Strongest Sect of All Times Chapter 203 Does the face hit to be swollen?
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 203 Does the face hit to be swollen?
脸打肿了吗?
ใช้จ่ายไป 500
แต้ม,ซื้อสินค้าที่ไม่เกี่ยวกับการฝึกยุทธ์เลย,ทำให้เขาสำเร็จภารกิจลับและได้ฉายามา.
ไม่ใช่เพียงขาดทุน,ต้องบอกว่าขาดทุนสุด ๆ!
และยิ่งได้รับแต้มโชคดีหนึ่งแต้ม,จุนซ่างเซียวแทบบ้าไปเลย.
ด้วยการรีเฟรซร้อยครั้งถึงจะได้หนึ่งแต้ม,นี่ยิ่งกว่าเศร้าแน่นอน.
ระบบเอ่ย,”การจะเพิ่มขีดจำกัดบางทีต้องใช้หนึ่งพัน,หรือบางทีอาจจะ
10,000.”
“นี่เจ้าเป็นคนออกฎอย่างงั้นรึ?”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
เห็นโฮสน์กำลังสะเทือนใจ,ระบบจึงไม่คิดจะกล่าวปลอบใด
ๆอีก.
“เฮ้อ.”
จุนซ่างเซียวที่ถอนหายใจยาว.
อย่างไรก็ตาม,คิดถึงก่อนหน้านี้มีค่าโชค 0
ก็ยังสามารถรีเฟรซได้ปืนไรเฟิลและดาบยาวมังกรเขียว,ก็ยังถือว่าตัวเองมีโชคอยู่เหมือนกัน.
โลกที่จะสดใส,ควรจะมองโลกในแง่ดี!
จิตใจที่ดี,ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ!
หลังจากที่ปลอบใจตัวเอง,ก็ทำให้เขาผ่อนคลาย,ก่อนที่จะนอนหลับในซุ้มอย่างสบายใจ.
เช้าวันถัดมา.
คำนวณนับตั้งแต่เดินทางมาถึงหุบเขาแห่งความตายก็เป็นเวลาเก้าวันแล้ว,จุนซ่างเซียวเอ่ยออกมาว่า,”เอาล่ะ,เดินทางกลับสำนัก.”
หากไม่ได้รับบอลเจ้าสำนักระดับกลาง,เขาคงตัดสินใจกลับตั้งแต่เมื่อวานแล้ว,ต้องไม่ลืมว่าอยู่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์.
ศิษย์ทุกคนที่เก็บซุ้ม,และเริ่มเดินทางออกไปยังทางเข้า.
หลายวันมานี้,หลากหลายพื้นที่ถูกกรวดเรียบโดยสำนักไท่กู่เจิ้ง,ที่พิเศษที่สุดคือทุกคนกลับมาอย่างปลอดภัย.
กล่าวตามจริง.
การมาของสำนักไท่กู่เจิ้งราวกับภัยพิบัติที่ได้พัดผ่าน,หุบเขาแห่งความตายก็ไม่น่ากลัวอีกต่อไป.
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ไร้สังกัดที่เดินทางมาหาประสบการณ์นับจากนี้,คงยากจะค้นหาสัตว์ร้ายที่แข็งแกร่งและของมีค่าในพื้นที่ดังกล่าวนี้อีกแล้ว.
......
ทางเข้าหุบเขาแห่งความตาย.
ในเวลานี้มีชายวันกลางคนหน้าตาบ้าน
ๆและเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ไร้สังกัดหลายคนรวมตัวกันอยู่.
พวกเขาเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่คอยเก็บของเหลือจากสำนักไท่กู่เจิ้ง,เมื่อครั้งที่จุนซ่างเซียวไล่ตามสัตว์ร้ายไป,ทำให้พลัดหลงกันไป.
เมื่อไม่มีสำนักไท่กู่เจิ้ง,เหล่าผู้ฝึกตนไร้สังกัดก็ไม่กล้าไปยังพื้นที่อื่น,เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วน,จากนั้นพวกเขาก็ออกมารอที่ทางเข้า.
“พี่ฮุย.”
ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งเอ่ยออกมา,”รอมาหนึ่งวันแล้ว,เจ้าสำนักจุนพวกเขาคงจากไปแล้วมั้ง.”
“เฮ้อ.”
ชายวัยกลางคนนามซ่งฮุยถอนหายใจ,”พวกเราไป.”
ก่อนที่จะจากไป,เขานั้นต้องการที่จะขอบคุณเจ้าสำนักจุนก่อน,ตอนนี้ไม่เห็นคนจึงทำได้แค่ยอมแพ้.
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ก้าวออกไปยังช่องเขาทางออกหุบเขาแห่งความตาย.
“ฟู่!”
พวกเขาที่ยืนอยู่ด้านนอก,ซงฮุยและคนอื่น
ๆที่สุดหายใจลึก.
พวกเขาเดิมพันติดตามสำนักไท่กู่เจิ้งไป,ราวกับเอาชีวิตไปเสี่ยงวางไว้บนเขียง,ใครจะคิดเล่าว่าจะรอดปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน.
“กลุ่มของซ่งฮุย ออกมาแล้ว!”
“เฮ้ เฮ้,คาดไม่ถึงเลยว่าจะยังมีชีวิตอยู่.”
“แล้วสำนักไท่กู่เจิ้งล่ะ?”
“เจ้าเป็นคนบอกเองไม่ใช่รึ?
ว่าคงถูกมังกรเพลิงสังหารไปหมดแล้ว.”
ผู้ฝึกยุทธ์กลุ่มหนึ่งที่หนีออกมาก่อน,พวกเขาเองก็รอคอยอยู่ด้านนอก,ต้องไม่ลืมว่าพวกเขาเองก็ต้องการรับรู้ผลสุดลัพธ์ท้ายเช่นกัน.
ด้วยสถานการณ์ตอนนี้,พวกเขาเริ่มมั่นใจว่าสำนักไท่กู่เจิ้งคงถูกสังหารไปหมดแล้ว.
ซ่งฮุยที่ได้ยินคำพูดของพวกเขาพูดคุยกัน,ก็เข้าใจได้ในทันที,เจ้าสำนักจุนยังไม่ได้นำศิษย์ออกมาจากหุบเขา.
“สหายซ่ง.”
ผู้ฝึกตนไร้สังกัดคนหนึ่งที่ก้าวเข้ามาเผยยิ้ม,”สำนักไท่กู่เจิ้งแส่หาความตาย,พวกเจ้ารอดไม่ได้,นับว่าโชคดีจริง
ๆ.”
ซ่งฮุยที่เผยยิ้มออกมา,”สหายจางไม่ได้ตามไปจนถึงนาทีสุดท้าย,นับว่าขาดทุนจริง
ๆ.”
ผู้ฝึกยุทธ์นามจางปินเอ่ย,”เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
ซ่งฮุยเผยยิ้มออกมา,”เจ้าสำนักจุนและศิษย์สังหารมังกรเพลิงไป,ข้าและคนอื่นที่ตามไป
ได้ผลตอบแทนมากมาย.”
จางปินที่ตกใจ,ทว่าก็ยังเผยยิ้มออกมา,”สังหารมังกรเพลิงไปอย่างงั้นรึ?
สหายซ่ง,อย่ามาล้อเล่น.”
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ตามไปเองก็เผยยิ้มออกมา.
ไม่มีระดับบรรพชนยุทธ์ขั้นสูงมาด้วย,จะสังหารมังกรเพลิงสัตว์ร้ายระดับสูงขั้นห้านั้น,เป็นไปไม่ได้!
ซ่งฮุยเองก็ไม่คิดที่จะอธิบายเช่นกัน,หากไม่เห็นด้วยตาตัวเอง,ตัวเขาเองก็ไม่เชื่อเหมือน
ๆ กัน.
ตอนนี้คนอื่น ๆ
ดูเหมือนว่ากำลังรอเจ้าสำนักจุนออกมาเช่นกัน.
เมื่อรู้ว่าสำนักไท่กู่เจิ้งยังไม่ออกมาจากด้านใน,ซ่งฮุยและผู้ฝึกยุทธ์อีกหลายคนจึงได้รอ,รอคอยอย่างคาดหวัง,จางปินและคนอื่น
ๆก็ต้องการยืนยันความสงสัยในใจเช่นกัน.
แน่นอน.
รวมผู้ฝึกยุทธ์อีกหลายคนที่ไม่ได้ตามเข้าไปด้วย.
ในกลุ่มนี้มีคนอีกหลายคนที่กำลังรวมกลุ่มกัน,เพื่อเข้าไปในหุบเขาแห่งความตายด้วย.
จางปินที่เผยยิ้ม,”สหายซ่งไม่กลับอย่างงั้นรึ?”
“รอสำนักไท่กู่เจิ้งออกมา.”ซ่งฮุยเอ่ย.
จางปินที่ส่ายหน้าไปมา,”หากพวกเขาออกมา,คงออกมาพร้อมพวกเจ้าแล้ว,ไม่ใช่ว่าตายไปตั้งแต่ที่เขตแดนมังกรเพลิงแล้วไม่ใช่รึ?.”
“โฮกกกกก---”
ในเวลานั้น,ภายในหุบเขาแห่งความตายเสียงคำรามที่ดังกึกก้องก็ดังขึ้น,ทำให้ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนสีด้วยความตกใจ.
“เสียงของพยัคฆ์คำราม!”
“บางทีเสียงนี่คงมาจากช่องเขาทางเข้า.”
“มีสัตว์ร้ายพยัคฆ์ที่แข็งแกร่งกำลังออกมาจากหุบเขาแห่งความตายอย่างงั้นรึ?”
“ฟิ้ว!”
ริ้วแสงสีม่วงที่พุ่งออกมาจากในหุบเขาด้วยความเร็ว.
“โฮกกกกกก!”
เสียงคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด,ร่างกายที่ใหญ่ยักษ์,ใต้เท้านั้นมีกระแสไฟฟ้าไหลส่องประกายแป๊ป
ๆ ดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก.
หลังจากมองเห็นรูปร่างชัดเจน,พร้อมกับสายฟ้าที่สาดกระจาย,เหล่าผู้ฝึกตนไร้สังกัดที่ตื่นตกใจดวงตาเบิกกว้างกลมโต.
นี่ไม่ใช่เพียงแค่พยัคฆ์,ที่ทำให้พวกเขาตื่นตะลึง,ทว่าคาดไม่ถึงว่าจะมีคนหนึ่งคนนั่งอยู่ด้านหลังมัน.
คนนี้ไม่ใช่ใครที่ใหน,เป็นเจ้าสำนักไท่กู่เจิ้ง,จุนซ่างเซียวนั่นเอง.
พริบตานั้น.
ด้านหน้าหุบเขาที่กลายเป็นเงียบลงในทันที.
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ไร้สังกัดหลายสิบคน,ที่ดวงตาเบิกกว้าง,อ้าปากค้าง,ตื่นตะลึงอย่างหนัก!
จุนซ่างเซียวออกมาแล้ว,สร้างความประหลาดใจให้พวกเขามากพอแล้ว,ต้องไม่ลืมว่าในใจพวกเขานั้นคิดว่าสำนักไท่กู่เจิ้งถูกสังหารไปหมดแล้ว.
ตอนนี้ไม่เพียงออกมา,ทว่ายังขี่พยัคฆ์ที่ทรงพลัง,เรื่องนี้จึงส่งผลสร้างความตื่นตะลึงให้กับพวกเขามากกว่าปรกติ.
ซ่งฮุยและคนอื่น ๆถึงกับกลายเป็นเซ่อไปในทันที.
พวกเขาสงสัยอย่างหนัก,เจ้าสำนักจุนขี่พยัคฆ์ออกมาได้อย่างไร?
เป็นไปไม่ได้ นี่ไม่ใช่ว่าทำพันธะสัญญากับสัตว์ที่เพิ่งไล่จับไปนั่นหรอกรึ?
จางปินและคนอื่นต่างก็คิดเหมือน
ๆกัน,ภายในใจนั้นตื่นตกใจอย่างหนัก.
เพียงไม่กี่วัน,สามารถที่จะทำพันธะสัญญากับสัตว์ได้แล้วรึ?
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเป็นอย่างมาก.
จากนั้นขณะจดจ้องมองครุ่นคิดอยู่นั้น,ก็มีผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งที่กล่าวเสียงสั่น,”นี่มัน...นี่คือพยัคฆ์หนุ่มสายฟ้าม่วง,สัตว์ร้ายธาตุสายฟ้า!”
ห๋า!!!
ทุกคนที่ใบหน้าบิดเบี้ยวตื่นตกใจยิ่งกว่าเดิม.
สัตว์ร้ายธาตุสายฟ้า,ในทวีปชิงหยุนแห่งนี้เป็นสัตว์ร้ายที่หายากมาก
ๆ,นอกจากนี้ยังสามารถกำราบได้อย่างรวดเร็ว,นี่มันเป็นเรื่องที่น่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว.
เอ๊ะ?”
จุนซ่างเซียวจ้องมองไปยังซ่งฮุย,แสร้งกล่าวเผยความประหลาดใจ,”นี่เจ้าออกมาแล้วอย่างงั้นรึ?
จุนซ่างเซียวที่ขี่พยัคฆ์หนุ่มสายฟ้าม่วง,ขณะทักทายคนอื่น,เผยท่าทางสง่าขี้อวดสุด
ๆออกมา.
น่าเสียดายที่ไม่มีรางวัลความเท่ห์,ไม่งั้นระบบคงต้องมอบคะแนนให้
999,999 แน่.
ซ่งฮุยที่ได้สติคืนมา,เร่งรีบเอ่ยออกไปว่า,”ต้อบขอบคุณเจ้าสำนักจุนมากเลยจริง
ๆ,ที่ให้พวกเราได้เก็บของเหลือในหุบเขาแห่งความตาย.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”เจ้าจ่ายค่าเก็บของเหลือ,เป็นเหมือนกับธุรกิจอย่างหนึ่ง,ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ.”
“ไม่เหมือนกับบางคน.”
เขาหยุดและกวาดตามองเหล่าผู้ฝึกตนไร้สังกัด,”ไม่กล้าแม้แต่จะเดิมพันเพื่อเก็บของเหลือ,ชาตินี้คงไม่สามารถทำอะไรให้สำเร็จได้.”
กล่าวเช่นนั้นก็ไม่ผิด.
ทว่าในโลกที่โหดร้ายป่าเถื่อนนี่,ต้องเข้าใจว่ายิ่งเสี่ยงอันตรายก็ยิ่งได้รับผลตอบแทนกลับมา,หากไม่เสี่ยงเพื่อทรัพยากรจะเติบโตได้อย่างไร.
......
ตั้งแต่กำราบพยัคฆ์หนุ่มสายฟ้าม่วง,จุนซ่างเซียวก็ต้องการขี่มัน
เผยความเท่ห์โชว์ทุกคนอยู่แล้ว.
นับตั้งแต่ก้าวออกมาจากหุบเขาแห่งความตาย,เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ไร้สังกัดที่ตื่นตะลึงจนแทบไม่สามารถครองสติได้,ตอนนี้ถือได้ว่าจุนซ่างเซียวประสบความสำเร็จแล้ว.
ทว่าภายในใจทุกคนที่แอบคิด ตัวเองรอดอยู่คนเดียว,ยังทำเท่ห์อยู่ได้อีกรึ?
หลาย ๆคนที่กล่าวหยันในใจ.
จากนั้นไม่นาน.
หลี่ชิงหยางและคนอื่น ๆที่ออกมาจากด้านในหุบเขา.
เห็นศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งเข้าไป 25 ,กลับออกมา
25 คน,ใบหน้าของเหล่าผู้ฝีกจุทธ์ไร้สังกัดที่แข็งค้างไปในทันที.
ซ่งฮุยที่จ้องมองจางปินที่ตื่นตะลึงอย่างหนัก,ซ่งฮุยก็เผยยิ้มเยาะ.
พวกเขาคิดว่าสำนักไท่กู่เจิ้งถูกสังหารหมดแล้วอย่างงั้นรึ?
ในเวลานี้.
สงสัยมีหลายคนที่ต้องกลืนน้ำลายตัวเอง.
ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น