Strongest Sect of All Times Chapter 140 You feel that I am silly
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 140 You feel that I am silly
你觉着我傻吗
จุนซ่างเซียวไม่ได้คาดการผิด.
กับการแสดงความสามารถเมื่อกี้บ่งบอกให้เห็นว่าเป็นยอดฝีมือ.
ไม่ได้เอ่ยถึงพลังบ่มเพาะ,ไม่ได้เอ่ยถึงวิชากระบี่,การเก็บกระบี่เมื่อสักครู่นี้,ใบไม้ที่ปลิดปลิวถูกฉีกขาดออกเป็นชิ้น
ๆ.
นี่คือวิถีกระบี่ขั้นยอด.
หลังจากที่เย่ซิงเฉินเห็นฝีมือของโจวหง,ก็กล่าวชม,หากแต่ก็ยังมีขีดจำกัดอยู่,ว่าหากไม่มีวิชากระบี่ชั้นยอด,ในอนาคตก็คงสำเร็จเพียงระดับกษัตริย์กระบี่ขั้นต่ำเท่านั้น.
วิถียุทธ์,วิถีกระบี่เดินไปยังเส้นทางที่ต่างกัน,เป็นเขตแดนที่แตกต่างจนไม่สามารถนำมาเทียบกันได้.
วิถียุทธ์ที่มีศิษย์ยุทธ์,อาจารย์ยุทธ์,บรรพชนยุทธ์,...,ราชันย์ยุทธ์.
วิถีกระบี่เองก็มีศิษย์กระบี่,อาจารย์กระบี่,บรรพชนกระบี่...ราชันย์กระบี่.
แม้นว่าวิถียุทธ์จะสามารถศึกษาวิชากระบี่ได้,ทว่าเทียบกับมือกระบี่แล้ว,ในระดับพลังบ่มเพาะเดียวกัน,มือกระบี่จะแข็งแกร่งกว่ามาก.
มือกระบี่ที่แท้จริง,จะเข้าใจในเพลงกระบี่ขั้นสูงได้อย่างลึกล้ำ,และยังทรงพลังอย่างที่สุด.
ผู้ฝึกยุทธ์นั้นแตกต่าง.
ถึงสามารถฝึกฝนวิชาหมัด,ฝึกฝนวิชากระบี่,ฝึกฝนวิชาต่าง
ๆมากมาย,ดังนั้นความสำเร็จและพลังจึงได้ด้อยกว่ามือกระบี่ที่แท้จริงมาก.
อย่างไรก็ตามคนธรรมดา ใช่ว่าจะสามารถเป็นมือกระบี่ได้,คนที่จะเป็นมือกระบี่จะต้องมีพรสวรรค์ในวิถีกระบี่ด้วย.
ในการหมู่ของคนทั่วไป,มือกระบี่จะมีเพียงแค่คนเดียวในทุก
ๆ หนึ่งหมื่นคน.
ถึงจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่มีรากวิญญาณระดับต่ำ,ที่สามารถเชื่อมเส้นชีพจรได้,มือกระบี่ระดับต่ำจำเป็นต้องหามาจากคนทั่วไปหนึ่งหมื่นคน,นับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญที่หายากทีเดียว.
ส่วนคำพูดของเย่ซิงเฉิง.
แม้นว่าจะมีมือกระบี่ในรุ่นก่อน
ๆอยู่เช่นกัน,ทว่าในยุคของเขาสิบราชันย์มีหนึ่งราชันย์ดาบ.
อีกเก้าคนนั้นยืนอยู่ในวิถียุทธ์.
กล่าวได้ว่าราชันย์กระบี่ในทวีปชิงหยุนแห่งนี้,ไม่ได้ปรากฏมานานมากแล้ว.
การจะปรากฏขึ้นอีกคนต้องบอกว่ายากมาก ๆ ,มีเพียงแค่ฝีกฝนวิชาที่ได้รับจากราชันย์ดาบ,อาจจะทำให้ก้าวขึ้นได้สูงกว่าเดิมบ้าง.
มาดาเถอะ.
เกิดอะไรขึ้นกัน.
จุนซ่างเซียวที่นำแว่นกันแดดหรูหรามาส่องโจวหง,เพื่อตรวจสอบ!
พลังบ่มเพาะ :???
พรสวรรค์ :???
ความแข็งแกร่ง :???
แล้วทำไมถึงได้มีแต่เครื่องหมายคำถามกัน!
ไม่ใช่ว่าคน ๆนี้ไม่สามารถตรวจสอบได้หรอกรึ?
ระบบอธิบาย,”แว่นกันแดดหรูหรานั้น,สามารถใช้ตรวจสอบได้แต่ผู้ฝึกยุทธ์,ไม่สามารถตรวจสอบมือกระบี่ได้,ดังนั้นจึงไม่สามารถวิเคราะห์หาข้อมูลได้.”
“เป็นเช่นนี้นะเอง,”จุนซ่างเซียวที่ตระหนักได้ในทันที.
หลี่ชิงหยางเอ่ย,”เจ้าสำนัก,ศิษย์น้องโจวเป็นมือกระบี่,กำลังตระหนักรู้วิถีกระบี่อยู่,พวกเราไม่ควรจะรบกวน!”
“อืม.”
จุนซ่างเซียวที่พาเขาจากมา.
ในระหว่างทางนั้นเขาที่ตระหนักได้ถึงมือกระบี่,จึงลอบคิดในใจ,”หากว่าข้ามีพรสวรรค์กระบี่ระดับสูง,คงไม่ยากที่จะฝึกฝนวิชาลับเทพกระบี่เหมันต์ได้สำเร็จหรือไม่?”
ระบบเอ่ย,”ในร้านค้าสามารถรีเฟรซหาน้ำยาพรสวรรค์กระบี่ได้.”
“มีในร้านค้าด้วยอย่างงั้นรึ?”จุนซ่างเซียวที่ตกใจ.
ระบบเอ่ย,”ขอเพียงมีแต้มสนับสนุนมากพอ,พร้อมกับโชค,ย่อมสามารถค้นหาสินค้าที่ช่วยยกระดับให้โฮสน์แข็งแกร่งขึ้นได้เสมอ.”
“ยิ่งมีแต้มสนับสนุนมากก็ยิ่งดีสินะ.”จุนซ่างเซียวที่ลอบคิดในใจ.
......
โจวหงที่เป็นมือกระบี่,เขาที่บ่มเพาะวิถีกระบี่ซึ่งแตกต่างจากวิถียุทธ์.
จุนซ่างเซียวไม่ต้องการบังคับเขาให้ฝึกฝนเหมือนศิษย์คนอื่น
ๆ,และปล่อยให้เขาตระหนักถึงวิถีกระบี่ที่ลานสวนด้านใน.
นอกจากเวลาเขาหิวแล้ว,โจวหงจะยืนอยู่คนเดียวบนลานสวนด้านในเพื่อตระหนักถึงวิถีกระบี่.
จุนซ่างเซียวที่คอยมองอยู่ห่าง ๆ
และแอบคิดอยู่ในใจ,คนที่สร้างเพลงกระบี่ลับเทพเหมันตร์,ทำไมถึงได้เรียตัวเองว่า,ราชันย์กระบี่ตู๋กู่(เดียวดาย)
หนึ่งคน,หนึ่งกระบี่.
ฝึกฝน,ตระหนักรู้วิถีกระบี่อย่างโดดเดี่ยว,จนกลายเป็นราชันย์กระบี่,แน่นอนว่าจะต้องโดดเดี่ยวเดียวดายอย่างไม่ต้องสงสัย.
“หากเขาปรับตัวเข้ากับสำนักไท่กู่เจิ้งได้,ข้าก็จะปฏิบัติกับเขาดั่งศิษย์,มอบวิชาลับเทพกระบี่เหมันตร์ให้.”จุนซ่างเซียวที่คิดอยู่ในใจ.
โจวหงที่ฝีกฝนสัจธรรมกระบี่,ที่คนทั่วไปไม่สามารถฝึกฝนได้,เมื่อหิวเขาก็มากินอาหารที่โรงอาหารเมื่อพบกับเจ้าสำนักก็โค้งคำนับให้ด้วยความเคารพ.
ในโลกใบนี้ มีไม่มาก,ที่จะปฏิบัติกับเขาด้วยความยินดี,โดยเฉพาะการอนุญาตให้เขาได้กินอาหาร,ทีเหมือนกับของล้ำค่านี้.
อย่างไรก็ตามไม่ต้องสงสัยเลยว่าอาหารของหลิวหว่านซีนั้นยากจะมีใครต้านทาน.
แม้แต่หลี่ลั่วฉิวที่เป็นหัวหน้าองค์กรมือสังหารยังต้องชื่นชมและต้องมากินอาหารครบทุกมื้อในโรงอาหาร.
ถางจู่คนใหม่ที่นั่งกินอาหารคนเดียวบนโต๊ะแห่งหนึ่ง.
จุนซ่างเซียวที่ยกอาหารมานั่งใกล้
ๆ,ขณะเคี้ยวหัวหอมเขียวพร้อมกับกล่าวออกไปว่า,”การเตรียมการเป็นอย่างไรบ้าง.”
หลี่ลั่วฉิวที่ยกมืออังจมูกไว้,กล่าวออกไปว่า,”พวกเขาได้กระจายไปทั่วแปดเมืองมนทลชิงหยาง,พรุ่งนี้จะเริ่มส่งข้อมูลกลับ.”
“อืม.”
จุนซ่างเซียวที่พ่นลมหายใจใส่มือกล่าวออกไปว่า,”ปากของข้าเหม็นมากเลยรึ?”
“เหม็นมาก.”
หลี่ลั่วฉิวที่หันหน้าหนี.
จุนซ่างเซียวที่ลุกไปนั่งที่ด้านหน้าซูเซียวโม่,พร้อมกับพ่นลมหายใจออกไป,,”เหม็นใหม?”
ซูเซียวโม่ที่เกลือกกลิ้งดวงตาไปมา,ก่อนที่จะล้มฟรุบลงไปกับโต๊ะ.
ซุนปู่คงลุกขึ้นยืน,ยกมือขึ้นกล่าวออกไปว่า,”ลมหายใจของเจ้าสำนักราวกับก๊าซพิษทำร้ายศิษย์พี่ได้,อธิบายได้ว่าไตไม่ดี!”
......
เช้าวันถัดมา.
ข้อมูลต่าง
ๆจากแปดเมืองใหญ่,ได้ถูกส่งกลับมา,พร้อมกับรายระเอียดอย่างครบถ้วน.
หลี่ลั่วฉิวไม่ได้อ่านทั้งหมด,หลังจากจัดเรียงก็เดินมายังห้องโถง,พร้อมกับเริ่มรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นในมนทลชิงหยางเมื่อเร็ว
ๆนี้.
แม้นว่าเรื่อง ต่าง ๆจะไร้ประโยชน์ในเวลานี้,ทว่าจุนซ่างเซียวก็จำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับความเป็นไปในเมืองต่าง
ๆ,เพื่อที่จะสามารถวางแผนและก้าวไปบนโลกแห่งนี้อย่างปลอดภัย.
“เจ้าสำนัก.”
หลี่ลั่วฉิวเอ่ยออกไปว่า,”สามวันหลังจากนี้,ตระกูลอ้ายเมืองหลี่หยาง,กำลังจะประมูลเม็ดยาฟื้นฟู,มีเหล่าตระกูลใหญ่และสำนักใหญ่เดินทางมามากมาย,กล่าวได้ว่าแม้แต่นิกายระดับห้ายังมาด้วย.”
“ใช่แล้ว.”จุนซ่างเซียวที่เคาะนิ้วไปยังบนเก้าอี้,ลอบคิดในใจ,”ตระกูลอ้ายโฆษณาได้อย่างยอดเยี่ยมจริง
ๆ,แม้แต่นิกายระดับห้ายังสนใจ,สงสัยว่าเม็ดยาฟื้นฟูคงจะขายได้ในราคาที่สูงแน่นอน.”
เขาที่หวังว่าจะสามารถขายในราคาที่สูง,ซึ่งก็จะทำให้ตัวเองนั้นสามารถทำเงินได้สูงอีกครั้ง.
หลี่ลั่วฉิวเอ่ย,”เจ้าสำนัก,ได้ยินมาว่าตระกูลอ้ายได้พัฒนาเม็ดยาฟื้นฟูที่ร้ายกาจ,หลังจากกินเข้าไปสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ในทันที,ข้ามีความคิดที่อหังการ,ไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยกล่าวออกไปหรือไม่?.”
“กล่าว.”
“พวกเราควรจะขโมย.”
จุนซ่างเซียวที่นั่งอยู่สบาย ๆ แทบล้มล่วงไปกับเก้าอี้,มุมปากกระตุกและเอ่ยออกไปว่า”ถางจูมีความคิดที่ร้ายกาจมาก.”
“เจ้าสำนักเห็นด้วยอย่างงั้นรึ?”หลี่ลั่วฉิวกล่าวด้วยความยินดี.
เห็นด้วยรึ?!
เม็ดยานั่นข้าเป็นคนขาย,ขโมยกลับมา,จะไม่หน้าอายไปหน่อยรึ?
หนำซ้ำ,นี่ก็นับว่าเป็นการให้ตระกูลอ้ายช่วยขายอยู่,แล้วขโมยมาแล้วจะขายได้อีกรึอย่างไร!
“ลั่วฉิว,เฮ้อ.”
จุนซ่างเซียวกล่าวอย่างเคร่งขรึม,”ตอนนี้สถานะของเจ้าเป็นเหมือนกับกระดูกสันหลังของสำนัก,ไม่ใช่มือสังหาร,ไม่ควรที่จะกระทำอะไรที่ดำมืดเช่นนั้น.”
“เอ่อ,”หลี่ลั่วฉิวที่สีคางกล่าวออกไปว่า,”ตอนนี้ข้าเป็นถางจู่แล้ว,ไม่ควรจะทำอะไรที่เสียเกียรติสินะ.”
“แต่ว่า.”
“เม็ดยานั้นลึกล้ำมาก.”
“หากพวกเราได้รับมา,ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าศิษย์จะได้รับบาดเจ็บ.”
“กึก.”
จุนซ่างเซียวที่นำขวดยาฟื้นฟูออกมาวางบนโต๊ะ,”นี่คือเม็ดยาฟื้นฟูที่ตระกูลอ้ายนำไปประมูล,ข้างในมีเม็ดยาสิบเม็ด,หากเจ้าต้องการก็เอาไปสิ.”
หลี่ลั่วฉิวที่ตื่นตกใจ,กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม,”เจ้าสำนัก,อย่าได้ล้อเล่น,เม็ดยาฟื้นฟูที่ตระกูลอ้ายนำออกไปประมูลนั้น,ขายเม็ดล่ะหนึ่งแสนเป็นอย่างต่ำ,ท่านจะมีเป็นขวดได้อย่างไร.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ความสัมพันธ์ระหว่างประมุขอ้ายกับข้าไม่ได้แย่,เขามอบให้กับข้าหนึ่งขวด.”
หลี่ลั่วฉิวขยิบตา,เอ่ย,”เจ้าสำนัก,ท่านคิดว่าข้าเป็นคนโง่อย่างงั้นรึ?”
“ไม่ได้โง่.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
หลี่ลั่วฉิวมองบน,ก่อนที่จะหันหลังเดินออกไป,”ในเมื่อไม่ได้โง่,แล้วข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าสำนักกำลังล้อเล่นได้อย่างไรล่ะ.”
จุนซ่างเซียวที่จ้องมองหญิงสาวเดินจากไป,และส่ายหน้าไปมา,”ก่อนหน้านี้ไม่โง่,ตอนนี้โง่แล้ว.”
ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น