วันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

Strongest Sect of All Times Chapter 111 On again Spirit Spring Mountain( cultivates)

Strongest Sect of All Times  Chapter 111 On again Spirit Spring Mountain( cultivates)

 นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล

Chapter 111 On again Spirit Spring Mountain( cultivates)

再上灵泉山(修)

 

ด้วยเม็ดยาเปิดชีพจรและวิชาบ่มเพาะเปลี่ยนเส้นเอ็นคู่กัน,ทำให้หลิวหว่านซีสามารถเชื่อมเส้นชีพจรเส้นที่ห้าได้โดยง่าย.

หลังจากนั้น,จุนซ่างเซียวที่เรียกเหล่าศิษย์ที่ล้มเหลวในการเปิดชีพจรมารวมกัน.


ซึ่งมีอยู่ราว ๆ 13 คน.

สี่คนเปิดชีพจรขั้นที่สิบ,เก้าคนที่อยู่ในระดับเปิดชีพจรขั้นที่สิบเอ็ด.

หากพวกเขาไม่มีความพยายามเพียงพอ,มีความมุ่งมั่นที่จะเปิดชีพจร,ถึงแม้นว่ามีวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็นที่ช่วยเพิ่มโอกาสเปิดชีพจร,ก็ไม่มีทางทำสำเร็จ,ดังนั้นจึงต้องมีการกระตุ้น.

เขาที่ต้องการให้พวกเขาพยายามให้ไปถึงขั้นที่สิบสองเร็วที่สุด,13 ศิษย์ที่คล้ายว่าจะตำหนิตัวเองจนจิตใจห่อเหี่ยว,รู้สึกระอายกับทรัพยากรที่เจ้าสำนักได้มอบให้.

จุนซ่างเซียวที่เห็นท่าทางของพวกเขา,จึงได้แจกจ่ายยาเปิดชีพจรให้พวกเขาคนละสามเม็ด,พร้อมกับเอ่ยกระตุ้นออกมาว่า,”ล้มเหลวก็แค่เพียงชั่วคราว,ไม่ได้หมายว่าจะล้มเหลวตลอดไป,จงฝึกฝนอย่างไม่ย่อท้อ,แล้วพวกเจ้าจะทำสำเร็จ.”

ระบบเอ่ย,”โฮสน์ดูเหมือนเจ้าสำนักมากขึ้นมากขึ้นแล้ว.”

พูดอะไรอย่างนี้.

ก่อนหน้านี้ข้าไม่เหมือนเจ้าสำนักรึอย่างไร?

ก่อนหน้านี้ร่างกายผอมกระหร่อง,ดูไม่มีเค้าเจ้าสำนักเลย,ตอนนี้เมื่อพลังบ่มเพาะยกระดับขึ้น,ร่างกายแข็งแกร่งมีกล้ามเนื้อ,ดูมีเสน่ห์,แต่ยังขาดการวางท่าของการเป็นเจ้าสำนัก.

ทว่าขาดแล้วอย่างไร.

สิ่งที่ขาด,มันคือท่าทางรูปแบบของยอดฝีมือระดับ!

เรื่องแบบนี้ไม่สามารถฝึกฝนกันได้,เจ้าสำนักจุนต้องมีพลังที่แท้จริง,เจ้าสำนักต้องมีสง่าราศี,ไม่ต้องบอกเลยว่าเมื่อครอบครองแผ่นดินใหญ่แล้ว,อย่างน้อยต้องมีความน่าเกรงขามสูงส่งอย่างกษัตริย์แผ่ออกมา.

ไม่ใช่มีระดับสูงแล้ว,กับไม่มีมาดอะไรเลย.

นับตั้งแต่จุนซ่างเซียวข้ามมิติมายังทวีปซิงเฉิน,เขาที่ต้องการที่จะแข็งแกร่งมาก,ทว่าอย่างน้อยในความฝันของเขาก็ต้องมีหญิงสาวผู้งดงามมากมายมาคอยปรนนิบัติรับใช้.

ระบบที่กล่าวแขวะ,”หมาเดียวดาย(คนโสด),ไปพักผ่อนอาบน้ำนอนเถอะ”

......

洗洗睡 xǐ xǐ shuì แปลว่าไปพักผ่อนอาบน้ำนอนเถอะ
单身狗ตานเชินโก่ว แปลว่า โสด

หลังจากศิษย์ 13 คนได้รับเม็ดยาเปิดชีพจร,เก้าคนที่ตัดผ่านระดับไปยังเปิดชีพจรขั้นที่สิบสองได้ทันที,อีกสี่คนก็ตัดผ่านระดับไปยังขั้นที่สิบได้เช่นกัน.

อะไรกันนี่?

โอกาสสำเร็จร้อยเปอรเซ็น อ๊าก!

เช้าวันถัดมา,เขาที่รับรู้ว่าศิษย์สามารถเปิดชีพจรได้ง่ายดย,ก็รู้สึกพึงพอใจมาก,”หลังจากนี้หากรับศิษย์ใหม่,ขอเพียงรวบรวมพลังวิญญาณเพื่อทะลวงจุดได้,การตัดผ่านระดับรวบรวมเส้นชีพจรก็จะเป็นเรื่องเล็ก ๆ.”

 

“น่าเสียดาย,จุ้ยจื่อและซิงเฉินออกไปหาประสบการ,ไม่เช่นนั้นข้าคงจะมอบเม็ดยาให้พวกเขา,ไว้ให้พวกเขากลับมาค่อมอบให้ยกระดับก็แล้วกัน.”

ด้วยทักษะเปลี่ยนเส้นเอ็นและเม็ดยาเปิดชีพจรคู่กัน,สามารถที่จะเปิดจุดชีพจรให้สำเร็จร้อยเปอรเซ็น,เรื่องนี้น่ากลัวมาก,หากว่าแพร่กระจายออกไปคงสะเทือนไปทั่วมนทลแน่!

น่าเสียดาย.

ไม่มีใครรู้.

ถึงสำนักไท่กู่เจิ้งจะมีสิ่งสุดยอดนี้,แต่ก็เหมือนกับมดตัวเล็ก ๆในกลุ่มฝูงของชาวยุทธ์มากมาย,ไม่อยู่ในสายตาให้ใครต้องจับตามอง.

......

การประลองใกล้เข้ามาแล้ว.

หลี่ชิงหยางที่นั่งสมาธิอยู่ภายในค่ายกลรวมวิญญาณ.

เขาที่รวบรวมพลังวิญญาณ,พลังวิญญาณที่ปกคลุมร่างกายของเขาหลายชั้นราวกับรังไหมที่กำลังสานคลุมร่างเอาไว้.

ซูเซียวโม่และคนอื่นรู้ว่าศิษย์พี่รองจะเป็นตัวแทนไปต่อสู้กับศิษย์สายในของนิกายเซิ่งชวน,ดังนั้นสองวันมานี้จึงไม่มีใครเข้ามาในค่ายกล,ด้วยเกรงว่าจะมารบกวน.

“พรึด ซี่.”

เพียงไม่นาน,ศิลาวิญญาณก้อนสุดท้าย,เพราะว่าพลังวิญญาณถูกดูดซับไปจนเกลี้ยง,มันจึงคล้ำเปราะและแตกสลายหล่นลงพื้น.

“ฟู่!”หลี่ชิงหยางที่พ่นลมหายใจยาว,เขาที่รู้สึกว่าพลังวิญญาณในร่างพลุ้งพล่าน,ก่อนที่จะลืมตาขึ้นมา,ดวงตาเป็นประกายวับวาว.

“ระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นสี่,ไม่น่าจะมีปัญหา.”

เมื่อครั้งงานประลองยุทธ์สำนัก,เขาที่อยู่ในระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นที่หนึ่ง,เมื่อกลับมาก็อยู่ในระดับสอง,ตอนนี้ด้วยศิลาวิญญาณและเม็ดยารวมวิญญาณช่วย,ทำให้เขายกระดับได้สองขั้นในสองวัน.

เขาที่เป็นพรสวรรค์อันดับหนึ่งเมืองชิงหยาง,ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาที่มีพรสวรรค์สูง,ทว่าก่อนหน้านี้ที่บ่มเพาะได้ช้า,เพราะต้องจัดการกิจการภายในช่วยเจ้าสำนัก,ทำให้เขาไม่ได้มีเวลามากนักในการบ่มเพาะ.

เขาเองก็ไม่ได้โอดครวญ,เพราะว่าเจ้าสำนักเชื่อใจ,และเขาเองก็ยินดีที่จะทำด้วย.

ท้องฟ้าเวลากลางคืนมีเพียงแสงดาวที่ส่องประกาย.

หลี่ชิงหยางที่ก้าวออกจากค่ายกล,จากนั้นก็ต้องไปยังห้องฝึกฝนเพื่อปั้นกล้ามเนื้อ,เตรียมรับมือกับศิษย์สายในของนิกายเซิ่งชวน.

บนหลังคาห้องโถง,จุนซ่างเซียวที่นั่งอยู่สันหลังคา,ศอกที่ค้ำขา,มือที่ค้ำคางกล่าวออกมาว่า,”ชิงหยาง,หลายวันมานี้ลำบากเจ้าแล้ว.”

ลู่เชียนเชียนที่แสนเย็นชา,เซียวจุ้ยจื่อที่หมดกำลังใจ,ซูเซียวโม่ที่ซนไม่อยู่กับที่,ศิษย์แต่ละคนของเขานี่ช่างมากความสามารถกันจริง ๆ.

ทว่าไม่ใช่เรื่องแปลก ในสำนักที่มีศิษย์มากมายหลากหลายนิสัย.

หลี่ชิงหยางเป็นคนที่เอาจริงเอาจังและสุขุม,ทำให้จุนซ่างเซียวชื่นชอบที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย.

ครั้งนี้ให้เขาออกไปต่อสู้,ไม่เพียงแต่ให้เขาได้สร้างชื่อเสียง,ยังทำให้เขาดูเหมาะสมที่จะเป็นผู้นำของเหล่าศิษย์น้องด้วย.

......

เช้าวันถัดมา.

ดวงตะวันทอแสง,หลิวหว่านซีที่ก้าวออกจากห้องครัว,เตรียมอาหารเช้า,โดยมีหม่าหยงหนิงและสองอดีตมือสังหารคอยช่วยเหลือเป็นลูกมือ.

จากนั้น,ไม่นานเหล่าศิษย์ที่เข้าแถวกันเข้ามากินอาหารเช้า.

หลี่ชิงหยางเองก็มา,แม้นว่าเขาจะเข้าใช้ห้องปั้นกล้ามเนื้อทั้งคืน,ทว่าร่างกายของเขากับเปี่ยมล้นด้วยพลัง.

ซูเซียวโม่ที่เดินเข้ามา,ยกถ้วยซุปขึ้น,”ศิษย์น้องของให้ศิษย์พี่รองเอาชนะอัดศิษย์ของนิกายเซิ่งชวนให้หงายเก๋งไปเลย,สร้างชื่อเสียงให้กับสำนักไท่กู่เจิ้งของเรา!

กล่าวเสร็จ,เขาก็ยกถ้วยซุปขึ้นซด.

“แอ๊ก!

เขาที่แลบลิ้นออกมา,ก่อนที่จะเต้นไปมา,”ร้อน! ร้อน!

ศิษย์คนอื่น ๆเองก็ทำตาม,ภายในโรงอาหารที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น.

หลิวหว่านซีที่สวมผ้ากันเปื้อน,ใบหน้าน้อย ๆที่ยื่นออกมาจากห้องครัว,เผยยิ้มพราย,”วันนี้ข้าตื่นแต่เช้าเป็นพิเศษ,เพื่อเตรียมอาหารหรูหราให้กับศิษย์พี่ร้องเลย.”

จากนั้น,จุนซ่างเซียวก็มา,หลังจากที่ศิษย์ทุกคนกินอาหารเสร็จ,ก็นำหลี่ชิงหยาง,ลู่เชียนเชียนและศิษย์อีกหลายคนเดินทางออกไปอยางไรกังวล.

......

เมืองเหยาหยาง,เทือกเขาหลิงชวน.

จุนซ่างเซียวที่มาครั้งแรกก็เพื่อทำลายสำนักหลิงชวน,ส่วนการมาเพื่อรับการท้ารบนี้เป็นครั้งที่สอง.

“มาแล้ว,มาแล้ว!

“สำนักไท่กู่เจิ้งรับคำท้ารบจริง ๆ!

“ข้าที่คิดว่า,ต่อหน้านิกายเซิ่งชวง,จะขาสั่นจนไม่กล้ามา.”

จุนซ่างเซียวที่นำศิษย์ของเขาขึ้นเขา,กวาดตามองซากปรักหักพังรอบ ๆ,มีชาวยุทธ์มากมายที่มามุงประจำพื้นที่.

หลายวันมานี้เขาไม่ได้ลงเขา,เลยไม่รู้,เรื่องเกี่ยวกับการประลองครั้งนี้มันได้กระจายไปทั่วมนทลชิงหยางแล้ว.

กับเรื่องเช่นนี้,ชาวยุทธ์ไม่พลาดอยู่แล้ว,ดังนั้นจึงเดินทางล่วงหน้ามายังเมืองเหยาหยางตั้งแต่เมื่อวาน.

พันธมิตรร้อยสำนักเองก็มา.

ยกตัวอย่างสำนักพยัคฆ์คำราม,สำนักหมัดเหล็กที่ก่อนหน้านี้ถูกเซียวจุ้ยจื่อซัดลอยกระเด็นออกนอกหน้าต่าง.

หลังจากพวกเขาเห็นจุนซ่างเซียวและศิษย์เดินทางมาก,ที่มุมปากยกขึ้น,ราวกับกำลังเหยียดหยันอยู่.

ไอ้หนู.

การถอนตัวจากพันธมิตรต้องขอบคุณเจ้าจริง ๆ.

ทำให้สำนักหลิงชวนที่น่าเคารพไม่เอาเรื่องพวกเรา,ไม่เช่นนั้นพวกข้าไม่มีทางที่จะยอมเจ้าแน่!

“เฮ้ เฮ้.”

จุนซ่างเซียวที่เผยยิ้ม,”นี่คนมากกว่างานประลองสำนักเลยไม่ใช่รึ? เปิ่นจั้วรู้สึกแปลกใจจริง ๆ.”

“เจ้าสำนักจุน.”

เจ้าสำนัก,สำนักพยัคฆ์คำราม,กล่าวออกมาเล็กน้อย,”คนของนิกายเซิ่งชวน,รออยู่ที่ลานยุทธ์แล้ว,หวังว่าอยู่ต่อหน้าพวกเขาคงไม่ขาสั่นหรอกนะ.”

หลังจากงานประชุมที่เมืองชิงหยาง,พันธมิตรร้อยสำนักล้วนแต่เกลียดชังจุนซ่างเซียว.

การมาในครั้งนี้,พวกเขาต่างก็ต้องการเห็นว่านิกายระดับห้าบดขยี้พวกเขาอย่างไร.

คิดถึงใบหน้าที่โอหังที่ตึกจันทร์ดาราแล้ว,กับการที่เห็นนิกายเซิ่งชวนบดขยี้จนเยี่ยวแตก,พวกเขาก็ราวกับจะมีความสุขขึ้นมาทันที.

“สำนักหลิงชวนที่กลายเป็นซากไปแล้ว,ยังมีอะไรที่เปิ่นจั้วหวาดกลัวอยู่อีก.”

จุนซ่างเซียวและศิษย์ที่ก้าวตามกันไป,ทุกคนที่จับจ้องมองราวกับว่าพวกเขากำลังไปตาย,ที่ด้านหน้าห้องโถงที่พังพลายเวลานี้มีที่นั่งสามที่.

บนที่นั่งสามที่.

คนที่อยู่ตรงกลางเป็นชายวันกลางคน,ที่นั่งกอดอกอยู่.

ที่ด้านซ้ายเป็นชายวัยกลางคนเช่นกัน,มือข้างหนึ่งค้ำคาง,ใบหน้าค่อนข้างมืดครึ้ม.

ที่ด้านขวานั้นเป็นชายที่มีหน้าผากกว้าง,ยกข้าข้างหนึ่งทับข้างหนึ่ง,ยกมือข้างหนึ่งขึ้นดึงหูของตัวเอง,ท่าทางไม่ค่อยสนใจอะไรนัก.

แม้นว่าคนทั้งสามจะดูแตกต่างกัน,ทว่าดูแตกต่างจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง,พวกเขาที่แผ่กลิ่นอายที่น่าเกรงขามออกมา,เกรงว่าพลังบ่มเพาะคงจะไม่อ่อนด้อยกว่าอาวุโสนิกายเขาซางเซียวอย่างแน่นอน.

จุนซ่างเซียวที่สีจมูกลอบคิดในใจ,”สามคนนี้,หากสวมชุดคลุมทหารเรือสักหน่อย,แม่ง กลายเป็นพลเอกกองทัพเรือได้เลย.”


ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times

#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
Author(s)
Goodbye Jianghu


เข้ากลุ่มลับ VIP ====> Click


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น