Strongest Sect of All Times Chapter 112 Ironbone Unyielding School, a iron bone
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 112 Ironbone Unyielding School, a
iron bone
铁骨铮铮派,一身铁骨
สามคนที่นั่งอยู่แผ่กลิ่นอายออกไปรอบ
ๆ,ความน่าเกรงขามที่ทำให้ทุกคนรู้สึกกดดัน.
พวกเขาก็คือาวุโสสาม,อาวุโสสี่และอาวุโสห้าของนิกายเซิ่งชวน,ที่มีพลังบ่มเพาะระดับบรรพชนยุทธ์
ครั้งนี้,ถึงกับส่งสามอาวุโสระดับบรรพชนยุทธ์สามคนออกมา,ราวกับต้องการบอกทั้งโลกให้รับรู้,สำนักหลิงชวนที่เกี่ยวพันธ์กับนิกายเซิ่งชวน,ไม่ใช่ใครจะสามารถทำลายได้.
ที่ด้านหลังของพวกเขาทั้งสามมีกลุ่มคนในชุดสีน้ำเงินยืนอยู่,พวกเขาก็คือศิษย์ของนิกายเซิ่งชวน.
ที่ฝั่งด้านซ้ายของลานยุทธ์มีชาวยุทธ์มากมาย,และยังมีเจ้าเมืองชิงหยางเซี่ยกวนคุนด้วย,และยังมีผู้นำพันธมิตรฉิน,ตลอดจนเหล่าเจ้าสำนักระดับหกของมนทลชิงหยางอีกหลายคน.
ทุกคนที่ยืนล้อมเป็นวงเป็นจำนวนมากซึ่งมีค่ายกลต่อสู้ขนาดใหญ่ล้อมอยู่.
ไม่สงสัยเลยว่าเจ้าสำนักพยัคฆ์คำรามที่ไม่มีที่ยืน,ต้องออกไปยืนด้านนอก.
เซี่ยกวนคุนที่ลอบคิดในใจ,”เจ้าสำนักจุน,ครั้งนี้นิกายเซิ่งชวนส่งสามอาวุโสมา,ดูเหมือนว่า,เซี่ยโหมวเองก็ยากจะช่วยอะไรได้.”
นิกายระดับห้า,นับเป็นกลุ่มอิทธิพลยักษ์ใหญ่.
แม้นเขาจะเป็นเจ้าเมืองชิงหยาง,แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย.
ฉินเห่าหรานและเจ้าสำนักระดับหก,แววตาของพวกเขาที่เหยียดหยันจ้องมองจุนซ่างเซียวที่เดินเข้ามา.
เจ้าเด็กคนนี้,ต่อหน้ายักษ์ใหญ่,จะยังยโสโอหังเหมือนกับอยู่ที่ตึกจันทร์ดาราอีกใหม?
จุนซางเซียวที่มาหยุดด้านนอกลานยุทธ์,ที่ด้านหน้าธวัชศิลาสีดำ,เพราะว่ามีพลังวิญญาณสร้างค่ายกลที่นิกายเซิ่งชวนสร้างขึ้นก่อตัวปกคลุมสร้างลามประลองขึ้นมา.
อาวุโสสามที่นั่งตรงกลาง,เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย,”เจ้านะรึเจ้าสำนักไท่กู่เจิ้ง?”
ดวงตาที่แหลมคม,เสียงดังสนั่นกังวาน!
กลิ่นอายที่เปี่ยมได้พลังวิญญาณแผ่ออกไปทั่วสารทิศ!
จุนซ่างเซียวที่ยืนมือขัดหลัง,ใบหน้าที่ยังคงสุขุมไร้ซึ่งความกังวลเอ่ยออกไปว่า,”ไม่ผิด.”
เหล่าศิษย์ที่ตามมา,ยกเว้นลู่เชียนเชีนที่ไร้ซึ่งอารมณ์,ใบหน้าของคนอื่น
ๆต่างก็ยืดไร้ซึ่งความหวาดกลัวแม้แต่น้อย.
สิ่งนี้คือเป้าหมายของสำนักไท่กู่เจิ้งรึ?
คนของสำนักไท่กู่เจิ้งไร้ซึ่งความหวาดกลัว.
แม้นว่าจะอยู่ต่อหน้าสามบรรพชนยุทธ์,กลิ่นอายที่เต็มไปด้วยการสะกดข่ม,หากแต่พวกเขาที่กระดูกเหล็ก,ยอมหักไม่ยอมงอ!
เซี่ยกวนคุนที่แอบชื่นชมในใจ,”สำนักไท่กู่เจิ้ง,สมกับกระดูกเหล็กของแท้!”
จุนซ่างเซียว,ต่อหน้าบรรพชนยุทธ์สามคน,เข้าใจดีถึงหลักการว่าทำไมเจ้าสำนักรุนแรงถึงได้ตั้งชื่อสำนักว่าไท่กู่เจิ้ง(เพชรกระดูกเหล็ก)
ในเวลานั้น,เขาที่ถูกจับเพราะไปเที่ยวหอนางโลกหนีออกจากคุกก่อนที่เจ้าสำนักหวังจะถูกกุดหัว,แม้นว่าจะตกตายไปแล้ว,ทว่าแขนทั้งสองข้างของเขาก็ยังคงยกขึ้น,ยังคงสุขุมไร้ซึ่งความหวาดกลัวต่ออันตราย.
“ชิ.”
ผู้นำฉินที่แค่นเสียง,ลอบคิดในใจ,”จงใจสุขุมอย่างงั้นรึ?”
ความคิดของเขาย่อมแตกต่างจากเซี่ยกวนคุน,เขาที่คิดว่าจุนซ่างเซียวและศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง,แสร้งทำว่าแข็งแกร่ง,เพื่อปกปิดความหวาดกลัวในใจ.
แกล้งทำอย่างงั้นรึ?
ไม่มีทาง.
หากว่าหวาดกลัว,จุนซ่างเซียวจะนำศิษย์ของตัวเองก้าวเข้ามาและตอบรับการท้ารบได้อย่างไร.
อาวุโสสามนิกายเซิ่งซวนที่ยกมือวางบนพนักพิง,แผ่พุ่งพลังสร้างแรกกดดันออกมา,กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม,”สำนักหลิงชวนเจ้าเป็นคนทำลายอย่างงั้นรึ?”
พลังวิญญาณที่มากล้นกระจายออกไปเป็นระลอก.
หากเป็นคนทั่วไป,กลิ่นอายที่หนาแน่น,หนักหน่วง คงคุกเข่ากองราบไปกับพื้นไปแล้ว.
จุนซ่างเซียวที่แลดูครุ่นคิดก่อนจะกล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล,”ไม่ต้องพูดอะไรไร้สาระ,พูดจาพิรี้พิไรอยู่ได้,ต้องการจะประลองไม่ใช่รึ?”
อวดเบ่งแผ่กลิ่นอายสะกดข่มไม่หยุด.
มีความสามารถก็,สังหารข้าสิ!
อาวุโสสามไม่สามารถสังหารเขาได้,กล่าวตามตรง,ด้วยสถานะของพวกเขาหากว่าสังหารจุนซ่างเซียวโดยการลงมือด้วยตัวเอง,เรื่องนี้กระจายออกไป,ไม่สร้างอับอายขายหน้าให้กับสำนักอื่นหรอกรึ?
จุนซ่างเซียวทีรู้ถึงจุดนี้ดี,ดังนั้นจึงมั่นใจว่าตัวเองนั้นปลอดภัย.
คิดจะอวดเบ่งแผ่กลิ่นอายสะกดคมราวกับเห็นเขาเป็นคนที่ตายแล้ว.
ระบบเอ่ย,”หากเป็นระดับราชันย์ยุทธ์,เพียงแค่ขยิบตา,ก็สามารถทำให้โฮสน์สลายกลายเป็นความว่างเปล่าแล้ว.
”......”
มุมปากของจุนซ่างเซียวถึงกับกระตุก.
หากราชันย์ยุทธ์ที่เป็นผู้หญิง,เห็นความหล่อเหลาของเขา
เผลอขยิบตาให้,เขาไม่ต้องตายกลายเป็นผีเลยรึ?
ไม่ต้องพูดอะไรไร้สาระอย่างงั้นรึ?
เซี่ยกวนคุนถึงกับกุมใบหน้า,แทบล้มทั้งยืน,”เจ้าหนูนี้ช่างหาญพูดจาเช่นนี้.”
ผู้นำฉินและเจ้าสำนักคนอื่น
ๆที่เผยท่าทางดีใจมากขึ้นเรื่อย ๆ.
ใช่แล้ว,ถูกแล้ว,โอหังให้มากกว่านี้,จะได้ตายไป ชิบหายให้มากกว่านี้.
“ฮึ ฮึ.”
อาวุโสห้าด้านขวาที่หัวเราะ,”เจ้าสำนักระดับเก้า,ทว่ากับโอหังมาก,ไม่แปลกใจเลยว่ากล้าสังหารศิษย์นอกประตูของนิกายเซิ่งชวน.
ศิษย์นอกประตู,ทำให้เซี่ยกวนคุนเข้าใจในทันที,นิกายเซิ่งชวนต้องการใช้โอกาสนี้,บอกให้ทั้งโลกได้รู้ว่า,ทำลายสำนักหลิงชวนได้,นั่นก็หมายความว่าได้สังหารศิษย์ของเขาไปด้วย.
จบแล้ว,สำนักไท่กู่เจิ้ง,สำนักอื่น
ๆเองก็คิดเหมือน ๆกัน.
จุนซ่างเซียวที่แสดงท่าทางประหลาดใจ,กล่าวออกมาว่า,”ศิษย์นอกประตูที่ท่านหมายถึง
ก็คือเจ้าสำนักและอาวุโสสำนักหลิงชวนงั้นรึ?”
“ไม่ผิด.”อาวุโสห้ากล่าว.
“ฮึ ฮึ ฮึ ฮึ.”
จุนซ่างเซียวกล่าว,”เปิ่นจั้วได้ยินมาว่านิกายเซิ่งซวนในยุทธ์ภพนั้นเป็นนิกายฝ่ายธรรมะ,แค่คิดไม่ถึงเหว่ยอี้ซี่ที่สบคบกับโจรภูเขา,จ้างวานมือสังหารใช้งานอย่างเปิดเผย,ไม่คาดคิดเลยว่าจะเป็นศิษย์ที่ทรงเกียรติของท่าน,ว้าว
น่าแปลกใจซะจริง.”
ใบหน้าของสามอาวุโสกลายเป็นมืดครึ้มขึ้นมาในทันที.
“แน่นอน.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”หากนิกายเซิ่งชวนคิดว่าจุนโหมวกล่าวหาล่ะก็,ข้าจะนำจดหมายที่เหว่ยอี้ซีและโจรภูเขาโจวเทียนป้าสบคบคิดกัน,ออกมาให้ดูเป็นหลักฐาน.”
ทั้งสามที่กลายเป็นเงียบไปในทันที.
อาวุโสสี่ที่เงียบมาตั้งแต่ต้น,เอ่ยออกมาเล็กน้อย,”สี่พี่น้องเหว่ยอี้ซี่,ครั้งหนึ่งเคยเป็นศิษย์นอกประตู,ตอนนี้เขาได้ถูกไล่ออกมาหลายปีแล้ว,เขาและโจรภูเขาสมคบคิดกันอย่างไร,เป็นเรื่องของพวกเขา,ไม่มีส่วนเกี่ยวของกับนิกายเซิ่งชวนของข้า.”
โอ้ว นิกายระดับห้านี้ช่างหน้าบางกันซะจริง.
จุนซ่างเซียวกล่าวยกมือประสานไปด้านหน้า,”พบว่าศิษย์นอกประตูทำเรื่องชั่วร้ายมาก่อน,ก็ไล่ออกทันที,นิกายเซิ่งชวนควรคู่แล้วที่จะเป็นสำนักธรรมะที่มีเชื่อเสียง,จุนโหมวชื่นชม,ชื่นชม!”
”......”
ทุกคนถึงกับมุมปากกระตุก.
เซี่ยกวนคุนถึงกับกล่าวในใจ,”เจ้าเด็กคนนี้ปากคอร้ายกาจยิ่งนัก,ไม่สงสัยเลยว่าสามารถพูดถึงกับให้ซือถูหวังต้องพ่นโลหิตออกมา.”
ตอนนี้สถานการณ์ที่ราวกับเปลี่ยนไปทันที,เมื่อเหว่ยอี้ซีถูกไล่ออกแล้ว,นิกายเซิ่งชวนคงไม่สามารถเอาเรื่องส่วนตัวมาใช้เพื่อหาเรื่อง
บอกกล่าวว่าเป็นจัดการด้วยปัญหาส่วนตัวอีก.
“เจ้าสำนักจุน.”
อาวุโสสามเอ่ยออกมาอย่างนุ่มนวล,”นี่เป็นการประกาศรบเชื่อมสัมพันธ์,ศิษย์สายในนิกายเซิ่งชวนของข้า,โม่ซ่างเฟย,ต้องการพบกับเจ้า,หรือศิษย์ของสำนักไท่กู่เจิ้ง.”
จุนซ่างเซียวยักไหล่กล่าวออกไปว่า,”เปิ่นจั้วเป็นผู้ปกครองสำนัก,หากชนะศิษย์ก็คงจะเป็นเรื่องที่น่าละอาย,ดั้งนั้นข้าจะให้ศิษย์ของข้าออกไปต่อสู้จะได้เหมาะสมที่สุด.”
ฉินเห่าหรานที่รู้สึกเหยียดหยันท่าทางของอีกฝ่ายมาก.
ดูเหมือนว่า,จะมั่นใจมากมายว่าจะชนะจริง ๆ.
อาวุโสทั้งสามของนิกายเซิ่งชวนที่จ้องมองกันและกัน,คล้ายกับว่าเข้าใจอะไรบางอย่างได้.
อาวุโสสามเอ่ย,”ในเมื่อเป็นเช่นนี้,ศิษย์ของสำนักพวกเรา,ต้องการขอคำชี้แนะกับศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง.”
“ซ่างเฟย.”
โบกมือ,กล่าวออกไปว่า,”ออกไปต่อสู้.
“ครับ!”
ศิษย์ที่มีนามว่า โม่ซ่างเฟยที่ก้าวเดินออกไป.
คนผู้นี้ดูสูงและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ,แม้แต่ล้นออกมานอกเสื้อผ้า,ดูมีพลังมากกว่าปรกติมาก.
จุนซ่างเซียวที่ลอบคิดในใจ,”พลังบ่มเพาะเท่าไหร่?”
ระบบกล่าว,”ศิษย์ยุทธ์ขั้นที่แปด,พลังกล้ามเนื้ออย่างเดียวอยู่ที่
17,000 จิน.”
“สูงขนาดนั้นเลยรึ?”
จุนซ่างเซียวขมวดคิ้ว.
ก่อนหน้านี้เจ้าสำนักดาบใหญ่,ระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นเก้า,ยังมีพลังอยู่ที่
14,000
จิน,นี่ศิษย์นิกายเซิ่งชวนมีระดับต่ำกว่าขั้นหนึ่ง,แต่แตกต่างกันถึงสามพันจิน,อธิบายได้ว่าเขามีพรสวรรค์ที่สูงกว่ามาก!
“ชิงหยาง.”
เขากล่าวเสียงเบา,”ฝ่ายตรงข้ามไม่อ่อนแอ,ระวังด้วย.”
“ครับ.”
หลี่ชิงหยางที่ก้าวออกไปที่กลางลานยุทธ์,ห่างออกจากโม่ซ่างเฟยเมตรหนึ่ง,ยกมือประสานเอ่ยออกมาว่า,”สำนักไท่กู่เจิ้ง,หลี่ชิงหยาง.”
อาวุโสห้านิกายเซิ่งซานที่ได้ยินเอ่ยออกมาเล็กน้อย,”นี่คือศิษย์ของเจ้าสำนักจุนรึ?,ศิษย์ของข้ามีระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นแปด,กับส่งระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นสี่ออกมา,ไม่เป็นการจงใจส่งเขาออกมาให้ถูกรังแกหรอกรึ?”
ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น