ตั้งแต่ผ่านมายังต่างโลก,เขาก็เข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างของทวีปชิงหยุนดี,ว่าสำนักต่าง
ๆนั้นแยกออกเป็นธรรมมะและอธรรม.
ยกตัวอย่างเช่นสำนักเห่าฉี,สำนักดาบใหญ่ล้วนแต่อยู่ฝั่งสำนักธรรมมะ.
สำนักมารหรือสำนักฝ่ายอธรรม,เป็นสำนักที่ฝึกฝนวิชาที่ดุร้าย.
มนทลชิงหยางนั้นมีพันธมิตรร้อยสำนัก,ดังนั้นจึงไม่มีสำนักมาร,ด้วยเหตุที่สำนักฝ่ายธรรมมะจับมือรวมพลังกัน,จึงได้กวาดล้างสำนักมารออกไปทั้งหมดในมนทลชิงหยาง.
ส่วนมนทลฮวยหยิงนั้นแตกต่าง.
ที่นั่นไม่มีองค์กรร่วมมือกัน,ต่างคนต่างอยู่,ต่างคนต่างปกป้องตัวเอง,ทำให้มีสำนักมารโผล่ขึ้นมาหลายสำนัก
กล่าวอีกอย่างหนึ่ง.
ในมนทลฮวยหยิงนั้น,สำนักมารเจริญเติบโตมากกว่าสำนักฝ่ายธรรมมะนั่นเอง.
กล่าวได้ว่าสำนักมารนั้นมีความสามารถในการต่อสู้ที่ร้ายกาจเป็นอย่างมาก.
แล้วจะแยกสำนักมารและธรรมมะอย่างไร?
ในโลกที่ดุร้ายเช่นนี้,การฆ่าฟันกันและกันแทบจะเป็นเรื่องปรกติ,ทว่าสำนักมารนั้นไม่มีกฎเกณฑ์ใด,มีอิสระที่จะกระทำตามใจตัวเอง.
“ฮึ.”
จุนซ่างเซียวที่เอ่ยกล่าวในใจ,”คาดไม่ถึงเลยว่า,พื้นที่ห่างไกลขนานี้,จะพบกับสำนักมาร.”
“ไอ้หนู.”
ชายกลางคนร่างสูงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา,”เจ้าคือเจ้าสำนักไท่กู่เจิ้งอย่างงั้นรึ?”
“ไม่ผิด.”
จุนซ่างเซียวที่ยกเนื้อขึ้นกัดกล่าวออกมาว่า,”มีอะไรจะชี้แนะข้าอย่างงั้นรึ?”
สำนักมารที่มีชื่อเสียงในมนทลเพื่อนบ้าน,ควรต้องไว้หน้าสักหน่อย!
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเพิ่งออกมาจากหุบเขาแห่งความตายอย่างงั้นรึ?”
ชายวัยกลางคนเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา,แสดงท่าทางอหังการยโสให้เหมาะสมกับสำนักมาร,ราวกับว่ามีอักขระคำว่า”สำนักมาร”สลักเอาไว้บนหน้าผากของเขา.
“ใช่.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
จบ,จบกัน.
ภายในใจของซ่งฮุยที่โอดครวญ.
หออินทรีย์ดำเป็นสำนักมาร,เพราะว่าหุบเขาแห่งความตายนั้นอยู่ใกล้กับมนทลฮวยหยิง,ทำให้พวกเขาผ่านมาที่นี่บ่อย
ๆ,และนอกจากนี้ยังปล้นชิงเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ไร้สังกัดอีกด้วย!
วันนี้การที่พวกเขาไล่ตามมาด้านหลังนี้,แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องได้รับข้อมูลจากผู้ฝึกยุทธ์ไร้สังกัดบางคนเอ่ยกล่าวเกี่ยวสำนักไท่กู่เจิ้งเข้าไปในหุบเขาอย่างแน่นอน.
เดาไม่ผิดล่ะก็.
รองเจ้าหอ,หออินทรีย์ดำ,ต้องนำศิษย์มาหาประสบการ,เมื่อได้ยินเรื่องราวต่าง
ๆจากผู้ฝึกยุทธ์ไร้สังกัด,ขณะปล้นอีกฝ่ายจึงได้ไล่ตามมาแน่.
หลาย ๆคนที่หวาดกลัวความตาย,นอกจากมอบทรัพย์สินให้,ยังเผยเรื่องสำนักไท่กู่เจิ้งอีก.
ในเมื่อทั้งสำนักเข้าไปในหุบเขา,แน่นอนว่าจะต้องเก็บเกี่ยวสมบัติได้มากมาย.
ดังนั้น,รองเจ้าหอจึงได้นำศิษย์ไล่ตามมา,และเวลานี้ได้เข้าล้อมกรอบสำนักไท่กู่เจิ้งเอาไว้แล้ว.
สำนักมาร,ก็มีนิสัยไม่ต่างจากโจรอยู่แล้ว.
ผิดจากสำนักฝ่ายธรรมมะที่หน้าบาง,ไม่กล้าที่จะใช้กำลังปล้นชิง,หรือกระทำเรื่องเช่นนี้อย่างเปิดเผย.
“เจ้าสำนักจุน?”
รองเจ้าหอกล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล,”ในเมื่อเจ้าเข้าไปในหุบเขาแห่งความตาย,แน่นอนว่าต้องเก็บเกี่ยวแกนผลึกและหนังกระดูกได้มากมาย,ทำไมไม่แบ่งหออินทรีย์ดำหน่อยล่ะ?”
จุนซ่างเซียวแทบพ่นเนื้อออกมาจากปาก.
จากนั้นเขาก็เผยยิ้มอย่างชั่วร้าย,”สิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำนักไท่กู่เจิ้งเก็บเกี่ยวมา,ทำไมถึงต้องแบ่งให้เจ้าด้วย?”
“เพราะมันเป็นกฎของหออินทรีย์ดำ.”รองเจ้าหอกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา.
“ขออภัย.”
จุนซ่างเซียวที่กล่าวออกไปว่า,”นั่นมันกฏของ หออินทรีย์ดำ,แต่กฏของสำนักไท่กู่เจิ้ง,ไม่ให้แบ่งสิ่งของให้กับคนโง่,ไม่เช่นนั้นอาจจะติดเชื่อโง่มาได้.”
“ไอ้หนู!”
รองเจ้าหอที่ดวงตาแผ่จิตสังหารออกมา,”แกแส่หาความตาย!”
ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น