Strongest Sect of All Times Chapter 149 Bet
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 149 Bet
彩头
ตระกูลอ้าย,พลเมือง เมืองชิงหยาง 3.6 ล้านคน
อาวุโสนิกายเขาซางซาน,จุนซ่างเซียวต้องหวาดกลัวอีกรึ?
ปรกติแล้วคนของสำนักไท่กู่เจิ้ง,แต่ละคนก็มีจิตใจที่ห้าวหาญอยู่แล้ว.
ไร้ซึ่งความหวาดกลัวใด ๆ.
ถึงจะไม่มีใครสนับสนุน,จุนซ่างเซียวก็กล้านำคนมาประลอง,ไม่หวาดกลัวอย่างแน่นอน!
ด้วยเหตุนี้,เขาที่เป็นเจ้าสำนัก,ต่อหน้ากลุ่มอิทธิพลของเมืองชิงหยาง,และเหล่าพันธมิตรร้อยสำนักกว่า
50 ,เขาจึงเป็นคนเอ่ยขอประลองกับสำนักเห่าฉีอย่างเป็นทางการก่อน.
“กึก ซี่!”
ฉินเห่าหรานที่กำหมัดแน่น,กัดฟันด้วยความเกลียดชัง,”สำนักเห่าฉีขอรับคำท้า!”
ประมุขอ้ายที่สนับสนุนจุนซ่างเซียว,ยิ่งทำให้เขาโกรธเกรี้ยวมากยิ่งขึ้น.
ในเวลานี้พวกเขาต้องการออกไปประลอง,ทุบตีศิษย์ไท่กู่เจิ้งให้หนัก,เพื่อระบายความเกลียดชังในใจ.
อาวุโสนิกายเขาซางซานที่สนับสนุนอีกฝ่ายด้วยอย่างงั้นรึ?
ขอโทษด้วย,นี่คือการประลอง,ถึงจะอยู่ข้างสำนักไท่กู่เจิ้งแล้วไง,ทำได้แค่มองดูเท่านั้น.
ผู้นำฉินที่กำลังครุ่นคิด.
หวังตงหลินที่ปรากฏตัวขึ้นที่นี่,แม้นว่าจะแสดงออกว่าสนับสนุน,แต่ก็ไม่มีทางที่จะเข้ามาวุ่นวายในการประลองได้แน่.
“ฟิ้ว!”
ผู้นำฉินที่โบกมือ,ก้าวลงจากแท่นห้องโถง,ไปหยุดที่ลานยุทธ์.
“ฟิ้ว! ฟิ้ว!”
ศิษย์กว่าพันคนที่ออกมาจากลานด้านใน,เข้าแถวอยู่ด้านหลัง,ดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก.
ศิษย์สองแถวด้านหน้ามี 20
คน,ที่จ้องมองไปยังหลี่ชิงหยางและศิษย์คนอื่น
ๆ,ด้วยแววตาจริงจัง,แม้แต่เผยความเหยียดหยามออกมา.
แน่นอนว่าพวกเขาก็คือศิษย์ระดับสูงของสำนักเห่าฉีนั่นเอง.
โดยเฉพาะสิบคนด้านหน้า,เป็นศิษย์สายตรงที่ฉินเห่าหรานฝึกฝนเป็นพิเศษ,รากวิญญาณและพลังบ่มเพาะไม่เลวอยู่แล้ว.
“น่าประหลาดใจจริง ๆ.”
จุนซ่างเซียวที่ลอบคิดอยู่ในใจ,”ศิษย์สำนักเห่าฉีมีสามคนที่มีรากวิญญาณระดับสูงด้วย.”
ด้วยแว่นตากันแดดหรูหราที่มีฟังก์ชันตรวจสอบ,เขาสามารถที่จะวิเคราะห์ความสามารถของสิบศิษย์สายตรงสำนักเห่าฉีว่ามีพรสวรรค์และพลังบ่มเพาะเท่าใดอย่างชัดเจน.
รู้เขารู้เรา,รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง.
ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อกลุ่มของหลี่ชิงหยางและศิษย์คนอื่น
ๆปิดด่าน,เขาได้สั่งให้หอฝนพรำตรวจสอบรายระเอียดของพวกเขามาก่อนหน้าแล้ว.
ไม่ได้คลาดเคลื่อนแต่อย่างใด.
พวกเขามีศิษย์ที่มีรากวิญญาณระดับสูงสามคน,และมีความสามารถที่ไม่ธรรมดา.
ในบรรดาศิษย์สายตรงที่ยืนอยู่ด้านหน้าสิบคน.
จากซ้ายไปขวา,สามคนที่มีรากวิญญาณระดับสูง,มีพลังบ่มเพาะอาจารย์ยุทธ์ขั้นหนึ่งและอีกสองคนมีระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นปลาย.
ส่วนอีกเจ็ดคนแม้นว่าจะมีรากวิญญาณขั้นกลาง,ทว่าพลังบ่มเพาะก็ไม่เลว,มีสามคนมีระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นเก้าและอีกสี่คนมีระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นแปด!
นี่ใกล้จะเท่านิกายระดับห้าแล้ว,กับศิษย์ที่มีรากวิญญาณระดับสูงสามคน,แม้แต่คนหนึ่งยังมีระดับอาจารย์ยุทธ์,ถือเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดา.
ทว่า,พวกเขาไม่มีศิษย์ที่มีรากวิญญาณระดับสุดยอด.
ความจริงถึงจะเป็นนิกายระดับห้า,การจะมีศิษย์ที่มีรากวิญญาณระดับสุดยอด,อย่างมากสุดก็คงแค่คนเดียว.
หากเซียวจุ้ยจื่อรากวิญญาณไม่ถดถอย,นิกายระดับสี่และระดับห้าคงจองตัวไว้แล้ว,หรืออาจจะมีนิกายระดับสองหรือสามเข้ามาแย่งด้วย.
ส่วนรากวิญญาณระดับศักดิ์สิทธิ์,คงมีเพียงแค่นิกายศักดิ์สิทธิ์ชั้นหนึ่งเท่านั้นที่จะมีได้.
ส่วนรากวิญญาณะดับเทวะ,นี่คือคนคนที่สวรรค์โปรดปราณให้มีชะตาที่ยิ่งใหญ่,ผ่านมานานแล้วแทบจะไม่ปรากฏตัว,แต่หากปรากฏขึ้นมาก็หมายความว่ามีชะตาให้กลายเป็นราชันย์,ผู้จะยืนอยู่เหนือสิ่งมีชีวิตทั้งมวล.
เมื่อเทียบสำนักเห่าฉี.
สำนักไท่กู่เจิ้งที่มีหลี่ชิงหยาง,เซียวจุ้ยจื่อและเย่ซิงเฉิน,ที่มีรากวิญญาณระดับสูง,เทียบแล้วก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่ากัน.
จะอ่อนแอหรือแข็งแกร่ง,แน่นอนยังมีอีกหลายสิ่งที่นำมาวัด.
ไม่สามารถพูดถึงความแข็งแกร่งโดยรวมได้,เพราะอีกฝ่ายมีจำนวนศิษย์มากกว่าพันคนแตกต่างกับพวกเขามากมายนัก.
ไม่ต้องรีบร้อน,ไม่ต้องกังวลไป.
เส้นทางนี้ยังอีกไกล,ไม่มีใครอ้วนได้เพียงแค่กินอาหารเพียงคำเดียว.
“เจ้าสำนักจุน.”
ฉินเห่าหรานที่กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล”ต้องการประลองอย่างไร?”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ข้าส่งศิษย์ออกไปเจ็ดคน,สำนักเห่าฉีก็ส่งศิษย์ออกมาเจ็ดคนเช่นกัน,ประลองกันทีละคู่ใครชนะสี่ก่อนถือว่าได้รับชัยเป็นอย่างไร?”
“ตกลง.”ฉินเห่าหรานที่ไม่มีความเห็นอื่น.
ในเมื่อนี่เป็นการประลองที่ตรงไปตรงมา,เป็นไปไม่ได้ที่จะให้ศิษย์ทั้งหนึ่งพันออกโรง.
”.”
เขาที่หยุดชั่วครู่,ก่อนที่จะเผยยิ้มอย่างชั่วร้ายออกมา,”ในเมื่อนี่คือการประลอง,ก็ควรจะมีการเดิมพันดีหรือไม่?”
จุนซ่างเซียวที่สีจมูกกล่าวออกมาว่า,”ผู้นำฉินต้องการเดิมพันอะไรล่ะ?”
ฉินเห่าหรานกล่าว,”การประลองในครั้งนี้,หากสำนักเห่าฉีของข้าชนะ,รบกวนเจ้าสำนักจุนอยู่ทำความสะอาดคอกมาให้สะอาดสักหนึ่งปีเป็นอย่างไร.”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า.”
เฉินถงที่หัวเราะออกมาเสียงดัง,”เดิมทีผู้นำฉินก็ขาดคนรับใช้นี้เอง,อ๋า,ข้ารู้สึกว่าเจ้าสำนักจุนดูเหมาะสมจริง
ๆ.”
“ทำความสะอาดคอกม้าสำนักเห่าฉี,นับเป็นงานที่ทรงเกียรติ.
เหล่าพันธมิตรที่ส่งเสียงเย้ยหยันกระหน่ำทันที.
เหล่าชาวยุทธ์ที่มาชมการต่อสู้ต้องส่ายหน้า,หากประมุขของสำนักต้องกลายเป็นคนทำความสะอาดคอกม้าจริง
ๆล่ะก็,หลังจากนี้คงมองหน้าคนอื่นไม่ติดแน่.
เกี่ยวกับเดิมพัน.
ฉินเห่าหรานได้คิดมาก่อนแล้ว.
ก่อนหน้าเขาต้องการจะให้จุนซ่างเซียวคุกเข่าคำนับขอโทษต่อเขาต่อหน้าทุกคน.
นี่คือการลงโทษ!
ที่บังอาจถอนตัวจากพันธมิตรร้อยสำนัก.
ด้วยประมุขอ้ายและอาวุโสใหญ่นิกายเขาซางซานมาในครั้งนี้,เขาจึงต้องถอยก้าวถึง,ให้ทำความสะอาดคอกม้าแทน.
แม้นว่าจะแตกต่างจากที่คิดไว้,ทว่าเป้าหมายก็เหมือนเดิม,นั่นก็คือการทำลายเกียรติของจุนซ่างเซียว,กระทืบให้จมดิน!
ด้วยวิธีนี้ กับสถานะผู้ปกครองสำนัก,นับเป็นการทำลายเกียรติยิ่งกว่าฆ่าให้ตาย!
ฉินเห่าหรานที่เผยยิ้มออกมา,”เจ้าสำนักจุน,มีความเห็นอย่างไร?”
คิดเห็นอย่างไรอย่างงั้นรึ?
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”เปิ่นจั้วยังไม่บอกเดิมพันของตัวเองเลย.”
“เชิญกล่าว.”
ฉินเห่าหรานที่กล่าวแต่ผลเดิมพันของตน,เพราะต้องการแสดงให้เห็นว่าการประลองนี้ผลการต่อสู้มันชัดเจนแล้ว.
จุนซ่างเซียวที่ครุ่นคิดเล็กน้อย,กล่าวออกไปว่า,”การเดิมพันของเปิ่นจั้ว,หากผู้นำฉินพ่ายแพ้,จะต้องไปล้างห้องส้วมของสำนักไท่กู่เจิ้งเป็นเวลาหนึ่งปี.”
“เจ้าสำนัก!”
ซูเซียวโม่ที่โพล่งออกมา,”ผู้นำฉินที่มีสถานะสูง,หากว่ามาล้างห้องน้ำ,แล้วศิษย์จะขี้ออกได้อย่างไร.”
หลี่เฟยกล่าวเสริม,”คิดถึงผู้นำฉินมาล้างห้องน้ำด้วยตัวเองแล้ว,แล้วศิษย์ต้องทำเลอะ,ก็รู้สึกผิดแล้ว.”
“ไอ้โง่,พูดอะไรออกมา!”ศิษย์ของสำนักเห่าฉีที่อดไม่ได้ตะคอกออกมาทันที.
ซูเซียวโม่ที่มีอารมณ์,”ใครพูดว่าข้าโง่กัน?”
“โง่จนไม่...”ศิษย์ของสำนักเห่าฉีที่หยุดและเปลี่ยนคำพูด,”แกนั่นล่ะไอ้โง่!”
“บัดซบ,มารดาแกสิโง่,ทั้งตระกูลแกโง่,บรรพบุรุษทั้ง
18 รุ่นโคตรโง่!”ซูเซียวโม่ที่ด่าออกมาเป็นชุดทันที.
กับคำพูดที่ถูกพ่นออกมาไม่หยุด,จนอีกฝ่ายด่าไม่ทัน!
ศิษย์ของสำนักเห่าฉีถึงกับหน้าเสีย,ขณะกำลังจะด่ากลับคืน,ฉินเห่าหรานก็ยกมือขึ้นหยุดไว้.
“ชิ.”
พันธมิตรคนหนึ่งที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา,”ปากพวกไพร่,เจ้าสำนักจุนไม่รู้จักสั่งสอนศิษย์บ้างรึ?.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ตาแก่,เจ้าไม่ได้ยินรึว่าศิษย์สำนักเห่าฉีเป็นคนด่าคนอื่นก่อน,เป็นเรื่องทั่วไปที่ศิษย์ของข้าต้องตอบโต้,อีกอย่างทุกคนในโลกนี้ไม่เท่าเทียมกันอย่างงั้นรึ?”
คำพูดของปราชญ์ที่กล่าวว่าทุกคนล้วนเท่าเทียมกัน.
ทุกคนมีความเป็นคนเหมือน ๆ กัน.
ในทวีปซิงหยุน,ไม่มีใครแบกแยกชนชั้น,ว่าใครเหนือหรือด้อยกว่ากัน.
“ผู้นำฉิน,เดิมพันของข้าล่ะว่าอย่างไร?”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
ฉินเห่าหรานที่ยกมือประสานอก,กวาดตามองผู้ชมรอบ
ๆกล่าวออกมาว่า,”ทุกท่านโปรดเป็นพยาน,การเดิมพันของสำนักเห่าฉีและสำนักไท่กู่เจิ้งในครั้งนี้ด้วย.”
“ผู้นำฉิน,โปรดวางใจ,ทุกคนล้วนแต่เป็นพยาน.”เหล่าชาวยุทธ์ที่ชื่นชอบชมเรื่องสนุกตะโกนออกมาเสียงดัง,”ใครที่ไม่รักษาคำพูด,ล้วนแต่ถูกรังเกียจจากทุกคนทั่วยุทธภพ,ใครที่ผิดสัญญา,พวกเราทุกคนพร้อมร่วมมือกันกำจัดให้สิ้น!”
“ถูกแล้ว!”
เสียงสนับสนุนของทุกคนที่ดังขึ้น.
“ฟิ้ว!”
ฉินเห่าหรานที่รู้สึกพึงพอใจ,ยกมือประสานกล่าวออกไป,”เจ้าสำนักจุน,เชิญ!”
“ฟิ้ว! ฟิ้ว!”
ศิษย์ของสำนักเห่าฉีกระจายออกไปในทันที,โค้งเป็นครึ่งวงกลมรอบ
ๆลานยุทธ์,ซึ่งอีกครึ่งหนึ่งเป็นพื้นที่สำหรับชาวยุทธ์คนอื่น
ๆ,ที่จะสามารถมองเห็นการต่อสู้ได้อย่างสะดวกนั่นเอง.
ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น