Strongest Sect of All Times Chapter 150 Win the first battle!
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 150 Win the first battle!
首战告捷!
ลานยุทธ์ของสำนักเห่าฉีมีขนาดใหญ่มาก,ทว่าด้วยจำนวนศิษย์จำนวนมากและเจ้าสำนักในพันธมิตร,ก็แทบจะล้อมรอบครบวงกลมใหญ่.
80% เป็นคนที่อยู่ฝั่งของฉินเห่าหราน.
20% เป็นคนที่อยู่ฝั่งของจุนซ่างเซียว.
จากที่เห็น,เหล่าชาวยุทธ์ต่างก็ให้สำนักเห่าฉีเป็นต่อ.
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ผู้นำฉิน,ส่งศิษย์ขึ้นเวทีได้แล้ว.”
ฉินเห่าหราน,กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล,”เจ้าสำนักจุน,ในเมื่อเดินทางมาไกล,ฉินโหมวก็จะไม่ทำให้ผิดหวัง,จะให้ศิษย์หลักออกไปต่อสู้.”
จากนั้น,เขาก็โบกมือ.
ศิษย์สายตรงนามซุนเย่ก็ก้าวออกไปบนเวลาทันที.
“ศิษย์ยุทธ์ขั้นที่แปดรึ?”
จุนซ่างเซียวคิดครู่หนึ่งและเอ่ยออกไปว่า,”เสี่ยวเฟย,ออกไป.”
“ครับ!”
หลี่เฟยที่ถูเท้าขวาไปมาบนพื้น,กำหมัดแน่น,และก้าวออกไปยังตรงกลางลานยุทธ์.
ท่าทางของเขาที่ดูตื่นเต้นอยู่เล็กน้อย.
ต้องไม่ลืมว่า,นี่เป็นครั้งแรกในการประลองในนามสำนักไท่กู่เจิ้ง,เขาที่เป็นคนแรก,ย่อมมีความกดดันสูง.
จุนซ่างเซียวเอ่ย,พร้อมกับกล่าวกระตุ้น,”ไม่ต้องตื่นเต้น,ไม่ต้องคิดว่านี่เป็นสนามต่อสู้,ให้คิดว่ามันคือสนามฟุตบอลที่เจ้าเล่นทุกวันก็พอแล้ว.”
“ซูดดด!”
หลี่เฟยที่สูดหายใจลึก,แววตาที่มุ่งมั่นเป็นประกาย.
ทั้งคู่ที่ยืนอยู่ห่างกันราว ๆห้าเมตร,ซุนเย่ที่สูงกว่าอีกฝั่ง
20 เซ็น ด้วยความสูงและรูปร่างแล้ว,มองดูแตกต่างกันเป็นอย่างมาก.
“ศิษย์สายตรงสำนักเห่าฉี,ดูแข็งแกร่งมากประสบการ,ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งตัวเล็กเปราะบาง,บางทีคงจะจบลงอย่างรวดเร็ว.”
“เจ้าสำนักจุนควรจะส่งหลี่ชิงหยางออกไปก่อน,เพื่อเอาชนะคนที่มีพลังไม่สูง,อย่างน้อยก็น่าจะเอานะได้สักคู่สองคู่.”
“คงลืมไปแล้วรึไง,สำนักเห่าฉีนั้นยังมีระดับศิษย์ยุทธ์ขึ้นเก้าสามคน,ถึงจะส่งหลี่ชิงหยางออกไปก่อน,ก็คงเอาชนะได้เพียงแค่คู่เดียว.”
“จะแข็งแกร่งอย่างไรคิดว่าจะเอาชนะได้ถึงสองคนอย่างงั้นรึ?.”
เสียงของเหล่าชาวยุทธ์ที่พูดคุยกันอย่างเงียบๆ.
มีเพียง 50
พันธมิตรที่แสดงท่าทางดูแคลนเหยียดหยัน.
ในความเห็นของเขา,จุนซ่างเซียวที่นำศิษย์มายังสำนักเห่าฉีครั้งนี้,มีเพียงแความพ่ายแพ้ที่รออยู่.
ไม่ส่งหลี่ชิงหยางลงมาคนแรก,ดูเหมือนว่าจะปิดโอกาสชนะของตัวเองแม้แต่เพียงครั้งเดียวก็คงไม่สามารถทำได้!
......
“สำนักเห่าฉี,ซุนเย่.”
“สำนักไท่กู่เจิ้ง,หลี่เฟย.”
หลังจากที่ทั้งสองขานชื่อแล้ว,ซุนเย่ก็กำหมัดแน่น,กล่าวเสียงเบา,”ไอ้หนู,โทษฐานที่หมิ่นเกียรติเจ้าสำนักข้าเมื่อครู่นี้,ข้าจะทุบแกให้ตายทั้งเป็น.”
“งั้นรึ?”
หลี่เฟยที่กล่าวตอบลับอย่างนุ่มนวล.
“เริ่ม!”อาวุโสสำนักเห่าฉีที่เป็นกรรมการตะโกนออกไปเสียงดัง.
กล่าวเสร็จ,ซูเย่ที่ระเบิดพลัง,พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว,มือทั้งสองข้างที่ยืดออกเตรียมที่จะกอดรัดอีกฝ่าย.
หลี่เฟยที่เก้ากระโดด,หลบอย่างรวดเร็วพร้อมกับก้าวอ้อมไปด้านหลังซุนเฟย,พร้อมกับใช้หมัดระเบิดต่อยออกมาด้านหลัง.
“ปัง!”
ซุนเย่ที่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว,หันหลังกับมาพร้อมกับกระแทกฝ่ามือออกไป,รับคว้าหมัดของหลี่เฟย,กำปั้นของหลี่เฟยถึงกำเอาไว้.
“ศิษย์สำนักเห่าฉีดูเหมือนว่าจะมีร่างกายที่แข็งแกร่งมาก,ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งที่ต่อยออกมา,ตอนนี้ถูกฝ่ามืออีกฝ่ายจับคว้าเอาไว้,กำปั้นคงแหลกไปแล้ว,การต่อสู้นี้จบสิ้นแล้ว.”
ชาวยุทธ์คนหนึ่งออกความเห็น.
อย่างไรก็ตาม,ฝ่ามือของซุนเย่ที่กำหมัดของหลี่เฟยไว้,ทว่ากับไม่ได้ยินเสียงกระดูกแตกหัก.
นี่มัน....
ทุกคนที่ตะลึงงัน.
ศิษย์สำนักเห่าฉีมีระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นที่แปด,พลังอย่างน้อยน่าจะมีหนึ่งหมื่นจินแล้ว,ควรจะบดกำปั้นอีกฝ่ายได้ง่าย
ๆ.
หลี่เฟยเอ่ย,”มีพลังเท่านี้รึ?”
คนผู้นี้...กำลังยิ้มอยู่รึ?
ผู้เชี่ยวชาญหลากหลายทันใดนั้นก็คิดได้ในทันที,ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งมีกายเนื้อที่แข็งแกร่งมาก,ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถทนแรงบีบเช่นนั้นได้!
“น่ารังเกียจ!”
ซุนเย่ที่โกรธเกรี้ยว,แผ่พุ่งพลังเข้าลงไปที่ฝ่ามือเพิ่มความแข็งแกร่งถึงขีดสุด,เพื่อที่จะบดหมัดของอีกฝั่งให้ได้!
“ฟิ้ว!”
หลี่เฟยที่กระโดดขึ้น,เท้าขวาที่เตะกวาดออกไป.
เท้าขวาที่ฝึกฝนอยู่ตลอด,เคยเตะบอลอัดเย่ซิงเฉินหลายครั้ง,แม้แต่จุนซ่างเซียวก็ยังเคยโดน,เรียกได้ว่าเท้าขวาทองคำก็ได้!
“ตูมมมมม!”
เท้าขวาที่อาบไปด้วยพลังวิญญาณและกายเนื้อที่แข็งแกร่ง,กระแทกไปยังร่างของซุนเย่..เตะซ้ำในจุดเดียวหลาย
ๆครั้ง.
ตูมมม! ตูมมม!
ตูมมม!ตูมมม!
หลังจากที่หลี่เฟยกระโดดเตะ,พลังเตะที่กระแทกซ้ำ
ๆอย่างบ้าคลั่ง,แต่ละการเตะมีพลังมากกว่า 15,000 จิน.
ซุนเย่ที่ร่างกายสั่นไปมา,รับพลังโจมตีที่หนักหน่วงรุนแรง,ราวกับระเบิดเสียหลักเซถอยออกไปด้านหลัง.
“ได้โอกาสแล้ว!”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
หลี่เฟยที่กลับลงมาบนพื้น,ก่อนที่วิ่งกระโดดพุ่งสูงไปบนอากาศ,ตะโกนออกมาเสียงดัง.
“บาทาไร้เงาไท่กู่!”
“ตูมม ตูมม ตูมม ตูมม—“
ซุนเย่ถูกเตะไปที่ยอดอกซ้ำ ๆ
อย่างไม่หยุดหย่อน,ร่างที่ครูดไปด้านหลัง.
ท้ายที่สุดก็ถูกเตะไปจนถึงขอบลานยุทธ์,และการเตะสุดท้ายกระแทกไปยังใบหน้าโลหิตพุ่งกระจายออกจากปาก.
“ตูมมมม!”
ร่างที่ใหญ่โตของศิษย์สายตรงสำนักเห่าฉี กระเด็นออกจากลานยุทธ์
ร่างกายที่ไถไปกับพื้นล้มดังสนั่น.
พ่ายแพ้อย่างชัดเจน!
“ฟิ้ว!”
หลี่เฟยที่ร่อนตีลังกาหมุนกับมายืนบนพื้น,ก่อนที่จะโค้งให้กล่าวออกไปว่า,”เจ้าปล่อยให้ข้าชนะแล้ว.”
“ยอดเยี่ยม!”
ซูเซียวโม่ที่ตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น.
หลี่ชิงหยางและเซียวจุ้ยจื่อเผยยิ้มพราย.
“นี่ศิษย์สายตรงอย่างงั้นรึ? ขยะชัด
ๆ.”เสียงของเย่ซิงเฉินที่กล่าวเหยียดหยัน.
เหล่าสำนักต่าง ๆ,พร้อมกับตระกูลต่าง
ๆที่จ้องมองตาโตตะลึงไปตาม ๆ กัน.
หลังจากที่ซุนเย่กุมหมัดของหลี่เฟยไว้,จากนั้นก็เพียงชั่วอึดใจต่อมา,ก็ถูกถีบกระหน่ำอยู่ฝ่ายเดียวจนพ่ายแพ้ไปในที่สุด,น่าเหลือเชื่อไปแล้ว.
กลิ่นอายที่แสดงออกมานั่น,ควรจะมีระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นที่ห้า,ทำไมถึงได้มีพลังมากกว่า
15,000 จินกัน!
ไม่ต้องบอกเลยว่าระดับศิษย์ยุทธ์ระดับห้าไม่มีทางจะมีพลังมากขนาดนี้,เว้นแต่จะมีพรสวรรค์ระดับสูงหรือไม่ก็มีทักษะยุทธ์ขั้นสูง.
นี่นะรึ,ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง?
กระบวนท่าแรกนั่นคือหมัด,และกระบวนท่าต่อมาก็เป็นทักษะยุทธ์อย่างงั้นรึ?
วิชาบาทาไร้เงาไท่กู่!
นี่มันทักษะอะไรกัน,ด้วยคุณภาพเช่นนี้,ทำไมถึงไม่เคยได้ยิน?
นี่ไม่ใช่ทักษะยุทธ์,ไม่ได้มีระดับอะไร,แต่เป็นกระบวนท่าที่จุนซ่างเซียวออกแบบและคิดเอาไว้ให้หลี่เฟยเลียนแบบและฝึกฝน
ซึ่งมีต้นแบบมาจาก หวงเฟยหง จากหนังในโลกเดิมที่เขาเคยดู.
เพื่อให้ดูน่าเกรงขาม,จึงได้ตั้งชื่อลงไป,แท้จริงเป็นพลังจากกล้ามเนื้อที่ระดมโจมตีหลาย
ๆ ครั้งจนชำนาญ,ห่างไกลจากทักษะยุทธ์มาก.
กับพลังและความเร็วที่โจมตีออกไป,ด้วยนามบาทาไร้เงาไท่กู่,ทำให้ทุกคนคิดว่ามันคือทักษะพิเศษของสำนักไท่กู่เจิ้ง?
ผู้นำพันธมิตรฉินที่ใบหน้ากลายเป็นดำมืดขึ้นมาทันที.
ศิษย์ของเขาพ่ายแพ้,และยังพ่ายแพ้ต่อระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นห้าด้วย,เรื่องนี้ยากจะทำให้เขายอมรับได้.
ในเวลาเดียวกัน,เหล่าพันธมิตรร้อยสำนักเองก็ใบหน้ากลายเป็นอัปลักษณ์ไปด้วย,ต้องไม่ลืมว่าพวกเขารอคอยหัวเราะเยาะ
ซ้ำเติมอีกฝ่ายอยู่,คาดไม่ถึงเลยว่าผลจะออกมาเป็นเช่นนี้.
หวังตงหลินที่พยักหน้าชื่นชม,”เด็กคนนี้,แม้นว่าจะมีพลังบ่มเพาะเพียงศิษย์ยุทธ์ขั้นที่ห้า,แต่พลังของขานั่นยอดเยี่ยมมาก,เป็นเมล็ดพันธ์ที่ไม่เลว.”
อ้ายซางหนีที่คิดอยู่ในใจ,”ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งต้องได้กินเม็ดยาบูรณะร่างกายไปทุกคนแน่นอน,ไม่เช่นนั้นศิษย์ยุทธ์ขั้นห้า,เป็นไปไม่ได้ที่จะมีพลังจนสามารถเอาชนะศิษย์สำนักเห่าฉีได้.”
หลังจากที่ได้รับชัยชนะแรก,จุนซ่างเซียวที่จ้องมองไปยังฉินเห่าหรานที่ใบหน้าอัปลักษณ์ยกมือประสานกล่าวออกมาว่า,”ผู้นำฉิน,ต้องขออภัย,ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งชนะเพราะโชคช่วย.”
“ชิ.”
ฉินเห่าหรานที่แค่นเสียงเย็นชา,ก่อนที่จะให้ศิษย์คนอื่นนำซุนเย่ที่หมดสติออกไป,พร้อมกับกล่าวออกไปอย่างนุ่มนวล,”เจ้าสำนักจุน,คู่ที่สอง,ขอเชิญเจ้าส่งศิษย์ออกมา.”
พ่ายแพ้ก่อนแล้วอย่างไร,ขอเพียงจากนี้ชนะทั้งหมด,เจ้าหนูนี้ก็ต้องเป็นคนล้างคอกม้าเหมือนเดิม!
จุนซ่างเซียวที่สีคางไปมา,ครุ่นคิดเล็กน้อย,พร้อมกับกล่าวออกไปว่า,”เถียนซี,ออกไปต่อสู้.”
“ครับ!”
เถียนซีที่ก้าวออกไป.
เขาเคยเข้าร่วมงานประลองสำนัก,ทำให้จิตใจหนักแน่นกว่าหลี่เฟย.
ฉินเห่าหรานไม่ได้คิดจะส่งศิษย์ระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นแปดออกไปแล้ว,เขาส่งศิษย์ระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นเก้าออกไป,เพื่อคว้าชัยครั้งที่สองนี้ให้ได้.
“ผู้นำฉินใช่ว่าต้องส่งศิษย์ยุทธ์ขั้นแปดออกไปหรอกรึ?”
“เขายังมีศิษย์ยุทธ์ขั้นที่เก้าสองคน,และศิษย์ยุทธ์ขั้นปลายอีกสองคนและอาจารย์ยุทธ์อีกหนึ่งคน,ที่จะขึ้นไปประลองกับศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งห้าคนที่เหลือ.”
“ศิษย์นามหลี่เฟยนั่น,ความแข็งแกร่งดี,แต่หมัดนั้นอ่อนแอกนัก,ตอนนี้ต้องสู้กับศิษย์ยุทธ์ขั้นเก้า,ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งคนนี้คงจะโดนยำใหญ่แน่.”
ขณะทุกคนจดจ้องมองไปยังด้านหลังหลี่เฟย,พร้อมกับกล่าววิพากวิจารณ์เสียงดัง,แม้แต่สรุปว่าเถียนซี
ได้พ่ายแพ้ไปแล้ว.
ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น