Strongest Sect of All Times Chapter 137 Recruits Li Luoqiu
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 137 Recruits Li Luoqiu
招募黎洛秋
“มือกระบี่,โจวหง.”
เสียงที่แหบพล่าของบุรุษคนหนึ่งเอ่ยกล่าวออกมา.
จุนซ่างเซียวที่เงยหน้าขึ้นมอง,เป็นผู้เยาว์ที่มีคิ้วเฉียงตรงเหมือนกับคมกระบี่,อายุราวกับ
23-24 ปี,ทว่าบนใบหน้าของเขานั้นกับหยาบก้าน,จนยากจะระบุอายุชัดเจนได้.
ชุดคลุมสีดำ,ที่เปื้อนไปด้วยฝุ่น.
ท่าทางนิสัยที่ดูคล้าย
ๆกับผู้เยี่ยมยุทธ์เล็กน้อย.
เหมือนกับหม่าหยงหนิงที่มาครั้งแรก.
มือดาบ,นี่มือกระบี่.
คล้ายกับว่านี้คือท่าทางนิสัยมาตรฐานของพวกเขา.
เพราะว่าคนเหล่านี้ในยุทธ์ภพที่หมกมุ่นอยู่กับอาวุธของตน,จนถูกมองว่าผิดปรกติไป.
คิดถึง,หนังที่เขาเคยดู,บนหลังคาสำนักไท่กู่เจิ้ง,ดวงจันทราส่องแสงสว่าง.
หม่าหยงหนิงที่ถือดาบยืนอยู่ด้านซ้าย,โจวหงถือกระบี่ยืนอยู่ด้านขวา,พูดคุยกัน.
“เจ้ามาแล้ว.”
“ใช่,ข้ามาแล้ว.”
“เจ้าไม่ควรมา.”
“แต่,ข้าก็มาแล้ว.”
“ทำไมเจ้าถึงมา.”
“ทำไมไม่รู้,ทว่าข้าก็มาแล้ว.”
“ชักกระบี่.”
“ชักดาบ.”
“กระบี่ดาบไม่มีตา!”
คิดถึงท่าทางนิสัยและคำพูด,ก็พอที่จะให้เขาคาดเดาเกี่ยวกับมือกระบี่ได้.
โจวหงที่ดวงตาเป็นประกายเหมือนกระบี่,ทำให้จุนซ่างเซียวต้องคิดถึงคำพูด,ข้ามาแล้ว!
ในเมื่อเจ้ามาแล้ว,ข้าก็รับเจ้า!
จุนซ่างเซียวที่เพียงแค่ถามชื่อ,จากนั้นก็ประทับตราสำนัก.
นี่นับเป็นมือกระบี่คนแรกที่เขารับเข้าสำนัก!
“โครกกกก!”
เสียงท้องของโจวหงที่ร้องดัง,ก่อนที่จะทรุดลงกับโต๊ะรับสมัคร,เอ่ยเสียงอ่อนแรง,”หิว......”
นี่คู่ควรจะเป็นยอดยุทธ์ได้จริงรึ?!
จุนซ่างเซียวถึงกับกุมศีรษะ,กล่าวออกไปว่า,”ชิงหยาง,ยกเขาไปยังโรงอาหาร.”
“ครับ.”หลี่ชิงหยางก้าวเข้าไป,พร้อมกับยกปีกโจวหง,ขณะกำลังคว้าไปยังกระบี่ของเขา.
ในเวลานั้น,เขาที่ราวกับมีแรงขึ้น,ยื่นมือออกไปคว้ากระบี่เอาไว้ก่อน,พร้อมกับกล่าวออกมาอย่างจริงจัง,”กระบี่ของมือกระบี่,ไม่สามารถให้คนอื่นสัมผัสได้.”
หลี่ชิงหยางที่ส่ายหน้าไปมา,พร้อมกับลากเขากข้าไปในสำนัก.
การลงทะเบียนยังคงดำเนินต่อไป.
สมาชิกใหม่คนที่ห้า,เป็นคนธรรมดาที่ไม่มีอะไรพิเศษ,ทว่าชื่อของเขานั้นกับมีนามว่า,ซื่อหมาจงต้า.
จุนซ่างเซียวอดไม่ได้ต้องถามออกไปว่า,”เจ้าเป็นคู่ต่อสู้ของจูเก๋อข่งหมิงแน่นอน.”
司馬 (司马) Sī Mǎ {ซือหม่า}
เช่นสุมาอี้{ซือหม่าอี้
จูกัดขงเบ้ง (จูเก๋อข่งหมิง 诸葛孔明).
จู่เก๋อข่งหมิง?
ซือหม่าจงต้าที่งงงวย.
“รับ.”
หลังจากนั้นจุนซ่างเซียวก็ไม่ถามอะไรอีกพร้อมกับประทับตราสำนักทันที.
ในความเห็นของเขานั้น,ในโลกใบนี้,มีตระกูลโอวหยาง,มู่หรง,ตงฟาง,ชื่อที่โดดเด่นเหล่านี้,ล้วนแต่เป็นตระกูลใหญ่ทั้งนั้น.
แล้วเจ้าสำนักจุนใช้มาตรฐานอะไรในการรับศิษย์นะรึ?
รากวิญญาณนั้นเขาไม่ได้นำมาใส่ใจมากนัก,ขอเพียงที่เข้าตา,เขาชอบก็รับหมด,ไม่จำเป็นต้องมีอะไรพิเศษ.
ระบบเอ่ย,”เห็นว่ามีคนมาสมัครน้อย,โฮสน์ไม่คิดที่จะเลือกหน่อยรึ?.”
จุนซ่างเซียวที่หาได้สนใจ,เอ่ยออกไปว่า,”ถัดไป.”
ไม่มีเสียง.
เขาที่กวาดตามอง,แต่ก็ไม่มีคนแล้ว,ดูเหมือนว่าจะมีเพียงแค่ห้าคนเท่านั้น.
“ฟิ้ว ฟิ้ว!”
สายลมที่พัดเป่า,ที่ด้านหน้าประตู,ส่งความหนาวเย็นเข้ามาด้านใน.
“เฮ้อ.”
จุนซ่างเซียวที่ถอนหายใจ,ก่อนที่จะเก็บโต๊ะรับสมัครก้าวเข้าไปด้านใน,จะรับศิษย์ให้เต็มไม่ต้องรอจนแกตายเลยรึ?.
......
หลังจากที่รับศิษย์ใหม่มาได้ห้าคน,สมาชิกก็เพิ่มจาก
148 ไปถึง 153 ได้รับห้าแต้มสนับสนุน.
หลี่ชิงหยางที่มอบชุดสำนักให้กับศิษย์ใหม่,พร้อมกับมอบตำรากฎเกณฑ์ของสำนักให้กับพวกเขา.
จุนซ่างเซียวที่บ่มเพาะในเครื่องปั้นกล้ามเนื้อหนึ่งชั่วยาม,จากนั้นก็เดินทางไปยังที่คุมขังของเจ้าตึกฝนพรำ,ขณะเปิดโซ่ที่ปิดรัดประตูออกมา.
“พอใจกับที่อยู่อาศัยหรือไม่?”หลังจากเดินเข้ามา,เขาก็เผยยิ้มหวานให้กับสตรีดั่งสุภาพบุรุษ.
เจ้าตึกฝนพรำเอ่ยออกมาว่า,”เจ้าสำนักจุน,เพื่อที่จะได้เจรจา,ถึงกับต้องคุมขังข้าเป็นการเฉพาะเลยรึ?.”
จุนซ่างเซียวที่อยู่ด้านหน้าประตู,เอ่ยกล่าวออกไปว่า,”หากเจ้ารับคำเรื่องของเปิ่นจั้ว,ก็จะกลายเป็นแขกที่ทรงเกียรติของสำนักไท่กู่เจิ้งทันที.”
เจ้าตึกฝนพรำที่สาวผมเอ่ยออกมาด้วยรอยิ้ม,”แน่นอนว่าต้องขึ้นอยู่กับข้อเสนอ.”
สตรีผู้นี้มีอายุราว ๆ
ยี่สิบกว่า,ใบหน้าที่งดงาม,รูปร่างไม่เลว,แม้นว่าท่าทางจะเมินเฉย,ทว่าก็มีกลิ่นอายที่งดงามแบบสาวใหญ่.
หากว่าศิษย์หญิงใหญ่ได้ครึ่งหนึ่งของนาง..ข้าจุนซ่างเซียวคงชอบ......”ทันใดนั้นเขาที่สลัดความคิดไปในทันที,”ไม่,น่าหวาดกลัวเกินไป!”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ขอทราบนามสตรีผู้งดงาม?”
“หลี่ลั่วฉิว.”เจ้าตึกฝนพรำเอ่ย.
จุนซ่างเซียวกล่าว,”เป็นชื่อที่ดี.”
หลี่ลั่วฉิวเผยยิ้ม,”เจ้าสำนักจุน,ไม่ใช่ว่ามีเรื่องจะกล่าวไม่ใช่รึ?”
“แน่นอน.”
จุนซ่างเซียวกล่าว,”เจ้าตึกหลี่,สนใจที่จะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของข้า,เข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง?”
“อิ อิ อิ อิ.”
หลี่ลั่วฉิวที่กุมปากหัวเราะ,แสดงท่าทางงดงามเป็นอย่างมาก.
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”มีอะไรน่าขำอย่างงั้นรึ?”
หลี่ลั่วฉิวหยุดหัวเราะ,กล่าวออกไปว่า,”เจ้าสำนักจุน,ข้าหลี่ลั่วฉิวเป็นมือสังหาร,ไม่เข้าร่วมสำนักใด
ๆ.”
“ทำไม?”จุนซ่างเซียวกล่าว.
หลี่ลั่วฉิวเอ่ย,”วิหกที่มีอิสระเสรีโบยบิน,ใยต้องเข้าไปอยู่ในกรงอีกล่ะ?”
จุนซ่างเซียวที่ส่ายหน้าไปมา,”มือสังหารที่ได้แต่อยู่ในเงามือ,ไม่กล้าออกมาในที่สาธารณะ,มีอะไรอิสระกัน?”
หลี่ลั่วฉิวที่เอ่ยกล่าวออกมา,”เจ้าต้องการรับสมัครข้า,อย่าเสียเวลาโต้เถียง.”
จุนซ่างเซียวแน่นอนว่ายังไม่ยอมแพ้,”แม่นางหลี่,เปิ่นจั้วสามารถทำลายล้างสำนักหลิงชวน,ไม่หวาดกลัวนิกายเซิ่งชวน,และจับกุมพวกเจ้ามาที่นี่ได้,เจ้าควรจะรับรู้ความแข็งแกร่งของข้าได้?”
หลี่ลั่วฉินที่เงียบไปครู่หนึ่งและเอ่ยออกมาว่า,”เจ้าสำนักจุนไม่ธรรมดา.
เมื่อคืนนางที่ครุ่นคิดหลาย
ๆอย่าง,และคนผู้นี้กลับมาทรงพลังได้อย่างรวดเร็วได้อย่างไร?
เมื่อครั้งที่นางรับรู้ในงานรับศิษย์ร้อยสำนัก,คนผู้นี้มีระดับเปิดชีพจรระดับห้าหรือหกเท่านั้น.
ผ่านมาไม่กี่เดือนกับอยู่ในระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นสูง,และยังเอาชนะนางได้,เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงเป็นอย่างมาก.
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”สำนักไท่กู่เจิ้ง,เวลานี้เพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น,ยังขาดคนที่มีความสามารถอยู่,แม่นางหลี่,หากมาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของข้าล่ะก็,วันหนึ่งข้าจะนำพาสำนักแห่งนี้ครอบครองไปทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่,ยืนอยู่เหนือทุกคน!”
หลี่ลั่วฉิวที่ดวงตาเบิกกว้างกลมโต.
หากกล่าวว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในมลทนชิงหยาง,กับคำพูดที่หาญกล้านี้,บางทีอาจจะทำให้นางเชื่อ.
ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินใหญ่รึ? กลายเป็นนิกายที่แข็งแกร่งที่สุด,เรื่องนี้เป็นไปได้สองอย่าง,หนึ่งล้อเล่น,กับคน
ๆนี้สมองมีปัญหา.
จุนซ่างเซียวไม่ได้ล้อเล่น,และสมองก็ไม่ได้มีปัญหา.
เขาที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงน่าเชื่อถือ,”แม่นางหลี่,หากยินดีช่วยเปิ่นจั้ว,ข้าจะแต่งตั้งเจ้าเป็นถางจู่,หอฝนพรำ.”
堂主 hall
master หัวหน้าพิธีกรรม
หลี่ลั่วฉิวกล่าวล้อ,”สำนักไท่กู่เจิ้งมีถางจู่แล้วรึ?”
“ก่อนไม่มี,ตอนนี้มีแล้ว.”
จุนซ่างเซียวเอ่ยต่อ,”แม่นางหลี่,หากเข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง,ก็จะเป็นถางจู่คนแรก,และเป็นคนแรกในประวัติศาตร์,ที่ทุกคนทั่วโลกต้องสรรเสริญ!”
หลี่โหลวฉิว,”.....”
“ฟิ้ว!”
จุนซ่างเซียวนำอินทรีย์ทะเลทรายออกมา,พร้อมกับเอ่ยออกไปว่า,”เมื่อเป็นถางจู่สำนักไท่กู่เจิ้ง,จะมีปืนไฟไร้เทียมทาน,ให้แม่นางหลี่ใช้งานด้วย.”
“แน่นอน.”
จุนซ่างเซียวกล่าว,”รวมทั้งทั้งทรัพยากรในการฝึกนยุทธ์,ไม่เพียงแม่นางหลี่มีใช้ไม่หมด,เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้าเองก็จะได้รับมันด้วยเช่นกัน.”
“เป็นเช่นนั้นรึ?”หลี่ลั่วฉิวเอ่ย.
จุนซ่างเซียวกล่าวอย่างจริงจัง,”แม่นางหลี่,เปิ่นจั้วที่กล่าวเชิญชวนเจ้าในวันนี้,เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย,ขอให้คิดใคร่ครวญให้ดี,เพราะว่าโอกาสไม่ได้มีมาบ่อย,หากเสียมันแล้วก็จะไม่มีอีกต่อไป.”
“คริ คริ.”
หลี่ลั่วฉิวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม,”พูดราวกับว่าหากข้าไม่รับปาก,จะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ข้าจะให้เวลาเจ้าคิดสามวัน.”
กล่าวเสร็จ,ก็หันหลังเตรียมจากไป.
หลี่ลั่วฉิวตะโกนออกมาทันที,”ช้าก่อน.”
จุนซ่างเซียวที่หยุดและกล่าวออกไปว่า,”แม่นางหลี่คิดดีแล้วอย่างงั้นรึ?”
หลี่ลั่วฉิวกอดอก,กล่าวออกมาด้วยความสนใจ,”หากข้าเป็นถางจู่,จะมีสิทธิพิเศษอะไรบ้าง?”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”เจ้าและผู้ใต้บังคับบัญชาจะไม่ถูกจำกัด,สามารถไปใหนมาใหนได้อย่างอิสระ.”
แน่นอนนี้เป็นการรับประกัน,ว่าเขาจะไม่จำกัดอิสระต่ออีกฝ่ายอย่างชัดเจน.
หลี่ลั่วฉีกล่าวด้วยรอยยิ้ม,”เจ้าสำนักจุน,เชิญข้าด้วยความจริงใจเช่นนี้,สำนักกำลังขาดถางจู่อย่างงั้นรึ?”
“แน่นอนว่าไม่.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ทว่าเปิ่นจั้วพร้อมที่จะสนับสนุนแม่นางหลี่เพื่อที่จะให้ฝึกฝนคน,เป็นงานที่เหมาะสมกับแม่นางหลี่เป็นอย่างมาก.”
“ช่วยสังหารผู้คนอย่างงั้นรึ?”หลี่ลั่วฉิวเอ่ย.
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”การสังหารคนเป็นงานที่สกปรก,ไม่เหมาะที่จะให้เหล่าศิษย์ทำงานเช่นนั้น,หน้าที่ของแม่นางหลี่ก็คือช่วยเปิ่นจั้วรวบรวมข้อมูล.”
“เพียงแค่รวบรวมข้อมูลง่าย
ๆแค่นี้นะรึ?”หลี่ลั่วฉิวที่เผยท่าทางประหลาดใจ.
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ต้องการทำอย่างอื่นด้วยรึ?”
หลี่ลั่วฉิวที่ยกมือค้ำคางเอ่ยออกไปว่า,”ให้ข้าคิดสักหน่อย.
“สามวันหลังจากนี้,เปิ่นจั้วจะมาอีกครั้ง,หวังว่าแม่นางหลี่....”ยังกล่าวไม่จบด้วยซ้ำนางก็เอ่ยกล่าวออกมาในทันที,”ข้าคิดดีแล้ว,ข้ายอมรับที่จะเข้าร่วม,เป็นถางจู่สำนักไท่กู่เจิ้ง.”
จุนซ่างเซียวถึงกับมุมปากกระตุก.
นางคิดเร็วขนาดนั้นเลยรึ?!
****
庄主 (จวงจู่) หัวหน้าหมู่บ้าน หรือ เจ้าสำนัก
楼主 (เหล่าจู่) หัวหน้าตึก ซึ่งเป็นตำแหน่งดูแลความเรียบร้อย
堂主 (ถางจู่) หัวหน้าพิธีกรรม
ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น