Strongest Sect of All Times Chapter 115 Sect Master Jun, is really an expert!
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 115 Sect Master Jun, is really an
expert!
君掌门,真乃牛人也!
ศิษย์นิกายเซิ่งชวนที่ยากจะรับได้ว่าโม่ซางเฟยถึงกับสลบเหมือด,นี่มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อมาก,พวกเขาถึงกับกุมมือไว้ที่ด้ามกระบี่,พร้อมจะพุ่งออกไป.
ลู่เชียนเชียนและซูเซียว.โม่ที่เตรียมตัวเช่นกัน,ขอแค่อีกฝ่ายเริ่ม,พวกเขาก็พร้อมชักกระบี่พุ่งออกไป.
ในเวลานี้,ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งหาได้แสดงความหวาดกลัวออกมาเลยแม้แต่น้อย.
ครั้งหนึ่งที่ค่ายโจรวายุทมิฬ,ศิษย์คนหนึ่งของเขาหวาดกลัวความตาย,ไม่ลังเลที่จะแปรพักเป็นโจรภูเขา,ทำให้จุนซ่างเซียวรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก.
ตอนนี้ต่อหน้านิกายเซิ่งชวน,ศิษย์ของเขาไร้ซึ่งความหวาดกลัว,แม้แต่พร้อมพุ่งเข้าหาศัตรู,เวลานี้เขารู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก.
จิตใจเป็นเรื่องหลัก,พรสวรรค์เป็นเรื่องรอง.
ข้าไม่สนใจศิษย์ที่หวาดกลัว,ไม่รู้จักรักษาเกียรติของตัวเอง.
ข้าหวังว่าศิษย์ของข้าทุกคนจงจำเอาไว้,ว่าตัวเองคือศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง,ไม่หวาดกลัวความตาย,เต็มไปด้วยศักดิศรีและเกียรติ.
“เจ้าสำนักจุน.”
อาวุโสสามนิกายเซิ่งซวนกล่าวดูแคลน,”ศิษย์ของท่าน,หมายความว่าอย่างไร?”
จุนซ่างเซียวเอ่ยออกมาเล็กน้อย,”แล้วศิษย์ของท่านล่ะหมายความว่าอย่างไร,ศิษย์ของข้าเข้าใจอย่างไร,เปิ่นจั้วก็เข้าใจอย่างนั้น.”
ศิษย์จะกล้าที่กล้าหาญเที่ยงธรรม,เขาจำเป็นต้องกระตุ้น,และกระทำให้เป็นตัวอย่าง!
มารดาเถอะ!
ไม่คิดเลยว่าจะหลุดกรอบไปขนาดนี้?
ดาบหนานโจวของเหล่าจื่อกำลังกระหายอยู่เลย.
ในเวลานั้น,จุนซ่างเซียวที่ถอดเสื้อคลุมไหล่ของตัวเองออกมา,เผยให้เห็นมังกรเขียวด้านซ้าย,พยัคฆ์ขาวด้านขวา,และนำดาบออกมาวางไว้แนบอก,พร้อมกับชี้ไปด้านหน้า,กล่าวออกมาเสียงดัง,”เข้ามาได้เลย!”
ไม่สงสัยว่าเขาสงบได้ตั้งแต่แรกก็มีดาบหนานโชวที่พร้อมปลดปล่อยอยู่นั่นเอง.
ฉินเห่าหรานและเหล่าเจ้าสำนักคนอื่น
ๆที่เผยยิ้ม.
ถึงกับกล้าท้าทายอาวุโสสำนักหลิงชวน,ดูเหมือนว่าเขากำลังจะนำศิษย์ตามสำนักหลิงชวนไปแล้ว.
ในเวลานั้น,เซี่ยกวนคุนที่ก้าวออกมาเตือน,”อาวุโสซือ,เจ้าสำนักจุน
นี่ไม่ใช่ว่าเป็นการประลองของศิษย์หรอกรึ? โปรดถอยกลับกันคนละก้าวแล้วพูดคุยกันดีกว่า.”
เขาที่เอ็นดูจุนซ่างเซียว,หวังว่าจะผ่านเคราะห์ครั้งนี้ไปได้.
“เจ้าเมืองเซี่ย.”
ฉินเห่าหรานที่กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล,”อาวุโสซือเป็นหนึ่งในแปดอาวุโสใหญ่ของนิกายเซิ่งชวน,กับสำนักระดับเก้ากระจอก
ๆ,พูดจาใหญ่โต,หมิ่นเกียรติของอาวุโสซืออยู่.”
“ผู้นำฉิน.”
จุนซ่างเซียวที่นำป้ายตราระดับสำนักออกมา,กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวลเช่นกัน,”โปรดใช้ตาสุนักของท่านแลมองให้ชัดเจน,สำนักไท่กู่เจิ้งของเปิ่นจั้วตอนนี้มีระดับแปดแล้ว.”
ฉินเห่าหรานที่คำรามลั่นด้วยความโกรธ,”เจ้าพูดอะไร!”
“อ้าว,ไม่ได้ยินชัดเจนอย่างงั้นรึ?”
จุนซ่างเซียวที่ยื่นนิ้วกลางให้,กล่าวออกมาว่า,”เปิ่นจั้วบอกว่า,ผู้นำพันธมิตรร้อยสำนัก,อยู่ต่อหน้านิกายเซิ่งซวนเป็นได้แค่หมาตัวหนึ่ง.”
คำพูดที่คล้ายกับเล่นตลก,ทีเล่นทีจริง,ทว่ากับเป็นการกระตุ้นความโกรธของอีกฝ่ายอย่างจงใจ.
ฉินเห่าหลาน,เจ้าสำนักระดับหก,และยังเป็นผู้นำพันธมิตรร้อยสำนัก,การที่เขาถูกกระทำให้อับอายเช่นนี้,ทำให้จิตสังหารที่พุ่งพล่านขึ้นมาในทันที.
“ฮึ ฮึ.”
อาวุโสห้านิกายเซิ่งชวนเอ่ย,”สำนักระดับแปด,แต่กับโอหังหยามผู้นำพันธมิตรเช่นนี้,ดูเหมือนว่าภายในมนทลชิงหยาง,จะเหลาแหละมาก.”
คำพูดที่นิ่มนวลแต่เป็นการเทน้ำมันลงไปในไฟ.
“กึก กึก!”
ฉินเห่าหรานที่กำหมัดแน่น,ก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าว.
อย่างไรก็ตาม,ขณะที่ก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าวเท่านั้น,ก็ได้ยินเสียงดัง
“ปัง” ธวัชศิลาที่ด้านหน้าของเขาห่างออกไปเพียงไม่กี่ชุ่น(2.5
cm)เท่านั้น,ปรากฏเป็นรูเท่ากับกำปั้นขึ้นมา!
“ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!”
สามอาวุโสนิกายเซิ่งซวนที่ลุกขึ้นพร้อมกับ,สายตาที่เย็นชามองย้อนประกายแสงที่พุ่งมาก,พบว่าที่ไกลออกไปในป่าหญ้ามีคน
ๆ หนึ่ง,ที่เวลานี้ถือสิ่งของที่เรียวยาว,ที่ปลายของมันมีควันลอยออกมา.
เซี่ยกวนคุนและเหล่าเจ้าสำนักคนอื่น
ๆต่างก็มองตาม,ภายในใจที่ตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก.
ริ้วแสงก่อนหน้านี้พุ่งมาเร็วมาก,แม้แต่พวกเขายังไม่สามารถมองตามได้ทันที.
เมื่อกี้นี้....อาวุธลับอย่างงั้นรึ?
สามอาวุโสที่มองหน้ากันและกันด้วยท่าทางงงงัน,แววตาที่เผยท่าทางจริงจังออกมา.
ความเร็วและความแรงของริ้วแสงที่พุ่งมาเมื่อกี้,ถึงจะเป็นพวกเขา,หากไม่ได้ใช้พลังวิญญาณคุ้มกายเอาไว้,เกรงว่าหากยิงโดนคงได้รับบาดเจ็บหนักเช่นกัน!
“ท่านสุภาพบุรุษและสภาพสุตรี.”
จุนซ่างเซียวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้,เท้าที่ไขว้กันกระดิกเบา
ๆ,มือทั้งสิบที่วางพาดบนขา,กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม,”รอบ
ๆนี้ข้าได้ส่งศิษย์ของเขา,ที่มีความสามารถยิงอาวุธลับ 36,000 รูปแบบ,กระจายอยู่รอบ
ๆ,นี่คือหนึ่งในอาวุธลับหนึ่งในนั้น,มีชื่อว่า ปืนไฟไร้เทียมทาน.”
ปืนไฟไร้เทียมทานอย่างงั้นรึ?
ทุกคนที่ขยิบตา,ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน.
จุนซ่างเซียวเอ่ยออกไปอีกว่า,”ผู้นำฉิน,เมื่อกี้นี้แค่คำเตือน,หากรู้สึกว่าสำนักไท่กู่เจิ้งของข้าถูกรังแก,เปิ่นจั้วก็ไม่สนใจที่จะให้ศิษย์ของตัวเองปล่อยอาวุธลับออกมาอีกครั้ง.”
สามบรรพชนยุทธ์นิกายเซิ่งชวน,และฉินเห่าหรานอีกหนึ่งคนที่อยู่ในระดับบรรพชนยุทธ์.
ภายใต้สายตาของทุกคนมากมาย,กับกล้าให้เซียวจุ้ยจื่อยิงขู่เตือน,นับเป็นความอหังการเป็นอย่างมาก.
เซี่ยกวนครุ่นลอบคิดในใจ,”เจ้าสำนักจุน,นับเป็นยอดฝีมือจริง
ๆ!”
กับการขู่เตือนฉินเห่าหราน,ใบหน้าของเขาที่กลายเป็นอัปลักษณ์,ครุ่นคิดครู่หนึ่ง,ก่อนที่จะถอยกลับคืน.
ริ้วแสงและเสียงดังสนั่นเมื่อกี้,ทำให้ภายในใจของทุกคนรู้สึกหวั่นไหว.
ด้วยแกนผลึกระดับต่ำที่ใช้เป็นกระสุนเวลานี้,ยากจะสังหารบรรพชนยุทธ์ได้,ทว่าก็บอกได้ว่ามันทรงพลังและรวดเร็วพอจะทำให้บาดเจ็บได้.
กับความเร็วที่พวกเขาแทบไม่สามารถมองตามได้ทัน,ไม่ต้องบอกเลยว่ายากจะหลบพ้น.
ผู้นำฉินที่รู้สึกกลัวเล็กน้อย,จะให้ศิษย์ยิงอาวุธลับอีกครั้งงั้นรึ?
หนำซ้ำ,นี่เป็นเรื่องของสำนักไท่กู่เจิ้งกับนิกายเซิ่งซวน,ทำไมเขาต้องเปลี่ยนจากแขกเป็นเจ้าบ้านด้วยล่ะ.
ดูเหมือนว่าคำว่าสุนัข,เขาต้องกลืนลงคอไปอีกครั้งแล้ว.
สำนักไท่กู่เจิ้ง,และพันธมิตรร้อยสำนักแยกตัวกันครั้งนั้น,ก็นับว่าเขาเสียหน้าไปครั้งหนึ่งแล้ว.
......
เซียวจุ้ยจื่อที่ยิงขู่เตือน,ทำให้ผู้นำฉินและเจ้าสำนักคนอื่น
ๆแม้แต่ศิษย์นิกายเซิ่งชวนต้องระแวงขึ้นมา.
ถึงแม้นว่าพวกเขาจะนำกระบี่ออกมาปัดป้อง,แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถต้านอาวุธลับ
30,000 กว่าแบบของศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งได้.
“ชิ.”
อาวุโสนิกายเซิ่งชวนกล่าวออกมาเล็กน้อย,”เจ้าสำนักจุนดูเหมือนว่าจะโอหังเกินไปแล้ว,ซือโหมวต้องการขอคำชี้แนะ,มีความเห็นว่าอย่างไร.”
การที่เขาลงเขามาครั้งนี้เป้าหมายก็คือฉีกหน้าสร้างความอับอายให้กับสำนักไท่กู่เจิ้ง,ให้ทุกคนได้รู้,ว่าถึงจะเป็นศิษย์ที่ไล่ออกไปแล้วก็ไม่สามารถหาเรื่องได้.
ตอนนี้นะรึ?
ศิษย์ทีเขาส่งออกไป,ถูกศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งอัดซะยับเยิน!
แผนการที่วางไว้ผิดพลาดไปหมดแล้ว,แน่นอนเขาไม่สามารถยอมรับได้,ดังนั้นจึงไม่ลังเลเลยที่จะท้าจุนซ่างเซียวประลองเพื่อรักษาหน้าเอาไว้.
ฉินเห่าหรานและคนอื่น ๆที่แค่นเสียงเหยียดหยัน.
อาวุโสซือ ระดับบรรพชนยุทธ์ไม่ลังเลที่จะท้าประลอง,หากชายคนนี้รับการท้าประลอง,แน่นอนว่าจะต้องกลายเป็นหมาถูกยำแน่
“สามารถปฏิเสธได้รึไม่?”จุนซ่างเซียวที่สีจมูกไปมา.
ที่จริงเขาไม่ได้หวาดกลัวแม้แต่น้อย,ด้วยยันต์เพิ่มพลังและดาบหานโชว,ไม่มีทางที่เขาจะแพ้,แต่กระนั้นถึงชนะก็ไม่เห็นจะได้เงินหรือประโยชน์อันใดที่จะลงทุนเลย.
เจ้าสำนักระดับหกที่กล่าวหยัน,”เจ้าเป็นผู้ปกครองสำนัก,กับอาวุโสของสำนัก,หากปฏิเสธ,คนทั้งยุทธภพคงจะหัวเราะเยาะ.”
“โอ้ว.”
จุนซ่างเซียวกล่าวออกมาเล็กน้อย.
มารดาแกเถอะ!
มาสิว่ะ! ภารกิจสนับสนุน,นี่จะให้ข้าต่อสู้โดยไม่ได้อะไรเลยรึไง!
น่าเสียดายที่ไม่มีเสียง.....
อาวุโสสามเอ่ยออกมาเล็กน้อย,”เจ้าสำนักจุน,กล้ารับคำประลองหรือไม่?”
จากนั้นเขาที่ส่งสายตาเหยียดหยันออกมา.
นี่คิดว่าข้าไม่กล้ายอมรับการประลองงั้นรึ?
เขาที่กล่าวออกมาในใจ,”เขามีพลังบ่มเพาะระดับใด,ความแข็งแกร่งเท่าไหร่.”
ระบบตอบ,”บรรพชนยุทธ์ขั้นที่หนึ่ง,ความแข็งแกร่งไม่สามารถประเมินได้แม่นยำนัก,ทว่าอย่างน้อยก็
200,000 จิน.”
สองแสนจิน? น้อยกว่าหรือสูงกว่า?
สูงกว่า!
“ตอนนี้ข้ามีความแข็งแกร่ง 25,000 จิน
แม้จะเพิ่มพลังห้าเท่า,ก็เพียงแค่สองแสน,ก็ยังด้อยกว่าอีกฝ่าย.”
ระบบที่สาดน้ำเย็นใส่อีก,”โฮสน์ไม่เพียงแต่มีความแข็งแกร่งแตกต่างกัน,พลังบ่มเพาะก็ต่างกันมาก,หากว่ายอมรับการประลอง,มีโอกาสชนะศูนย์เปอร์เซ็นเท่านั้น.”
เพียงระดับศิษย์ยุทธ์มีความแข็งแกร่งต่างกันไม่มาก,แต่การจะเกินไปถึงสองดินแดนเช่นนี้,ก็ไม่ต่างจากแส่หาความตาย.
มารดามันเถอะ,เริ่มสงสัยแล้วสิ อ๊าก.
หากใช้ยันต์เปิดผนึก,ใช้ดาบหนานโจวจะชนะหรือไม่?
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
ในเวลานั้น,เสียงหัวเราะที่ดังสนั่นก็ดังขึ้น,สายตาของทุกคนที่มองไปเป็นสายตาเดียวกัน,อาวุโสของนิกายเขาซ่างเซียวและศิษย์อีกหลายคนที่กำลังเดินเข้ามา,พร้อมกับกล่าวออกไปว่า,”อาวุโสซือระดับบรรพชนยุทธ์,กับกล้าท้าท้ายสหายน้อยที่มีระดับศิษย์ยุทธ์,ดูจะเกินไปหน่อยมั้ง.”
ใบหน้าของอาวุโสซือที่กลายเป็นมืดครึ้ม,”หม่าหยุนเถิง!”
ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น