วันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

Strongest Sect of All Times Chapter 112 Ironbone Unyielding School, a iron bone

Strongest Sect of All Times  Chapter 112 Ironbone Unyielding School, a iron bone

 นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล

Chapter 112 Ironbone Unyielding School, a iron bone

铁骨铮铮派,一身铁骨

 

สามคนที่นั่งอยู่แผ่กลิ่นอายออกไปรอบ ๆ,ความน่าเกรงขามที่ทำให้ทุกคนรู้สึกกดดัน.

พวกเขาก็คือาวุโสสาม,อาวุโสสี่และอาวุโสห้าของนิกายเซิ่งชวน,ที่มีพลังบ่มเพาะระดับบรรพชนยุทธ์


ครั้งนี้,ถึงกับส่งสามอาวุโสระดับบรรพชนยุทธ์สามคนออกมา,ราวกับต้องการบอกทั้งโลกให้รับรู้,สำนักหลิงชวนที่เกี่ยวพันธ์กับนิกายเซิ่งชวน,ไม่ใช่ใครจะสามารถทำลายได้.

ที่ด้านหลังของพวกเขาทั้งสามมีกลุ่มคนในชุดสีน้ำเงินยืนอยู่,พวกเขาก็คือศิษย์ของนิกายเซิ่งชวน.

ที่ฝั่งด้านซ้ายของลานยุทธ์มีชาวยุทธ์มากมาย,และยังมีเจ้าเมืองชิงหยางเซี่ยกวนคุนด้วย,และยังมีผู้นำพันธมิตรฉิน,ตลอดจนเหล่าเจ้าสำนักระดับหกของมนทลชิงหยางอีกหลายคน.

ทุกคนที่ยืนล้อมเป็นวงเป็นจำนวนมากซึ่งมีค่ายกลต่อสู้ขนาดใหญ่ล้อมอยู่.

ไม่สงสัยเลยว่าเจ้าสำนักพยัคฆ์คำรามที่ไม่มีที่ยืน,ต้องออกไปยืนด้านนอก.

เซี่ยกวนคุนที่ลอบคิดในใจ,”เจ้าสำนักจุน,ครั้งนี้นิกายเซิ่งชวนส่งสามอาวุโสมา,ดูเหมือนว่า,เซี่ยโหมวเองก็ยากจะช่วยอะไรได้.”

นิกายระดับห้า,นับเป็นกลุ่มอิทธิพลยักษ์ใหญ่.

แม้นเขาจะเป็นเจ้าเมืองชิงหยาง,แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย.

ฉินเห่าหรานและเจ้าสำนักระดับหก,แววตาของพวกเขาที่เหยียดหยันจ้องมองจุนซ่างเซียวที่เดินเข้ามา.

เจ้าเด็กคนนี้,ต่อหน้ายักษ์ใหญ่,จะยังยโสโอหังเหมือนกับอยู่ที่ตึกจันทร์ดาราอีกใหม?

จุนซางเซียวที่มาหยุดด้านนอกลานยุทธ์,ที่ด้านหน้าธวัชศิลาสีดำ,เพราะว่ามีพลังวิญญาณสร้างค่ายกลที่นิกายเซิ่งชวนสร้างขึ้นก่อตัวปกคลุมสร้างลามประลองขึ้นมา.

อาวุโสสามที่นั่งตรงกลาง,เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย,”เจ้านะรึเจ้าสำนักไท่กู่เจิ้ง?”

ดวงตาที่แหลมคม,เสียงดังสนั่นกังวาน!

กลิ่นอายที่เปี่ยมได้พลังวิญญาณแผ่ออกไปทั่วสารทิศ!

จุนซ่างเซียวที่ยืนมือขัดหลัง,ใบหน้าที่ยังคงสุขุมไร้ซึ่งความกังวลเอ่ยออกไปว่า,”ไม่ผิด.”

เหล่าศิษย์ที่ตามมา,ยกเว้นลู่เชียนเชีนที่ไร้ซึ่งอารมณ์,ใบหน้าของคนอื่น ๆต่างก็ยืดไร้ซึ่งความหวาดกลัวแม้แต่น้อย.

สิ่งนี้คือเป้าหมายของสำนักไท่กู่เจิ้งรึ?

คนของสำนักไท่กู่เจิ้งไร้ซึ่งความหวาดกลัว.

แม้นว่าจะอยู่ต่อหน้าสามบรรพชนยุทธ์,กลิ่นอายที่เต็มไปด้วยการสะกดข่ม,หากแต่พวกเขาที่กระดูกเหล็ก,ยอมหักไม่ยอมงอ!

เซี่ยกวนคุนที่แอบชื่นชมในใจ,”สำนักไท่กู่เจิ้ง,สมกับกระดูกเหล็กของแท้!

 

จุนซ่างเซียว,ต่อหน้าบรรพชนยุทธ์สามคน,เข้าใจดีถึงหลักการว่าทำไมเจ้าสำนักรุนแรงถึงได้ตั้งชื่อสำนักว่าไท่กู่เจิ้ง(เพชรกระดูกเหล็ก)

ในเวลานั้น,เขาที่ถูกจับเพราะไปเที่ยวหอนางโลกหนีออกจากคุกก่อนที่เจ้าสำนักหวังจะถูกกุดหัว,แม้นว่าจะตกตายไปแล้ว,ทว่าแขนทั้งสองข้างของเขาก็ยังคงยกขึ้น,ยังคงสุขุมไร้ซึ่งความหวาดกลัวต่ออันตราย.

“ชิ.”

ผู้นำฉินที่แค่นเสียง,ลอบคิดในใจ,”จงใจสุขุมอย่างงั้นรึ?”

ความคิดของเขาย่อมแตกต่างจากเซี่ยกวนคุน,เขาที่คิดว่าจุนซ่างเซียวและศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง,แสร้งทำว่าแข็งแกร่ง,เพื่อปกปิดความหวาดกลัวในใจ.

แกล้งทำอย่างงั้นรึ?

ไม่มีทาง.

หากว่าหวาดกลัว,จุนซ่างเซียวจะนำศิษย์ของตัวเองก้าวเข้ามาและตอบรับการท้ารบได้อย่างไร.

 

อาวุโสสามนิกายเซิ่งซวนที่ยกมือวางบนพนักพิง,แผ่พุ่งพลังสร้างแรกกดดันออกมา,กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม,”สำนักหลิงชวนเจ้าเป็นคนทำลายอย่างงั้นรึ?”

 

พลังวิญญาณที่มากล้นกระจายออกไปเป็นระลอก.

 

หากเป็นคนทั่วไป,กลิ่นอายที่หนาแน่น,หนักหน่วง คงคุกเข่ากองราบไปกับพื้นไปแล้ว.

 

จุนซ่างเซียวที่แลดูครุ่นคิดก่อนจะกล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล,”ไม่ต้องพูดอะไรไร้สาระ,พูดจาพิรี้พิไรอยู่ได้,ต้องการจะประลองไม่ใช่รึ?”

 

อวดเบ่งแผ่กลิ่นอายสะกดข่มไม่หยุด.

 มีความสามารถก็,สังหารข้าสิ!

อาวุโสสามไม่สามารถสังหารเขาได้,กล่าวตามตรง,ด้วยสถานะของพวกเขาหากว่าสังหารจุนซ่างเซียวโดยการลงมือด้วยตัวเอง,เรื่องนี้กระจายออกไป,ไม่สร้างอับอายขายหน้าให้กับสำนักอื่นหรอกรึ?

 

จุนซ่างเซียวทีรู้ถึงจุดนี้ดี,ดังนั้นจึงมั่นใจว่าตัวเองนั้นปลอดภัย.

 

คิดจะอวดเบ่งแผ่กลิ่นอายสะกดคมราวกับเห็นเขาเป็นคนที่ตายแล้ว.

 

ระบบเอ่ย,”หากเป็นระดับราชันย์ยุทธ์,เพียงแค่ขยิบตา,ก็สามารถทำให้โฮสน์สลายกลายเป็นความว่างเปล่าแล้ว.

”......”

มุมปากของจุนซ่างเซียวถึงกับกระตุก.

หากราชันย์ยุทธ์ที่เป็นผู้หญิง,เห็นความหล่อเหลาของเขา เผลอขยิบตาให้,เขาไม่ต้องตายกลายเป็นผีเลยรึ?

ไม่ต้องพูดอะไรไร้สาระอย่างงั้นรึ?

เซี่ยกวนคุนถึงกับกุมใบหน้า,แทบล้มทั้งยืน,”เจ้าหนูนี้ช่างหาญพูดจาเช่นนี้.”

ผู้นำฉินและเจ้าสำนักคนอื่น ๆที่เผยท่าทางดีใจมากขึ้นเรื่อย ๆ.

ใช่แล้ว,ถูกแล้ว,โอหังให้มากกว่านี้,จะได้ตายไป ชิบหายให้มากกว่านี้.

“ฮึ ฮึ.”

อาวุโสห้าด้านขวาที่หัวเราะ,”เจ้าสำนักระดับเก้า,ทว่ากับโอหังมาก,ไม่แปลกใจเลยว่ากล้าสังหารศิษย์นอกประตูของนิกายเซิ่งชวน.

ศิษย์นอกประตู,ทำให้เซี่ยกวนคุนเข้าใจในทันที,นิกายเซิ่งชวนต้องการใช้โอกาสนี้,บอกให้ทั้งโลกได้รู้ว่า,ทำลายสำนักหลิงชวนได้,นั่นก็หมายความว่าได้สังหารศิษย์ของเขาไปด้วย.

จบแล้ว,สำนักไท่กู่เจิ้ง,สำนักอื่น ๆเองก็คิดเหมือน ๆกัน.

จุนซ่างเซียวที่แสดงท่าทางประหลาดใจ,กล่าวออกมาว่า,”ศิษย์นอกประตูที่ท่านหมายถึง ก็คือเจ้าสำนักและอาวุโสสำนักหลิงชวนงั้นรึ?”

“ไม่ผิด.”อาวุโสห้ากล่าว.

“ฮึ ฮึ ฮึ ฮึ.”

จุนซ่างเซียวกล่าว,”เปิ่นจั้วได้ยินมาว่านิกายเซิ่งซวนในยุทธ์ภพนั้นเป็นนิกายฝ่ายธรรมะ,แค่คิดไม่ถึงเหว่ยอี้ซี่ที่สบคบกับโจรภูเขา,จ้างวานมือสังหารใช้งานอย่างเปิดเผย,ไม่คาดคิดเลยว่าจะเป็นศิษย์ที่ทรงเกียรติของท่าน,ว้าว น่าแปลกใจซะจริง.”

ใบหน้าของสามอาวุโสกลายเป็นมืดครึ้มขึ้นมาในทันที.

“แน่นอน.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย,”หากนิกายเซิ่งชวนคิดว่าจุนโหมวกล่าวหาล่ะก็,ข้าจะนำจดหมายที่เหว่ยอี้ซีและโจรภูเขาโจวเทียนป้าสบคบคิดกัน,ออกมาให้ดูเป็นหลักฐาน.”

ทั้งสามที่กลายเป็นเงียบไปในทันที.

อาวุโสสี่ที่เงียบมาตั้งแต่ต้น,เอ่ยออกมาเล็กน้อย,”สี่พี่น้องเหว่ยอี้ซี่,ครั้งหนึ่งเคยเป็นศิษย์นอกประตู,ตอนนี้เขาได้ถูกไล่ออกมาหลายปีแล้ว,เขาและโจรภูเขาสมคบคิดกันอย่างไร,เป็นเรื่องของพวกเขา,ไม่มีส่วนเกี่ยวของกับนิกายเซิ่งชวนของข้า.”

โอ้ว นิกายระดับห้านี้ช่างหน้าบางกันซะจริง.

 

จุนซ่างเซียวกล่าวยกมือประสานไปด้านหน้า,”พบว่าศิษย์นอกประตูทำเรื่องชั่วร้ายมาก่อน,ก็ไล่ออกทันที,นิกายเซิ่งชวนควรคู่แล้วที่จะเป็นสำนักธรรมะที่มีเชื่อเสียง,จุนโหมวชื่นชม,ชื่นชม!

”......”

ทุกคนถึงกับมุมปากกระตุก.

เซี่ยกวนคุนถึงกับกล่าวในใจ,”เจ้าเด็กคนนี้ปากคอร้ายกาจยิ่งนัก,ไม่สงสัยเลยว่าสามารถพูดถึงกับให้ซือถูหวังต้องพ่นโลหิตออกมา.”

 

ตอนนี้สถานการณ์ที่ราวกับเปลี่ยนไปทันที,เมื่อเหว่ยอี้ซีถูกไล่ออกแล้ว,นิกายเซิ่งชวนคงไม่สามารถเอาเรื่องส่วนตัวมาใช้เพื่อหาเรื่อง บอกกล่าวว่าเป็นจัดการด้วยปัญหาส่วนตัวอีก.

“เจ้าสำนักจุน.”

อาวุโสสามเอ่ยออกมาอย่างนุ่มนวล,”นี่เป็นการประกาศรบเชื่อมสัมพันธ์,ศิษย์สายในนิกายเซิ่งชวนของข้า,โม่ซ่างเฟย,ต้องการพบกับเจ้า,หรือศิษย์ของสำนักไท่กู่เจิ้ง.”

จุนซ่างเซียวยักไหล่กล่าวออกไปว่า,”เปิ่นจั้วเป็นผู้ปกครองสำนัก,หากชนะศิษย์ก็คงจะเป็นเรื่องที่น่าละอาย,ดั้งนั้นข้าจะให้ศิษย์ของข้าออกไปต่อสู้จะได้เหมาะสมที่สุด.”

ฉินเห่าหรานที่รู้สึกเหยียดหยันท่าทางของอีกฝ่ายมาก.

ดูเหมือนว่า,จะมั่นใจมากมายว่าจะชนะจริง ๆ.

อาวุโสทั้งสามของนิกายเซิ่งชวนที่จ้องมองกันและกัน,คล้ายกับว่าเข้าใจอะไรบางอย่างได้.

อาวุโสสามเอ่ย,”ในเมื่อเป็นเช่นนี้,ศิษย์ของสำนักพวกเรา,ต้องการขอคำชี้แนะกับศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง.”

“ซ่างเฟย.”

โบกมือ,กล่าวออกไปว่า,”ออกไปต่อสู้.

“ครับ!

ศิษย์ที่มีนามว่า โม่ซ่างเฟยที่ก้าวเดินออกไป.

คนผู้นี้ดูสูงและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ,แม้แต่ล้นออกมานอกเสื้อผ้า,ดูมีพลังมากกว่าปรกติมาก.

จุนซ่างเซียวที่ลอบคิดในใจ,”พลังบ่มเพาะเท่าไหร่?”

ระบบกล่าว,”ศิษย์ยุทธ์ขั้นที่แปด,พลังกล้ามเนื้ออย่างเดียวอยู่ที่ 17,000 จิน.”

“สูงขนาดนั้นเลยรึ?”

จุนซ่างเซียวขมวดคิ้ว.

ก่อนหน้านี้เจ้าสำนักดาบใหญ่,ระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นเก้า,ยังมีพลังอยู่ที่ 14,000 จิน,นี่ศิษย์นิกายเซิ่งชวนมีระดับต่ำกว่าขั้นหนึ่ง,แต่แตกต่างกันถึงสามพันจิน,อธิบายได้ว่าเขามีพรสวรรค์ที่สูงกว่ามาก!

“ชิงหยาง.”

เขากล่าวเสียงเบา,”ฝ่ายตรงข้ามไม่อ่อนแอ,ระวังด้วย.”

“ครับ.”

หลี่ชิงหยางที่ก้าวออกไปที่กลางลานยุทธ์,ห่างออกจากโม่ซ่างเฟยเมตรหนึ่ง,ยกมือประสานเอ่ยออกมาว่า,”สำนักไท่กู่เจิ้ง,หลี่ชิงหยาง.”

อาวุโสห้านิกายเซิ่งซานที่ได้ยินเอ่ยออกมาเล็กน้อย,”นี่คือศิษย์ของเจ้าสำนักจุนรึ?,ศิษย์ของข้ามีระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นแปด,กับส่งระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นสี่ออกมา,ไม่เป็นการจงใจส่งเขาออกมาให้ถูกรังแกหรอกรึ?”


ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times

#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
Author(s)
Goodbye Jianghu


เข้ากลุ่มลับ VIP ====> Click


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น