Strongest Sect of All Times Chapter 116 not to reciprocate is against etiquette
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 116 not to reciprocate is against
etiquette
来而不往非礼也
เจ้าสำนักจุนที่กำลังลังเล,ว่าจะปลดปล่อยดาบหนานโชวสู้กับอาวุโสสามนิกายเซิ่งชวนหรือไม่,แต่คาดไม่ถึงเลยว่าอาวุโสนิกายเขาซ่างซานจะเดินทางมาในเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้.
“ฟู่!”
เขาที่ลอบพ่นลมหายใจ,กล่าวออกมาว่า,”ยันต์เปิดผนึกเก็บไว้ใช้ได้ทัน.”
หม่าหยุนเถิงที่ก้าวเข้ามา,ก่อนที่จะยืนไหลชนไหล่,เผยยิ้ม,”สหายน้อย,จากกันที่เมืองชิงหยาง,คาดไม่ถึงเลยว่าจะพบกันเร็วขนาดนี้.”
จุนซ่างเซียวที่ยกมือขึ้นประสาน,”มนทลชิงหยางนั้นเล็กมาก,ไม่ว่าจะอยู่ที่ใหนก็พบกันโดยบังเอิญ.”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า.”หม่าหยุนตังที่หัวเราะเสียงดัง,”ไม่ว่าจะอยู่ที่ใหนก็พบกันได้โดยบังเอิญ.”
ฉินเห่าหรานและเจ้าสำนักคนอื่น
ๆถึงกับใบหน้าเปลี่ยนสีขึ้นมาทันที.
รับรู้ทันทีว่าอาวุโสหม่าและที่เอ่ยสหายน้อยจุน,ดูมีชีวิตชีวาเหมือนว่าทั้งสองสนิทสนมคุ้นเคย.
น่ารังเกียจนัก!
สำนักกระจอกๆ
ไปขอร้องให้นิกายเขาซ่างซานมาได้อย่างไรกัน?
จริง ๆแล้วจุนซ่างเซียวไม่ได้นัดหมายขอร้องอีกฝ่ายให้มาช่วยแต่อย่างใด,ทว่าเมื่อครั้งชี้แนะหม่าหยุนเถิง,ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกขอบคุณ,และเมื่อได้ยินนิกายเซิ่งชวนมาหาเรื่อง,เขาก็เร่งรีบนำคนบึ่งมาทันที.
หนำซ้ำ,มาได้อย่างพอเหมาะพอเจาะเป็นอย่างมาก.
ไม่เช่นนั้น,เจ้าสำนักจุนคงต้องนำดาบยาวสี่สิบเมตรออกมาใช้,เมื่อชักออกมาแล้วก็ยากจะชักกลับได้ง่าย
ๆ.
สามอาวุโสนิกายเซิ่งชวนที่ใบหน้ากลายเป็นอัปลักษณ์เล็กน้อย.
นิกายเขาซ่างเซียวที่ปรากฏขึ้นมาตอนนี้,พวกเขาสนับสนุนสำนักไท่กู่เจิ้งอย่างงั้นรึ?
“อาวุโสซือ.”
หม่าหยุนเถิงกล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล,”แม้นว่าเจ้าที่เป็นอาวุโส,สหายน้อยเป็นเจ้าสำนัก,ทว่ากับระดับบรรพชนยุทธ์ท้าประลองศิษย์ยุทธ์,นี่ไม่รู้สึกละอายใจบ้างรึ?”
“ชิ.”
อาวุโสซือที่แค่นเสียงเย็นชา,”ซือโหมวเห็นอาวุโสหม่ามา,ก็แค่ล้อเล่นเท่านั้น.”
ฮึฮึฮึ.
เห็นนิกายเขาซ่างซานมาเลยกลายเป็นเรื่องล้อเล่น,หากไม่มาก็ไม่ล้อเล่นอย่างแน่นอน.
“เช่นนั้น.”
หม่าหยุนเถิงที่กล่าวออกมานั้นทันที,”ข้าก็คิดอยู่เหมือนกัน
ว่าระดับบรรพชนยุทธ์จะไปท้าประลองระดับศิษย์ยุทธ์ได้อย่างไร.”
ผู้นำพันธมิตรฉินและเหล่าเจ้าสำนักคนอื่น
ๆที่ตระหนักได้ทันที,นิกายเขาซ่างซานสนับสนุนสำนักไท่กู่เจิ้งเต็มที่,ทำให้พวกเขาได้แต่ถอนหายใจ,ดูเหมือนว่าอีกฝั่งจะรอดอีกแล้ว.
อาวุโสซือที่แววตากลายเป็นมืดครึ้มดูลังเลอยู่เล็กน้อย.
นิกายเขาซ่างซาน,มีพลังไม่ได้ด้อยกว่านิกายเซิ่งชวนเลย,หากว่าอีกฝ่ายรับประกันสำนักไท่กู่เจิ้ง,ตัวเขาเวลานี้เกรงว่าคงจะไม่สามารถหาเรื่องอีกฝ่ายได้แล้ว.
“อาวุโสซือ.”
หม่าหยุนเถิงกล่าว,”เรื่องเกี่ยวกับสำนักหลิงชวนนั้น,หม่าโหมวได้ยินมาเล็กน้อย,นี่นิกายเซิ่งซวนถึงกับต้องส่งคนมากมายมาล้างแค้นเลยรึ?”
อาวุโสเอ่ยออกมาเล็กน้อย,”อาวุโสหม่าเข้าใจผิดแล้ว,พี่น้องตระกูลเหว่ยนั้นถูกไล่ออกไปแล้ว,ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนิกายเซิ่งชวน,การเดินทางมาครั้งนี้ก็เพียงแค่ต้องการประลองยุทธ์เชื่อมสัมพันธ์กับสำนักไท่กู่เจิ้งเท่านั้น,ไม่ได้เอ่ยว่ามาล้างแค้นแต่อย่างใด.”
ทั้งสองที่พูดกันดูเหมือนว่าสนธนาทั่วไปผิวเผินเท่านั้น,แต่กับแสดงความหมายเพชรตัดเพชรไม่มีใครยอมใคร.
ควรค่าแล้วที่เป็นนิกายระดับห้า,กับการปะทะฝีปาก,ฟาดฟันอย่างไม่มีใครกลัวใคร.
หม่าซ่างเฟยที่จ้องมองไปยังโม่ซ่างเฟยที่หมดสติอยู่บนลานยุทธ์,”คงไม่ต้องคาดเดาของผลที่เกิดขึ้น,ศิษย์ของเจ้าคงจะพ่ายแพ้ราบคาบสินะ,การประลองครั้งนี้ยังไม่ตัดสินอีกรึ?”
กับคำพูดที่ตอกย้ำ,สามอาวุโสนิกายเขาซ่างเซียวใบหน้ามืดครึ้งอัปลักษณ์.
จุนซ่างเซียวที่ได้โอกาสเอ่ยออกมาว่า,”อาวุโสซือ,หากรู้สึกไม่พอใจกับผล,ท่านก็ส่งศิษย์ของท่านออกมาอีกเพื่อประลองกระชับมิตรกันอีกสักคู่
สองคู่ก็ได้.”
“ไม่จำเป็น.”
อาวุโสซือที่กล่าวออกมาเสียงดัง,”ก็เพียงแค่กระชับมิตร,ไม่เห็นมีประโยชน์อะไรที่จะประลองกันต่อไปอีก.”
โม่ซ่างเฟยที่เป็นศิษย์สายในที่โดดเด่นที่สุด,เวลานี้นอนเป็นหมาตายไปแล้ว,ถึงส่งศิษย์คนอื่นออกไป,ก็ไม่สามารถกู้หน้าได้แล้ว.
อาวุโสซือที่จ้องมองไปยังอาวุโสทั้งสอง,ก่อนที่จะหันกลับมายกมือประสาน,”อาวุโสหม่า,ภายในนิกายยังมีงานอีกมากมาย,ขอลาก่อน.
กล่าวเสร็จ,ก็เดินก้าวจากไปทันที.
บางที่คงจะอดกลั้นความโกรธเอาไว้ไม่น้อย,ไม่แม้แต่เอ่ยลาผู้นำฉินและคนอื่น
ๆเลย.
“ช้าก่อน.”
อย่างไรก็ตาม,ขณะกำลังก้าวออกไปจากทางเข้า,จุนซ่างเซียวที่ตะโกนออกไป.
อาวุโสซือที่ชงักเล็กน้อย,ทว่ากับไม่ได้หันหน้ากลับคืนมา,”เจ้าสำนักจุน,มีเรื่องอันใดรึ?”
จุนซ่างเซียวที่มองไปยังอีกฝ่ายที่หันหลังพูดกับเขา,เขาที่ถูมือไปมากล่าวออกมาว่า,”เป้าหมายของสำนักไท่กู่เจิ้งนั้นเขียนไว้
มิตรภาพยืนยงอยู่ไม่ได้หากมีเพียงฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด.”
来而不往非礼也 มิตรภาพยืนยงอยู่ไม่ได้หากมีเพียงฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
นี่เปลี่ยนอีกแล้วอย่างงั้นรึ?
หลี่ชิงหยางและซูเซียวโม่ที่หลับตา,พยายามนึกเป้าหมายสำนักเรื่องที่แล้ว.
เท่าที่นึกได้ตอนนี้,คงจะเขียนเป็นตำราเล่มเล็กได้เลย.
มิตรภาพยืนยงอยู่ไม่ได้หากมีเพียงฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอย่างงั้นรึ?
อาวุโสซือที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม,”เจ้าสำนักจุน,คำพูดของเจ้าหมายความว่าอย่างไรงั้นรึ?”
จุนซ่างเซียวที่สีจมูกเอ่ยออกมาว่า,”หนึ่งปีหลังจากนี้,เปิ่นจั้วจะนำพาศิษย์ของข้า,เดินทางไปยังนิกายเซิ่งชวนเพื่อขอประลองกระชับมิตร.”
เซี่ยกวนคุนและเจ้าสำนักคนอื่น
ๆถึงกับดวงตาเบิกกว้าง.
แม้นว่าจะมีกำหนดเวลาหนึ่งปี,ทว่าพวกเขากำลังท้าประลองนิกายเซิ่งชวนอย่างไม่ต้องสงสัย.
สำนักระดับแปดท้าทายนิกายระดับห้า,ไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้มาก่อน,และไม่เคยมีใครคิดอีกด้วย.
อาวุโสซือกล่าวดูแคลน,”เจ้าสำนักจุน,คำพูดนั้นไม่สามารถที่จะเอ่ยออกมาได้อย่างพล่อยๆ,สำนักไท่กู่เจิ้งของเจ้านั้นไม่คู่ควรที่จะมาขอประลองกับนิกายเซิ่งชวนของข้าเลยแม้แต่น้อย.”
เป็นความจริง.
สำนักระดับแปด,และนิกายระดับห้า,มันแตกต่างกันเกินไป.
จุนซ่างเซียวที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม,”ตอนนี้ไม่มีคุณสมบัติ,หากแต่หลังจากนี้หนึ่งปีต้องมีคุณสมบัติแน่นอน.”
“ดี!”
อาวุโสซือที่กล่าวออกมาทันที,”นิกายเซิ่งชวนของข้าจะรอต้อนรับ,หนึ่งปีหลังจากนี้หวังว่าเจ้าสำนักจุนและศิษย์จะเดินทางมายังเขาเซิ่งชวนเพื่อประลองดังที่ได้ลั่นวาจา."
“ฮึ!”สายตาของเขาที่ดำมืด,”หวังว่าเมื่อถึงเวลา,เจ้าสำนักจุนคงจะไม่ตบะดสัตย์หรอกนะ.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”อาวุโสซือโปรดวางใจ,เป้าหมายของสำนักไท่กู่เจิ้ง,สามัคคีมีอารยะ,เข้มงวดและเป็นมิตร,ไม่มีทางที่จะผิดคำพูด.”
เหล่าชาวยุทธ์ที่มุมปากกระตุกจ้องมองเขม็ง.
แม้แต่ต้องการถามเจ้าสำนักจุน,นี่เป้าหมายสำนักไท่กู่เจิ้งมีกี่ข้อกัน?
อาวุโสซือที่กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล,”หนึ่งปีหลังจากนี้,นิกายเซิ่งชวนจะรอสำนักไท่กู่เจิ้ง,นำศิษย์ที่ทรงเกียรติมาเยี่ยมอย่างนับถือ!”
จากนั้น,เขาที่สะบัดแขนเสื้อเสียงดัง,พร้อมกับพาศิษย์จากไปด้วยความหงุดหงิด.
ท้ายที่สุดแล้ว,เป้าหมายที่จะลงโทษสำนักไท่กู่เจิ้งต่อหน้าผู้คนมากมาย,พลาดไปหมด,แม้แต่ศิษย์ฝ่ายในของตัวเองยังสลบเป็นหมาตายกลับมา,และยังถูกท้าทายในอดีกหนึ่งปี,นี่มันน่าขายหน้าเกินไปแล้ว,จะไม่ให้เขาโกรธก็แปลกแล้ว.
......
คนของนิกายเซิ่งชวนจากไปแล้ว,ทำให้รอบ
ๆเงียบงันไม่ครึกครื้นอีกต่อไป.
เหล่าเจ้าสำนักต่าง
ๆก็เริ่มจากไป,พวกเขากล่าวลาหม่าหยุนเถิงทีละคน ๆ.
อย่างไรก็ตาม,ขณะฉินเห่าหรานกำลังเดินออกไป,จุนซ่างเซียวก็เอ่ยออกมาเช่นกัน,”ผู้นำฉิน,หลังจากผ่านเรื่องยุ่ง
ๆไป,สำนักไท่กู่เจิ้งก็จะเดินทางไปยังสำนักเห่าฉีเพื่อขอประลองด้วย.”
“ชิ.”
ฉินเห่าหรานที่เอ่ยออกมาเล็กน้อย,”แล้วฉินโหมวจะรอ.”
ขณะที่เหล่าเจ้าสำนักและคนอื่น ๆจากไปแล้ว,เซี่ยกวนคุนที่ก้าวเดินเข้ามา,ก่อนที่จะยกมือประสานทักทายอาวุโสหม่า,จากนั้นก็ส่ายหน้าไปมาจ้องมองมายังจุนซ่างเซียว,”เจ้าสำนักจุน,หนึ่งปีหลังจากนี้ท้าประลองนิกายเซิ่งชวน,ยังคิดที่จะไปท้าประลองสำนักเห่าฉีอีก,ไม่ใช่ว่าคิดจะสร้างศัตรูไปทั่วเลยอย่างงั้นรึ?”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”เจ้าเมืองเซียว,ยังคิดว่าสำนักไท่กู่เจิ้ง,จะยังสามารถอยู่อย่างสงบโดยไม่มีอะไรขัดแย้งกับผู้นำฉินอีกรึ?”
“ไม่.”เซี่ยกวนคุนเอ่ย.
ก่อนหน้านี้เจ้าเด็กนี้บอกว่าฉินเห่าหรานเป็นเพียง”หมา”เขาก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่มีทางเข้าหน้ากันติดแล้ว,วันข้างหน้าถึงจะส่งกระเช้าคุกเข่า
กล่าวขอโทษ,ก็ไม่ทางที่ความเป็นปฏิปักษ์จะหายไปได้.
จุนซ่างเซียวยักไหล่กล่าวออกไปว่า,”ในเมื่อเป็นศัตรูกันแล้ว,ทำไม่ประกาศสงคราม,ประกาศให้ทุกคนได้รับรู้กันไปเลยล่ะ.”
ได้ยินคำพูดดังกล่าว,เซี่ยกวนคุนที่ตระหนักได้ในทันที,ก่อนที่จะยกนิ้วให้,กล่าวชม,”เจ้าสำนักจุนเดินหมากได้ชาญฉลาด,เซี่ยโหมวชื่นชม,ชื่นชม!”
การประกาศท้าประลองกับผู้นำพันธมิตรฉินไป,ขอเพียงมันถูกกระจายไปทั่วยุทธภพ,เหล่าสมาชิกพันธมิตรร้อยสำนักจะไม่สามารถนำข้ออ้างเกี่ยวกับพันธมิตรมาหาเรื่องเขาได้แล้ว,ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นปัญหาส่วนบุคคลไปแทน.
นี่นับว่าเป็นอุบายที่ไม่เลวเลย.
ทว่าเซี่ยกวนคุนเข้าใจดี,การใช้ข้ออ้างพันธมิตรเพื่อมาประลองสำนักไท่กู่เจิ้งให้ได้นั้น,จะเกิดขึ้นหลังจากที่สำนักไท่กู่เจิ้งและสำนักเห่าฉีประลองกันไปแล้วเท่านั้น,ซึ่งไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นตอนใหน.
ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น