Strongest Sect of All Times Chapter 152 Alliance Chief Qin, temper tantrum
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 152 Alliance Chief Qin, temper
tantrum
秦盟主,情绪失控
“สว๊วฟ!”
ซูเซียวโม่ที่ถ่ายพลังวิญญาณลงไปที่นิ้ว,ทะลวงเข้าไปยังใจกลางง่ามก้นอย่างรุนแรง.
“อ๊ากๆๆ-“
แทบจะไม่ต้องบรรยายถึงความเจ็บปวด,เสียงที่ดังกึกก้องไปทั่วลานยุทธ์.
“แฮก ๆ!”
เหล่าชาวยุทธ์มากมายที่สูดหายใจลึก,ที่จุดดังกล่าวนั่นคงไม่ต้องบอกว่า
มันเจ็บปวดขนาดนั้น,พวกเขาถึงกับต้องขมิบก้นไปตาม ๆกัน,ขนทั่วร่างลุกตั้งชนหนังหัวชาหนึบ.
ในร่างกายของคนนั้นมีจุดตายหลายจุด,อย่างเช่นจุดป่ายฮุ่ย(จุดรวบรวมเส้นลมปราณทั้งหลาย),จุดไท่หยาง(ขมับ)
ในทวีปชิงหยุนที่เป็นโลกแห่งการต่อสู้,หากว่าโจมตีอย่างหนักหน่วงไปยังจุดดังกล่าวต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย,ซึ่งถือว่าเป็นเป็นจุดอ่อนที่เสี่ยงเป็นอันตรายเป็นอย่างมาก.
ดูตัวอย่างได้จากหลี่เฟย.
เขาโจมตีซุยเย่หลายครั้ง,ทำให้อีกฝ่ายถอยออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า
จนโผล่ช่องว่าง,ก่อนใช้บาทาไร้เงาไท่กู่เผด็จศึก.
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะการระดมโจมตีช่วงแรก็เพื่อที่จะให้อีกฝ่ายเผยจุดป่ายฮุ่ยออกมก,ซึ่งโดยปรกติระดับศิษย์ยุทธ์จะใช้พลังวิญญาณปิดกั้นป้องกันเอาไว้นั่นเอง.
ส่วนก้นนั้นไม่มีใครเอ่ยถึง,นี่คือจุดอ่อนแอเปาะบางที่สุด,เป็นจุดรวมเส้นประสาทของร่างกายเช่นกัน.
การโจมตีไปยังพื้นที่ดังกล่าว,จะสร้างความเจ็บที่สุด,ยิ่งรวมพลังวิญญาณทะลวงเข้าไปแล้ว,แทบจะบอกได้ว่าทั้งสุขและทุกข์ระทมร้าวไปหมด.
“อ๊ากๆๆ-“
เหล่าเถี่ยที่กุมก้นตัวเอง,กระโดดไปรอบ
ๆลานยุทธ์,ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเกขั้นสุด.
จากใบหน้าท่าทาง,ทำให้ทุกคนเข้าใจได้ว่าอีกฝ่ายนั้นเจ็บปวดมากมายขนาดใหน.
“ไร้ยางอาย!”
“เป็นวิธีชั้นต่ำสิ้นดี!”
เหล่าพันธมิตรที่โกรธเกรี้ยวคำรามด่าว่าออกมาไม่หยุดหย่อน.
การที่ใช้นิ้วอาบด้วยพลังวิญญาณทะลวงไปยังจุดซ่อนเร้นเช่นนี้
ไม่เคยมีใครใช้กัน,และตราบเท่าที่ต้องการมีเกียรติในยุทธ์ภพก็จะไม่มีใครใช้วิธีเช่นนี้.
จุนซ่างเซียวที่ลอบคิดในใจ,”เจ้าพวกผู้ดีหน้าบางทั้งหลาย.”
แม้นว่าศิษย์ของเขาจะใช้วิธีที่ไร้ยางอายไปสักหน่อย,แต่ขอเพียงเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้ก็ไม่เห็นผิดตรงใหน.
หนำซ้ำ,นี่คือหนึ่งวิธีการสร้างช่องว่างเพื่อโจมตี,ถึงจะไม่ใช่วิธีที่คนอื่น
ๆนิยมใช้ก็ตาม.
อยากโทษก็ต้องโทษเจ้าหนูนั่น,ที่ไม่ป้องกันก้นตัวเอง,เผยจุดอ่อนออกมา.
อีกอย่าง,ดอกเบ็ญจมาศระทม,ดอกและใบโรยเกลื่อนพื้น,ที่ซูเซียวโม่ใช้ก็เป็นเขาที่เป็นคนสอน.
เหล่าเถี่ยที่ยังกุมก้นตัวเองกระโดดอย่างบ้าคลั่งไปทั่วลานยุทธ์,น้ำตาที่ไหลพราก
ๆนองใบหน้า.
เห็นชัดเจนว่า,กำลังเจ็บปวดเหลือเกินคนา!
“ฟิ้ว!”
ซูเซียวโม่ที่พุ่งเข้าหาราวกับลูกศร,ร่างกายของเขาที่ลอยสูงขึ้นไปบนอากาศ,เท้าขวาที่เตะกวาดออกไปทันที.
พลังบ่มเพาะและกำลังขาของเขานั้น,ไม่ได้ด้อยกว่าหลี่เฟย,ยิ่งฝ่ายตรงข้ามกำลังเจ็บปวด,จนไม่สามารถสร้างม่านป้องกันเอาไว้ได้,ดังนั้นเท้าของเขาก็เข้าเป้าที่ใบหน้าด้านซ้ายอย่างรุนแรง.
ไม่เพียงแต่การบ่มเพาะและการใช้พลัง,จุนซ่างเซียวยังสอนเขาอีกหลาย
ๆอย่าง,ไม่เช่นนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่จะโจมตีไปยังจุดสำคัญของศัตรูฝ่ายตรงข้ามได้.
“ตูมมม-“
เหล่าเถี่ยที่ยังคงกุมก้นเอาไว้,ร่างกายที่ลอยโด่งออกไป,ดวงตาที่กลายเป็นสีขาว,ล่วงหล่นครูดไปกับพื้นนอกลานยุทธ์หลายสิบเมตร
สลบทั้งที่ยังเจ็บปวดรวดร้าวเหลือ.
สำนักไท่กู่เจิ้ง,ชนะอีกรอบแล้ว!
”......”
กลุ่มชาวยุทธ์ที่ปากกระตุกไปตาม ๆ กัน.
สำนักเห่าฉีพ่ายแพ้คู่แรก,ทว่าพวกเขายังคิดว่าอีกฝ่ายประมาทไปเอง,คู่ที่สองก็ยังพ่าย
การประลองทั่ว ๆไป,ที่เป็นการต่อสู้เรียกน้ำย่อย,ใครจะคิดว่า,กลับการเป็นการขึ้นไปให้อีกฝ่ายยำแต่ฝ่ายเดียว!
ฉินเห่าหรานที่เวลานี้กำลังกัดฟันก๊อด ๆ.
อีกคู่เดียว,สำนักไท่กู่เจิ้งก็จะชนะแล้ว,หากเขาส่งศิษย์ออกไปไม่ถูกต้อง,ไม่ต้องอับอายขายหน้าหรอกรึ?
แพ้สามคู่แล้ว,เขาจะไม่ยอมพ่ายแพ้อีกเด็ดขาด.
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ผู้นำฉิน,คิดว่าเป็นสระน้ำอย่างงั้นรึ?
ถึงได้จงใจปล่อยปลาลงไปบนเวที?”
กับคำพูดที่ราวกับดาบแหลม,ทะลวงเข้าไปยังร่างของฉินเห่าหรานอย่างรุนแรง,จนร่างกายสั่นเทิ้ม.
ไอ้คนน่ารังเกียจ!
ชนะสามแล้วมันอย่างไร,ขอเพียงอีกสี่คู่ข้าชนะทั้งหมด,แกก็ต้องเป็นคนใช้,กลายเป็นเหมือนหมาล้างคอกม้าให้กับข้า!
ผู้นำฉินที่ไม่สนใจคำพูดของฝ่ายตรงข้ามอีกต่อไป,ขอเพียงเขาชนะการประลองที่เหลือ,ก็สามารถทำลายความมั่นหน้าของจุนซ่างเซียวได้.
“ฮู่เจิ้ง,ขึ้นเวที.”
“ครับ.”
ศิษย์สายตรงฮู่เจิ้งเดินขึ้นเวที.
เขามีรากวิญญาณระดับสูง,และมีพลังบ่มเพาะศิษย์ยุทธ์ขั้นปลาย!
ฉินเห่าหรานไม่ได้ส่งศิษย์รากวิญญาณระดับกลาง,ศิษย์ยุทธ์ขั้นเก้าออกไป,ในเวลานี้เขาต้องการชนะเพื่อเพิ่มขวัญกำลังก่อน.
หลังจากจุนซ่างเซียวครุ่นคิด,กล่าวออกไปว่า,”จุ้ยจื่อ,ออกไป.”
“ฟู่!”
เซียวจุ้ยจื่อกำหมัดทั้งสองข้างแน่น,เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่ปูดโปนออกมา,ดูแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก,ก้าวออกไปยังใจกลางลานยุทธ์.
หวังตงหลินที่ขมวดคิ้ว,”กายเนื้อเด็กคนนี้แข็งแกร่งมาก,บางทีคงแข็งแกร่งกว่าศิษย์สามคนที่ออกมาอีก.”
อ้ายซางหนี่จ้องมองเซียวจุ้ยจื่อ,ตบที่หน้าผากเสียงดังฉาด,ลอบคิดในใจและตระหนักได้,”ไม่สงสัยเลยว่าเด็กคนนี้ชนะการประลองยุทธ์สำนัก,มันจะต้องเกี่ยวกับเม็ดยาบูรณะร่างกายแน่นอน!”
......
“สำนักเห่าฉี,ฮู่เจิ้ง.”
“สำนักไท่กู่เจิ้ง,เซียวจุ้ยจื่อ.”
หลังจากที่ทั้งสองขานชื่อเสร็จ,การต่อสู้ก็เริ่มขึ้น.
ฮู่เจิ้งที่ใช้พลังวิญญาณปะทุอาบไล้ไปทั่วหมัด,ไม่เพียงแค่เกิดพายุหมุนวน,ทว่ายังได้ยินเสียงหวีดหวิวอีกด้วย.
“นี่มันทักษะพิเศษของสำนักเห่าฉี,หมัดวายุอสนี! ทักษะระดับกลางขั้นสูง”
“ทักษะระดับกลางขั้นสูง,ด้วยพลังบ่มเพาะศิษย์ยุทธ์ขั้นปลาย,เกรงว่าพลังคงจะมากกว่า
20,000 จินแน่นอน!”
“ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง,หากถูกโจมตี,เกรงว่า......”
ตูมม!ตูมม!ตูมม!
ยังกล่าวไม่จบด้วยซ้ำ,หมัดที่พัดวนเหมือนกับพายุก็ต่อยออกไป.
อย่างไรก็ตาม,เซียวจุ้ยจื่อกับยืนนิ่ง,พร้อมกับยกหมัดต่อยออกไปปะทะหมัดที่พุ่งมาด้วยความเร็ว.
หมัดปะทะหมัด!”
สายตาของผู้ชมที่รู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย.
ฮู่เจิ้งระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นปลาย,ใช้ทักษะระดับกลางขั้นสูง,พลังที่มากกว่า
20,000 จิน,กับรับตรง ๆ,คิดว่ามีพลังเพียงพอที่จะรับได้อย่างงั้นรึ?
รับอย่างงั้นรึ?!
กับเป็นว่าศิษย์สำนักเห่าฉีที่ถอยห่างออกมา!
เพราะหมัดของเซียวจุ้ยจื่อที่กระแทกมานั้น,ทำให้แขนของเขาสั่นคุมไม่อยู่,จนต้องถอยหลังออกมาสองสามก้าว.
แรงกระแทกนั้น,มากกว่า 18,000 จินอย่างแน่นอน.
“ฟิ้ว!”
เซียวจุ้ยจื่อที่ก้าวตาม,พลังวิญญาณที่ถ่ายไปยังแขนขวาพร้อมกับปล่อยออกไป.
ฮู่เจิ้งที่ตั้งหลักได้,ยกมือสองข้างเป็นกากบาทป้องกัน,ทว่าจากนั้นก็ได้ยินเสียง
“ตูมมมมมม” ดังกึกก้องกระแทกจนทำให้เท้าของเขาลากไปกับพื้นลานยุทธ์.
นี่มัน......
สายตาของทุกคนที่ตื่นตะลึงอึ้งไปตาม ๆ กัน.
ร่างกายของเด็กนั้นแข็งแกร่งมาก,พลังโจมตีที่รุนแรง,แม้แต่กระแทกระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นปลายให้ถอยออกมา!
“ไม่น่าเชื่อ!”หวังตงหลินที่อุทานเสียงดัง.
หากไม่เห็นกับตา ไม่มีทางเชื่อ,ระดับศิษย์ยุทธ์ที่สามารถฝึกกลั่นกายเนื้อได้น่าพรั่นพรึงมาจนถึงขั้นนี้.
เห็นศิษย์ของตัวเองถอยร่นออกมา,ดวงตาของฉินเห่าหรานที่มีเส้นเลือดฝอยขึ้นเต็ม.
การต่อสู้นี้เขาต้องชนะ.
หากว่าศิษย์ของเขาพ่ายแพ้,ก็เท่ากับสำนักเห่าฉีพ่ายแพ้.
แพ้ก็คือแพ้,ทว่าของเดิมพันล่ะ.
ต่อหน้าผู้คนมากมาย,ผู้ปกครองสำนัก,ผู้นำพันธมิตร,เขาควรจะ......
เขาแทบไม่กล้าคิด,เขาไม่สามารถสงบ ไม่แม้แต่สนใจภาพลักษณ์อีกต่อไป
สิ่งที่เขากำลังจะสูญเสียมันมากมายจนต้องคำรามออกมาดังลั่น ใส่ฮู่เจิ้ง,”ตั้งหลักแล้วตอบโต้กลับไป
อ๊าก!”
”......”
เหล่าพันธมิตรของเขาที่กลายเป็นเงียบขึ้นมาในทันที.
แน่นอนพวกเขาเข้าใจอารมณ์ของผู้นำฉินได้.
ต้องไม่ลืมว่า,หากศิษย์ของเขาพ่ายแพ้,นั่นก็หมายถึงจะต้องคนล้างห้องส้วมของสำนักไท่กู่เจิ้ง!
“จุ้ยจื่อ.”
จุนซ่างเซียวกอดอก,กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล,”ตั้งใจต่อสู้ให้เปิ่นจั้วดูหน่อย!”
เซียวจุ้ยจื่อที่ราวกับได้รับคำสั่ง,เพิ่มพลังวิญญาณอาบไล้ไปทั่วแขนทั้งสองข้าง,จากนั้นก็เริ่มต่อยไปยังร่างของฮู่เจิ้งที่พยายามป้องกัน.
พลังที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า!
“ตูมมม!”
“ตูมมม!”
“ตูมมม!”
แขนของเซียวจุ้ยจื่อราวกับค้อนเล็กที่ทุบซ้ายขวา,จนทำให้ฮูเจิ้งโง่หัวไม่ขึ้นเลยแม้แต่น้อย.
เขาที่ทำได้แค่รับการโจมตียกมือป้องกัน,ร่างกายเลื่อนถอยครูดไปกับพื้นทีละนิด
ๆ.
ร่างของเขาถอยถูกบีบบังคับเข้าใกล้ขอบลานยุทธ์เรื่อย
ๆ,ทว่าฮู่เจิ้งก็ยังไม่สามารถโต้กลับไปได้เลย.
ฉินเห่าหรานที่โกรธเกรี้ยวตะโกนดังลั่น,”หลบสิ
อ๊าก,โจมตีกลับไป...”
ฮู่เจิ้งที่รู้สึกสั่นสะท้าน,หูของเขาที่สั่นไปมาจนไม่ได้ยินเสียงอะไร,เสียงความโกรธเกรี้ยวของเจ้าสำนักที่ตะโกนออกมานั้นได้หายไปอย่างสมบูรณ์.
“พรึด โครม!”
ท้ายที่สุด,เขาน้ำลายฟูมปาก,ล้มครืนลงกับพื้น,ท้องฟ้าสีครามค่อย
ๆกลายเป็นดำมืด,รู้สึกราวกับดวงวิญญาณกำลังแตกสลายหายไปจากร่าง.
“พรึด!”เห็นศิษย์คนที่สี่ล้มลงสลบนอนกองไปบนพื้น,ฉินเห่าหรานที่กุมหน้าอก,พ่นโลหิต,ใบหน้าบิดเบี้ยวขาวซีดไปในทันที.
ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น