Strongest Sect of All Times Chapter 148 You may really unrequited love
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 148 You may really unrequited love
你可真自作多情
เหล่าเจ้าสำนัก 50 คนของพันธมิตรที่เตรียมการตั้งแต่เมื่อวาน,ต้องการใช้กลิ่นอายเข้าข่ม,เพื่อกดดันจุนซ่างเซียว,ท้ายที่สุดต้องชงักงันกับการเปิดตัวของจุนซ่างเซียว.
กว่าจะตั้งสติได้,จุนซ่างเซียวก็ก้าวเข้ามาในลานยุทธ์สวมแว่นกันแดดปากคาบบุหรี่พ่นควันบุหรีขโมง,เหล่าศิษย์ที่ก้าวตามหลังมา.
หลี่ชิงหยางและเซียวจุ้ยจื่อที่ยืนขัดหลังยืดอกอย่างสง่าผ่าเผย.
ซูเซียวโม่,หลี่เฟยและเทียนฉีที่กอดอกก้าวเข้ามาอย่างอหังการ.
ลู่เชียนเชียนและโจวหงที่กอดกระบี่เดิมเข้ามาอย่างองอาจ.
เย่ซิงเฉิงที่แสดงท่าทางอับอายอยู่เล็กน้อยขณะแบกเครื่องเสียง,ก้าวตามหลังมา,ที่มุมปากเผยยิ้มอย่างชั่วร้ายออกมาเหมือนกัน.
ต่อหน้าพวกเขา,แม้นว่าจะมีเจ้าสำนักระดับสูงกว่า,กับกลิ่นอายที่น่าเกรงขามแผ่สกดข่มนั้น,พวกเขาไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย!
ภายในใจชาวยุทธ์ที่ประหลาดใจและเริ่มสนุกขึ้นมาทันที.
พวกเขาไม่ได้มองสำนักไท่กู่เจิ้งไว้สูงนัก,ทว่ากับการเปิดตัวอย่างอหังการนี้ทำให้พวกเขาตกใจเล็กน้อย.
อย่างไรก็ตาม.
เจ้าสำนักจุนที่เอ่ยกล่าวว่าสำนักไท่กู่เจิ้งของข้ามาท้าประลอง,ดูอหังการอยู่เล็กน้อยหรือไม่?
ไม่ใช่แค่ว่าอหังการเล็กน้อย
ควรจะกล่าวว่าโอหังเป็นอย่างมาก.
ฉินเห่าหรานที่ยืนอยู่ด้านหน้าห้องโถง,ใบหน้ากลายเป็นมืดครึม,แม้แต่รู้สึกโกรธเกรี้ยวขึ้นมา.
ทุก
ๆคนในยุทธภพ,การจะขอท้าประลองนั้นจะใช้คำที่สละสลวยอย่างเช่นขอคำชี้แนะแม้นว่าจะมีความหมายไม่ต่างกัน แต่ไม่มีใครเอ่ยตรง
ๆว่ามาท้าประลอง,หากไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ยุทธภพ,ก็ไม่มีทางที่จะเข้าใจครรลองคลองธรรม.
จุนซ่างเซียวเข้าใจเรื่องนี้ดี,ทว่าในเมื่อเขาไม่จำเป็นต้องไว้หน้าพันธมิตรร้อยสำนักแล้ว,ไม่ว่าจะพูดอะไรไปก็เท่านั้น,สู้ไม่แสดงท่าทางอหังการออกมาเลยดีกว่า.
“เจ้าเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม!”
เจ้าสำนักเหลียนเมิ่ง,ที่โกรธเกรี้ยวคำรามออกมา,”นี่แก....”
จุนซ่างเซียวที่ยกมือ,ชี้นิ้วกลางให้เขา,เอ่ยกล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล,”ไม่ยอมรับรึ?!”
เจ้าสำนักคนดังกล่าวที่นึกถึงซือถูหวังที่กระอักโลหิตที่ตึกจันทร์ดารา,ทันใดนั้นก็กลืนคำพูดของตัวเองลงไปทันที.
เพียงคำพูดไม่กี่คำก็ทำให้อีกฝ่ายเงียบไม่กล้าพูดออกมาแล้ว.
เหล่าชาวยุทธ์รอบ ๆที่เผยท่าทางชื่นชมออกมา,”ยอดเยี่ยม!”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า.”
พริบตานั้น,ก็มีเสียงหัวเราะดังลั่นขึ้นมาในทันที.
สายตาของทุกคนที่มองไปยังเสียงดังกล่าว,ก่อนที่จะเห็นอ้ายซางหนี่เดินออกมาจากฝูงชน,ใบหน้าที่เผยความดีใจออกมาเต็มใบหน้า.
ประมุขอ้ายไม่สามารถทนดูได้,กับความโอหังไร้มารยาทต่อผู้นำฉินรึ?
ผู้คนมากมายต่างก็คิดเช่นนั้น.
ฉินเห่าหรานเองก็คิดเช่นกัน,เขายกมือประสานกล่าวออกไปว่า,”ขอบคุณในความปรารถนาดีของประมุขอ้าย,ฉินโหมวคงขอรับไว้ด้วยใจ,กับเจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนี้,อย่าได้ไปเสียเวลาโต้เถียงกับคนเช่นนี้เลย.”
อ้ายซางหนี่ที่ไม่สนใจเขา,ก้าวเดินไปยังทิศทางของจุนซ่างเซียว.
เหล่าชาวยุทธ์ที่ตะลึงงัน,ต่างก็คิดว่านี่ประมุขอ้ายต้องการจะช่วยผู้นำฉิน,ก้าวออกไปโต้เถียงแทนอีกฝ่าย.
นี่มิตรภาพพวกเขาลึกล้ำขนาดนั้นเลยรึ?
น่าอิจฉายิ่งนัก!
แม้นว่าผู้นำฉินจะเผยท่าทางขอโทษเล็กน้อย,ทว่าที่มุมปากกับยกขึ้นเผยยิ้มด้วยความพอใจเป็นอย่างมาก.
เหล่าชาวยุทธ์มากมายที่มาในเวลานี้มีจำนวนมาก,ภายใต้สถานะการณ์ดังกล่าวนี้หากได้ตระกูลอ้ายสนับสนุนอยู่ข้างเขาล่ะก็,จะทำให้ให้ชื่อเสียงของเขามีมากขึ้น!
เจ้าหนู.
ต่อหน้าประมุขอ้าย.
ที่มีสหายมากมายและยังเป็นคนที่มีชื่อเสียงในการขายยา.
เมื่ออีกฝ่ายสนับสนุนผู้นำฉิน,ชีวิตแกก็จบแล้ว,การล่วงเกินประมุขอ้ายเท่ากับล่วงเกินคนทั่วมนทลชิงหยาง.
ในเวลานั้น,ฉินเห่าหรานที่ตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก,เมื่อเห็นว่าจุนซ่างเซียวที่อาจจะล่วงเกินประมุขอ้าย,ไม่เพียงแต่ได้ล่วงเกินคนจำนวนมาก,ชะตาชีวิตของอีกฝ่ายต้องจบอย่างอนาถอย่างไม่ต้องสงสัย.
“เจ้าสำนักจุน.”
อ้ายซางหนีที่ก้าวเดินไปนั้นเป็นคนเอ่ยปากออกมาก่อน,ใบหน้าที่เผยยิ้มอย่างอบอุ่น.
ผู้คนมากมายที่จับตามองชงักงัน,นี่กำลังเยาะเย้ยกันรึ?!
อย่างไรก็ตาม!
คำพูดและท่าทางของเขาต่อจากนั้น,ทำให้ทุกคนกลายเป็นตัวโง่งมไปในทันที,เขาที่ยกมือโค้งคารวะ,กล่าวออกไปว่า,”ช่างนี้สบายดีใหม?”
นี่มัน....
เข้าใจอะไรผิดหรือไม่?!
ต้องไม่ลืมว่าตระกูลอ้ายนั้นคือตระกูลค้าขาย,ด้วยงานและหน้าที่ทำให้เป็นคนกว้างขวางมีพันธมิตรมากมาย,ไม่เคยมีใครกล้ายั่วยุพวกเขา,ไม่ว่าจะเป็นใครต่างก็ต้องการรู้จักและเข้าไปประจบประแจงพวกเขา.
พวกเขาแม้นว่าจะไม่ได้เป็นตระกูลที่ทรงพลังนัก!
แต่กับมีอิทธิพลไม่น้อย,ทุกคนต่างก็ต้องสุภาพพวกเขา!
จุนซ่างเซียวก็ไม่เว้น,การล่วงเกินตระกูลอ้าย,เท่ากับการสร้างศัตรูต่อชาวยุทธ์ทั่วยุทธภพ.
ทว่าพริบตาเดียวที่ประมุขอ้ายกล่าวออกเมื่อกี้ก็ทำให้ทุกคนนิ่งงันกลายเป็นไก่ไม้.
เมื่อกี้นี้พวกเขาหลายคนที่เตรียมตัวโห่ว่ากล่าวอีกฝ่ายต้องกลืนคำพูดกลับมา,สิ่งที่คิดเอาไว้ก่อนหน้านี้พลันมลายหายไปหมด,แทบจะไม่รู้ว่าต้องเอ่ยอะไรออกมา.
“ประมุขอ้าย.”
จุนซ่างเซียวก็เผยยิ้ม,ยกมือประสานกล่าวออกมาว่า,”ท่านก็อยู่ที่นี่รึ?”
ทุกคนที่นิ่งงันจ้องมองอ้ายซางหนีที่เผยสีหน้าดีใจ,และสุภาพกับอีกฝ่าย,ทำให้พวกเขาใบหน้ากระตุก.
เฮ้ย!
นี่มันเกิดอะไรขึ้น,หมายความว่าอย่างไร!
ในเวลานี้,พวกเขาทุกคนสามารถสังเกตเห็นได้ว่าคนทั้งสองไม่ได้มีความขัดแย้งกัน,แม้นแต่ดูสนิทสนมกันด้วยซ้ำ.
ใบหน้าที่เผยยิ้ม,ทักทายกันราวกับเป็นสหายสนิท,ไม่มีท่าทางโกรธเกรี้ยว,หรือ
ด่าว่ายั่วยุกันเลยแม้แต่น้อย.
เหลือเชื่อ,นี่หมายความว่าอย่างไร!
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์มากมายที่ประหลาดใจเต็มไปด้วยความสงสัย,ต้องการคำอธิบาย,ทันใดนั้น
ประมุขอ้ายก็เอ่ยกล่าวออกมาอีก,”ได้ยินมาว่าสำนักอันทรงเกียรติมาประลองกับสำนักเห่าฉี,ตามปรกติแล้วสหายที่ดีต้องเดินทางมาเชียร์เป็นธรรมดา.”
คำพูดของเขาแน่นอนเป็นการประกาศจุดยืนของตนเอง,เป็นศาสตร์และศิลป์ในการพูด!
สายตาของทุกคนที่จ้องมองไปยังจุนซ่างเซียวที่เปลี่ยนไป,ทุกคนที่คาดเดาไปต่าง
ๆนา ๆของความสัมพันธ์ทั้งคู่?
ตกลงแล้วพวกเขารู้จักกันหรือไม่?
จุนซ่างเซียวเผยยิ้มยกมือขึ้นกล่าวออกมาว่า,”ได้ตระกูลอ้ายมาเชียร์,จุนโหมวรู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก.”
กึก.
ทุก ๆคนที่เวลานี้งงตะลึงงันไปตาม ๆ กัน.
นี่เขากำลังคิดว่าตระกูลอ้ายมาเชียร์เขางั้นรึ?
“ชิ.”
ฉินเห่าหรานที่แค่นเสียงเย็นชา,”เจ้าสำนักจุน,ช่างเป็นคนที่หลงตัวเองจริง
ๆ.”
“หลงตัวเองอย่างงั้นรึ?”
จุนซ่างเซียวที่แสดงท่าทางตื่นตะลึงและจ้องมองไปยังอ้ายซางหนี,กล่าวออกไปว่า,”นี่ประมุขอ้ายไม่ได้มาเชียร์จุนโหมวหรอกรึ?”
“พรึด ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า.”
“ไม่คิดเลยว่าเจ้าคนนี้จะตลกหน้าตายไม่รู้เรื่องอะไรเลย?”
“ไม่มีสมองคิดละสิไม่ว่า,ประมุขอ้ายตระกูลใหญ่ขายยาที่มีชื่อเสียง,จะมาสนับสนุนสำนักระดับแปดได้อย่างไร?”
เหล่าพันธมิตรร้อยสำนักที่ราวกับได้โอกาส,พูดว่ากล่าวทับถมดูแคลนออกมาในทันที.
“ไม่ผิด.”
ประมุขอ้ายที่เร่งรีบเอ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม,”อ้ายโหมวเดินทางมาจากเมืองฮู่หยาง,การเดินทางครั้งนี้ตั้งใจมาเชียร์ประมุขจุนโดยเฉพาะ!”
กึก.
เหล่าพันธมิตรที่หัวเราะเยาะเย้ยหยุดไปในทันที,แม้แต่อ้าปากค้างคาดไม่ถึงเรื่องดังกล่าว.
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป,พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ.
เหล่าชาวยุทธ์ที่ส่งเสียงครึกครืนก่อนหน้านี้กลายเป็นเงียบกริบ,ดวงตาเบิกกว้าง,แม้แต่สงสัยว่าตัวเองได้ยินผิดหรือไม่?
“ขอบคุณ.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
ใบหน้าของผู้นำฉินที่แข็งค้าง,เผยท่าทางไม่อยากเชื่อออกมา,”ประมุขอ้าย,ท่าน
ท่าน....บอกว่ามาเชียร์เจ้าเด็กนี้รึ?”
ประมุขอ้ายที่ก้าวไปด้านหลังฝั่งจุนซ่างเซียว,ไปยืนที่ขอบลานยุทธ์และเอ่ยปากออกมาว่า,”ไม่ผิด.”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
เซียกวนคุนที่ราวกับอดทนเอาไว้นาน ท้ายที่สุดก็ไม่ไหว
หัวเราะออกมาดังลั่น,กล่าวออกมาว่า,”ใครก็ไม่รู้,หลงตัวเอง,ข้ารู้สึกอายแทนคน
ๆนั้นซะจริง.”
ฉินเห่าหรานที่ใบหน้าที่เดี๋ยวเขียวเดี๋ยวดำทันที!
เจ้าเมืองเซี่ยที่นำเหล่าประมุขตระกูลเมืองชิงหยางเดินไปยังทิศทางจุนซ่างเซียว,ยกมือประสานกล่าวออกไปว่า,”เจ้าสำนักจุน,ไม่จำเป็นต้องกังวล,เมืองฉิงหยาง
3.6 ล้านคนอยู่ข้างทัน,วันนี้ต่อสู้ให้เต็มที่!”
กล่าวเสร็จเขาก็เดินตรงไปยังทิศทางของประมุขอ้าย.
ประมุขหลี่ที่เดินผ่านหลี่ชิงหยาง,เขาที่วางมือตบไปที่ไหล่และกล่าวออกไปว่า,”บุตรชาย,บิดารอชมการต่อสู้ของเจ้าอยู่,อย่าทำให้ตระกูลหลี่ขายหน้า,อย่าทำให้สำนักไท่กู่เจิ้งผิดหวัง!”
เขารู้ดีว่าบุตรชายทรงพลังแม้แต่เอาชนะศิษย์ฝ่ายในนิกายเซิงชวน,เขาที่รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก,แม้แต่ตระหนักได้ว่าการที่บุตรชายเข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้งเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด.
เขาที่เดินทางมายังสำนักเห่าฉีในครั้งนี้,ไม่ใช่ฐานะประชาชนใน
3.6 ล้านคน,ทว่าในฐานะบิดาต่างหาก.
“ครับ.”
หลี่ชิงหยางที่แววตามั่นคงหนักแน่นเป็นอย่างมาก.
เวลานี้มีอ้ายซางหนี,มีเซี่ยกวนคุน,และประชาชนเมืองชิงหยาง
3.6 ล้านคนอยู่ข้างเขา.
“เจ้าสำนักจุน.”
พริบตานั้น,เสียงที่ดูน่าเกรงขามก็ดังขึ้น,”ตาเฒ่าได้ยินเรื่องของเจ้าจากหม่าหยุนเถิง,เจ้าเป็นชายหนุ่มที่ไม่ธรรมดาจริง
ๆ,วันนี้ข้าได้เห็นแล้ว.”
ชายชราผมขาวที่มาพร้อมกับประมุขอ้าย,ดวงตาที่คมกริบเอ่ยออกมา.
“อาวุโสคือ?”จุนซ่างเซียวที่กล่าวด้วยท่าทางตกใจ.
ชายชราที่กล่าวด้วยน้ำเสียงน่าเกรงขาม,”นิกายเขาซางซาน,หวังตงหลิน.”
สายตาของทุกคนที่จับจ้อง,ทันใดนั้นดวงตาของทุกคนที่ตื่นตะลึงไปในทันที.
หวังตงหลิน,ไม่ใช่แค่คนของนิกายเขาซ่างซาน,เขายังมีพลังบ่มเพาะบรรพยุทธ์ขั้นปลาย,เป็นหนึ่งในสี่อาวุโสใหญ่!
“เจ้าสำนักจุน.”
อ้ายซางหนี่กล่าวเสียงเบา,”อ้ายโหมวเป็นคนเชิญมาเอง.”
เป็นเช่นนี้นะเอง.
จุนซ่างเซียวที่ยกมือประสานทักทาย,จากนั้นก็หันหน้าจ้องมองไปยังฉินเห่าหลาน,กระทำการตามธรรมเนียมของยุทธ์ภพ,”เจ้าสำนักไท่กู่เจิ้ง,จุนซ่างเซียว,ได้นำศิษย์มาท้าประลองกับสำนักเห่าฉีแล้ว!”
ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น