Strongest Sect of All Times Chapter 146 Does not wreck a event, entire does seriously
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 146 Does not wreck a event, entire
does seriously
不就去砸个场子,整这么严肃干嘛
“วันมะรืนสำนักไท่กู่เจิ้งจะไปขอประลองกับสำนักเห่าฉีอย่างงั้นรึ?
อ๊าก!”
“หลายวันมานี้ไม่มีข่าวคราว,คาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าสำนักจุนจะเอาจริง,ข้าคิดว่าเขาจะไม่กล้าไปตามที่เคยพูดซะอีก!”
“สำนักผู้นำฉิน,จะอย่างไรก็ยังถือว่าเป็นสำนักขั้นหก,เขานำศิษย์ไปประลอง,ไม่กลัวว่าจะถูกทุบจนหาทางกลับไม่เจอหรอกรึ?”
เพราะว่ามีสมาชิกหอฝนพรำกระจายข่าว,ในระยะเวลาอันสั้น,เหล่าชาวยุทธ์ทั้งแปดเมือง,ต่างก็ได้ยินข่าวว่าสำนักไท่กู่เจิ้งจะไปท้าประลองสำนักเห่าฉี.
โดยปรกติเหล่าชาวยุทธ์ที่เฉยเมยไม่สนใจนัก.
ทันใดนั้นก็กลายเป็นมีชีวิตชีวา,พูดคุยกันออกรสในทันที.
อย่างไรก็ตาม,ชาวยุทธ์หลายคนให้ค่าสำนักเห่าฉีเหนือกว่า,สำนักไท่กู่เจิ้งไปขอประลองครั้งนี้,มีแต่จะไปหาเรื่องใส่ตัวเองเท่านั้น.
แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นที่เทือกเขาหลิงชวนล่ะ?
พวกเขาไม่เอามานับ,แม้นว่าเหล่าชาวยุทธ์หลายคนจะเห็นกับตา,แต่เพราะนิกายเซิ่งชวนส่งเพียงศิษย์สายในทั่วไปออกมา,หลี่ชิงหยางเอาชนะในครั้งนั้นก็เพราะทักษะยุทธ์พลังวิญญาณเท่านั้น.
ความจริง.
ไม่ว่าครั้งนั้นจะชนะหรือแพ้,ก็เพียงแค่ศิษย์คนเดียว,ท้ายที่สุดพวกเขาก็ไม่ให้ค่าสำนักไท่กู่เจิ้ง,ยังมองว่าพวกเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะประลองกับนิกายระดับห้าได้เลย.
หนำซ้ำ,ในเมื่อเป็นการประลองอย่างเป็นทางการ,นั่นหมายความว่าจะต้องส่งศิษย์หลายคนออกไปต่อสู้.
ลำพังสำนักไท่กู่เจิ้งมีหลี่ชิงหยางคนเดียว,จะไปรับมือกับสำนักระดับหก,มีแต่จะเป็นเพียงเรื่องขำขันยากจะมีใครเชื่อ.
การพูดคุยเรื่องประลองที่ยังไม่หยุด ก็มีข่าวใหม่ขึ้นมาอีก.
เมื่อไม่นานมานี้,สำนักซิงอวิ๋นได้นำศิษย์ไปท้าประลองสำนักไท่กู่เจิ้ง,ผลสุดท้ายศิษย์ห้าคนพ่ายแพ้เรียบ,แม้แต่อาวุโสซ่งก็ยังพ่ายแพ้ให้กับเจ้าสำนักจุน.
“เจ้าไปได้ยินเรื่องนี้มาจากที่ใดกัน?
เกิดขึ้นเมื่อไหร่?”
“น่าจะหนึ่งเดือนที่แล้ว,มีคนรับรองข่าวนี้เป็นจริง,อาวุโสซ่งนำศิษย์ขึ้นไปบนยอดเขาไท่กู่เจิ้งเองเลย.”
“โอ้วสวรรค์,สำนักไท่กู่เจิ้งแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยรึ?
เอาชนะสำนักระดับเจ็ด 6 : 0!”
เกี่ยวกับสำนักซิงอวิ๋นได้ท้าประลองสำนักไท่กู่เจิ้ง,ข่าวดังกล่าวแพร่ออกไปเร็วมาก,เพราะก่อนหน้านี้มีคนจงใจขัดขวางข่าวเอาไว้อย่างจงใจ,ในเวลานี้มันหมักหมมจนปะทุออกมาในที่สุด.
ต้องไม่ลืมว่า,เป็นเรื่องยากที่จะปิดปากผู้คนได้.
การแพร่กระจายข่าวดังกล่าวออกไป,เพราะมันเป็นข่าวที่เคยเกิดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว,ทำให้ชาวยุทธ์ไม่น้อยค้นหาข้อมูลกันจ้าระหวั่น.
จุนซ่างเซียวที่ตระหนักได้ว่าข่าวที่แพร่ออกไปนี้มีน้อยนิด,ดังนั้นจึงได้โหมกระพือ,เทน้ำมันลงในกองไฟ,อย่างแรกก็เพื่อทำลายชื่อเสียงของสำนักซิงอวิ๋น,อย่างที่สองเป็นการลั่นกลองรบเพื่อสนับสนุนเขา.
ดูเหมือนว่าผลที่ออกมานั้นจะไม่เลวทีเดียว.
หลังจากที่มีข่าวว่าสำนักซิงอวิ๋นพ่ายแพ้ 0:6 เหล่าชาวยุทธ์ที่ให้ค่าสำนักเห่าฉีก็เริ่มเทมาฝั่งสำนักไท่กู่เจิ้งบ้าง.
“ดูเหมือนว่า,ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งจะทรงพลังจริง
ๆ,คงไม่ได้มีเพียงหลี่ชิงหยางแล้ว,ในเมื่อเจ้าสำนักจุนกล้าที่จะท้าประลองสำนักเห่าฉี,แน่นอนว่าจะต้องมีการเตรียมตัวเหมือนกัน.”
“หากรู้ว่าตัวเองสู้ไม่ได้,จะวิ่งไปให้คนอื่นทุบทำไมกัน.”
การพูดคุยของเหล่าชาวยุทธ์ที่คึกครื้นยิ่งกว่าเดิม,พวกเขาที่ปรารถนาที่จะได้ดูการต่อสู้ที่สนุก
ๆ,ใครจะแพ้จะชนะหาได้สนใจแม้แต่น้อย.
......
ตระกูลอ้าย.
อ้ายซางหนี่ที่ได้รับข่าวของสำนักไท่กู่เจิ้งจะไปประลองกับสำนักเห่าฉีเช่นกัน,ในเวลานั้นเขาที่นั่งขบคิดอยู่ครู่ใหญ่เหมือนกัน.
“ประมุข.”
อ้ายซางฟางเอ่ย,”ประมุขจุนท้าประลองสำนักเห่าฉี,เรื่องนี้จะจัดการอย่างไรดี.”
อ้ายซางเกอเอ่ยกล่าวจริงจัง,”สำนักเห่าฉีก็คือสำนักงานใหญ่ของพันธมิตรร้อยสำนัก,เวลานี้มีสมาชิกเจ้าสำนักมากมายเดินทางไป,ดูเหมือนว่าเป้าหมายของพวกเขาต่างก็มุ่งตรงไปยังเจ้าสำนักจุน.”
เรื่องที่สำนักไท่กู่เจิ้งและพันธมิตรร้อยสำนัก,ไม่สามารถเข้าหน้ากันได้,ได้แพร่ไปทั่วมนทลชิงหยางแล้วนั่นเอง.
สิ่งที่ทุกคนรับรู้,จุนซ่างเซียวที่กำลังต้องการนำศิษย์ไปประลอง,ผลแพ้ชนะจะเป็นเช่นไร,ล้วนแต่ดึงดูดความสนใจผู้คนเป็นอย่างมาก.
อ้ายซางหนี่ที่พิจารณาอย่างรอบครอบ,กล่าวออกมาอย่างจริงจัง,”ที่เทือกเขาหลิงชวน,ตระกูลอ้ายของพวกเราไม่ได้แสดงตน,ครั้งนี้คงต้องเคลื่อนไหวสนับสนุนเจ้าสำนักจุนให้ชัดเจนแล้ว!”
“แล้วเรื่องประมูลล่ะ?”
“เลื่อนไปก่อน!”ประมุขอ้ายกล่าวออกมาอย่างขรึงขัง.
อ้างซางฟางและอ้าวซางเกอที่ไม่มีความเห็นอะไร.
ที่เทือกเขาหลิงชวนพวกเขาไม่ไป,เพราะว่าเกรงนิกายเซิ่งชวนนั่นเอง,ครั้งนี้หากไม่แสดงตัว,คงจะดูไม่เหมาะเท่าใดนัก.
อ้ายซางหนี่ที่เดินทางไปยังสำนักเห่าฉี,เพื่อสนับสนุนสำนักไท่กู่เจิ้ง,อธิบายได้ว่าจุนซ่างเซียวคือหุ้นส่วนคนสำคัญ.
และเจ้าเมืองชิงหยาง,เซี่ยกวนคุน,ก็เริ่มจัดแจงธุระล่วงหน้าเพื่อที่จะเดินทางไปชมการประลองครั้งนี้ด้วยเช่นกัน.
เขาที่รู้สึกหวั่นเกรงนิกายเซิ่งซวนเล็กน้อย,ทว่าสำนักเห่าฉีที่อยู่ในมนทลชิงหยาง,เจ้าเมืองอย่างเขามีอะไรต้องกลัว!
เจ้าหนูนั่น.
นี่คงเป็นการต่อสู้ที่รุนแรงแน่.
นี่คงจะเป็นการเดิมพันหากพ่ายแพ้ต้องเสียทุกอย่าง,หากชนะ,ก็จะได้ชื่อเสียงมากมายกลับมา.
อย่างไรก็ตาม,ไม่ใช่สิ่งที่ต้องกังวล.
เมืองชิงหยาง,ประชาชน 3.6
ล้านคน,จะคอยเป็นพลังให้กับสำนักไท่กู่เจิ้งของเจ้า.
......
สำนักเห่าฉีนั้นตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของมนทลชิงหยาง,เป็นแนวเขาที่งดงาม,การประลองแม้นว่าจะเริ่มมะรืนนี้,ทว่าเวลานี้กลับมีสำนักต่าง
ๆตลอดจนชาวยุทธ์ไร้สังกัดมากมายกำลังเดินทางมา.
เช้าวันถัดมา.
จุนซ่างเซียวที่สวมชุดเครื่องแบบสำนัก,พร้อมกับผมที่หวีเข้าทรงอย่างดี,ก่อนที่จะก้าวออกมาจากห้องหนังสือ.
บนลานยุทธ์ลานด้านในที่ไม่ใหญ่โตนัก.
ศิษย์ที่มากกว่า 200
คนที่เข้าแถวเตรียมส่ง,ทุกคนที่เวลานี้ใบหน้าที่เผยความอหังการออกมา.
วันนี้เจ้าสำนักจะนำศิษย์พี่เจ็ดคนเดินทางไปยังสำนักเห่าฉีเพื่อท้าประลอง,ถึงพวกเขาจะไม่ได้ตามไปด้วย,ทว่าก็คอยเป็นกำลังใจ,ยืนส่ง!
หลี่ชิงหยางและศิษย์ฝ่ายในคนอื่น ๆที่ยืนอยู่หน้าแถว,ตลอดทั้งคืนที่ได้พัก,พวกเขาอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด.
“เจ้าสำนัก!”
เมื่อจุนซ่างเซียวปรากฏที่ลาน,ศิษย์ที่ตะโกนเสียงดังเป็นเสียงเดียวกัน.
ไม่กี่เดือนมานี้,พลังบ่มเพาะของพวกเขาเติบโตเป็นอย่างมาก,นอกจากคนที่เข้าใหม่,เกือบทั้งหมดได้ตัดผ่านระดับไปยังระดับศิษย์ยุทธ์แล้ว,ทุกคนที่ร้องตะโกนเสียงดังดูทรงพลังเป็นอย่างมาก.
“การประลองนี้ไม่มีอะไรต้องจริงจัง,”จุนซ่างเซียวโบกมือ,”วางใจ,ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง.”
ทุก ๆคนที่ค่อยๆ เงียบเสียงลง.
จุนซ่างเซียวไม่จำเป็นต้องกล่าวปลุกใจอะไร,ในความเห็นของเขา,สำนักเห่าฉีเป็นเพียงแค่ก้อนหินก้อนเล็กบนเส้นทางที่จะไปปราบบอสใหญ่เท่านั้น.
การจะกระตุ้นทุกคนด้วยคำพูดนั้น,ควรจะกล่าวเมื่อถึงเวลาเดินทางไปประลองกับนิกายเซิ่งชวนเท่านั้น.
“เจ้าสำนัก.”
โจวหงเอ่ย,”ขอข้าตามไปด้วย.”
“เจ้าไม่ฝึกฝนกระบี่แล้วรึ?”จุนซ่างเซียวเอ่ยถาม.
โจวหงเอ่ย,”การฝึกฝนกระบี่ของข้าเพื่อยกระดับเจตจำนงกระบี่,จำเป็นต้องหาประสบการณ์ด้วยเช่นกัน.”
“เจ้าสามารถตามไปได้.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ทว่าเจ้าคงไม่ได้รับโอกาสออกไปประลอง.”
“ครับ.”โจวหงพยักหน้ารับ.
“เจ้าสำนัก,ศิษย์พี่ ศิษย์น้อง,อาหารพร้อมแล้ว!”
โรงอาหารที่ย้ายมาอยู่ล้านด้านในชั่วคราว,หลิวหว่านซีที่จัดเตรียมอาหารเสร็จแล้วตะโกนออกไปเสียงดัง.
นางที่รับรู้ว่าเจ้าสำนักและศิษย์พี่กำลังเดินทางไปยังสำนักเห่าชีเพื่อประลองยุทธ,จึงได้ตื่นแต่เช้าเตรียมอาหารอย่างดี,โดยมีหม่าหยงหนิงและดำหนึ่งดำสอง,ที่จัดเตรียมโต๊ะ,เสิร์ฟอาหารเตรียมพร้อม.
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว,จุนซ่างเซียวก็นำศิษย์แปดคนออกเดินทาง.
หลี่ลั่วฉิวที่ประจำสำนัก,รับผิดชอบกิจการต่าง
ๆไม่ได้ตามไป,ทว่าได้ส่งมือสังหารเหรียญทอง,ซ่อนอยู่ในที่มืด ติดตามปกป้องเจ้าสำนักไปด้วยเช่นกัน.
การส่งมือสังหารพิเศษลอบปกป้องเจ้าสำนักเช่นนี้,นับเป็นเรื่องที่อวดดีจริง
ๆ.
......
สำนักเห่าฉี.
ภายในห้องโถงใหญ่.
สารท้าประลองที่ถูกส่งมาฉินเห่าหรานที่เพิ่งได้รับ,กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มเย็นชา,”จุนซ่างเซียว,ข้าล่ะกังวลว่าเจ้าจะไม่กล้ามา.”
เหล่าสำนักต่าง ๆ.
สมาชิกของพันธมิตรร้อยสำนักต่างก็เร่งรีบเดินทางมารวมตัวกัน.
สายตาของพวกเขาที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยัน.
“จุนซ่างเซียวคิดว่าเอาชนะศิษย์สายในองนิกายเซิ่งชวนได้,กำลังคิดว่าตัวเองไร้เทียมทานอย่างงั้นรึ?
ถึงกับกล้าท้าประลองผู้นำฉิน!”เจ้าสำนักดาบใหญ่กล่าวออกมาด้วยเสียงเย็นชา.
ใบหน้าของเขาที่ยังคงขาวซีดอยู่.
ดูเหมือนว่าการถูกจุนซ่างเซียวอัดที่เวทีชำระแค้น,อาการบาดเจ็บยังไม่ฟื้นฟูกลับมา.
“ข้าและคนอื่นจะเดินทางไปก่อนเวลา,เพื่อเชียร์ผู้นำฉิน.”
เจ้าสำนักพยัคฆ์คำรามที่กล่าวเสียงดัง,”พรุ่งนี้เจ้าหนูนั้นคงจะมานะ,คงไม่กลัวจนขาสั่นไม่กล้าขึ้นเขา.”
เป็นความจริงที่ดูน่าหวั่นเกรงไม่น้อย,มีสำนักมากมายกว่า
50
สำนักที่ไปเชียร์สำนักเห่าฉี,เสียงที่ดังกระหึ่ม,เกรงว่าจะสั่นสะเทือนไปทั่งขุนเขา.
อีกคนที่เอ่ยกล่าวออกมาด้วยความกังวล,”จุนซ่างเซียวมีปากเป็นอาวุธ,หลังจากไปแล้ว,พยายามอย่าไปโต้เถียงกลับเขา,คอยส่งเสียงข่มขู่
ปล่อยกลิ่นอายข่มก็พอ.”
คนอื่น
ๆที่พยักหน้ารับ,เห็นด้วยกับความคิดดังกล่าว.
ต้องไม่ลืม,พวกเขายังคงจำได้ชัดเจน,ซือถูหวังที่ถูกว่าจนต้องกระอักโลหิตออกมา!
“จุนซ่างเซียว.”
ฉินเห่าหรานที่สีนิ้วไปมา,กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม,”พรุ่งนี้,สำนักเห่าฉีของข้า,จะทุบพวกเจ้าให้เป็นหมาเหงาต่อหน้าทุกคนเลย!”
“ฮัด เช่ย.”
ระหว่างทางจุนซ่างเซียวที่จามเสียงดัง,สีจมูกเอ่ยออกไปว่า,”สงสัยกำลังมีคนกล่าวนินทาข้าอยู่เป็นจำนวนมากแน่.”
ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น