Chapter 103 Shocking Elder Ma
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 103 Shocking Elder Ma
震惊的马长老
หน้าผากของผู้ดูแลเจาที่เวลานี้หลั่งเหงื่อที่เย็นยะเยือบออกมา,ความยะโสโอหังก่อนหน้านี้หายไปอย่างสิ้นเชิง.
หากเรื่องที่เขากับพันธมิตรร้อยสำนักร่วมมือกัน,ล่วงรู้ไปถึงสำนักงานใหญ่,ไม่ใช่เขาที่จะเสื่อมเสียเกียรติ,เขายังต้องถูกลงโทษด้วย.
ผู้ดูแลเจาที่รู้สึกสถานการณ์ไม่ดีแล้ว,อีกทั้งอาวุโสนิกายเขาซางซานต้องรู้จักจักกับจุนซ่างเซียวแน่,ดังนั้นจึงเร่งรีบเผยยิ้ม,”เจ้าสำนักจุน,เจาโหมวตอนนี้พร้อมทดสอบท่านและศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งแล้ว.”
“ไม่ ไม่ ไม่.”
จุนซ่างเซียวกล่าว,”สำนักไท่กู่เจิ้ง ข้านั้นต่ำต้อย,พันธมิตรร้อยสำนักไม่ได้ให้การรับรอง,จะมีคุณสมบัติเข้าทดสอบได้อย่างไร.”
ผู้ดูแลเจาที่ได้ยินคำพูดดังกล่าว,ใบหน้าผิดเบี้ยวราวกับกินแมงวันเข้าไปทั้งฝูง.
อาวุโสหม่าแค่นเสียงเย็นชา,”ศาลารับรองสำนัก,องค์กรของส่วนรวมกับไร้ซึ่งความยุติธรรม,จำเป็นต้องให้พันธมิตรร้อยสำนักที่เป็นองค์กรส่วนตัวรับรอง,เป็นเรื่องเหลวไร้สิ้นดี!”
กับเสียงเคร่งขรึมของอาวุโสเจา,ทำให้จิตใจของผู้ดูแลใจสั่นไปมา,ราวหัวใจจะหลุดออกจากร่าง.
นี่เพียงแค่อาวุโสนิกายเขาซ่างเซียวเท่านั้น,ไม่ต้องบอกเรื่องถึงสาขาใหญ่เลย,ถึงจะเป็นคนจากสาขาอื่นล่วงรู้,เกรงว่าชะตาของเขาคงจะจบอย่างน่าอนาถ.
เห็นชายคนดังกล่าวใบหน้าซีดเซียวขวัญหนีดีฝ่อ,จุนซ่างเซียวที่คิดในใจ,”หากไม่เพราะว่าข้าไม่ได้สนใจเรื่องนี้นัก,แกคงถูกทุบเหมือนหมาไปแล้ว,ไม่ต้องบอกเลยว่ากลุ่มศิษย์ของข้าที่รุมทึ้งชีวิตเจ้าจะจบอย่างไร.”
“ผลั๊ว!”
พริบตานั้น,ผู้ดูแลเจาที่ยกมือขึ้นตกบหน้าตัวเอง,กล่าวประจบประแจงด้วยรอยยิ้ม,”เจ้าสำนักจุน,สมองของข้าเลอะเลือนชั่วขณะ,ท่านอยู่ที่สูงแล้ว,อย่าลดตัวมาหาเรื่องกับคนอย่างข้าเลย.”
คน ๆนี้,อย่างนี้ก็ได้รึ?
หลี่ชิงหยางและศิษย์คนอื่น ๆถึงกับมุมปากกระตุก.
ความยโสโอหังก่อนหน้านี้หายไปหมด,เต็มไปด้วยความเคารพเทิดทูน,กลายเป็นหมาที่ส่ายหางไปมา,จ้องมองแล้วทำให้ทุกคนรู้สึกรังเกียจเป็นอย่างมาก.
“ผู้ดูแลเจา,เบาไป.”จุนซ่างเซียวกล่าวอย่างนุ่มนวล.
“ผลั๊ว!”
ผู้ดูแลเจาที่ยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองอย่างแรง,จนเกิดรอยสีแดงขึ้นที่ใบหน้า.
เขาที่อดทนรับความเจ็บปวดเอาไว้,ก่อนที่จะมองอีกฝ่ายและกล่าวออกมาว่า,”เจ้าสำนักจุน,พอใจหรือยัง?”
“ยังไม่พอใจ.”จุนซ่างเซียวกล่าว.
“ผลั๊ว! ผลั๊ว!”
ผู้ดูแลจุนที่ตบหน้าตัวเองของตัวเองอย่างโหดร้าย,อย่างรุนแรง,จนมีโลหิตไหลออกมาจากจมูก.
“จุน....เจ้าสำนักจุน.”
ใบหน้าของเขาที่มืดครึ้มแต่ก็ยังฝืนยิ้มออมกา,”พอ...พอใจรึยัง?”
เขาที่ตบหน้าตัวเองอย่างแรง,จุนซ่างเซียวไม่ต้องการให้เขาสลบไปก่อนจึงกล่าวออกมาว่า,”เช่นนั้นการทดสอบมีอะไรบ้าง.”
“เชิญ,เชิญทางนี้.”
ผู้ดูแลเจาที่อดทนต่อความเจ็บปวด,นำคนของสำนักไท่กู่เจิ้งไปยังลานยุทธ์ด้านใน,ที่ด้านในนั้นมีศิลาวัดระดับอยู่.
“เจ้าสำนักจุน,นี่คือศิลาวัดพลังบ่มเพาะ,ขอให้ศิษย์ของท่านได้ทดสอบ,หากตรงตามเงื่อนไข,ก็จะสามารถยกระดับสำนักได้.”
“มีเงื่อนไขอะไร?”
“ศิษย์ห้าคนมีพลังมากกว่า 2300 จิน.”
“โอ้ว.”
จุนซ่างเซียวที่เข้าใจได้ในทันที.
มันมีชื่อว่าศิลาวัดพลังบ่มเพาะ,ที่จริงก็เหมือนกับเครื่องทดสอบพลังที่เขาซื้อมาจากร้านค้าระบบนั่นเอง.
“หลี่เฟย,ออกไปทดสอบ.”
“ครับ!”
หลี่เฟยที่ก้าวออกไปคนแรก,เขาที่เกาศีรษะไปมา,”เจ้าสำนัก,ต้องใช้เท้าหรือหมัด?”
ผู้ดูแลเจาที่กุมใบหน้าด้วยความเจ็บ,กล่าวออกมาว่า,”จะใช้เท้าหรือมือก็ได้,ขอเพียงมีพลัง
2300 จิน,ก็ถือตรงตามเงือนไข.”
“ได้.”
หลี่เฟยที่ไปยืนด้านหน้า,ก่อนที่จะเตะออกไปทันที,ด้วยท่าทางที่เหมือนกับเขาใช้เตะฟุตบอลแห่งความสุข.
“ตูมมมมมมม-“
เกิดเสียงดังกึกก้องที่เครื่องทดสอบศิลา.
อาวุโสหม่าที่ตามมาด้วย,ลอบตื่นตกใจ,”มีกายเนื้อที่แข็งแกร่งมาก,ไม่ได้ใช้พลังวิญญาณเลย,ควรจะฝึกฝนมาอย่างหนัก,เพียงแค่เตะออกไป,แต่กลับทรงพลัง....”
กึก.
เขาที่หยุดคิดชั่วครู,แววตาที่เผยความประหลาดใจ,เพราะว่าตัวเลขบนเครื่องวัดเวลานี้ปรากฏตัวเลข
3000 จิน.
“นี่มัน....”ผู้ดูแลเจาที่หวาดผวา.
ทั่วทั้งมนทลชิงหยาง,ไม่เคยมีศิษย์คนใหนเลยที่ใช้พลังจากกายเนื้อล้วน
ๆ,อีกทั้งยังสามารถโจมตีได้ถึง 3000 จินอีก.
“เฮ้อ.”
หลี่เฟิยที่ส่ายหน้าไปมา,”ยังไม่คุ้นชิน”
“ซูเซียวโม่.”
“ครับ!”
ซูเซียวโม่ที่ก้าวไปด้านหน้า,เตะออกไป,ได้ 3500
จิน,ก่อนที่จะยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้,”ไม่คุ้นชินจริง ๆ.”
อาวุโสหม่าและผู้ดูแลเจามุมปากกระตุก.
ศิษย์สองคนที่เตะออกไป,ด้วยพลังของกายเนื้อกับมีพลังเทียบเท่ากับระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นที่สอง,นี่มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว.
จากนั้นก็เป็นลู่เชียนเชียน,ที่ฟาดมือเบา
ๆไปที่ศิลาทดสอบ,ปรากฏตัวเลข 4000 จิน.
เพียงแค่โจมตีง่าย
ๆ,ไม่ได้ใช้พลังเต็มที่ด้วยซ้ำ อ๊ากๆ!
หลี่ชิงหยางที่ก้าวเข้าไป,ถ่ายพลังไปที่หมัด,ก่อนที่จะต่อยไปยังศิลาทดสอบ,ตัวเลขปรากฏ
5000 จิน.
“ตูมมมม!”
เถียนซีที่ต่อยไปยังศิลาทดสอบ,ไม่ได้ใช้พลังวิญญาณ,พลังหมัดของเขาที่เสียงดังกึกก้อง
3200 จิน.
ดวงตาของอาวุโสหม่าและผู้ดูแลเจาที่เบิกกว้างมากขึ้นและก็มากขึ้น.
ศิษย์ของสำนักไท่กู่เจิ้ง,อยู่ในระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นที่หนึ่ง,หากแต่ละคนกับโจมตีมากกว่า
3000 จิน,นี่มันน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว.
“ผู้ดูแลเจา.”
จุนซ่างเซียวกล่าว,”ข้าได้ส่งศิษย์ห้าคนออกไปแล้ว,ตอนนี้มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นสำนักระดับแปดได้รึยัง?”
ผู้ดูแลเจาที่ได้สติ,เร่งรีบกล่าวอย่างสุภาพ,”เกี่ยวกับกฏเกณฑ์,ยังมีศิษย์อีกห้าคนที่ไปถึงระดับเปิดชีพจรขั้นที่สิบสอง.”
“โอ้ว.”
จุนซ่างเซียวที่โบกมือ,จางเหว่ยและอีกสามคนที่ตัดผ่านไปยังระดับศิษย์ยุทธ์แล้ว,เข้าไปทดสอบ,แต่ละคนก็สามารถโจมตีได้มากกว่า
3000 จินทั้งนั้น.
ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งยกเว้นลู่เชียนเชียนและหลี่ชิงหยางที่มีพรสวรรค์ระดับสูง,คนอื่น
ๆมีรากวิญญาณระดับกลาง,แต่กับมีพลังโจมตีใกล้เคียงกัน,นั่นก็เพราะเม็ดยาบูรณะร่างกายและเครื่องปั้นกล้ามเนื้อนั่นเอง.
”......”
อาวุโสหม่าและผู้ดูแลเจาที่รู้สึกอยากเป็นลมเล็กน้อย.
ศิษย์หลายคนที่ไม่ใช้พลังวิญญาณก็โจมตีได้สามพันจินแล้ว,หากว่าเขาใช้พลังวิญญาณล่ะ?
นี่ไม่ใช่ความสามารถดั้งเดิมของพวกเขา,แล้ววันข้างหน้าพวกเขาจะแข็งแกร่งขนาดใหน.
“เจ้าสำนักจุน.”อาวุโสหม่าจ้องมองไปยังเซียวจุ้ยจื่อ,กล่าวว่า,”ไม่ให้ศิษย์คนนี้ของท่านไปทดสอบรึ?”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”จุ้ยจื่อ,ลองไปต่อยให้อาวุโสหม่าดูหน่อย.”
“ครับ.”
เซียวจุ้ยจื่อที่นำสไนเปอร์ไรเฟิลที่สะพายด้านหลังไปวางพิงกับต้นไม้,ก่อนที่จะก้าวไปยังศิลาทดสอบ,จากนั้นก็สูดหายใจลึก,ยกหมัดต่อยออกไป.
ปรากฏตัวเลข 4600 จิน.
อาวุโสหม่าที่อ้าปากหว๋อทันที,ดวงตาที่แทบถลนด้วยความตื่นตะลึง.
เพียงแค่การโจมตีด้วยพลังของกายเนื้อ,เกือบมีพลังถึง
5000 จิน,นี่มันน่าเกรงขามเกินไปแล้ว.
จุ้ยจื่อ?
ผู้ดูแลเจาที่นึกได้ทันที,เขาที่กล่าวด้วยความตกใจ,”เป็นไปได้ว่า,เขาคือทายาทตระกูลเซียว,เซียวจุ้ยจื่อที่ชนะเลิศงานประลองยุทธ์สำนักครั้งที่แล้วอย่างงั้นรึ?”
จุนซ่างเซียวเอ่ยออกมาเล็กน้อย,”โปรดนำคำว่าทายาทตระกูลเซียวออกไป,เขาคือศิษย์ของสำนักไท่กู่เจิ้ง,จะขอบคุณ.”
“ได้,เข้าใจแล้ว!”ผู้ดูแลเจาที่เร่งรีบกล่าวตอบรับทันที.
อาวุโสหม่าที่อุทาน,”ที่จริงก็คือผู้ชนะเลิศการแข็งขันประลองยุทธ์สำนักนี่เอง,ไม่สงสัยเลยว่าทรงพลังถึงเพียงนี้.”
เกี่ยวกับศิษย์สำนักไท่กู่เจ้งที่ได้สี่อันดับแรกของงานประลอง,ได้เข้าหูของเขาที่นิกายเขาซางซานเช่นกัน,และเขายังได้พูดคุยกับเจ้าสำนักและอาวุโสคนอื่น
ๆด้วย.
“เจ้าสำนักจุน.”
อาวุโสหม่าที่ยกมือประสานกล่าวออกมาว่า,”คนเหล่านี้,ภายใต้การชี้แนะของท่าน,ได้กลายเป็นมังกรในหมู่ผู้คนซะแล้ว!”
พูดความจริง,ไม่ได้ประจบเลย.
ต้องไม่ลืมว่าคนกลุ่มนี้,ส่วนมากมีรากวิญญาณไม่สูงนัก,ทว่าด้วยความสามารถของเจ้าสำนักไท่กู่เจิ้งย่อมเป็นไปได้,แม้แต่เขาที่เป็นอาวุโสนิกายเขาซางซานก็ยังยากจะทำสำเร็จ.
นิกายเขาซางซาน,เป็นไปไม่ได้เลยที่จะชี้นำคนที่มีพรสวรรค์ทั่วไป,ไปจนถึงระดับศิษย์ยุทธ์ได้,นี่เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มาก.
แน่นอน.
สำนักและนิกายระดับสูงเองก็ไม่มีทางรับพวกเขา,เพราะมันเสียเวลาและเปลืองทรัพยากรด้วย.
แตกต่างจากจุนซ่างเซียว,ที่เขารับเหล่าศิษย์ที่ถูกมองว่าขยะ,ชี้แนะ,นำพวกเขาให้ก้าวไปยังระดับสูง,นี่คือความท้าทายที่หนักหนาราวกับปีนบันไดสวรรค์,นี่เขากลายเป็นเทพไปแล้วรึ?.
ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น