วันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

Strongest Sect of All Times Chapter 116 not to reciprocate is against etiquette

Strongest Sect of All Times  Chapter 116 not to reciprocate is against etiquette

 นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล

Chapter 116 not to reciprocate is against etiquette

来而不往非礼也

 

 

เจ้าสำนักจุนที่กำลังลังเล,ว่าจะปลดปล่อยดาบหนานโชวสู้กับอาวุโสสามนิกายเซิ่งชวนหรือไม่,แต่คาดไม่ถึงเลยว่าอาวุโสนิกายเขาซ่างซานจะเดินทางมาในเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้.

“ฟู่!

เขาที่ลอบพ่นลมหายใจ,กล่าวออกมาว่า,”ยันต์เปิดผนึกเก็บไว้ใช้ได้ทัน.”


หม่าหยุนเถิงที่ก้าวเข้ามา,ก่อนที่จะยืนไหลชนไหล่,เผยยิ้ม,”สหายน้อย,จากกันที่เมืองชิงหยาง,คาดไม่ถึงเลยว่าจะพบกันเร็วขนาดนี้.”

จุนซ่างเซียวที่ยกมือขึ้นประสาน,”มนทลชิงหยางนั้นเล็กมาก,ไม่ว่าจะอยู่ที่ใหนก็พบกันโดยบังเอิญ.”

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า.”หม่าหยุนตังที่หัวเราะเสียงดัง,”ไม่ว่าจะอยู่ที่ใหนก็พบกันได้โดยบังเอิญ.”

ฉินเห่าหรานและเจ้าสำนักคนอื่น ๆถึงกับใบหน้าเปลี่ยนสีขึ้นมาทันที.

รับรู้ทันทีว่าอาวุโสหม่าและที่เอ่ยสหายน้อยจุน,ดูมีชีวิตชีวาเหมือนว่าทั้งสองสนิทสนมคุ้นเคย.

น่ารังเกียจนัก!

สำนักกระจอกๆ ไปขอร้องให้นิกายเขาซ่างซานมาได้อย่างไรกัน?

จริง ๆแล้วจุนซ่างเซียวไม่ได้นัดหมายขอร้องอีกฝ่ายให้มาช่วยแต่อย่างใด,ทว่าเมื่อครั้งชี้แนะหม่าหยุนเถิง,ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกขอบคุณ,และเมื่อได้ยินนิกายเซิ่งชวนมาหาเรื่อง,เขาก็เร่งรีบนำคนบึ่งมาทันที.

หนำซ้ำ,มาได้อย่างพอเหมาะพอเจาะเป็นอย่างมาก.

ไม่เช่นนั้น,เจ้าสำนักจุนคงต้องนำดาบยาวสี่สิบเมตรออกมาใช้,เมื่อชักออกมาแล้วก็ยากจะชักกลับได้ง่าย ๆ.

สามอาวุโสนิกายเซิ่งชวนที่ใบหน้ากลายเป็นอัปลักษณ์เล็กน้อย.

นิกายเขาซ่างเซียวที่ปรากฏขึ้นมาตอนนี้,พวกเขาสนับสนุนสำนักไท่กู่เจิ้งอย่างงั้นรึ?

“อาวุโสซือ.”

หม่าหยุนเถิงกล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล,”แม้นว่าเจ้าที่เป็นอาวุโส,สหายน้อยเป็นเจ้าสำนัก,ทว่ากับระดับบรรพชนยุทธ์ท้าประลองศิษย์ยุทธ์,นี่ไม่รู้สึกละอายใจบ้างรึ?”

“ชิ.”

อาวุโสซือที่แค่นเสียงเย็นชา,”ซือโหมวเห็นอาวุโสหม่ามา,ก็แค่ล้อเล่นเท่านั้น.”

ฮึฮึฮึ.

เห็นนิกายเขาซ่างซานมาเลยกลายเป็นเรื่องล้อเล่น,หากไม่มาก็ไม่ล้อเล่นอย่างแน่นอน.

“เช่นนั้น.”

หม่าหยุนเถิงที่กล่าวออกมานั้นทันที,”ข้าก็คิดอยู่เหมือนกัน ว่าระดับบรรพชนยุทธ์จะไปท้าประลองระดับศิษย์ยุทธ์ได้อย่างไร.”

ผู้นำพันธมิตรฉินและเหล่าเจ้าสำนักคนอื่น ๆที่ตระหนักได้ทันที,นิกายเขาซ่างซานสนับสนุนสำนักไท่กู่เจิ้งเต็มที่,ทำให้พวกเขาได้แต่ถอนหายใจ,ดูเหมือนว่าอีกฝั่งจะรอดอีกแล้ว.

อาวุโสซือที่แววตากลายเป็นมืดครึ้มดูลังเลอยู่เล็กน้อย.

นิกายเขาซ่างซาน,มีพลังไม่ได้ด้อยกว่านิกายเซิ่งชวนเลย,หากว่าอีกฝ่ายรับประกันสำนักไท่กู่เจิ้ง,ตัวเขาเวลานี้เกรงว่าคงจะไม่สามารถหาเรื่องอีกฝ่ายได้แล้ว.

“อาวุโสซือ.”

หม่าหยุนเถิงกล่าว,”เรื่องเกี่ยวกับสำนักหลิงชวนนั้น,หม่าโหมวได้ยินมาเล็กน้อย,นี่นิกายเซิ่งซวนถึงกับต้องส่งคนมากมายมาล้างแค้นเลยรึ?”

อาวุโสเอ่ยออกมาเล็กน้อย,”อาวุโสหม่าเข้าใจผิดแล้ว,พี่น้องตระกูลเหว่ยนั้นถูกไล่ออกไปแล้ว,ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนิกายเซิ่งชวน,การเดินทางมาครั้งนี้ก็เพียงแค่ต้องการประลองยุทธ์เชื่อมสัมพันธ์กับสำนักไท่กู่เจิ้งเท่านั้น,ไม่ได้เอ่ยว่ามาล้างแค้นแต่อย่างใด.”

ทั้งสองที่พูดกันดูเหมือนว่าสนธนาทั่วไปผิวเผินเท่านั้น,แต่กับแสดงความหมายเพชรตัดเพชรไม่มีใครยอมใคร.

ควรค่าแล้วที่เป็นนิกายระดับห้า,กับการปะทะฝีปาก,ฟาดฟันอย่างไม่มีใครกลัวใคร.

หม่าซ่างเฟยที่จ้องมองไปยังโม่ซ่างเฟยที่หมดสติอยู่บนลานยุทธ์,”คงไม่ต้องคาดเดาของผลที่เกิดขึ้น,ศิษย์ของเจ้าคงจะพ่ายแพ้ราบคาบสินะ,การประลองครั้งนี้ยังไม่ตัดสินอีกรึ?”

กับคำพูดที่ตอกย้ำ,สามอาวุโสนิกายเขาซ่างเซียวใบหน้ามืดครึ้งอัปลักษณ์.

จุนซ่างเซียวที่ได้โอกาสเอ่ยออกมาว่า,”อาวุโสซือ,หากรู้สึกไม่พอใจกับผล,ท่านก็ส่งศิษย์ของท่านออกมาอีกเพื่อประลองกระชับมิตรกันอีกสักคู่ สองคู่ก็ได้.”

“ไม่จำเป็น.”

อาวุโสซือที่กล่าวออกมาเสียงดัง,”ก็เพียงแค่กระชับมิตร,ไม่เห็นมีประโยชน์อะไรที่จะประลองกันต่อไปอีก.”

โม่ซ่างเฟยที่เป็นศิษย์สายในที่โดดเด่นที่สุด,เวลานี้นอนเป็นหมาตายไปแล้ว,ถึงส่งศิษย์คนอื่นออกไป,ก็ไม่สามารถกู้หน้าได้แล้ว.

อาวุโสซือที่จ้องมองไปยังอาวุโสทั้งสอง,ก่อนที่จะหันกลับมายกมือประสาน,”อาวุโสหม่า,ภายในนิกายยังมีงานอีกมากมาย,ขอลาก่อน.

กล่าวเสร็จ,ก็เดินก้าวจากไปทันที.

บางที่คงจะอดกลั้นความโกรธเอาไว้ไม่น้อย,ไม่แม้แต่เอ่ยลาผู้นำฉินและคนอื่น ๆเลย.

“ช้าก่อน.”

อย่างไรก็ตาม,ขณะกำลังก้าวออกไปจากทางเข้า,จุนซ่างเซียวที่ตะโกนออกไป.

อาวุโสซือที่ชงักเล็กน้อย,ทว่ากับไม่ได้หันหน้ากลับคืนมา,”เจ้าสำนักจุน,มีเรื่องอันใดรึ?”

จุนซ่างเซียวที่มองไปยังอีกฝ่ายที่หันหลังพูดกับเขา,เขาที่ถูมือไปมากล่าวออกมาว่า,”เป้าหมายของสำนักไท่กู่เจิ้งนั้นเขียนไว้ มิตรภาพยืนยงอยู่ไม่ได้หากมีเพียงฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด.”

来而不往非礼也 มิตรภาพยืนยงอยู่ไม่ได้หากมีเพียงฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด

 

นี่เปลี่ยนอีกแล้วอย่างงั้นรึ?

หลี่ชิงหยางและซูเซียวโม่ที่หลับตา,พยายามนึกเป้าหมายสำนักเรื่องที่แล้ว.

เท่าที่นึกได้ตอนนี้,คงจะเขียนเป็นตำราเล่มเล็กได้เลย.

มิตรภาพยืนยงอยู่ไม่ได้หากมีเพียงฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอย่างงั้นรึ?

อาวุโสซือที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม,”เจ้าสำนักจุน,คำพูดของเจ้าหมายความว่าอย่างไรงั้นรึ?”

จุนซ่างเซียวที่สีจมูกเอ่ยออกมาว่า,”หนึ่งปีหลังจากนี้,เปิ่นจั้วจะนำพาศิษย์ของข้า,เดินทางไปยังนิกายเซิ่งชวนเพื่อขอประลองกระชับมิตร.”

เซี่ยกวนคุนและเจ้าสำนักคนอื่น ๆถึงกับดวงตาเบิกกว้าง.

แม้นว่าจะมีกำหนดเวลาหนึ่งปี,ทว่าพวกเขากำลังท้าประลองนิกายเซิ่งชวนอย่างไม่ต้องสงสัย.

สำนักระดับแปดท้าทายนิกายระดับห้า,ไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้มาก่อน,และไม่เคยมีใครคิดอีกด้วย.

อาวุโสซือกล่าวดูแคลน,”เจ้าสำนักจุน,คำพูดนั้นไม่สามารถที่จะเอ่ยออกมาได้อย่างพล่อยๆ,สำนักไท่กู่เจิ้งของเจ้านั้นไม่คู่ควรที่จะมาขอประลองกับนิกายเซิ่งชวนของข้าเลยแม้แต่น้อย.”

เป็นความจริง.

สำนักระดับแปด,และนิกายระดับห้า,มันแตกต่างกันเกินไป.

จุนซ่างเซียวที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม,”ตอนนี้ไม่มีคุณสมบัติ,หากแต่หลังจากนี้หนึ่งปีต้องมีคุณสมบัติแน่นอน.”

“ดี!

อาวุโสซือที่กล่าวออกมาทันที,”นิกายเซิ่งชวนของข้าจะรอต้อนรับ,หนึ่งปีหลังจากนี้หวังว่าเจ้าสำนักจุนและศิษย์จะเดินทางมายังเขาเซิ่งชวนเพื่อประลองดังที่ได้ลั่นวาจา."

“ฮึ!”สายตาของเขาที่ดำมืด,”หวังว่าเมื่อถึงเวลา,เจ้าสำนักจุนคงจะไม่ตบะดสัตย์หรอกนะ.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย,”อาวุโสซือโปรดวางใจ,เป้าหมายของสำนักไท่กู่เจิ้ง,สามัคคีมีอารยะ,เข้มงวดและเป็นมิตร,ไม่มีทางที่จะผิดคำพูด.”

เหล่าชาวยุทธ์ที่มุมปากกระตุกจ้องมองเขม็ง.

แม้แต่ต้องการถามเจ้าสำนักจุน,นี่เป้าหมายสำนักไท่กู่เจิ้งมีกี่ข้อกัน?

อาวุโสซือที่กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล,”หนึ่งปีหลังจากนี้,นิกายเซิ่งชวนจะรอสำนักไท่กู่เจิ้ง,นำศิษย์ที่ทรงเกียรติมาเยี่ยมอย่างนับถือ!

จากนั้น,เขาที่สะบัดแขนเสื้อเสียงดัง,พร้อมกับพาศิษย์จากไปด้วยความหงุดหงิด.

ท้ายที่สุดแล้ว,เป้าหมายที่จะลงโทษสำนักไท่กู่เจิ้งต่อหน้าผู้คนมากมาย,พลาดไปหมด,แม้แต่ศิษย์ฝ่ายในของตัวเองยังสลบเป็นหมาตายกลับมา,และยังถูกท้าทายในอดีกหนึ่งปี,นี่มันน่าขายหน้าเกินไปแล้ว,จะไม่ให้เขาโกรธก็แปลกแล้ว.

......

คนของนิกายเซิ่งชวนจากไปแล้ว,ทำให้รอบ ๆเงียบงันไม่ครึกครื้นอีกต่อไป.

เหล่าเจ้าสำนักต่าง ๆก็เริ่มจากไป,พวกเขากล่าวลาหม่าหยุนเถิงทีละคน ๆ.

อย่างไรก็ตาม,ขณะฉินเห่าหรานกำลังเดินออกไป,จุนซ่างเซียวก็เอ่ยออกมาเช่นกัน,”ผู้นำฉิน,หลังจากผ่านเรื่องยุ่ง ๆไป,สำนักไท่กู่เจิ้งก็จะเดินทางไปยังสำนักเห่าฉีเพื่อขอประลองด้วย.”

“ชิ.”

ฉินเห่าหรานที่เอ่ยออกมาเล็กน้อย,”แล้วฉินโหมวจะรอ.”

ขณะที่เหล่าเจ้าสำนักและคนอื่น ๆจากไปแล้ว,เซี่ยกวนคุนที่ก้าวเดินเข้ามา,ก่อนที่จะยกมือประสานทักทายอาวุโสหม่า,จากนั้นก็ส่ายหน้าไปมาจ้องมองมายังจุนซ่างเซียว,”เจ้าสำนักจุน,หนึ่งปีหลังจากนี้ท้าประลองนิกายเซิ่งชวน,ยังคิดที่จะไปท้าประลองสำนักเห่าฉีอีก,ไม่ใช่ว่าคิดจะสร้างศัตรูไปทั่วเลยอย่างงั้นรึ?”

จุนซ่างเซียวเอ่ย,”เจ้าเมืองเซียว,ยังคิดว่าสำนักไท่กู่เจิ้ง,จะยังสามารถอยู่อย่างสงบโดยไม่มีอะไรขัดแย้งกับผู้นำฉินอีกรึ?”

“ไม่.”เซี่ยกวนคุนเอ่ย.

ก่อนหน้านี้เจ้าเด็กนี้บอกว่าฉินเห่าหรานเป็นเพียง”หมา”เขาก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่มีทางเข้าหน้ากันติดแล้ว,วันข้างหน้าถึงจะส่งกระเช้าคุกเข่า กล่าวขอโทษ,ก็ไม่ทางที่ความเป็นปฏิปักษ์จะหายไปได้.

จุนซ่างเซียวยักไหล่กล่าวออกไปว่า,”ในเมื่อเป็นศัตรูกันแล้ว,ทำไม่ประกาศสงคราม,ประกาศให้ทุกคนได้รับรู้กันไปเลยล่ะ.”

ได้ยินคำพูดดังกล่าว,เซี่ยกวนคุนที่ตระหนักได้ในทันที,ก่อนที่จะยกนิ้วให้,กล่าวชม,”เจ้าสำนักจุนเดินหมากได้ชาญฉลาด,เซี่ยโหมวชื่นชม,ชื่นชม!

การประกาศท้าประลองกับผู้นำพันธมิตรฉินไป,ขอเพียงมันถูกกระจายไปทั่วยุทธภพ,เหล่าสมาชิกพันธมิตรร้อยสำนักจะไม่สามารถนำข้ออ้างเกี่ยวกับพันธมิตรมาหาเรื่องเขาได้แล้ว,ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นปัญหาส่วนบุคคลไปแทน.

นี่นับว่าเป็นอุบายที่ไม่เลวเลย.

ทว่าเซี่ยกวนคุนเข้าใจดี,การใช้ข้ออ้างพันธมิตรเพื่อมาประลองสำนักไท่กู่เจิ้งให้ได้นั้น,จะเกิดขึ้นหลังจากที่สำนักไท่กู่เจิ้งและสำนักเห่าฉีประลองกันไปแล้วเท่านั้น,ซึ่งไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นตอนใหน.


ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times

#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
Author(s)
Goodbye Jianghu


เข้ากลุ่มลับ VIP ====> Click


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น