Strongest Sect of All Times Chapter 138 Establishes Drizzle Hall
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 138 Establishes Drizzle Hall
成立细雨堂
หลี่ลั่วฉิวที่ต้องตัดสินใจยอมรับนั้นมีหลายสาเหตุ.
ยกตัวอย่างตอนนี้นางเป็นนักโทษ,หากไม่ยอมรับก็จะไม่ได้ออกไป,ยังไง
ๆก็ไม่ต่างจากนกในกรงอยู่แล้ว.
อีกอย่างความสามารถของจุนซ่างเซียวในการซุ่มโจมตีนั้นสูงมาก,และยังมีการพัฒนาที่แปลกประหลาด,มีประสิทธิภาพเกินกว่านางจะคาดเดา.
อีกอย่าง,อีกฝ่ายมอบตำแหน่งถางจู่,ไม่ได้กำจัดอิสรภาพของนาง,บางทีอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายแต่อย่างใด.
และสิ่งสำคัญที่สุด,ปืนไฟไร้เทียมทาน.
นางที่เป็นมือสังหาร,หลี่ลั่วฉิวย่อมเคยใช้อาวุธลับมามากมาย,แต่อาวุธลับที่แทบจะหวังผลสังหารเป้าหมายได้ในทันทีนั้นมีอยู่ไม่มากนัก.
“แม่นางหลี่.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”เมื่อวานพวกเราที่ต่อสู้กันแบบเอาเป็นเอาตาย,แม้นว่าทุกอย่างจะจบไปแล้วแต่การที่เจ้ามาเป็นคนของสำนักไท่กู่เจิ้งทันที,ก็ยังมีเรื่องที่เป็นกังวลเล็กน้อย.”
“กังวลว่าข้าจะสังหารท่านรึ?”หลี่ลั่วฉิวกล่าวด้วยรอยยิ้ม.
จุนซ่างเซียวยักไหล่,”เปิ่นจั้วไม่เชื่อว่าเจ้าจะมีความสามารถพอ.”
หลี่ลั่วฉิวเอ่ย,”แล้วมีอะไรต้องกังวล?”
“เปิ่นจัวกังวล,ผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้าจะมีอคติ,และลอบกระทำอะไรที่ไม่ดีในสำนัก,ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดปัญหาวุ่นวายได้.”
“เจ้าสำนักจุน,มือสังหารที่ถูกฝึกมาให้ฟังคำสั่งอย่างเคร่งครัด,ข้าสั่งให้พวกเขานั่ง,ไม่มีใครกล้ายืน.”
“ยังไม่สามารถสบายใจได้.”จุนซ่างเซียวที่นำขวดยาขวดเล็ก
ๆออกมา,”นี่คือยาพิษที่ต้องได้รับยาแก้ทุก
ๆสามเดือน,ขอให้แม่นางหลี่ดื่มเพื่อยืนยัน.”
“หมายความว่าอย่างไร?”หลี่ลั่วฉิวใบหน้าเปลี่ยนสีเผยความเย็นชา.
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ข้าต้องการทดสอบเจ้า,ข้าจะมอบยาถอนพิษให้ทุก
ๆสามเดือน,หลังจากนี้ครบหนึ่งปีการทดสอบก็จบลง,เมื่อสามารถยืนยันนิสัยของเจ้าได้แล้ว,ข้าจะมอบยาถอนพิษจริง
ๆให้.”
“เจ้าสำนักจุน,เป็นคนที่ระมัดระวังจริง
ๆ.”หลี่ลั่วฉิวเอ่ย.
จุนซ่างเซียวยักไหล่,กล่าวออกไปว่า,”ในโลกที่เต็มไปด้วยอันตราย,หากไม่ระมัดระวังจะมีชีวิตได้อีกรึ?!”
“ไม่สงสัยเลยว่า,ยังหนุ่มเป็นผู้ปกครองสำนักได้.”หลี่ลั่วฉิวที่ก้าวมารับขวดยา,กล่าวออกไปว่า,”หลังจากข้าดื่มแล้ว,จะมอบปืนไฟไร้เทียมทานให้ข้าเลยหรือไม่?”
“ย่อมได้.”จุนซ่างเซียวกล่าวรับ.
หลี่ลั่วฉิวเปิดขวด,ดื่มยาพิษเข้าไปทันที,รสชาติขมเล็กน้อย,เผ็ดนิดหน่อย,จากนั้นก็ไม่สามารถสัมผัสอะไรได้.
“ส่งมา.”
“ฟิ้ว!”
จุนซ่างเซียวส่งอินทรีย์ทะเลทรายให้กับนาง.
หลังจากที่หลี่ลั่วฉิวรับมา,ทันใดนั้นนางก็ชี้ปากกระบอกปืนไปที่ศีรษะของเขา,มือเล็ก
ๆคล้ายจะเหนี่ยวไกล,กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม,”เจ้าสำนักจุน,ใช้แบบนี้ใช่หรือไม่?”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ทุกอย่างในโลกล้วนแต่ต้องศึกษา,ไว้ข้าจะสอนเจ้าทีหลัง.”
“ฟิ้ว!”
หลี่ลั่วฉิวที่ดึงอินทร์ทะเลทรายกลับ พร้อมกับหมุนมันเล่น,ดูสนุนกสนานไม่น้อย.
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”พรุ่งนี้ข้าจะประกาศให้ทุกคนรู้ว่าได้ก่อตั้งหอฝนพรำ,หวังว่าเจ้าจะสามาถควบคุมและสั่งการผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้าได้ในวันนี้.
หลี่ลั่วฉิวที่ถือปืนด้วยท่าทางชดช้อย,กล่าวออกไปว่า,”ยังมีอะไรอีกหรือไม่.”
จุนซ่างเซียวไม่ได้เอ่ยอะไรอีก,ก่อนที่จะก้าวจากไป,ประตูไม่ได้ล๊อกแล้ว,เพราะว่าไม่จำเป็นแล้ว.
หลี่ลั่วฉิวที่เริ่มตรวจสอบอินทรีย์ทะเลทรายอย่างระมัดระวัง,และพยายามลั่นไก,ทว่าได้ยินเพียงเสียง
แก๊ก แก๊ก เท่านั้น,หาได้มีลำแสงอะไรพุ่งออกไป.
จุนซ่างเซียวที่กล่าวโดยไม่หันหลังมามอง,”หากเปิ่นจั้วไม่สอนเจ้า,เจ้าก็ไม่มีทางใช้ได้.”
“ข้าไม่เชื่อ.”
หลี่ลั่วฉิวที่มีอารมณ์เล็กน้อย,เริ่มหาวิธีโหลดกระสุนแต่ก็ไม่สำเร็จ.
“โฮสน์ทำยาพิษตั้งแต่เมื่อไหร่?”ระบบที่อดสอบถามออกไปไม่ได้.
จุนซ่างเซียวกล่าว,”นำมันมะกอกผสมพริกไทยและกระเทียม,คนให้เข้ากัน.”
ระบบเอ่ย,”โหดร้ายนัก.”
......
เช้าวันถัดมา.
หลังจากทำการบริหารเสร็จ,จุนซ่างเซียวก็ได้ประกาศต่อหน้าทุกคน,ก่อตั้งหอฝนพรำขึ้นในทันที,และถางจู่ก็คือหลี่ลั่วฉิว.
เกี่ยวกับเรื่องนี้,เหล่าศิษย์ไม่มีความเห็นอะไร.
ส่วนดำหนึ่งและดำสองแทบจะเป็นลมเล็กน้อย.
เจ้าตึกที่เพิ่งถูกจับมา,เพียงไม่นานก็ถูกเกลี้ยกล่อมจนยอมจำนนง่ายขนาดนี้เลยรึ?
ดูเหมือนว่าข้าวสองจานเองก็ไม่ได้ด้อยกว่าอินทรีย์ทะเลทราย?
จุนซ่างเซียวไม่เพียงให้สถานะถางจู่แก่หลี่ลั่วฉิว,ทว่ายังมอบเขาลูกหนึ่งและตึกขนาดใหญ่มีป้ายติดเอาไว้ว่าหอฝนพรำ.
นับจากนี้,นี่คือหอสำนักแห่งแรกของสำนักไท่กู่เจิ้ง.
หลี่ลั่วฉิวที่ตอบรับ,เมื่อสั่งการออกไป,มือสังหารใต้บังคับบัญชาก็ไม่มีความเห็น,ทุกคนล้วนแต่ต้องทำตามคำสั่งหัวหน้าใหญ่อยู่แล้ว.
ถึงแม้นว่าแมวภูเขาที่เกือบตายจะไม่ยินดี.
แต่หากไม่ยอมรับก็ต้องถูกคุมขังอยู่ในสำนักไท่กู่เจิ้ง,ไม่ช้าก็นานก็อาจจะไม่จบเพียงแค่ตกตายก็ได้.
หากจะกล่าว,ในเมื่อก่อตั้งตึกฝนพรำขึ้นมาแล้ว,ทำไมจุนซ่างเซียวไม่แต่งตั้งอาวุโสขึ้นมา?
นั่นก็เพราะยังไม่มีผู้เหมาะสมนั่นเอง.
แม้นว่าหลี่ลั่วฉิวจะแข็งแกร่ง,ทว่าก็ยังมีคุณสมบัติไม่พอ,ต้องไม่ลืมว่านางคือมือสังหาร.
ส่วนหลี่ชิงหยางและศิษย์คนอื่น ๆ
พลังบ่มเพาะยังไม่สูงและยังเยาว์วัยนัก,ยังไม่เหมาะที่จะแต่งตั้งเป็นอาวุธสในเวลานี้.
......
เมื่อหอสำนักได้ก่อตั้งขึ้นแล้ว,จากนั้นก็ถึงลงทะเบียนอย่างเป็นทางการสำหรับพวกเขา.
“ติ๊ง! ติ๊ง!”
หลังจากประทับตาเจ้าสำนักลงในใบลงทะเบียนคะแนนสนับสนุนสำนักและจำนวนสมาชิกสำนักก็ดังขึ้นในหูของเขาเป็นระยะ
ๆ.
หลังจากประทับตาเสร็จสิ้น,เมื่อนับรวมหลี่ลั่วฉิว,ก็มีคนเพิ่มขึ้นมา
77 คน.
หน้าต่างคอนโซนระบบ-สมาชิกสำนัก : 230
/ 500.
คะแนนสนับสนุนสำนัก : 225
/ 500.
จุนซ่างเซียวที่เอ่ยออกมาเบา ๆในใจ,”ขอเพียงรับสมัครเต็ม,คะแนนสนับสนุนก็จะเกือบเต็ม,ตอนนั้นก็จะสามารถใช้จ่ายได้อย่างสบายใจ.”
“เจ้าสำนัก,เรียกข้ามีเรื่องอันใดอย่างงั้นรึ?”
หลี่ลั่วฉิวก้าวเข้ามาในห้องโถง,นางได้นำคำว่าจุนออกไปแล้ว,เห็นชัดเจนนางได้ยอมรับสถานะของนางไปเรียบร้อยแล้ว.
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”เจ้าส่งคนมาสังหารเปิ่นจั้วกี่ครั้ง?”
“เรื่องนี้...”หลี่ลั่วฉิวเอ่ย,”ข้ากำลังปิดด่านอยู่,เรื่องภารกิจอยู่ในความรับผิดชอบของแมงป่อง.”
“แมงป่อง? เรียกเขาให้หน่อย.”จุนซ่างเซียวกล่าว.
หลี่ลั่วฉิวเอ่ย,”เขาถูกท่านสังหารไปแล้ว.”
“....”จุนซ่างเซียวเอ่ย,”แล้วไพ่ตายอีกสองคนล่ะรู้หรือไม่?.”
“งูพิษน่าจะรู้,เพราะเป็นคนดูแลภารกิจด้วยเช่นกัน.”
หลังจากนั้นหลี่ลั่วฉิวก็เรียกงูพิษมา,จากนั้นหลังจากครุ่นคิด,เขาก็กล่าวออกมาว่า,”เรียนเจ้าสำนัก,แมงป่องได้ออกภารกิจสามครั้ง.”
“เมื่อไหร่,และครั้งล่ะกี่คน?”
จากนั้นงูพิษก็บอกเล่าเกี่ยวกับเวลาและจำนวนคน.
ครั้งแรกสามคน,ก่อนงานประลองยุทธ์สำนัก,ครั้งที่สองคนเดียว,หลังจากงานประลองยุทธ์สำนักจบ,ครั้งที่สามสามคน,ซึ่งตายไปด้วยสไนเปอร์ไรเฟิลยังไม่ได้เข้ามาในสำนักด้วยซ้ำ.
“ไม่มี?”
“ไม่มีแล้ว.”
จุนซ่างเซียวที่ขมวดคิ้วไปมาทันที.
หากไม่นับมือสังหารกลุ่มใหญ่ที่นอกเมืองหลี่หยาง,ก็มีคนรุกมายังสำนักถึงห้าครั้ง.
ท้ายที่สุดแล้วสองครั้ง,มือสังหารที่ต้องการสังหารเซียวจุ้ยจื่อ,ในกลุ่มมือสังหารห้าคนที่เขาสังหารไปเมื่อไม่นานมานี้.
หากงูพิษไม่จำผิด,มือสังหารสองครั้ง,ไม่ใช่มือสังหารของตึกฝนพรำ.
ใช่,ใช่แล้ว.
มือสังหารสองกลุ่มในแหวนมิติไม่มีทักษะก้าวปิศาจ,แสดงว่าพวกเขาไม่ใช่มือสังหารของตึกฝนพรำ.
เป็นไปได้ว่ามือสังหารกลุ่มใหญ่ที่นอกเมืองหลี่หยางนั้น,อาจจะเป็นกลุ่มเดียวกันหรือไม่?
หากว่าไม่ใช่กลุ่มเดียวกัน,ก็อธิบายได้ว่ามีสามกลุ่มมือสังหารที่ต้องการสังหารเขา,แม้นว่าจะกำราบหลี่ลั่วฉิวไปแล้ว,ก็ไม่สามารถรับประกัน
จะมีมือสังหารเข้ามาสังหารเขา.
จุนซ่างเซียวที่กุมกระหมับกล่าวออกไปว่า,”ถางจู่หลี่,เจ้ารู้หรือไม่,ในมลทนชิงหยางมีองค์กรมือสังหารใดบ้าง?”
บางที่หากไม่สามารถระบุกลุ่มมือสังหารอีกสองกลุ่มได้,เจ้าสำนักจุนก็คงยากจะนอนหลับได้เช่นกัน.
หลี่ลั่วฉิวเอ่ย,”เท่าที่ข้ารู้,มลทนชิงหยางไม่มีองค์กรนักฆ่า.”
”.”
นางที่ขบริมฝีปากและกล่าวต่อไปว่า,”มีตระกูลใหญ่ในแต่ละเมือง,ที่ได้ฝึกนักฆ่าเหมือนกัน,เป็นมือสังหารอย่างลับ
ๆ,เพราะตระกูลใหญ่นั้นมีเงินมากมาย,และยังเคยเดินทางมายังตึกฝนพำเพื่อซื้อวิธีการฝึกฝนมือสังหารจากพวกเราด้วย.”
“ตระกูลใหญ่?”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
หลี่ลั่วฉิวเอ่ย,”ยกตัวอย่างเมืองเจิ้นหยางตระกูลเหอ,เมืองชิงหยางตระกูลหวังและเมืองหลี่หยาง,ตระกูลเป่ยและตระกูลเซียว,เมืองโชวหยาง...”
“เดี๋ยวก่อน!”
จุนซ่างเซียวที่ยกมือขึ้นขัด,”เมื่อกี้เจ้าบอกว่าตระกูลเซียวเมืองหลี่หยางงั้นรึ?”
“ไม่ผิด.”
หลี่ลั่วฉิวเอ่ย,”อาวุโสใหญ่ตระกูลเซียวได้มาซื้อวิธีการ,เขาไม่ต้องการที่จะให้คนอื่นรู้ความลับตัวเอง,และคนอื่น
ๆเองก็คงจะคิดเหมือน ๆ กัน.”
ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น