วันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

Strongest Sect of All Times Chapter 150 Win the first battle!

Strongest Sect of All Times  Chapter 150 Win the first battle!

 นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล

Chapter 150 Win the first battle!

战告捷!

 

ลานยุทธ์ของสำนักเห่าฉีมีขนาดใหญ่มาก,ทว่าด้วยจำนวนศิษย์จำนวนมากและเจ้าสำนักในพันธมิตร,ก็แทบจะล้อมรอบครบวงกลมใหญ่.

80% เป็นคนที่อยู่ฝั่งของฉินเห่าหราน.

20% เป็นคนที่อยู่ฝั่งของจุนซ่างเซียว.

จากที่เห็น,เหล่าชาวยุทธ์ต่างก็ให้สำนักเห่าฉีเป็นต่อ.

จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ผู้นำฉิน,ส่งศิษย์ขึ้นเวทีได้แล้ว.”


ฉินเห่าหราน,กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล,”เจ้าสำนักจุน,ในเมื่อเดินทางมาไกล,ฉินโหมวก็จะไม่ทำให้ผิดหวัง,จะให้ศิษย์หลักออกไปต่อสู้.”

จากนั้น,เขาก็โบกมือ.

ศิษย์สายตรงนามซุนเย่ก็ก้าวออกไปบนเวลาทันที.

“ศิษย์ยุทธ์ขั้นที่แปดรึ?”

จุนซ่างเซียวคิดครู่หนึ่งและเอ่ยออกไปว่า,”เสี่ยวเฟย,ออกไป.”

“ครับ!

หลี่เฟยที่ถูเท้าขวาไปมาบนพื้น,กำหมัดแน่น,และก้าวออกไปยังตรงกลางลานยุทธ์.

ท่าทางของเขาที่ดูตื่นเต้นอยู่เล็กน้อย.

ต้องไม่ลืมว่า,นี่เป็นครั้งแรกในการประลองในนามสำนักไท่กู่เจิ้ง,เขาที่เป็นคนแรก,ย่อมมีความกดดันสูง.

จุนซ่างเซียวเอ่ย,พร้อมกับกล่าวกระตุ้น,”ไม่ต้องตื่นเต้น,ไม่ต้องคิดว่านี่เป็นสนามต่อสู้,ให้คิดว่ามันคือสนามฟุตบอลที่เจ้าเล่นทุกวันก็พอแล้ว.”

“ซูดดด!

หลี่เฟยที่สูดหายใจลึก,แววตาที่มุ่งมั่นเป็นประกาย.

 

ทั้งคู่ที่ยืนอยู่ห่างกันราว ๆห้าเมตร,ซุนเย่ที่สูงกว่าอีกฝั่ง 20 เซ็น ด้วยความสูงและรูปร่างแล้ว,มองดูแตกต่างกันเป็นอย่างมาก.

“ศิษย์สายตรงสำนักเห่าฉี,ดูแข็งแกร่งมากประสบการ,ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งตัวเล็กเปราะบาง,บางทีคงจะจบลงอย่างรวดเร็ว.”

“เจ้าสำนักจุนควรจะส่งหลี่ชิงหยางออกไปก่อน,เพื่อเอาชนะคนที่มีพลังไม่สูง,อย่างน้อยก็น่าจะเอานะได้สักคู่สองคู่.”

 

“คงลืมไปแล้วรึไง,สำนักเห่าฉีนั้นยังมีระดับศิษย์ยุทธ์ขึ้นเก้าสามคน,ถึงจะส่งหลี่ชิงหยางออกไปก่อน,ก็คงเอาชนะได้เพียงแค่คู่เดียว.”

“จะแข็งแกร่งอย่างไรคิดว่าจะเอาชนะได้ถึงสองคนอย่างงั้นรึ?.”

เสียงของเหล่าชาวยุทธ์ที่พูดคุยกันอย่างเงียบๆ.

มีเพียง 50 พันธมิตรที่แสดงท่าทางดูแคลนเหยียดหยัน.

ในความเห็นของเขา,จุนซ่างเซียวที่นำศิษย์มายังสำนักเห่าฉีครั้งนี้,มีเพียงแความพ่ายแพ้ที่รออยู่.

 

ไม่ส่งหลี่ชิงหยางลงมาคนแรก,ดูเหมือนว่าจะปิดโอกาสชนะของตัวเองแม้แต่เพียงครั้งเดียวก็คงไม่สามารถทำได้!

......

“สำนักเห่าฉี,ซุนเย่.”

“สำนักไท่กู่เจิ้ง,หลี่เฟย.”

หลังจากที่ทั้งสองขานชื่อแล้ว,ซุนเย่ก็กำหมัดแน่น,กล่าวเสียงเบา,”ไอ้หนู,โทษฐานที่หมิ่นเกียรติเจ้าสำนักข้าเมื่อครู่นี้,ข้าจะทุบแกให้ตายทั้งเป็น.”

“งั้นรึ?”

หลี่เฟยที่กล่าวตอบลับอย่างนุ่มนวล.

“เริ่ม!”อาวุโสสำนักเห่าฉีที่เป็นกรรมการตะโกนออกไปเสียงดัง.

กล่าวเสร็จ,ซูเย่ที่ระเบิดพลัง,พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว,มือทั้งสองข้างที่ยืดออกเตรียมที่จะกอดรัดอีกฝ่าย.

หลี่เฟยที่เก้ากระโดด,หลบอย่างรวดเร็วพร้อมกับก้าวอ้อมไปด้านหลังซุนเฟย,พร้อมกับใช้หมัดระเบิดต่อยออกมาด้านหลัง.

“ปัง!

ซุนเย่ที่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว,หันหลังกับมาพร้อมกับกระแทกฝ่ามือออกไป,รับคว้าหมัดของหลี่เฟย,กำปั้นของหลี่เฟยถึงกำเอาไว้.

 

“ศิษย์สำนักเห่าฉีดูเหมือนว่าจะมีร่างกายที่แข็งแกร่งมาก,ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งที่ต่อยออกมา,ตอนนี้ถูกฝ่ามืออีกฝ่ายจับคว้าเอาไว้,กำปั้นคงแหลกไปแล้ว,การต่อสู้นี้จบสิ้นแล้ว.”

ชาวยุทธ์คนหนึ่งออกความเห็น.

อย่างไรก็ตาม,ฝ่ามือของซุนเย่ที่กำหมัดของหลี่เฟยไว้,ทว่ากับไม่ได้ยินเสียงกระดูกแตกหัก.

นี่มัน....

ทุกคนที่ตะลึงงัน.

ศิษย์สำนักเห่าฉีมีระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นที่แปด,พลังอย่างน้อยน่าจะมีหนึ่งหมื่นจินแล้ว,ควรจะบดกำปั้นอีกฝ่ายได้ง่าย ๆ.

หลี่เฟยเอ่ย,”มีพลังเท่านี้รึ?”

คนผู้นี้...กำลังยิ้มอยู่รึ?

ผู้เชี่ยวชาญหลากหลายทันใดนั้นก็คิดได้ในทันที,ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งมีกายเนื้อที่แข็งแกร่งมาก,ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถทนแรงบีบเช่นนั้นได้!

“น่ารังเกียจ!

ซุนเย่ที่โกรธเกรี้ยว,แผ่พุ่งพลังเข้าลงไปที่ฝ่ามือเพิ่มความแข็งแกร่งถึงขีดสุด,เพื่อที่จะบดหมัดของอีกฝั่งให้ได้!

“ฟิ้ว!

หลี่เฟยที่กระโดดขึ้น,เท้าขวาที่เตะกวาดออกไป.

เท้าขวาที่ฝึกฝนอยู่ตลอด,เคยเตะบอลอัดเย่ซิงเฉินหลายครั้ง,แม้แต่จุนซ่างเซียวก็ยังเคยโดน,เรียกได้ว่าเท้าขวาทองคำก็ได้!

“ตูมมมมม!

เท้าขวาที่อาบไปด้วยพลังวิญญาณและกายเนื้อที่แข็งแกร่ง,กระแทกไปยังร่างของซุนเย่..เตะซ้ำในจุดเดียวหลาย ๆครั้ง.

ตูมมม! ตูมมม! ตูมมม!ตูมมม!

 

 

หลังจากที่หลี่เฟยกระโดดเตะ,พลังเตะที่กระแทกซ้ำ ๆอย่างบ้าคลั่ง,แต่ละการเตะมีพลังมากกว่า 15,000 จิน.

ซุนเย่ที่ร่างกายสั่นไปมา,รับพลังโจมตีที่หนักหน่วงรุนแรง,ราวกับระเบิดเสียหลักเซถอยออกไปด้านหลัง.

“ได้โอกาสแล้ว!”จุนซ่างเซียวเอ่ย.

หลี่เฟยที่กลับลงมาบนพื้น,ก่อนที่วิ่งกระโดดพุ่งสูงไปบนอากาศ,ตะโกนออกมาเสียงดัง.

“บาทาไร้เงาไท่กู่!

“ตูมม ตูมม ตูมม ตูมม—“

ซุนเย่ถูกเตะไปที่ยอดอกซ้ำ ๆ อย่างไม่หยุดหย่อน,ร่างที่ครูดไปด้านหลัง.

ท้ายที่สุดก็ถูกเตะไปจนถึงขอบลานยุทธ์,และการเตะสุดท้ายกระแทกไปยังใบหน้าโลหิตพุ่งกระจายออกจากปาก.

“ตูมมมม!

ร่างที่ใหญ่โตของศิษย์สายตรงสำนักเห่าฉี กระเด็นออกจากลานยุทธ์ ร่างกายที่ไถไปกับพื้นล้มดังสนั่น.

พ่ายแพ้อย่างชัดเจน!

“ฟิ้ว!

หลี่เฟยที่ร่อนตีลังกาหมุนกับมายืนบนพื้น,ก่อนที่จะโค้งให้กล่าวออกไปว่า,”เจ้าปล่อยให้ข้าชนะแล้ว.”

“ยอดเยี่ยม!

ซูเซียวโม่ที่ตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น.

หลี่ชิงหยางและเซียวจุ้ยจื่อเผยยิ้มพราย.

“นี่ศิษย์สายตรงอย่างงั้นรึ? ขยะชัด ๆ.”เสียงของเย่ซิงเฉินที่กล่าวเหยียดหยัน.

เหล่าสำนักต่าง ๆ,พร้อมกับตระกูลต่าง ๆที่จ้องมองตาโตตะลึงไปตาม ๆ กัน.

หลังจากที่ซุนเย่กุมหมัดของหลี่เฟยไว้,จากนั้นก็เพียงชั่วอึดใจต่อมา,ก็ถูกถีบกระหน่ำอยู่ฝ่ายเดียวจนพ่ายแพ้ไปในที่สุด,น่าเหลือเชื่อไปแล้ว.

 

กลิ่นอายที่แสดงออกมานั่น,ควรจะมีระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นที่ห้า,ทำไมถึงได้มีพลังมากกว่า 15,000 จินกัน!

ไม่ต้องบอกเลยว่าระดับศิษย์ยุทธ์ระดับห้าไม่มีทางจะมีพลังมากขนาดนี้,เว้นแต่จะมีพรสวรรค์ระดับสูงหรือไม่ก็มีทักษะยุทธ์ขั้นสูง.

นี่นะรึ,ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง?

กระบวนท่าแรกนั่นคือหมัด,และกระบวนท่าต่อมาก็เป็นทักษะยุทธ์อย่างงั้นรึ?

วิชาบาทาไร้เงาไท่กู่!

นี่มันทักษะอะไรกัน,ด้วยคุณภาพเช่นนี้,ทำไมถึงไม่เคยได้ยิน?

นี่ไม่ใช่ทักษะยุทธ์,ไม่ได้มีระดับอะไร,แต่เป็นกระบวนท่าที่จุนซ่างเซียวออกแบบและคิดเอาไว้ให้หลี่เฟยเลียนแบบและฝึกฝน ซึ่งมีต้นแบบมาจาก หวงเฟยหง จากหนังในโลกเดิมที่เขาเคยดู.

เพื่อให้ดูน่าเกรงขาม,จึงได้ตั้งชื่อลงไป,แท้จริงเป็นพลังจากกล้ามเนื้อที่ระดมโจมตีหลาย ๆ ครั้งจนชำนาญ,ห่างไกลจากทักษะยุทธ์มาก.

กับพลังและความเร็วที่โจมตีออกไป,ด้วยนามบาทาไร้เงาไท่กู่,ทำให้ทุกคนคิดว่ามันคือทักษะพิเศษของสำนักไท่กู่เจิ้ง?

ผู้นำพันธมิตรฉินที่ใบหน้ากลายเป็นดำมืดขึ้นมาทันที.

ศิษย์ของเขาพ่ายแพ้,และยังพ่ายแพ้ต่อระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นห้าด้วย,เรื่องนี้ยากจะทำให้เขายอมรับได้.

ในเวลาเดียวกัน,เหล่าพันธมิตรร้อยสำนักเองก็ใบหน้ากลายเป็นอัปลักษณ์ไปด้วย,ต้องไม่ลืมว่าพวกเขารอคอยหัวเราะเยาะ ซ้ำเติมอีกฝ่ายอยู่,คาดไม่ถึงเลยว่าผลจะออกมาเป็นเช่นนี้.

หวังตงหลินที่พยักหน้าชื่นชม,”เด็กคนนี้,แม้นว่าจะมีพลังบ่มเพาะเพียงศิษย์ยุทธ์ขั้นที่ห้า,แต่พลังของขานั่นยอดเยี่ยมมาก,เป็นเมล็ดพันธ์ที่ไม่เลว.”

อ้ายซางหนีที่คิดอยู่ในใจ,”ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งต้องได้กินเม็ดยาบูรณะร่างกายไปทุกคนแน่นอน,ไม่เช่นนั้นศิษย์ยุทธ์ขั้นห้า,เป็นไปไม่ได้ที่จะมีพลังจนสามารถเอาชนะศิษย์สำนักเห่าฉีได้.”

หลังจากที่ได้รับชัยชนะแรก,จุนซ่างเซียวที่จ้องมองไปยังฉินเห่าหรานที่ใบหน้าอัปลักษณ์ยกมือประสานกล่าวออกมาว่า,”ผู้นำฉิน,ต้องขออภัย,ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งชนะเพราะโชคช่วย.”

“ชิ.”

ฉินเห่าหรานที่แค่นเสียงเย็นชา,ก่อนที่จะให้ศิษย์คนอื่นนำซุนเย่ที่หมดสติออกไป,พร้อมกับกล่าวออกไปอย่างนุ่มนวล,”เจ้าสำนักจุน,คู่ที่สอง,ขอเชิญเจ้าส่งศิษย์ออกมา.”

พ่ายแพ้ก่อนแล้วอย่างไร,ขอเพียงจากนี้ชนะทั้งหมด,เจ้าหนูนี้ก็ต้องเป็นคนล้างคอกม้าเหมือนเดิม!

จุนซ่างเซียวที่สีคางไปมา,ครุ่นคิดเล็กน้อย,พร้อมกับกล่าวออกไปว่า,”เถียนซี,ออกไปต่อสู้.”

“ครับ!

เถียนซีที่ก้าวออกไป.

เขาเคยเข้าร่วมงานประลองสำนัก,ทำให้จิตใจหนักแน่นกว่าหลี่เฟย.

ฉินเห่าหรานไม่ได้คิดจะส่งศิษย์ระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นแปดออกไปแล้ว,เขาส่งศิษย์ระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นเก้าออกไป,เพื่อคว้าชัยครั้งที่สองนี้ให้ได้.

“ผู้นำฉินใช่ว่าต้องส่งศิษย์ยุทธ์ขั้นแปดออกไปหรอกรึ?”

“เขายังมีศิษย์ยุทธ์ขั้นที่เก้าสองคน,และศิษย์ยุทธ์ขั้นปลายอีกสองคนและอาจารย์ยุทธ์อีกหนึ่งคน,ที่จะขึ้นไปประลองกับศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งห้าคนที่เหลือ.”

“ศิษย์นามหลี่เฟยนั่น,ความแข็งแกร่งดี,แต่หมัดนั้นอ่อนแอกนัก,ตอนนี้ต้องสู้กับศิษย์ยุทธ์ขั้นเก้า,ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งคนนี้คงจะโดนยำใหญ่แน่.”

ขณะทุกคนจดจ้องมองไปยังด้านหลังหลี่เฟย,พร้อมกับกล่าววิพากวิจารณ์เสียงดัง,แม้แต่สรุปว่าเถียนซี ได้พ่ายแพ้ไปแล้ว.


ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times

#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
Author(s)
Goodbye Jianghu


เข้ากลุ่มลับ VIP ====> Click


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น