Strongest Sect of All Times Chapter 139 Expert expert high expert
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 139 Expert expert high expert
高手高手高高手
หลังจากรู้จากปากของหลี่ลั่วฉิวว่าตระกูลเซียวก็มีมือสังหาร,ทำให้จุนซ่างเซียวต้องขบฟันทีเดียว.
ที่เมืองหลี่หยางนั้นเขาถูกมือสังหารเข้าโจมตี,เขาที่สงสัยในตระกูลเป่ยและตระกูลเซียว,ทว่าหลักฐานที่ชี้ไปยังตระกูลเป่ยอย่างเด่นชัด,ทำให้เขาไม่กล้าที่จะสรุปว่าเป็นฝีมือของตระกูลเป่ยอาจจะเป็นตระกูลเซียวก็ได้.
ทำไม?
เพราะว่ามีข้อสงสัยหลายอย่าง,การที่เผยสถานะเป็นตระกูลเป่ยชัดเจน,มันตีความว่ามีคนใส่ร้ายตระกูลเป่ย,ซึ่งอาจจะไม่ได้มีแค่ตระกูลเซียวด้วย.
ในเวลานั้นเมื่อการประลองสำนักเสร็จสิ้นลง,เหล่าตัวตนของตนระดับสูงและลูกหลานของตระกูลเซียวที่ดูจะโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก,หากคิดอย่างปรกติก็มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นฝีมือพวกเขาสูง.
อย่างไรก็ตาม,เขาก็ไม่กล้าตีความอย่างเต็มร้อยว่าเป็นตระกูลเซียว,ทว่าเวลานี้รู้ว่าตระกูลเซียวเองก็มีมือสังหาร,ทำให้เขาต้องกลับมาคิดเพิ่มความเป็นไปได้มากขึ้น.
“ตระกูลเซียวส่งมือสังหารมาอย่างงั้นรึ?.”
“พวกเขาน่าสงสัยที่สุดแล้ว,โดยจงใจใส่รายตระกูลเป่ย,เพื่อที่จะปกปิดร่องรอยตัวเองอย่างงั้นรึ?”
บัดซบ!
หากนี้เป็นเรื่องจริง,ก็เป็นพวกที่อมหิตเกินไปแล้ว.
“ลอบสังหารคนอื่น,พร้อมกับป้ายความผิดให้กับตระกูลเป่ยอย่างจงใจ.”
จุนซ่างเซียวที่รู้สึกสับสนเล็กน้อย,ก่อนที่จะค่อย
ๆพยายามทำใจให้สงบลง.
“ฟู่!”
เขาที่พ่นลมหายใจและกล่าวออกไปว่า,”ถางจู่หลี่,เปิ่นจั้วขอมอบภารกิจแรกให้กับเจ้า.”
หลี่ลั่วฉิวที่รอรับฟัง.
จุนซ่างเซียวที่ครุ่นคิดและกล่าวออกไปว่า,”ส่งคนไปยังเมืองหลี่หยาง,คอยจับตาดูตระกูลเป่ยและตระกูลเซียวทุก
ๆการเคลื่อนไหว,โดยเฉพาะอาวุโสใหญ่ตระกูลเซียว.
ไม่ว่าจะเป็นใคร,ที่ต้องสงสัย,เขาจะต้องระวังเอาไว้.
“เพียงแค่จับตาดู,ไม่ต้องสังหารอย่างงั้นรึ?”หลี่ลั่วฉิวเอ่ย.
“อืม.”
“ทราบแล้ว.”
การลอบสังหารนับว่าเป็นปัญหา,แต่การจับตามองใครนั้นเป็นงานที่ง่ายกว่ามาก.
หลี่ลั่วฉีที่สั่งการงูพิษ,ให้กลับไปคัดเลือกคน,เป็นมือสังหารเหรียญทองให้เดินทางไปยังเมืองหลี่หยาง.
ทุกอย่างในหอฝนพรำ,อยู่ในการควบคุมของนางทั้งหมด.
“เจ้าสำนัก.”
หลี่ลั่วฉิวกล่าวด้วยรอยยิ้ม,”หากว่ามีเวลา,โปรดสอนข้าใช้ปืนได้หรือไม่?”
......
มุมหนึ่งที่หลังเขา.
จุนซ่างเซียวที่แสดงการถ่ายแกนผลึกเข้าไปในตลับกระสุนของอินทรีย์ทะเลทรายช้า
ๆ,,”เห็นชัดหรือไม่?”
“เห็นชัดแล้ว.”หลี่ลั่วฉิวตอบรับ.
นางที่รับอินทรีย์ทะเลทรายกลับมา,พร้อมกับตรวจสอบตลับกระสุนที่เวลานี้มีกระสุนบรรจุอยู่เต็ม.
“ปัง!”
นางที่ลั่นไก,ปล่อยกระสุนพุ่งออกไปเป็นริ้วแสง.
ผลไม้ที่อยู่ห่างไกลบนต้นไม้หลายสิบเมตรถูกยิงเข้าอย่างแม่นยำ.
หลี่ลั่วฉิวที่มีระดับอาจารย์ยุทธ์ขั้นที่ห้า,สามารถต้านแรงดีดของปืนได้อย่างมั่นคง.
เจ้าสำนักจุนที่กล่าวด้วยความตื่นตะลึง,”ลองยิงอีกครั้ง,ข้าจะตรวจสอบให้ระเอียดอีกที”.
“ปัง!”
หลี่ลั่วฉิวที่ยิงสอยผลไม้หล่นจากต้นได้.
“ร้ายกาจ,ร้ายกาจ!”จุนซ่างเซียอุทานเสียงดัง.
เขาไม่ได้อุทานว่าหลี่ลั่วฉิวยิงแม่น,ทว่าแรงสั่นขณะนางยิงออกไป,ทำให้หน้าอกของนางส่ายไปมาเด้งดึ๋งเป็นอย่างมาก.
“ยิงอีก ๆ,เปิ่นจั้วจะดูให้!”
“ปัง!”
“ปัง!”
หลี่ลั่วฉิวที่ยิงปืนสองนัดติดต่อกัน,ร่างของนางที่สั่นไปมาอย่างแรง.
สตรีผู้นี้,เรียนรู้ได้เยี่ยมจริง
ๆ,และยังยิงได้แม่นยำ,เอ่อ เด้งดึ๋งด้วย.
หลี่ลั่วฉิวที่ดึงปืนกลับคืนมา,พบว่าตำแหน่งที่เจ้าสำนักจ้องมองนั้นไม่ถูกต้องนัก,นางขมวดคิ้วเล็กน้อยกล่าวออกไปว่า,”ท่านมองที่ตรงใหนกัน?”
“เอ่อ,คือ.”
จุนซ่างเซียวที่เงยหน้าขึ้นท้องฟ้าในทันที,ถอนหายใจเล็กน้อย,”ท้องฟ้าสีครามสดใส,ใหญ่จริง
ๆ.”
หลี่ลั่วฉิวเอ่ย,”ก่อนหน้านี้ที่ศูนย์ใหญ่ของข้า,มีปืนอีกแบบที่เจ้าสำนักใช้,ข้าขอลองได้หรือไม่?”
“ได้!”
จุนซ่างเซียวที่เรียกเซียวจุ้ยจื่อ,ก่อนจะส่งสไนเปอร์รูปแบบ
88
ให้กับนาง,พร้อมกับสอนการใช้งานกล้องส่องทางไกลแปดเท่า,ตลอดจนการนอนซุ่มเล็งและยิงปืนออกไป.
“เข้าใจแล้ว.”หลี่ลั่วฉิวเอ่ย.
“ฟิ้ว! ฟิ้ว!”
จุนซ่างเซียวและเซียวจุ้ยจื่อถอยห่างออกมาไกล.
“เจ้าสำนัก,ไม่ให้ที่ค้ำไหล่กับนางใช้รึ?”
“เจ้าตึกหลี่มีพลังบ่มเพาะอาจารย์ยุทธ์ขั้นห้า,จะต้องรับแรงถีบได้อย่างแน่นอน.”
“มีเหตุผล.”
ทั้งสองที่จ้องมอง,ถัดจากนั้นไม่กี่อึดใจทั้งสองก็ตะลึงงัน.
เพราะว่าหลี่ลั่วฉิวไม่ได้นอนราบยันพื้นเพื่อยิง,นางที่ตั้งท่ายืนยิง.
ด้วยรูปร่างทรวดทรงที่ยวนเย้า,ขณะยืนเล็งปืน,ดูงดงามน่าดูเป็นอย่างมาก.
“เจ้าตึกหลี่,ระวัง......”
“ปัง!”
“ปัง!”
หลี่ลั่วฉิวที่ยิงปืนสองครั้งติดต่อกัน,ลูกปืนที่พุ่งระเบิดออกไป,ทำลายศิลาขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตร,ทว่าแรงถีบของมันเองก็มากมาย,กระแทกนางลอยละลิ่วออกมาในทันที.
“ฟิ้ว!”
จุนซ่างเซียวที่พุ่งออกไปก่อนเวลา,อ้าแขนสองข้างรับ,ด้วยความรู้สึกหื่นกระหาย,”เพียงแค่ยิงลูกเดียวก็ยากจะต้านแรงถีบได้แล้ว,ยิ่งยิงสองลูกยิ่งเพิ่มแรงดีดเป็นสองเท่า.
“พรึดโครม.”
หลี่ลั่วฉิวที่ทิ้งปืนลงด้านหน้า.
จุนซ่างเซียวที่มุมปากกระตุกเอ่ยออกไปว่า,”เจ้าตึกหลี่,ขออภัยจริง
ๆ,เปิ่นจั้วบอกเจ้าไม่หมด,ไม่คิดว่าเจ้าจะยิงออกไปสองลูกจริง ๆ!”
......
หลี่ลั่วฉิวรู้สึกว่าการนอนยิงนั้นไม่งามนัก,ดังนั้นนางจึงยืนยิงสองลูกพร้อม
ๆกัน,เพื่อความงดงาม,ไม่คาดคิดเลยว่าแรงถีบของมันจะทำให้นางเจ็บไหล่ไปตลอดทั้งคืน.
เช้าวันถัดมา.
ศิษย์ที่ออกมาทำกายบริหารเป็นปรกติ.
ศิษย์ห้าคนที่เพิ่งเข้ามาในสำนัก,กำลังปรับตัวกับพฤติกรรมของสำนัก.
โดยเฉพาะหลี่ช่างเทียนที่ปรับตัวได้อย่างเยี่ยมมาก,สามารถเล่นฟุตบอลแห่งความสุขกับหลี่เฟยได้อย่างไม่ยากเย็น.
ส่วนซุนปู่คงและซือหม่าจงต้าที่นอนหลบที่มุมหนึ่ง,แขนขาทั้งสี่ข้างเจ็บปวดสั่นสะท้านอยู่.
ส่วนศิษย์หญิง,หลิงหยวนเสวี๋ยที่รู้สึกมีความสุขมาก,เพราะว่าศิษย์พี่หญิงพูดคุยกับนางอย่างอบอุ่น,กับนางที่เป็นคนขี้อายก็ผ่อนคลายลง.
“ชิงหยาง.”
จุนซ่างเซียวเอ่ยเอ่ยกล่าวสอบถาม,”โจวหงล่ะ?”
หลี่ชิงหยางเอ่ย,”เจ้าสำนัก,ศิษย์น้องผู้นี้,หลังจากเข้าสำนัก,ก็อยู่ที่ลานยุทธ์ด้านใน,ยืนนิ่งไม่ขยับ,ศิษย์และคนอื่น
ๆเรียกก็ไม่ขานรับ.”
“งั้นรึ?”
จุนซ่างเซียวที่ก้าวเดินเข้าไปยังลานสวนด้านใน.
โจวหงที่ยืนอยู่บนลานยุทธ์ขนาดเล็ก,ชุดสำนักยังไม่ได้เปลี่ยน,ถือกระบี่,มือข้างหนึ่งอยู่ที่ด้ามกระบี่,ตั้งท่านิ่งงัน,ผมที่สะยายไปตามแรงลม.
ดูเหมือนว่านี่จะเป็นกระบวนท่าหนึ่ง,เพราะเขาไม่เคลื่อนไหว,จนทำให้ดูเหมือนกับรูปปั้น.
หลี่ชิงหยางเอ่ยเสียงเบา,”เจ้าสำนัก,ตั้งแต่เขากินอาหารเสร็จก็ยืนแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อวานและตอนนี้จนถึงตอนเย็นนี้ล่ะ.”
จุนซ่างเซียวที่สีคางไปมา,”คนผู้นี้,ดูแปลกประหลาดเล็กน้อย.
“เคร้ง-“
พริบตานั้น,โจวหงก็ชักกระบี่ออกจากฝัก,กลายเป็นริ้วแสงส่งคลื่นกระบี่ออกไป,กลายเป็นตาข่ายสานกันไปมาในทันที.
“เฮ้ย!”
จุนซ่างเซียวและหลี่ชิงหยางดวงตาเบิกกว้างกลมโต.
“เคร้ง!”
กระบี่ที่กลับคืนสู่ฝัก,ปราณกระบี่ที่สลายหายไปในทันที.
ด้วยการฟันกระบี่ออกไป,ก่อนเก็บกลับมา,ด้วยความเร็วเหลือเชื่อ.
จุนซ่างเซียวและหลี่ชิงหยางทั้งสองได้ยินเพียงเสียงเก็บกระบี่,แต่ไม่เห็นว่าถูกชักเก็บมาตั้งแต่ตอนใหน.
และที่น่าเหลือเชื่อที่สุด,ใบไม้ที่ล่วงหล่นปลิวอยู่ในอากาศ,ขาดสลายออกเป็นเสียง
ๆ,กลายเป็นฝุ่นผงล่วงหล่นลงปลิวว่อนร่อนกระจายบนพื้น.
เร็วมาก,ปราณกระบี่มากมาย,ตัดผ่านสานกันไปมาหลายเส้น,นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทำได้,ต้องระดับปรมาจารย์แล้ว!
“ฟู่ ฟิ้ว!”
สายลมที่พัดลมหนาวผ่านมา.
ใบไม้ที่ถูกโจวหงฟันปลิวล่องลอยเป็นฝุ่น,สร้างความตื่นตะลึงแก่จุนซ่างเซียวและหลี่ชิงหยางมาก.
ใบไม้ที่ถูกสะบั้นด้วยปราณกระบี่,เพราะว่ากระบี่เคลื่อนที่เร็วมาก,จนทำให้ใบไม้ถูดตัดจนระเอียดไม่ต่างจากฝุ่น!
จุนซ่างเซียวและหลี่ชิงหยางอุทานเป็นเสียงเดียวกัน,”ยอดฝีมือ!”
ที่พักอีกแห่งหนึ่ง ที่ไกลออกไป,เย่ซิงเฉินที่จ้องมองกระบี่ที่โจวหงฟันออกมาเช่นกัน,กล่าวออกมาเสียงเบา,”หนึ่งลมหายใจฟันออกไป
23 ครั้ง,นับเป็นระดับวิถีกระบี่ที่สูงมาก,เป็นเมล็ดพันธ์วิถีกระบี่ที่หายากจริง ๆ.”
“น่าเสียดาย.”
เขาที่ส่ายหน้าไปมาและเอ่ยออกไปว่า,”ภายในสำนักไท่กู่เจิ้ง,แม้ว่าจะมีวิชาบ่มเพาะที่ช่วยยกระดับร่างกายได้อย่างลึกล้ำ,มีวิชาหมัด,มีวิชาพลังวิญญาณ,หากแต่กลับไม่มีวิชาเพลงกระบี่ธรรมชาติขั้นสูง,การมาฝึกฝนที่นี่มีแต่ทำให้พรสวรรค์เสียเปล่า.”
ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น