วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

Strongest Sect of All Times Chapter 139 Expert expert high expert

Strongest Sect of All Times  Chapter 139 Expert expert high expert

 นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล

Chapter 139 Expert expert high expert

高手高手高高手

 

หลังจากรู้จากปากของหลี่ลั่วฉิวว่าตระกูลเซียวก็มีมือสังหาร,ทำให้จุนซ่างเซียวต้องขบฟันทีเดียว.

ที่เมืองหลี่หยางนั้นเขาถูกมือสังหารเข้าโจมตี,เขาที่สงสัยในตระกูลเป่ยและตระกูลเซียว,ทว่าหลักฐานที่ชี้ไปยังตระกูลเป่ยอย่างเด่นชัด,ทำให้เขาไม่กล้าที่จะสรุปว่าเป็นฝีมือของตระกูลเป่ยอาจจะเป็นตระกูลเซียวก็ได้.


ทำไม?

เพราะว่ามีข้อสงสัยหลายอย่าง,การที่เผยสถานะเป็นตระกูลเป่ยชัดเจน,มันตีความว่ามีคนใส่ร้ายตระกูลเป่ย,ซึ่งอาจจะไม่ได้มีแค่ตระกูลเซียวด้วย.

ในเวลานั้นเมื่อการประลองสำนักเสร็จสิ้นลง,เหล่าตัวตนของตนระดับสูงและลูกหลานของตระกูลเซียวที่ดูจะโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก,หากคิดอย่างปรกติก็มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นฝีมือพวกเขาสูง.

อย่างไรก็ตาม,เขาก็ไม่กล้าตีความอย่างเต็มร้อยว่าเป็นตระกูลเซียว,ทว่าเวลานี้รู้ว่าตระกูลเซียวเองก็มีมือสังหาร,ทำให้เขาต้องกลับมาคิดเพิ่มความเป็นไปได้มากขึ้น.

“ตระกูลเซียวส่งมือสังหารมาอย่างงั้นรึ?.”

“พวกเขาน่าสงสัยที่สุดแล้ว,โดยจงใจใส่รายตระกูลเป่ย,เพื่อที่จะปกปิดร่องรอยตัวเองอย่างงั้นรึ?”

บัดซบ!

หากนี้เป็นเรื่องจริง,ก็เป็นพวกที่อมหิตเกินไปแล้ว.

“ลอบสังหารคนอื่น,พร้อมกับป้ายความผิดให้กับตระกูลเป่ยอย่างจงใจ.”

จุนซ่างเซียวที่รู้สึกสับสนเล็กน้อย,ก่อนที่จะค่อย ๆพยายามทำใจให้สงบลง.

“ฟู่!

เขาที่พ่นลมหายใจและกล่าวออกไปว่า,”ถางจู่หลี่,เปิ่นจั้วขอมอบภารกิจแรกให้กับเจ้า.”

หลี่ลั่วฉิวที่รอรับฟัง.

จุนซ่างเซียวที่ครุ่นคิดและกล่าวออกไปว่า,”ส่งคนไปยังเมืองหลี่หยาง,คอยจับตาดูตระกูลเป่ยและตระกูลเซียวทุก ๆการเคลื่อนไหว,โดยเฉพาะอาวุโสใหญ่ตระกูลเซียว.

ไม่ว่าจะเป็นใคร,ที่ต้องสงสัย,เขาจะต้องระวังเอาไว้.

“เพียงแค่จับตาดู,ไม่ต้องสังหารอย่างงั้นรึ?”หลี่ลั่วฉิวเอ่ย.

“อืม.”

“ทราบแล้ว.”

การลอบสังหารนับว่าเป็นปัญหา,แต่การจับตามองใครนั้นเป็นงานที่ง่ายกว่ามาก.

หลี่ลั่วฉีที่สั่งการงูพิษ,ให้กลับไปคัดเลือกคน,เป็นมือสังหารเหรียญทองให้เดินทางไปยังเมืองหลี่หยาง.

ทุกอย่างในหอฝนพรำ,อยู่ในการควบคุมของนางทั้งหมด.

“เจ้าสำนัก.”

หลี่ลั่วฉิวกล่าวด้วยรอยยิ้ม,”หากว่ามีเวลา,โปรดสอนข้าใช้ปืนได้หรือไม่?”

......

มุมหนึ่งที่หลังเขา.

จุนซ่างเซียวที่แสดงการถ่ายแกนผลึกเข้าไปในตลับกระสุนของอินทรีย์ทะเลทรายช้า ๆ,,”เห็นชัดหรือไม่?”

“เห็นชัดแล้ว.”หลี่ลั่วฉิวตอบรับ.

นางที่รับอินทรีย์ทะเลทรายกลับมา,พร้อมกับตรวจสอบตลับกระสุนที่เวลานี้มีกระสุนบรรจุอยู่เต็ม.

“ปัง!

นางที่ลั่นไก,ปล่อยกระสุนพุ่งออกไปเป็นริ้วแสง.

ผลไม้ที่อยู่ห่างไกลบนต้นไม้หลายสิบเมตรถูกยิงเข้าอย่างแม่นยำ.

หลี่ลั่วฉิวที่มีระดับอาจารย์ยุทธ์ขั้นที่ห้า,สามารถต้านแรงดีดของปืนได้อย่างมั่นคง.

เจ้าสำนักจุนที่กล่าวด้วยความตื่นตะลึง,”ลองยิงอีกครั้ง,ข้าจะตรวจสอบให้ระเอียดอีกที”.

“ปัง!

หลี่ลั่วฉิวที่ยิงสอยผลไม้หล่นจากต้นได้.

“ร้ายกาจ,ร้ายกาจ!”จุนซ่างเซียอุทานเสียงดัง.

เขาไม่ได้อุทานว่าหลี่ลั่วฉิวยิงแม่น,ทว่าแรงสั่นขณะนางยิงออกไป,ทำให้หน้าอกของนางส่ายไปมาเด้งดึ๋งเป็นอย่างมาก.

“ยิงอีก ๆ,เปิ่นจั้วจะดูให้!

“ปัง!

“ปัง!

หลี่ลั่วฉิวที่ยิงปืนสองนัดติดต่อกัน,ร่างของนางที่สั่นไปมาอย่างแรง.

สตรีผู้นี้,เรียนรู้ได้เยี่ยมจริง ๆ,และยังยิงได้แม่นยำ,เอ่อ เด้งดึ๋งด้วย.

หลี่ลั่วฉิวที่ดึงปืนกลับคืนมา,พบว่าตำแหน่งที่เจ้าสำนักจ้องมองนั้นไม่ถูกต้องนัก,นางขมวดคิ้วเล็กน้อยกล่าวออกไปว่า,”ท่านมองที่ตรงใหนกัน?”

“เอ่อ,คือ.”

จุนซ่างเซียวที่เงยหน้าขึ้นท้องฟ้าในทันที,ถอนหายใจเล็กน้อย,”ท้องฟ้าสีครามสดใส,ใหญ่จริง ๆ.”

หลี่ลั่วฉิวเอ่ย,”ก่อนหน้านี้ที่ศูนย์ใหญ่ของข้า,มีปืนอีกแบบที่เจ้าสำนักใช้,ข้าขอลองได้หรือไม่?”

“ได้!

จุนซ่างเซียวที่เรียกเซียวจุ้ยจื่อ,ก่อนจะส่งสไนเปอร์รูปแบบ 88 ให้กับนาง,พร้อมกับสอนการใช้งานกล้องส่องทางไกลแปดเท่า,ตลอดจนการนอนซุ่มเล็งและยิงปืนออกไป.

“เข้าใจแล้ว.”หลี่ลั่วฉิวเอ่ย.

“ฟิ้ว! ฟิ้ว!

จุนซ่างเซียวและเซียวจุ้ยจื่อถอยห่างออกมาไกล.

“เจ้าสำนัก,ไม่ให้ที่ค้ำไหล่กับนางใช้รึ?”

 

“เจ้าตึกหลี่มีพลังบ่มเพาะอาจารย์ยุทธ์ขั้นห้า,จะต้องรับแรงถีบได้อย่างแน่นอน.”

“มีเหตุผล.”

ทั้งสองที่จ้องมอง,ถัดจากนั้นไม่กี่อึดใจทั้งสองก็ตะลึงงัน.

เพราะว่าหลี่ลั่วฉิวไม่ได้นอนราบยันพื้นเพื่อยิง,นางที่ตั้งท่ายืนยิง.

ด้วยรูปร่างทรวดทรงที่ยวนเย้า,ขณะยืนเล็งปืน,ดูงดงามน่าดูเป็นอย่างมาก.

“เจ้าตึกหลี่,ระวัง......”

“ปัง!

“ปัง!

หลี่ลั่วฉิวที่ยิงปืนสองครั้งติดต่อกัน,ลูกปืนที่พุ่งระเบิดออกไป,ทำลายศิลาขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตร,ทว่าแรงถีบของมันเองก็มากมาย,กระแทกนางลอยละลิ่วออกมาในทันที.

“ฟิ้ว!

จุนซ่างเซียวที่พุ่งออกไปก่อนเวลา,อ้าแขนสองข้างรับ,ด้วยความรู้สึกหื่นกระหาย,”เพียงแค่ยิงลูกเดียวก็ยากจะต้านแรงถีบได้แล้ว,ยิ่งยิงสองลูกยิ่งเพิ่มแรงดีดเป็นสองเท่า.

“พรึดโครม.”

หลี่ลั่วฉิวที่ทิ้งปืนลงด้านหน้า.

จุนซ่างเซียวที่มุมปากกระตุกเอ่ยออกไปว่า,”เจ้าตึกหลี่,ขออภัยจริง ๆ,เปิ่นจั้วบอกเจ้าไม่หมด,ไม่คิดว่าเจ้าจะยิงออกไปสองลูกจริง ๆ!

......

หลี่ลั่วฉิวรู้สึกว่าการนอนยิงนั้นไม่งามนัก,ดังนั้นนางจึงยืนยิงสองลูกพร้อม ๆกัน,เพื่อความงดงาม,ไม่คาดคิดเลยว่าแรงถีบของมันจะทำให้นางเจ็บไหล่ไปตลอดทั้งคืน.

เช้าวันถัดมา.

ศิษย์ที่ออกมาทำกายบริหารเป็นปรกติ.

ศิษย์ห้าคนที่เพิ่งเข้ามาในสำนัก,กำลังปรับตัวกับพฤติกรรมของสำนัก.

โดยเฉพาะหลี่ช่างเทียนที่ปรับตัวได้อย่างเยี่ยมมาก,สามารถเล่นฟุตบอลแห่งความสุขกับหลี่เฟยได้อย่างไม่ยากเย็น.

ส่วนซุนปู่คงและซือหม่าจงต้าที่นอนหลบที่มุมหนึ่ง,แขนขาทั้งสี่ข้างเจ็บปวดสั่นสะท้านอยู่.

ส่วนศิษย์หญิง,หลิงหยวนเสวี๋ยที่รู้สึกมีความสุขมาก,เพราะว่าศิษย์พี่หญิงพูดคุยกับนางอย่างอบอุ่น,กับนางที่เป็นคนขี้อายก็ผ่อนคลายลง.

“ชิงหยาง.”

จุนซ่างเซียวเอ่ยเอ่ยกล่าวสอบถาม,”โจวหงล่ะ?”

หลี่ชิงหยางเอ่ย,”เจ้าสำนัก,ศิษย์น้องผู้นี้,หลังจากเข้าสำนัก,ก็อยู่ที่ลานยุทธ์ด้านใน,ยืนนิ่งไม่ขยับ,ศิษย์และคนอื่น ๆเรียกก็ไม่ขานรับ.”

“งั้นรึ?”

จุนซ่างเซียวที่ก้าวเดินเข้าไปยังลานสวนด้านใน.

โจวหงที่ยืนอยู่บนลานยุทธ์ขนาดเล็ก,ชุดสำนักยังไม่ได้เปลี่ยน,ถือกระบี่,มือข้างหนึ่งอยู่ที่ด้ามกระบี่,ตั้งท่านิ่งงัน,ผมที่สะยายไปตามแรงลม.

ดูเหมือนว่านี่จะเป็นกระบวนท่าหนึ่ง,เพราะเขาไม่เคลื่อนไหว,จนทำให้ดูเหมือนกับรูปปั้น.

หลี่ชิงหยางเอ่ยเสียงเบา,”เจ้าสำนัก,ตั้งแต่เขากินอาหารเสร็จก็ยืนแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อวานและตอนนี้จนถึงตอนเย็นนี้ล่ะ.”

จุนซ่างเซียวที่สีคางไปมา,”คนผู้นี้,ดูแปลกประหลาดเล็กน้อย.

“เคร้ง-“

พริบตานั้น,โจวหงก็ชักกระบี่ออกจากฝัก,กลายเป็นริ้วแสงส่งคลื่นกระบี่ออกไป,กลายเป็นตาข่ายสานกันไปมาในทันที.

“เฮ้ย!

จุนซ่างเซียวและหลี่ชิงหยางดวงตาเบิกกว้างกลมโต.

“เคร้ง!

กระบี่ที่กลับคืนสู่ฝัก,ปราณกระบี่ที่สลายหายไปในทันที.

ด้วยการฟันกระบี่ออกไป,ก่อนเก็บกลับมา,ด้วยความเร็วเหลือเชื่อ.

จุนซ่างเซียวและหลี่ชิงหยางทั้งสองได้ยินเพียงเสียงเก็บกระบี่,แต่ไม่เห็นว่าถูกชักเก็บมาตั้งแต่ตอนใหน.

และที่น่าเหลือเชื่อที่สุด,ใบไม้ที่ล่วงหล่นปลิวอยู่ในอากาศ,ขาดสลายออกเป็นเสียง ๆ,กลายเป็นฝุ่นผงล่วงหล่นลงปลิวว่อนร่อนกระจายบนพื้น.

เร็วมาก,ปราณกระบี่มากมาย,ตัดผ่านสานกันไปมาหลายเส้น,นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทำได้,ต้องระดับปรมาจารย์แล้ว!

“ฟู่ ฟิ้ว!

สายลมที่พัดลมหนาวผ่านมา.

ใบไม้ที่ถูกโจวหงฟันปลิวล่องลอยเป็นฝุ่น,สร้างความตื่นตะลึงแก่จุนซ่างเซียวและหลี่ชิงหยางมาก.

ใบไม้ที่ถูกสะบั้นด้วยปราณกระบี่,เพราะว่ากระบี่เคลื่อนที่เร็วมาก,จนทำให้ใบไม้ถูดตัดจนระเอียดไม่ต่างจากฝุ่น!

จุนซ่างเซียวและหลี่ชิงหยางอุทานเป็นเสียงเดียวกัน,”ยอดฝีมือ!

ที่พักอีกแห่งหนึ่ง ที่ไกลออกไป,เย่ซิงเฉินที่จ้องมองกระบี่ที่โจวหงฟันออกมาเช่นกัน,กล่าวออกมาเสียงเบา,”หนึ่งลมหายใจฟันออกไป 23 ครั้ง,นับเป็นระดับวิถีกระบี่ที่สูงมาก,เป็นเมล็ดพันธ์วิถีกระบี่ที่หายากจริง ๆ.”

“น่าเสียดาย.”

 

เขาที่ส่ายหน้าไปมาและเอ่ยออกไปว่า,”ภายในสำนักไท่กู่เจิ้ง,แม้ว่าจะมีวิชาบ่มเพาะที่ช่วยยกระดับร่างกายได้อย่างลึกล้ำ,มีวิชาหมัด,มีวิชาพลังวิญญาณ,หากแต่กลับไม่มีวิชาเพลงกระบี่ธรรมชาติขั้นสูง,การมาฝึกฝนที่นี่มีแต่ทำให้พรสวรรค์เสียเปล่า.”


ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times

#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
Author(s)
Goodbye Jianghu


เข้ากลุ่มลับ VIP ====> Click


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น