วันจันทร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564

Strongest Sect of All Times Chapter 101 Natural sniper

Strongest Sect of All Times  Chapter 101 Natural sniper

นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล Chapter 101 Natural sniper

天生的狙击手

 

สไนเปอร์ไรเฟิลมีแรงถีบที่รุนแรงมาก,เซียวจุ้ยจื่อที่ยิงออกไป,ถึงแม้ว่าจะใช้เท้ายันพื้นไหล่ซ้อนท้ายปืนเอาไว้,แต่ก็ลอยกระเด็นออกไปหลายสิบเมตร,ร่างกายถึงกับจมไปในต้นไม้ใหญ่ทีเลยทีเดียว.

อย่างไรก็ตาม,มีสองเรื่องที่ทำให้จุนซ่างเซียวประหลาดใจ,เรื่องแรก,เจ้าหนูนี้ยิงได้แม่นมาก,เรื่องที่สอง,พักชั่วขณะ,ก็สามารถลุกขึ้นยืนได้แล้ว.

 

พลังบ่มเพาะของข้ามากกว่า,ทว่าร่างกายของเขากับร้าวไปทั่วร่างต้องพักถึงคืนหนึ่งถึงจะหาย!

 

ระบบอธิบาย,”นั่นก็เพราะว่าโฮสน์ยิงสามลูกพร้อมกัน,ทำให้แรงสะท้อนมากกว่า,ส่วนเขานั้นยิงแค่ลูกเดียว.”

 

“เป็นเช่นนี้นะเอง.”จุนซ่างเซียวที่ตระหนักได้ในทันที.

ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าเขายิงได้แม่นเท่าไหร่,ขอเพียงเขามีกายเนื้อที่ทรงพลัง,สามารถต้านทานแรงดีดได้,ก็เพียงพอที่จะนำมาฝึกฝนการใช้สไนเปอร์แล้ว.

“จุ้ยจื่อ.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย,”สไนเปอร์ไรเฟิลเป็นของเจ้าแล้ว,ดูแลมันให้ดี.”

“ครับ!”เซียวจุ้ยจื่อที่ถือปืนขึ้นมา,แม้นวาเขาจะจำแรงดีดของมันได้,ทว่ามันก็ยังดูดึงดูดใจเขา,โดยเฉพาะเห็นก้อนศิลาที่แหลกเป็นผุยผง,มันยิ่งทำให้ดวงตาของเขาร้อนขึ้นมาลุกโชนด้วยเพลิงในการต่อสู้.

เหล่าบุรุษชอบปืน,มันเป็นไปตามสัญชาติญาณ.

ถึงแม้นว่าจะเป็นบุรุษจากต่างโลกก็ไม่มีข้อยกเว้น.

จากนั้น,เซียวจุ้ยจื่อที่ทำการฝึกฝนเล็งเป้าทุกสองชั่วยามในทุก ๆ วัน,เขาที่นอนอยู่บนป่าหญ้าที่หนา,มีก้อนหินเป็นเป้าหลบซ่อนตัวในป่าได้อย่างกลมกลืน,ดวงตาที่ประจำส่องที่เลนส์,เล็งไปยังพื้นที่ไกลออกไป.

 

เขาไม่ได้ลั่นไกจริง,เพราะว่าเจ้าสำนักบอกว่าลูกปืนนั้นเหลือเพียงหกลูกเท่านั้น.

 

สิ่งที่เขาต้องทำคือการปรับตัวให้ทนรับแรงดีดของปืน,เซียวจุ้ยจื่อที่ยืนอยู่บนลานยุทธ์,โดยมีศิษย์พี่ที่ถือหุ่นไม้คอยฟาดเข้า.

 

“ศิษย์น้อง,พร้อมรึยัง?”

“กึก!

เซียวจุ้ยจื่อที่ก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าว,เผยเปลือยท่อนบน,ที่ตำแหน่งไหล่ที่ต้องค้ำท้ายปืนยืนไปด้านหน้า,กล่าวออกมาว่า,”ศิษย์พี่,ลงมือ!

“ได้!

ซูเซียวโม่ที่รับคำ,ศิษย์สิบคนที่ถือหุ่นไม้ฟาดออกไปพร้อม ๆ กัน,ได้ยินเพียงเสียง ,ตูมมมม,กระแทกร่างของเขา.

 

กล้ามเนื้อที่ถูกกลั่นด้วยเครื่องปั้นกล้ามเนื้อ,ยกระดับไปถึงขีดสุด,ทำให้ร่างกายเขามีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก.

“ฟิ้ว!

เซียวจุ้ยจื่อที่คลานกลับมา,ก่อนที่จะลุกขึ้นไปยืนตำแหน่งเดิม,กัดฟัน,อดทนต่อความเจ็บเอ่ยกล่าวออกมาว่า,”เอาอีกครั้ง!

“ตูมมมมม!

“เอาอีกครั้ง!

“ตูมมมมม!

“......อีกครั้ง!

......

บนบันไดห้องโถง,หลี่ชิงหยางขณะจ้องมองเซียวจุ้ยจื่อที่ล้มลงและยืนขึ้นมาใหม่,กล่าวออกมาว่า,”เจ้าสำนัก,ศิษย์น้องต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้น.”

จุนซ่างเซียวที่ยืนกอดอก,กล่าวออกมาว่า,”ชิงหยาง,ศิษย์น้องของเจ้า,ได้รับชัยชนะเลิศการแข่งขันประลองสำนัก,ถือว่าพิสูจน์ว่าเขาแข็งแกร่งแล้ว,ทว่าเขานั้นต้องการที่จะเหนือยิ่งกว่าคู่หมั้นของตัวเอง.”

หลี่ชิงหยางที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม,”เจ้าสำนัก,เท่าที่ข้ารู้,คู่หมั้นของศิษย์น้องเซียวนั้นมีนามว่า มู่หรงซิน,เป็นทายาทหลักในสี่ตระกูลใหญ่ของมนทลเทียนไห่.”

มนทล(อำเภอ)เทียนไห่รึ?

จุนซ่างเซียวที่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย,บางทีเพราะประเทศนี้ดูเหมือนว่าจะใหญ่สักเล็กน้อย.

เขากล่าว,”ตระกูลมู่หรงทรงพลังอย่างงั้นรึ?”

หลี่ชิงหยางที่เงียบไปชั่วครู่,กล่าวออกมาว่า,”หากให้คำนวณโดยใช้หลักของสำนัก,ตระกูลมู่หรงของมนทลเทียนไห่นั้น,ไม่ได้ด้อยไปกว่านิกายเขาซางซาน.

จุนซ่างเซียวที่เผยท่าทางประหลาดใจ,”ขนาดนั้นเลยรึ?”

หลี่ชิงหยางกล่าวต่อ,”มู่หรงซินนั้นมีรากวิญญาณระดับสุดยอด,อาวุโส 11 ของนิกายป่ายเหอเซิ่ง(ดอกลิลลี่ศักดิ์สิทธิ์) นิกายระดับสองรับนางเป็นศิษย์สายตรง.”

จุนซ่างเซียวไม่ได้สนใจเกี่ยวกับรากวิญญาณระดับสุดยอดแต่อย่างใด,แต่สนใจเกี่ยวกับนิกายป่ายเหอเซิ่ง,ชื่อของมันมีความหมายแฝงหรือไม่!

เขาที่กล่าวล้อ,”เป็นนิกายเลสเบี้ยนอย่างงั้นรึ?”

“นิกายเลสเบี้ยน?”

หลี่ชิงหยางที่เกาศีรษะ,และกล่าวออกมาว่า,”ศิษย์ไม่เคยได้ยิน.”

จุนซ่างเซียวที่ทำการเปลี่ยนหัวข้อเรื่องทันที,”เป็นตระกูลที่เทียบเท่านิกายระดับห้า,และยังเป็นศิษย์สายตรงของนิกายระดับสองอีก,มู่หรงซินคนนี้ไม่ธรรมดาเลย.”

...”

เขาสีคางไปมา,กล่าวออกไปว่า,”ในเมื่อโดดเด่นถึงเพียงนี้,แล้วมาหมั้นหมายกับจุ้ยจื่อได้อย่างไร?”

“ได้ยินมาว่าหมั้นหมายมาตั้งแต่พวกเขาเกิด.”หลี่ชิงหยางกล่าวตอบ.

จุนซ่างเซียวกล่าว,”ไม่น่าแปลกใจ.”

เขาจ้องมองไปยังเซียวจุ้ยจื่อ,กล่าวออกมาเสียงเบา,”ศิษย์ของข้า,ต้องการเหนือกว่าสตรีที่ทิ้งเขา,เกรงว่าเป็นเรื่องยากมาก ๆ.”

คงยากมาก,หากเขาไม่ลงไปช่วย.

เขาต้องการที่จะช่วยศิษย์ของตัวเองแข็งแกร่งขึ้น.

มู่หลงซินตระกูลมู่หลง,รอก่อน,สักวัน,เปิ่นจั้วจะทำให้เจ้าเข้าใจ,การที่เจ้ายกเลิกการหมั้นหมายเป็นเรื่องที่โง่งมขนาดใหน.

......

เหล่าช่างฝีมือที่สร้างสิ่งก่อสร้างในลานสวนด้านในอย่างรวดเร็ว,เหล่าศิษย์เองก็ฝึกฝนอย่างไม่หยุดหย่อน.

กับความเงียบสงบเช่นนี้ก็ผ่านไปเจ็ดวัน,สำนักไท่กู่เจิ้งก็ได้สร้างประวัตศาตร์ใหม่,นอกจากเซียวจุ้ยจื่อ หลิวหว่านซือ,และเย่ซิงเฉิง,ศิษย์คนอื่น ๆได้ทุกคนได้ตัดผ่านระดับไปยังเปิดชีพจรขั้นที่สิบสองทั้งหมดแล้ว!

เถียนซี,หลี่เฟย,จางเหว่ยและอีกหลายคนที่ก้าวไปถึงระดับศิษย์ยุทธ์,จำนวนของคนที่ก้าวไปถึงศิษย์ยุทธ์เวลานี้ตอนแรกห้าเวลานี้เป็นสิบคนแล้ว.

ภายใต้เงื่อนไขสำนักระดับเก้า,มีศิษย์ยุทธ์ 3-5 คนก็นับว่ายอดเยี่ยมแล้ว,เวลานี้กับมีถึงสิบคน,ต้องบอกว่าร้ายกาจมาก.

“แปลก.”

จุนซ่างเซียวเปิดคอนโซนระบบ,จ้องมองระดับสำนักที่อยู่ระดับเก้า,กล่าวออกมาด้วยความสงสัย,”สำนักที่มีศิษย์เก้าคนก้าวไปถึงศิษย์ยุทธ์แล้ว,และศิษย์คนอื่น ๆยังอยู่ในระดับเปิดชีพจรขั้นที่สิบสอง,แล้วยังไม่ยกระดับอีกรึ?”

ระบบกล่าว,”ระดับสำนักนั้น,ไม่ได้คำนวณโดยระบบ,จำเป็นต้องกระทำตามเงื่อนไขของทวีปชิงหยุน,เพื่อขอยกระดับสำนัก.”

“แล้วไปติดต่อที่ใหนล่ะ?”

“เจ้าลองถามศิษย์ของเจ้าสิ.”

”......”

จุนซ่างเซียวที่เรียกหลี่ชิงหยาง.

หลี่ชิงหยางที่กล่าว,”เจ้าสำนัก,เท่าที่ข้ารู้,การจะไปยกระดับสำนักขั้นแปดนั้นจะต้องไปยังศาลารับรองสำนักเพื่อขออนุญาต.”

“ศาลารับรองสำนักอย่างงั้นรึ? แล้วอยู่ที่ใหน?”

“เมืองชิงหยาง.”

“แล้วมีกฎเกณฑ์อย่างไร?”

หลี่ชิงหยางที่ครุ่นคิดเล็กน้อย,กล่าวออกมาว่า,”น่าจะเป็นนำเหล่าศิษย์ไปทดสอบความสามารถก็จะได้รับอนุญาต.”

“ดูเป็นปัญหาเหมือนกัน,พักไว้ก่อนก็แล้วกัน.”

จุนซ่างเซียวที่ยกเลิกความคิดที่จะยกระดับ.

ในความเห็นของเขานั้น,ขอเพียงมีพลังที่แข็งแกร่ง,ถึงจะเป็นสำนักระดับเก้าก็ไม่มีปัญหา.

......

ที่ป่าหญ้าหลังเขา,เซียวจุ้ยจื่อที่นอนราบมีหญ้าปกคลุมปกปิดตัวเอง,เห็นเพียงแต่ดวงตา,นอนนิ่งไม่เคลื่อนไหว.

“ฟิ้ว!

ผ่านไปนานเหมือนกัน,ในป่ามีหมีตัวใหญ่ที่ส่งเสียงคำรามอยู่ห่างออกไป 600 เมตร.

เซียวจุ้ยจื่อที่เงยหน้าเล็กน้อย,แววตาที่จ้องมองผ่านเลนส์,ภายในใจที่จับจ้องล๊อกหมีตัวโตเอาไว้,จากนั้นไกปืนก็ถูกลั่น.

“ปัง-“

เสียงของปืนที่ดังก้อง,เซียวจุ้ยจื่อที่อุ้มปืนไว้แน่น,ร่างกายที่สั่นไหวไหลออกมาจากจุดตั้ง ถึงสองเมตร,ทว่าหัวของหมีนั้นระเบิดออกมาเป็นเสียง ๆ,ล้มลงบนพื้น!

 

ซูเซียวโม่ที่วิ่งเข้าไปหา,พยุงร่างของอีกฝ่าย,”ศิษย์น้องเซียว,เจ้ายิงแม่นมาก ๆเลย!

 

“ฟู่!

 

เซียวจุ้ยจื่อที่ยืนขึ้น,มือข้างหนึ่งถือปืน,อีกข้างที่ลูบไปมาที่ไหล่ที่กำลังสั่นไม่หยุด,ที่มุมปากเผยยิ้มออกมา.

 

เจ็ดวันมานี้,ด้วยการใช้ห้องปั้นกล้ามเนื้อและการรับแรงกระแทกจากแรงฟาด,ทำให้เขาสามารถลั่นไกรับแรงกระแทกได้ระดับหนึ่งแล้ว.

 

“ไม่เลว,ไม่เลว.”จุนซ่างเซียวประบมือให้.

 

เซียวจุ้ยจื่อที่นอนราบนิ่งบนพื้นถึงสองชั่วยาม,เพื่อรอเหยื่อปรากฏ,และยังสามารถลั่นไกออกไปได้อย่างแม่ยำ,นี่คือมือสไนเปอร์ธรรมชาติอย่างแท้จริง.

 

นี่คือพรสวรรค์ระดับสูงที่ยากจะหาได้.

 

ถึงแม้นว่าจะก้าวไปบนวิถียุทธ์ได้ไม่ดีนัก,ทว่าด้วยสิ่งดังกล่าวนี้,ก็สามารถแสดงความแข็งแกร่งออกมาได้เช่นกัน.

 

“จุ้ยจื่อ.”

 

จุนซ่างเซียวกล่าว,”ข้าจะมอบหมายในการลาดตะเวน,หน้าที่ใหญ่รับผิดชอบในการป้องกันสำนักให้กับเจ้า.”

 

ด้วยสไนเปอร์ รูปแบบ 88 ของเซียวจุ้ยจื่อ,เขาจะสามารถป้องกันสำนักได้อย่างไม่มีปัญหา,และจะไม่มีคนนอกเข้าใกล้ได้โดยง่าย.

 

แม้นว่าจะมีค่ายกลคุ้มสำนัก,ทว่าต้องใช้ 1 แต้มสนับสนุนต่อวัน,ตลอดทั้งปีคงผลาญแต้มไปไม่น้อยเลย.

 

หากมีสไนเปอร์คอยลาดตะเวน,หากพบมือสังหารหรือผู้ต้องสงสัย,ก็จะสามารถสังหารได้ในทันที,ก็จะทำให้เขาเบาใจได้ระดับหนึ่ง.

 

“ครับ!”เซียวจื่อจื่อตอบรับ.

 

”......”เขาที่กล่าวเสียงอ่อน,”เจ้าสำนัก,ลูกกระสุขตอนนี้เหลือน้อยแล้ว.”

 

จุนซ่างเซียวที่สีคาง,กล่าวออกมาว่า,”ใช่แล้ว,กระสุนเหลือน้อยแล้ว,พวกเราควรไปเมืองชิงหยางเพื่อซื้อแกนคลิสตัลมาเพิ่ม.”

 

“ชิงหยาง.”

 

“แจ้งไปยังศิษย์ที่ก้าวไปถึงระดับศิษย์ยุทธ์,พรุ่งนี้ให้ไปเมืองชิงหยางกับเปิ่นจั้ว,พวกเราจะเดินทางไปยังศาลารับรองสำนักกัน.”

 

ในเมื่อจะไปเมืองชิงหยางอยู่แล้ว,ก็ไปขอไปยกระดับสำนักเลยก็แล้วกัน.





ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times

#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
Author(s)
Goodbye Jianghu


เข้ากลุ่มลับ VIP ====> Click


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น