วันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

Strongest Sect of All Times Chapter 148 You may really unrequited love

Strongest Sect of All Times  Chapter 148 You may really unrequited love

 นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล

Chapter 148 You may really unrequited love

你可真自作多情

 

เหล่าเจ้าสำนัก 50 คนของพันธมิตรที่เตรียมการตั้งแต่เมื่อวาน,ต้องการใช้กลิ่นอายเข้าข่ม,เพื่อกดดันจุนซ่างเซียว,ท้ายที่สุดต้องชงักงันกับการเปิดตัวของจุนซ่างเซียว.

กว่าจะตั้งสติได้,จุนซ่างเซียวก็ก้าวเข้ามาในลานยุทธ์สวมแว่นกันแดดปากคาบบุหรี่พ่นควันบุหรีขโมง,เหล่าศิษย์ที่ก้าวตามหลังมา.


หลี่ชิงหยางและเซียวจุ้ยจื่อที่ยืนขัดหลังยืดอกอย่างสง่าผ่าเผย.

ซูเซียวโม่,หลี่เฟยและเทียนฉีที่กอดอกก้าวเข้ามาอย่างอหังการ.

ลู่เชียนเชียนและโจวหงที่กอดกระบี่เดิมเข้ามาอย่างองอาจ.

เย่ซิงเฉิงที่แสดงท่าทางอับอายอยู่เล็กน้อยขณะแบกเครื่องเสียง,ก้าวตามหลังมา,ที่มุมปากเผยยิ้มอย่างชั่วร้ายออกมาเหมือนกัน.

ต่อหน้าพวกเขา,แม้นว่าจะมีเจ้าสำนักระดับสูงกว่า,กับกลิ่นอายที่น่าเกรงขามแผ่สกดข่มนั้น,พวกเขาไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย!

ภายในใจชาวยุทธ์ที่ประหลาดใจและเริ่มสนุกขึ้นมาทันที.

พวกเขาไม่ได้มองสำนักไท่กู่เจิ้งไว้สูงนัก,ทว่ากับการเปิดตัวอย่างอหังการนี้ทำให้พวกเขาตกใจเล็กน้อย.

อย่างไรก็ตาม.

เจ้าสำนักจุนที่เอ่ยกล่าวว่าสำนักไท่กู่เจิ้งของข้ามาท้าประลอง,ดูอหังการอยู่เล็กน้อยหรือไม่?

ไม่ใช่แค่ว่าอหังการเล็กน้อย

ควรจะกล่าวว่าโอหังเป็นอย่างมาก.

ฉินเห่าหรานที่ยืนอยู่ด้านหน้าห้องโถง,ใบหน้ากลายเป็นมืดครึม,แม้แต่รู้สึกโกรธเกรี้ยวขึ้นมา.

ทุก ๆคนในยุทธภพ,การจะขอท้าประลองนั้นจะใช้คำที่สละสลวยอย่างเช่นขอคำชี้แนะแม้นว่าจะมีความหมายไม่ต่างกัน แต่ไม่มีใครเอ่ยตรง ๆว่ามาท้าประลอง,หากไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ยุทธภพ,ก็ไม่มีทางที่จะเข้าใจครรลองคลองธรรม.

จุนซ่างเซียวเข้าใจเรื่องนี้ดี,ทว่าในเมื่อเขาไม่จำเป็นต้องไว้หน้าพันธมิตรร้อยสำนักแล้ว,ไม่ว่าจะพูดอะไรไปก็เท่านั้น,สู้ไม่แสดงท่าทางอหังการออกมาเลยดีกว่า.

“เจ้าเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม!

เจ้าสำนักเหลียนเมิ่ง,ที่โกรธเกรี้ยวคำรามออกมา,”นี่แก....”

จุนซ่างเซียวที่ยกมือ,ชี้นิ้วกลางให้เขา,เอ่ยกล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล,”ไม่ยอมรับรึ?!

เจ้าสำนักคนดังกล่าวที่นึกถึงซือถูหวังที่กระอักโลหิตที่ตึกจันทร์ดารา,ทันใดนั้นก็กลืนคำพูดของตัวเองลงไปทันที.

เพียงคำพูดไม่กี่คำก็ทำให้อีกฝ่ายเงียบไม่กล้าพูดออกมาแล้ว.

เหล่าชาวยุทธ์รอบ ๆที่เผยท่าทางชื่นชมออกมา,”ยอดเยี่ยม!

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า.”

พริบตานั้น,ก็มีเสียงหัวเราะดังลั่นขึ้นมาในทันที.

สายตาของทุกคนที่มองไปยังเสียงดังกล่าว,ก่อนที่จะเห็นอ้ายซางหนี่เดินออกมาจากฝูงชน,ใบหน้าที่เผยความดีใจออกมาเต็มใบหน้า.

ประมุขอ้ายไม่สามารถทนดูได้,กับความโอหังไร้มารยาทต่อผู้นำฉินรึ?

ผู้คนมากมายต่างก็คิดเช่นนั้น.

ฉินเห่าหรานเองก็คิดเช่นกัน,เขายกมือประสานกล่าวออกไปว่า,”ขอบคุณในความปรารถนาดีของประมุขอ้าย,ฉินโหมวคงขอรับไว้ด้วยใจ,กับเจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนี้,อย่าได้ไปเสียเวลาโต้เถียงกับคนเช่นนี้เลย.”

อ้ายซางหนี่ที่ไม่สนใจเขา,ก้าวเดินไปยังทิศทางของจุนซ่างเซียว.

เหล่าชาวยุทธ์ที่ตะลึงงัน,ต่างก็คิดว่านี่ประมุขอ้ายต้องการจะช่วยผู้นำฉิน,ก้าวออกไปโต้เถียงแทนอีกฝ่าย.

นี่มิตรภาพพวกเขาลึกล้ำขนาดนั้นเลยรึ? น่าอิจฉายิ่งนัก!

แม้นว่าผู้นำฉินจะเผยท่าทางขอโทษเล็กน้อย,ทว่าที่มุมปากกับยกขึ้นเผยยิ้มด้วยความพอใจเป็นอย่างมาก.

เหล่าชาวยุทธ์มากมายที่มาในเวลานี้มีจำนวนมาก,ภายใต้สถานะการณ์ดังกล่าวนี้หากได้ตระกูลอ้ายสนับสนุนอยู่ข้างเขาล่ะก็,จะทำให้ให้ชื่อเสียงของเขามีมากขึ้น!

เจ้าหนู.

ต่อหน้าประมุขอ้าย.

ที่มีสหายมากมายและยังเป็นคนที่มีชื่อเสียงในการขายยา.

เมื่ออีกฝ่ายสนับสนุนผู้นำฉิน,ชีวิตแกก็จบแล้ว,การล่วงเกินประมุขอ้ายเท่ากับล่วงเกินคนทั่วมนทลชิงหยาง.

ในเวลานั้น,ฉินเห่าหรานที่ตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก,เมื่อเห็นว่าจุนซ่างเซียวที่อาจจะล่วงเกินประมุขอ้าย,ไม่เพียงแต่ได้ล่วงเกินคนจำนวนมาก,ชะตาชีวิตของอีกฝ่ายต้องจบอย่างอนาถอย่างไม่ต้องสงสัย.

“เจ้าสำนักจุน.”

อ้ายซางหนีที่ก้าวเดินไปนั้นเป็นคนเอ่ยปากออกมาก่อน,ใบหน้าที่เผยยิ้มอย่างอบอุ่น.

 

ผู้คนมากมายที่จับตามองชงักงัน,นี่กำลังเยาะเย้ยกันรึ?!

 

อย่างไรก็ตาม!

 

คำพูดและท่าทางของเขาต่อจากนั้น,ทำให้ทุกคนกลายเป็นตัวโง่งมไปในทันที,เขาที่ยกมือโค้งคารวะ,กล่าวออกไปว่า,”ช่างนี้สบายดีใหม?”

 

นี่มัน....

เข้าใจอะไรผิดหรือไม่?!

ต้องไม่ลืมว่าตระกูลอ้ายนั้นคือตระกูลค้าขาย,ด้วยงานและหน้าที่ทำให้เป็นคนกว้างขวางมีพันธมิตรมากมาย,ไม่เคยมีใครกล้ายั่วยุพวกเขา,ไม่ว่าจะเป็นใครต่างก็ต้องการรู้จักและเข้าไปประจบประแจงพวกเขา.

พวกเขาแม้นว่าจะไม่ได้เป็นตระกูลที่ทรงพลังนัก!

แต่กับมีอิทธิพลไม่น้อย,ทุกคนต่างก็ต้องสุภาพพวกเขา!

จุนซ่างเซียวก็ไม่เว้น,การล่วงเกินตระกูลอ้าย,เท่ากับการสร้างศัตรูต่อชาวยุทธ์ทั่วยุทธภพ.

ทว่าพริบตาเดียวที่ประมุขอ้ายกล่าวออกเมื่อกี้ก็ทำให้ทุกคนนิ่งงันกลายเป็นไก่ไม้.

เมื่อกี้นี้พวกเขาหลายคนที่เตรียมตัวโห่ว่ากล่าวอีกฝ่ายต้องกลืนคำพูดกลับมา,สิ่งที่คิดเอาไว้ก่อนหน้านี้พลันมลายหายไปหมด,แทบจะไม่รู้ว่าต้องเอ่ยอะไรออกมา.

“ประมุขอ้าย.”

จุนซ่างเซียวก็เผยยิ้ม,ยกมือประสานกล่าวออกมาว่า,”ท่านก็อยู่ที่นี่รึ?”

ทุกคนที่นิ่งงันจ้องมองอ้ายซางหนีที่เผยสีหน้าดีใจ,และสุภาพกับอีกฝ่าย,ทำให้พวกเขาใบหน้ากระตุก.

เฮ้ย!

นี่มันเกิดอะไรขึ้น,หมายความว่าอย่างไร!

ในเวลานี้,พวกเขาทุกคนสามารถสังเกตเห็นได้ว่าคนทั้งสองไม่ได้มีความขัดแย้งกัน,แม้นแต่ดูสนิทสนมกันด้วยซ้ำ.

ใบหน้าที่เผยยิ้ม,ทักทายกันราวกับเป็นสหายสนิท,ไม่มีท่าทางโกรธเกรี้ยว,หรือ ด่าว่ายั่วยุกันเลยแม้แต่น้อย.

เหลือเชื่อ,นี่หมายความว่าอย่างไร!

เหล่าผู้ฝึกยุทธ์มากมายที่ประหลาดใจเต็มไปด้วยความสงสัย,ต้องการคำอธิบาย,ทันใดนั้น

ประมุขอ้ายก็เอ่ยกล่าวออกมาอีก,”ได้ยินมาว่าสำนักอันทรงเกียรติมาประลองกับสำนักเห่าฉี,ตามปรกติแล้วสหายที่ดีต้องเดินทางมาเชียร์เป็นธรรมดา.”

คำพูดของเขาแน่นอนเป็นการประกาศจุดยืนของตนเอง,เป็นศาสตร์และศิลป์ในการพูด!

สายตาของทุกคนที่จ้องมองไปยังจุนซ่างเซียวที่เปลี่ยนไป,ทุกคนที่คาดเดาไปต่าง ๆนา ๆของความสัมพันธ์ทั้งคู่?

ตกลงแล้วพวกเขารู้จักกันหรือไม่?

จุนซ่างเซียวเผยยิ้มยกมือขึ้นกล่าวออกมาว่า,”ได้ตระกูลอ้ายมาเชียร์,จุนโหมวรู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก.”

กึก.

ทุก ๆคนที่เวลานี้งงตะลึงงันไปตาม  ๆ กัน.

นี่เขากำลังคิดว่าตระกูลอ้ายมาเชียร์เขางั้นรึ?

“ชิ.”

ฉินเห่าหรานที่แค่นเสียงเย็นชา,”เจ้าสำนักจุน,ช่างเป็นคนที่หลงตัวเองจริง ๆ.”

“หลงตัวเองอย่างงั้นรึ?”

จุนซ่างเซียวที่แสดงท่าทางตื่นตะลึงและจ้องมองไปยังอ้ายซางหนี,กล่าวออกไปว่า,”นี่ประมุขอ้ายไม่ได้มาเชียร์จุนโหมวหรอกรึ?”

“พรึด ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า.”

“ไม่คิดเลยว่าเจ้าคนนี้จะตลกหน้าตายไม่รู้เรื่องอะไรเลย?”

“ไม่มีสมองคิดละสิไม่ว่า,ประมุขอ้ายตระกูลใหญ่ขายยาที่มีชื่อเสียง,จะมาสนับสนุนสำนักระดับแปดได้อย่างไร?”

เหล่าพันธมิตรร้อยสำนักที่ราวกับได้โอกาส,พูดว่ากล่าวทับถมดูแคลนออกมาในทันที.

“ไม่ผิด.”

ประมุขอ้ายที่เร่งรีบเอ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม,”อ้ายโหมวเดินทางมาจากเมืองฮู่หยาง,การเดินทางครั้งนี้ตั้งใจมาเชียร์ประมุขจุนโดยเฉพาะ!

กึก.

เหล่าพันธมิตรที่หัวเราะเยาะเย้ยหยุดไปในทันที,แม้แต่อ้าปากค้างคาดไม่ถึงเรื่องดังกล่าว.

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป,พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ.

เหล่าชาวยุทธ์ที่ส่งเสียงครึกครืนก่อนหน้านี้กลายเป็นเงียบกริบ,ดวงตาเบิกกว้าง,แม้แต่สงสัยว่าตัวเองได้ยินผิดหรือไม่?

“ขอบคุณ.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.

ใบหน้าของผู้นำฉินที่แข็งค้าง,เผยท่าทางไม่อยากเชื่อออกมา,”ประมุขอ้าย,ท่าน ท่าน....บอกว่ามาเชียร์เจ้าเด็กนี้รึ?”

ประมุขอ้ายที่ก้าวไปด้านหลังฝั่งจุนซ่างเซียว,ไปยืนที่ขอบลานยุทธ์และเอ่ยปากออกมาว่า,”ไม่ผิด.”

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!

เซียกวนคุนที่ราวกับอดทนเอาไว้นาน ท้ายที่สุดก็ไม่ไหว หัวเราะออกมาดังลั่น,กล่าวออกมาว่า,”ใครก็ไม่รู้,หลงตัวเอง,ข้ารู้สึกอายแทนคน ๆนั้นซะจริง.”

ฉินเห่าหรานที่ใบหน้าที่เดี๋ยวเขียวเดี๋ยวดำทันที!

เจ้าเมืองเซี่ยที่นำเหล่าประมุขตระกูลเมืองชิงหยางเดินไปยังทิศทางจุนซ่างเซียว,ยกมือประสานกล่าวออกไปว่า,”เจ้าสำนักจุน,ไม่จำเป็นต้องกังวล,เมืองฉิงหยาง 3.6 ล้านคนอยู่ข้างทัน,วันนี้ต่อสู้ให้เต็มที่!

กล่าวเสร็จเขาก็เดินตรงไปยังทิศทางของประมุขอ้าย.

ประมุขหลี่ที่เดินผ่านหลี่ชิงหยาง,เขาที่วางมือตบไปที่ไหล่และกล่าวออกไปว่า,”บุตรชาย,บิดารอชมการต่อสู้ของเจ้าอยู่,อย่าทำให้ตระกูลหลี่ขายหน้า,อย่าทำให้สำนักไท่กู่เจิ้งผิดหวัง!

เขารู้ดีว่าบุตรชายทรงพลังแม้แต่เอาชนะศิษย์ฝ่ายในนิกายเซิงชวน,เขาที่รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก,แม้แต่ตระหนักได้ว่าการที่บุตรชายเข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้งเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด.

เขาที่เดินทางมายังสำนักเห่าฉีในครั้งนี้,ไม่ใช่ฐานะประชาชนใน 3.6 ล้านคน,ทว่าในฐานะบิดาต่างหาก.

“ครับ.”

หลี่ชิงหยางที่แววตามั่นคงหนักแน่นเป็นอย่างมาก.

เวลานี้มีอ้ายซางหนี,มีเซี่ยกวนคุน,และประชาชนเมืองชิงหยาง 3.6 ล้านคนอยู่ข้างเขา.

“เจ้าสำนักจุน.”

พริบตานั้น,เสียงที่ดูน่าเกรงขามก็ดังขึ้น,”ตาเฒ่าได้ยินเรื่องของเจ้าจากหม่าหยุนเถิง,เจ้าเป็นชายหนุ่มที่ไม่ธรรมดาจริง ๆ,วันนี้ข้าได้เห็นแล้ว.”

ชายชราผมขาวที่มาพร้อมกับประมุขอ้าย,ดวงตาที่คมกริบเอ่ยออกมา.

“อาวุโสคือ?”จุนซ่างเซียวที่กล่าวด้วยท่าทางตกใจ.

ชายชราที่กล่าวด้วยน้ำเสียงน่าเกรงขาม,”นิกายเขาซางซาน,หวังตงหลิน.”

สายตาของทุกคนที่จับจ้อง,ทันใดนั้นดวงตาของทุกคนที่ตื่นตะลึงไปในทันที.

หวังตงหลิน,ไม่ใช่แค่คนของนิกายเขาซ่างซาน,เขายังมีพลังบ่มเพาะบรรพยุทธ์ขั้นปลาย,เป็นหนึ่งในสี่อาวุโสใหญ่!

“เจ้าสำนักจุน.”

อ้ายซางหนี่กล่าวเสียงเบา,”อ้ายโหมวเป็นคนเชิญมาเอง.”

เป็นเช่นนี้นะเอง.

จุนซ่างเซียวที่ยกมือประสานทักทาย,จากนั้นก็หันหน้าจ้องมองไปยังฉินเห่าหลาน,กระทำการตามธรรมเนียมของยุทธ์ภพ,”เจ้าสำนักไท่กู่เจิ้ง,จุนซ่างเซียว,ได้นำศิษย์มาท้าประลองกับสำนักเห่าฉีแล้ว!


ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times

#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
Author(s)
Goodbye Jianghu


เข้ากลุ่มลับ VIP ====> Click


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น