Chapter 102 Problem-making on authentication
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 102 Problem-making on authentication
认证上的刁难
เช้าวันถัดมา,จุนซ่างเซียวนำลู่เชียนเชียน หลี่ชิงหยางและศิษย์อีกหลายคนเดินทางไปยังเมืองชิงหยาง.
เซียวจุ้ยจื่อเองก็ตามมาด้วย,โดยการสวมชุดดำสะพายสไนเปร์ด้านหลัง,ทำให้รู้สึกได้ถึงความลึกลับเป็นอย่างมาก.
“มือสไนเปอร์นั้นจะต้องสนใจสภาพแวดล้อมรอบ
ๆให้ดี,อย่างได้ผ่อนคลายแม้แต่น้อย.”จุนซ่างเซียวกล่าว.
“ครับ.”
เซียวจุ้ยจื่อที่ก้าวตามมาด้านหลังพยักหน้ารับ.
ถึงแม้นว่าเขาจะฝึกซ้อมซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้าปกปิดตัวตน.
แต่กระนั้นมือสไนเปอร์ก็จำเป็นต้องใช้ลูกกระสุนในการโจมตี.
ไม่ว่าพรสวรรค์จะเป็นเรื่องสำคัญ,ความแม่นยำเองก็เป็นเรื่องจำเป็น,แต่กระสุนก็จำเป็นไม่แพ้กัน.
หลังจากใช้เวลาไม่ถึงชั่วยาม.
พวกเขาก็มาถึงเมืองชิงหยาง.
ขณะก้าวเข้ามาในเมือง,ได้กลายเป็นที่จับตามองของทุกคน,สายตาที่เหยียดหยันดูแคลนหายไปหมดแล้ว,ถูกแทนที่ด้วยความเคารพนับถือ.
หลายวันมานี้,เกี่ยวกับเรื่องราวของสำนักไท่กู่เจิ้ง,ทำให้พวกเขายอมรับ.
เป็นความจริงเหมือนดั่งที่จุนซ่างเซียวเคยบอก,จะคล้อยตามโลกหรือให้โลกคล้อยตาม,เมื่อครั้งเจ้าอ่อนแอ,ทุกคนก็มีแต่รวมใจกระทืบเจ้าให้จมดิน,แต่เมื่อเจ้าแข็งแกร่งทุกคนก็จะคล้อยตามแม้แต่คุกเข่าลงเลียเท้า.
“สถานที่รับรองสำนักอยู่ที่ใด?”
“ทิศใต้ของเมือง.”
ขณะเขาเดินทางไปบนถนนมุ่งไปยังทิศใต้,จวบจนไปถึงสิ่งก่อสร้างหนึ่งที่เขียนเอาไว้ว่า,ศาลารับรองสำนัก.
“สำนักไท่กู่เจิ้งมาได้อย่างไร?”
“มายกระดับสำนักอย่างงั้นรึ?”
“เจ้าสำนักจุน,แม้ว่าจะเอาชนะเจ้าสำนัก,สำนักดาบใหญ่บนเวทีชำระแค้น,ทว่าด้วยความแข็งแกร่งตัวเองอาจจะไม่เลว,แต่ศิษย์ของเขาล่ะ,แล้วจะผ่านการอนุญาตงั้นรึ?”
“ศาลารับรองสำนักและพันธมิตรร้อยสำนักร่วมมือกัน,สำนักไท่กู่เจิ้งแยกตัวออกจากพันธมิตรแล้ว,ต้องการยกระดับ,เกรงว่าคงยาก.”
จุนซ่างเซียวที่ได้ยินชาวยุทธ์ที่พูดคุยกันต้องขมวดคิ้ว,ลอบคิดในใจ,”ศาลารับรองสำนักและพันธมิตรร้อยสำนักร่วมมือกัน,การไปขอยกระดับสำนักต้องมีอุปสรรคแน่.”
เป็นไปตามนั้น.
เมื่อเข้าไปในศาลารับรอง,ก็มีผู้ดูแลออกมากกล่าวว่า,”เกี่ยวกับกฎเกณฑ์ยกระดับสำนัก,จะต้องมีใบรับรองจากพันธมิตรร้อยสำนัก,ถึงจะเข้าการทดสอบได้.”
“โครม.”
ซูเซียวโม่ที่ฟาดมือลงบนโต๊ะ,กล่าวออกมาด้วยความโกรธ,”พวกเราเดินทางมาถึงที่,แต่เจ้ากับไม่แม้แต่ให้ทดสอบ,นี่เจ้ามีหน้าที่รับรองสำนักแน่รึ?
ถึงยังต้องมีการรับรองอีก!”
ผู้ดูแลกล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล,”ที่นี่คือศาลารับรองสำนัก,ในทวีปซิงหยุนเป็นองค์กรที่มีความยุติธรรม,เจ้าสำนักจุน,โปรดให้ศิษย์ของท่านรักษามารยาทด้วย.”
ยุติธรรมอย่างงั้นรึ?
จุนซ่างเซียวที่ต้องรักษาภาพพจน์เจ้าสำนักนัก,ไม่งั้นคงพุ่งไปตบอีกฝ่ายฟันร่วงไปแล้ว.
“หากไม่มีใบรับรอง,ก็ไม่สามารถทดสอบได้อย่างงั้นรึ?”เขาที่กล่าวอย่างสุขุม.
ผู้ดูแลเอ่ยออกมาว่า,”หากมีคนของสำนักระดับห้าหรือสูงแนะนำมา,ก็สามารถเข้าทดสอบได้.”
“สำหรับสำนักไท่กู่เจิ้ง สำนักระดับต่ำ
ที่ไม่ได้เข้าร่วมพันธมิตรร้อยสำนัก,หรือมีนิกายใหญ่รับรอง,ขอให้เชิญกลับไปซะ.”
“บัดซบ!”
หลี่เฟยถึงกับไม่สามารถทนเอาไว้ได้,”มารดาเถอะคำก็ระดับต่ำ,สองคำก็ต่ำต้อย,เชื่อใหมว่าเหล่าจื่อเตะเจ้าได้!”
เขาเป็นศิษย์ที่มีโอกาสเข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง,ไม่ต้องบอกเลยว่าเขามาจากครอบครัวที่ยากจนมาก
ๆ,ถึงตัวเขาจะถูก ดูถูกดูแคลน ก็สามารถแบกรับความอับอายได้ทว่า,กับการดูแคลนสำนักนั้น,ไม่มีทางที่เขาจะทนรับได้.
ผู้ดูแลที่ยกมือขึ้น,กล่าวหยัน,”มีปัญหาอะไร?
สำนักไท่กู่เจิ้งต้องการจะสร้างปัญหากับศาลารับรองสำนักอย่างงั้นรึ?”
จุนซ่างเซียวที่ห้ามศิษย์ที่โกรธเกี้ยวเอาไว้,และกล่าวออกมาว่า,”เปิ่นจั้วต้องการสอบถาม,การรับรอง,สำนักระดับแปดมีเงื่อนไขอะไรบ้าง?”
ผู้ดูแลที่จ้องมองราวกับเห็นสำนักไท่กู่เจิ้งเป็นพวกแมงหวี่แมงวัน,กล่าวออกมาอย่างเบา
ๆ,”มีศิษย์ระดับศิษย์ยุทธ์ห้าคน,เปิดชีพจรขั้นที่สิบสอง ห้าคน.”
จุนซ่างเซียวที่พยักหน้ารับและกล่าวออกมาว่า,”ขอลา.”
ผู้ดูแลจ้องมองกลุ่มของสำนักไท่กู่เจิ้งจากไป,กล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน,”ถอนตัวจากพันธมิตรร้อยสำนัก,แล้วยังต้องการยกระดับสำนักอีก,นี่มันโง่ขนาดนี้เลยรึ?”
......
“เจ้าสำนัก,พวกเขาต้องจงใจขัดขวางสำนักไท่กู่เจิ้งของพวกเราอย่างแน่นอน!”
หลังออกมาจากศาลารับรองสำนัก,ซูเซียวโม่ที่กัดฟันกล่าวออกมาด้วยความโกรธ.
“ไม่มีคนรับรองก็ไม่สามารถทดสอบได้,มารดาเถอะ,พวกมันต้องการหยามพวกเรา!”เถียนซีที่กำหมัดร่างกายสั่นเทิ้ม.
หลี่ชิงหยางกล่าวด้วยน้ำเสียงสุขุม,”ศาลารับรองสำนักและพันธะมิตรร้อยสำนักมีความสำพันธ์กัน,พวกเราต้องการยกระดับสำนัก,คงทำได้แค่ไปยังศาลารับรองของมนทลอื่น.”
“เอาไว้คิดใหม่ภายหลัง.”จุนซ่างเซียวกล่าว.
เดิมทีเขามาซื้อลูกกระสุนที่เมืองชิงหยางเท่านั้น,ส่วนการยกระดับสำนักนั้นก็แค่ของแถม.
ในเมื่อไม่สามารถยกระดับได้,ก็ไม่จำเป็นต้องยกระดับ,ถือว่าสำนักระดับแปดไม่คู่ควรกับเขาก็แล้วกัน.
“เจ้าสำนักจุน!”
ในเวลาเดียวกันนั้น,จากพื้นที่ไกลออกไปก็ได้ยินเสียงที่น่าเกรงขามดังขึ้น.
จุนซ่างเซียวที่หันไปมอง,เผยท่าทางประหลาดใจ,”อาวุโสหม่า?”
ไม่ผิด.
นี่คืออาวุโสหม่านิกายเขาซางซาน,เวลานี้กลิ่นอายที่เขาแผ่ออกมานั้นทรงพลังกว่าเก่ามาก,เห็นชัดเจนว่าเขาได้ตัดผ่านระดับไปยังบรรพชนยุทธ์แล้ว.
สองเดือนที่แล้ว,เขายังอยู่ในระดับอาจารย์ยุทธ์ขั้นปลาย,จุนซ่างเซียวที่ได้ชี้แนะวิชาบ่มเพาะ,ทำให้เขาตระหนักรู้,และก้าวไปยังระดับต่อไปได้อย่างราบรื่น.
อาวุโสหม่าที่ก้าวมายืนด้านหน้า,ยกมือขึ้นประสานกล่าวออกมาว่า,”ได้รับการช่วยเหลือเจ้าสำนักจุนชี้แนะ,ทำให้ตาเฒ่าก้าวไปถึงบรรพชนยุทธ์ได้.”
บรรพชนยุทธ์?
หลี่ชิงหยางและศิษย์คนอื่น
ๆที่เผยท่าทางเคารพและอิจฉาออกมาด้วย.
ภายในมนทลชิงหยาง,ระดับอาจารย์ยุทธ์ก็ถือเป็นสุดยอดฝีมือแล้ว,ส่วนในระดับบรรพชนยุทธ์กลายเป็นตัวตนที่พวกเขาต้องแหงนหน้ามอง.
จุ่นซ่างเซียวกล่าวอย่างถ่อมตน,”อาวุโสหม่าอยู่ใกล้กับ
ปัญหามากเกินไป,เหลือเพียงนิดเดียวก็จะแก้ปัญหาได้แล้ว,ถึงไม่มีจุนโหมวก็สามารถตัดผ่านระดับได้.”
แววตาของอาวุโสหม่าที่เผยความชื่นชม.
พบกันเมื่อครั้งงานรับศิษย์ร้อยสำนัก,เขารู้สึกว่าเด็กคนนี้เพ้อเจ้อพูดจาไร้สาระ,ตอนนี้กับดูอ่อนน้อมถ่อมตนจนน่าประหลาดใจ.
“เกิดอะไรขึ้นอย่างงั้นรึ?”
อาวุโสหม่าที่จ้องมองไปยังศาลารับรองสำนัก,ก่อนที่จะเอ่ยต่อ,”หรือว่าเจ้าสำนักจุนมายกระดับสำนัก?”
“ไม่ผิด.”จุนซ่างเซียวกล่าว.
อาวุโหสม่ากวาดตามองศิษย์ของสำนักไท่กู่เจิ้งด้านหลัง,เห็นกลิ่นอายที่แผ่ออกมา,ก็เผยยิ้มยกมือประสานกล่าวออกมาว่า,”ยินดีกับสำนักที่ได้ยกระดับเป็นขั้นที่แปดแล้ว.”
จุนซ่างเซียวที่ส่ายหน้า,กล่าวออกมาอย่างช่วยไม่ได้,”พวกเราไม่มีแม้แต่โอกาสได้ทดสอบ,จะกล่าวเรื่องยินดีคงไม่ได้.”
“ไม่ได้รับการรับรองอย่างงั้นรึ?”
อาวุโสหม่ากล่าวด้วยความประหลาดใจ,”เกิดอะไรขึ้นอย่างงั้นรึ?”
ศาลารับรองสำนักในทวีปชิงหยุนนั้น,เป็นองค์กรที่จัดการดูแลสำนักต่าง
ๆทั่วทวีป,ทุกสำนักมีสิทธิ์เข้าร่วมทดสอบยกระดับสำนัก,นี่ไม่แม้แต่ได้เข้ารับการทดสอบ,เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยิน.
จุนซ่างเซียวที่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้อาวุโสหม่าได้รู้.
หลังจากที่อาวุโสหม่ารับรู้เรื่องราวแล้ว,ก็เอ่ยกล่าวอย่างเคร่งขรึม,”พันธมิตรร้อยสำนักเป็นองค์กรส่วนบุคคล,แต่กับสามารถควบคุมศาลารับรองสำนักได้อย่างคาดไม่ถึง,เรื่องนี้ต้องมีการตรวจสอบสักหน่อยแล้ว!”
“เจ้าสำนักจุน,ไป.”
อาวุโสหม่าที่กล่าวอย่างเคร่งขรึม”ตาเฒ่าจะพาสำนักของท่าน
ไปทดสอบเอง!”
......
จุนซ่างเซียที่พาศิษย์ของเขากลับไปยังศาลารับรองสำนักอีกครั้ง,ผู้ดูแลที่ยืนขึ้น,ใบหน้ามืดครึ้มกล่าวออกมาเสียงดัง,”เจ้าสำนักจุน,พวกเจ้ามาอีกทำไม?”
“ทดสอบสำนัก.”จุนซ่างเซียวกล่าว.
ผู้ดูแลเจ้าที่มองบน,กล่าวด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด,”ข้าได้กล่าวชัดเจนแล้ว,ต้องการทดสอบระดับ,ต้องมีใบรับรองจากพันธมิตรร้อยสำนัก,หรือมีสำนักระดับห้า...”
“ผู้ดูแลเจา!”
อาวุโสหม่าที่ก้าวเข้ามากล่าวขัดเขาทันที,”หม่าโหมวเป็นตัวแทนนิกายเขาซางซาน,รับรองสำนักไท่กู่เจิ้ง,ยังมีกฎระเบียบอะไรเพิ่มเขามาอีกหรือไม่?”
“อาวุโสหม่า!”
เห็นอาวุโสเขาซางซานที่ก้าวเข้ามา,ผู้ดูแลเจาที่เร่งรีบส่ายหน้าเผยยิ้มกล่าวออกมาด้วยความสุภาพ,”ท่านมีเวลามาเยือนศาลารับรองสำนักได้อย่างไร.”
ใบหน้าของเขาที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วจริง
ๆ.
กับคนที่พลิกลิ้นสีหน้าท่าทางได้อย่างรวดเร็ว,ซูเซียวโม่และเถียนซีและศิษย์คนอื่น
ๆต่างก็เผยแววตาเหยียดหยัน.
อาวุโสหม่าที่กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล,”ผู้ดูแลเจา,หากหม่าโหมวจำไม่ผิด,เจ้ามาเป็นผู้ดูแลมาสิบปีแล้ว.”
“ใช่,ใช่.”
ผู้ดูแลเจาที่เผยยิ้ม,”เพิ่งสิบปี.”
อาวุโสหม่าที่ดวงตากลายเป็นเย็นชา,”ผู้ดูแลเจา นับว่าเป็นคนเก่าคนแก่,หม่าโหม่ขอสอบถามจริง
ๆ,การเข้าร่วมทดสอบรับรองสำนักจำเป็นต้องให้องค์กรส่วนตัวมารับรองด้วยรึ?
นี่เปลี่ยนกฎเกณฑ์ที่ตั้งไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“เรื่องนี้.....”ผู้ดูแลเจาที่ใบหน้าเปลี่ยนสีขึ้นมาในทันที.
นี่เป็นเพียงแค่ศาลารับรองสำนักในมนทลชิงหยางเท่านั้น,เขาและพันธมิตรร้อยสำนักร่วมมือกันด้วยผลประโยชน์,ส่วนตัว,แน่นอนว่าทางสำนักงานใหญ่ไม่มีใครรู้.
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ได้ยินสิ่งที่อาวุโสหม่ากล่าว,เปิ่นจั้วสงสัยจริง,ผู้ดูแลเจาและพันธ์มิตรเจาร่วมมือกันนี้,หรือว่ามีเรื่องลับ
ๆ ที่ไม่มีใครรับรู้กันอยู่.”
ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
อัพผิดเรื่องรึป่าวครับเนี้ย แก้ด้วยนะครับ
ตอบลบ