Strongest Sect of All Times Chapter 110 Did not mind that accompanies them to play
นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล
Chapter 110 Did not mind that accompanies
them to play
不介意陪他们玩玩
จุนซ่างเซียวที่ทำลายสำนักหลิงชวนไป,ก็คิดอยู่แล้วว่านิกายเซิ่งชวนต้องมาหาเรื่องแน่,ทว่า,คาดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายถึงกับประกาศท้ารบเช่นนี้.
ใช่แล้ว.
หากเหว่ยอี้ซี่ตั้งแต่แรก,ไม่ใช่แผนการสกปรก,ออกมาชำระความแค้นอย่างเปิดเผย,คงไม่จบลงที่เขาต้องลงมือทำลายล้างทั้งสำนักไป.
“เจ้าสำนัก.”
หลี่ชิงหยางกล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม,”ศิษย์สายในของนิกายเซิ่งชวนนั้น,เป็นคนที่มีพรสวรรค์และความแข็งแกร่งโดดเด่นมาก.”
จุนซ่างเซียวที่สีคางไปมา,กล่าวออกไปว่า,”ในเมื่อเป็นเพียงศิษย์กับมาท้าประลองข้า,เปิ่นจั้วเป็นถึงผู้ครองสำนัก,หากไม่ออกไปต่อสู้ไม่กล้ายเป็นที่หัวเราะเยาะของทุกคนเอารึ?”
“ชิงหยาง.”
เขาหยุดครู่หนึ่งและกล่าวออกมาว่า,”ตอบรับการลองโดยเจ้าซะ.”
“ครับ!”หลี่ชิงหยางตอบรับ.
จุนซ่างเซียวกล่าว,”การประลองครั้งนี้,เกี่ยวกับศักดิ์ศรีของสำนัก,งานนี้เจ้าต้องเอาชนะเพื่อเปิ่นจั้ว.”
หลี่ชิงหยางกล่าวตอบรับเสียงดัง,”ศิษย์จะพยายามสุดความสามารถ!”
ที่จริงเป็นเรื่องที่กดดันเป็นอย่างมาก,ต้องไม่ลืมว่าอีกฝ่ายคือศิษย์สายในนิกายเซิ่งชวนระดับห้า,ทั้งพรสวรรค์และความแข็งแกร่งย่อมเหนือกว่าตนแน่.
จุนซ่างเซียววางมือบนที่พักแขน,ยกมือข้างหนึ่งศอกค้ำมือสีคาง,”เปิ่นจั้วต้องการชัยชนะ.”
“ครับ!”
หลี่ชิงหยางที่กล่าวตอบรับเสียงดัง,”สามวันหลังจากนี้,ศิษย์ต้องชนะอย่างแน่นอน!”
จุนซ่างเซียวที่โบกมือ,พร้อมกับน้ำเม็ดยารวมวิญญาณสิบเม็ดและสามศิลาวิญญาณ,กล่าวออกมาว่า,”สองวันนี้ไม่ต้องทำอะไร,บ่มเพาะให้หนัก,เพื่อเตรียมการต่อสู้สามวันหลังจากนี้.”
สิบศิลาวิญญาณที่ได้จากงานประลองยุทธ์สำนัก,เขาไม่ได้นำไม่ใช่เพื่อตัวเองเพียงคนเดียว.
ตอนนี้ต้องต่อสู้กับนิกายเซิ่งชวน,เขาที่มอบมันให้กับหลี่ชิงหยางอย่างไม่ลังเล,หวังว่าเขาจะแข็งแกร่งขึ้นไปอีก,เพื่อรับประกันชัยชนะให้ได้.
หลี่ชิงหยางรับขวดยาและศิลาวิญญาณ,แววตาที่มั่นคง,”ศิษย์จะไม่ทำให้เจ้าสำนักผิดหวัง!”
กล่าวเสร็จเขาก็ก้าวออกไปจากห้องโถงด้วยความมุ่งมั่นเพื่อฝึกฝน.
ลู่เชียนเชียนที่ก้าวเข้ามาเช่นกัน,กล่าวออกมาเล็กน้อย,”ทำไมไม่ให้ข้าออกไปต่อสู้ล่ะ?”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”ชิงหยางเป็นคนที่ถือมั่นมาก,เขามีหลักการที่หนักแน่นในใจ,ข้าหวังที่จะทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น,มีความมั่นใจมากกว่าเดิม,จะได้ช่วยเปิ่นจั้วพัฒนาสำนักร่วมกัน.”
ลู่เชียนเชียนที่กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล,”ดังนั้น,เจ้าสำนักจึงคิดที่จะสร้างเหตุผลเพื่อที่จะใช้เขาเป็นหลงจู๊งั้นรึ?”
(掌柜,经理) หลงจู๊ น.
ผู้จัดการ. (จ.).
จุนซ่างเซียวที่กุมหน้าอก,ร่างกายทรุดลงไปกับเก้าอี้,กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด,”อั๊ยยะ,ไม่ไหวแล้ว,หัวใจของเปิ่นจั้วเจ็บปวด....”
ลู่เชียนเชียนที่มองบน,กล่าวออกมาว่า,”นิกายเซิ่งซวนที่ท้าประลองครั้งนี้,อธิบายได้ว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับสำนักหลิงชวน,จึงได้มองสำนักไท่กู่เจิ้งของพวกเราเป็นศัตรูแล้ว.”
จุนซ่างเซียวที่หยุดแสดง,ก่อนที่จะกล่าวออกมาว่า,”ขอเพียงแค่ไม่ใช้วิธีการสกปรก,เปิ่นจั้วก็หาได้หวั่นเกรงพวกเขา.”
หากคนนอกได้ยิน,เวลานี้คงพูดไม่ออกเหมือนกัน.
เพียงสำนักระดับแปด,กลับมันใจเกินไปแล้ว,ถึงกับบอกว่ากล้าที่จะเล่นกับนิกายระดับห้าเลยรึ?
......
เหล่าเหว่ยที่ได้รับพื้นที่สวนด้านใน,ที่หลังเขามีพื้นที่มากกว่าสิบมู่เป็นพื้นที่ราบที่ถูกใช้เป็นสวนสมุนไพร,ซึ่งอยู่ในการดูแลของเขา.
“เจ้าสำนัก.”
“โปรดส่งศิษย์สักสองสามคน,มาช่วยตาเฒ่าเพื่อเปิดพื้นที่ด้วย.”
เหล่าเหว่ยที่ไม่ได้หยุดนิ่ง,ไม่หยุดพัก,เริ่มทำงานตามหน้าที่ของตัวเองในทันที.
จุนซ่างเซียว,ได้สั่งซูเซียวโม่,เถียนซี,หลี่เฟย,และศิษย์อีกลายคนให้ไปช่วยเหลาเหว่ยขยายพื้นที่เพาะปลูก.
จากนั้นไม่นาน,พื้นที่หลายสิบมู่ก็ถูกไถพรวน,เตรียมเพื่อการเพาะปลูก.
เหล่าเหว่ยที่นำเมล็ดสมุนไพรปลูกลงเรียงอย่างระมัดระวัง,ก่อนที่จะรดน้ำ.
“เหล่าเหว่ย.”
ซูเซียวโม่เอ่ย,”พวกเรามาช่วยท่านแล้ว.”
เหล่าเหว่ยที่โบกมือ,”การปลูกเมล็ดสมุนไพรนั้น,จะต้องมีการส่งพลังฟ้าดินเข้าไปในเมล็ดด้วย,เจ้ายังเด็กไป,ปล่อยให้ตาเฒ่าคนเดียวก็พอแล้ว.”
”......”
คนอื่น ๆถึงกับพูดไม่ออก.
ในเมื่อไม่สามารถช่วยอะไรได้,พวกเขาก็ออกจากหลังเขาและฝึกฝนกันต่อ.
จวบจุนถึงค่ำ,เหล่าเหว่ยถึงลงเมล็ดเสร็จพื้นที่ทั้งสิบมู่เสร็จ,เมล็ดสมุนไพรที่เริ่มแตกหน่อออกมาแล้ว.
หากมีใครเห็นจะต้องตื่นตะลึงชื่นชมออกมาอย่างแน่นอน.
......
นับตั้งแต่เชิญเหล่าเหว่ยมา,จุนซ่างเซียวก็ไม่สอบถามอะไรอีกต่อไป,เขาที่นั่งสมาธิในห้อง,เริ่มกลั่นเม็ดยา,ผ่านไปนานเหมือนกัน,เม็ดยาเปิดชีพจรก็กลั่นเสร็จ
300 เม็ด.
“สิ่งนี้มีความสามารถเปิดเส้นปราณได้เท่ากับวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็น,พรุ่งนี้ลองให้ตู้ตู้ทดสอบก็แล้วกัน.”
จากนั้นเขาก็นำศิลาวิญญาณออกมา.
นอกจากมอบให้หลี่ชิงหยางไปบ่มเพาะแล้ว,เขาเองก็ต้องบ่มเพาะเช่นกัน,เพราะว่าการปะทะกับนิกายเซิ่งชวนนั้น,อาจมีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น,เขาเองก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด.
“แล้วมันใช้ยังไงล่ะ?”
เขาที่ถือศิลาวิญญาณเอาไว้,ใบหน้าที่เผยท่าทางงงวย.
ระบบเอ่ย,”ใช่จิตติดต่อกับเหมือนกับแกนผลึกส่งเข้าไปในศิลาวิญญาณ,จากนั้นก็ดึงพลังวิญญาณออกมา,ค่อย
ๆ กลั่นส่งมันเข้าไปในพลังวิญญาณพายุหมุน.”
“อ้อ!”
จุนซ่างเซียวรับคำ,ขณะส่งจิตเข้าไปในศิลาวิญญาณ,เขาสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณมากมายอัดแน่นอยู่ในนั้นถึงกับอุทานด้วยความตกใจ,”บริสุทธ์มาก!”
“ไร้สาระ.”
ระบบเอ่ย,”หากไม่บริสุทธ์,จะมีราคา 10,000
เหรียญงั้นรึ?”
จุนซ่างเซียวที่เลิกสนใจระบบ,เริ่มดูดซับพลังวิญญาณ,พลังที่ไหลผ่านเข้ามาในร่างกายของเขาช้า
ๆ.
ด้วยวิชาบ่มเพาะเปลี่ยนเส้นเอ็น,ทำให้เขาสามารถดูซับกลั่นทีละน้อย
ๆ.
......
คืนหนึ่งผ่านไป,ศิลาวิญญาณที่อยู่ในมือของเขาก็มืดครึ้ม,พลังวิญญาณพายุหมุนในจุตตานเถียนเพิ่มขึ้นมากกว่าเมื่อก่อนชัดเจน.
เขาที่เอ่ยด้วยความประหลาดใจ,”นี่หากดูดซับอีกสัก
4-5 ก้อนจะต้องตัดผ่านไปยังระดับเก้าแน่,ดูเหมือนว่าง่ายกว่าปรกติมาก!”
จุนซ่างเซียวที่ทำการคำนวณคร่าว
ๆ,ถึงแม้นว่าจะใช้เม็ดยารวมวิญญาณ,บ่มเพาะปรกติ,อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาครึ่งเดือน.
ตอนนี้หากเขาใช้ศิลาวิญญาณ,คาดว่า 2-3
วันน่าจะตัดผ่านระดับได้,ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องที่สุดยอดเลยรึ?!
ระบบกล่าว,”ศิลาวิญญาณในทวีปซิงหยุนนั้นเป็นทรัพยากรที่สำคัญ,ผู้ฝึกยุทธ์บางคนที่ค้นหาสิ่งนี้ชั่วชีวิต,ก็ยังไม่เคยได้รับมันสักก้อน.”
“แล้วศิลาวิญญาณหามาได้อย่างไร?”จุนซ่างเซียวกล่าว.
ระบบกล่าว,”จากสายแร่,จากการทำเหมือนและต้องมีผู้เชี่ยวชาญวิญญาณในการกลั่นมันให้กลายเป็นแกนผลึกด้วย.”
จุนซ่างเซียวสีคาง,กล่าวออกมาว่า,”ผู้เชี่ยวชาญสมุนไพรมีแล้ว,ดูเหมือนว่าควรจะลงเขาหาผู้เชี่ยวชาญวิญญาณด้วยก็ดี.”
ระบบที่ราวกับสาดน้ำเย็นเข้าใส่,”ผู้เชี่ยวชาญวิญญาณนั้นเป็นอาชีพที่หายากมาก,ถึงจะเป็นระดับศิษย์วิญญาณ,ทั่วมนทลชิงหยางแห่งนี้
มีไม่ถึงสิบคน,อีกอย่างหากโฮสน์ต้องการเชิญเขามา,ต้องจ้างด้วยเงินเดือนล่ะหนึ่งล้านถึงจะมีโอกาส.”
หนึ่งล้าน? มากขนาดนั้นเลย อ๊าก ๆ!
......
เช้าวันถัดมา.
จุนซ่างเซียวเรียกหลิวหว่านซือมาหา,กล่าวออกไปว่า,”ตู้ตู้,เวลานี้เจ้ามีระดับใดแล้ว?”
หลิวหว่านซีเอ่ย,”เรียนเจ้าสำนัก,ตอนนี้ข้ามีระดับเปิดชีพจรขั้นที่สีแล้ว,ตอนนี้รวมพลังวิญญาณพอแล้ว,น่าจะทะลวงระดับได้ในไม่ช้า!”
นางที่ทำอาหารได้ยอดเยี่ยม,ทว่ากลับมีรากวิญญาณสามัญ,และยังต้องรับผิดชอบเรื่องอาหารทั้งหมดของสำนัก,ดังนั้นระดับของนางจึงไม่สามารถนำไปเทียบกับเย่ซิงเฉินได้.
”...”
จุนซ่างเซียวเอ่ย,”นี่คือเม็ดยาเปิดชีพจร,จะช่วยเจ้าเปิดชีพจรมีโอกาสสำเร็จมากขึ้น.”
หลิวหว่านซีที่รับเม็ดยามา,ดวงตาเบิกกว้างกลมโต,เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่อยากเชื่อ,”เม็ดยาเปิดชีพจร?
นี่ไม่ใช่เม็ดยาที่ล้ำค่าหรูหราเลยไม่ใช่รึ? เจ้าสำนักให้ข้าจริง ๆรึ?”
เห็นสาวน้อยที่ทำหน้าตาท่าทางน่ารัก,จุนซ่างเซียวที่รู้สึกหยิกไปที่แก้มนางมาก.
“ใช้มันตัดผ่านระดับเร็วเข้า.”
“อืม อืม.”
หลิวหว่านซีที่ไม่ได้จากไป,ทว่านางนั่งสมาธิในห้องโถงเลย,หลังจากที่กินเม็ดยาเปิดชีพจร,ก็โคจรวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็น,เพื่อทะลวงจุดชีพจร.
เป็นความจริง.
เมื่อสาวน้อยรวมพลังวิญญาณทะลวงจุด,ก็สามารถตัดผ่านและเชื่อมเส้นชีพจรได้อย่างง่าย
ๆ.
“ฟู่ ฟู่!”
พลังวิญญาณที่ไหลผ่านเส้นชีพจรทั้งห้าเส้น,ที่ข้อมือของหลิวหว่านซีมีวงแหวนห้าเส้นปรากฏขึ้น,ทางที่อดไม่ได้เผยความตื่นเต้นดีใจออกมา,”เจ้าสำนัก,ข้าเชื่อมเส้นชีพจรที่ห้าได้แล้ว!”
ราวกับนางตื่นเต้นดีใจ,ลุกขึ้นกระโดดโผเข้าหาจุนซ่างเซียว!
“ฟิ้ว!”
จุนซ่างเซียวที่ราวกับขยับหลบตามสัญชาติญาณได้ยินเพียงเสียง,โครม,หลิวหว่านซีที่ไถล้มไปบนพื้น.
ด้วยการฝึกฝนวิชายุทธ์อย่างช่ำชอง,ทำให้ร่างกายตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว!
หลิวหว่านซีที่ยืนขึ้น,ก่อนที่จะลูบไปมาที่หน้าผาก,ดวงตาที่มีน้ำตาคลอ,กล่าวด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร,”เจ้าสำนัก,ทำไมถึงหลบข้าล่ะ! แงๆ”
ที่มา https://lnmtl.com/novel/strongest-sect-of-all-times
#นิยายแปล #Strongest Sect of All Times #นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดนิรันดรกาล.
อัพผิดเรื่องครับ
ตอบลบอัพผิดเรื่องหรือป่าวครับ
ตอบลบขอแจ้งให้ทราบนะครับ ว่าผู้นำมาลงไม่ได้ลงผิดเรื่องนะครับ เพราะนี้ก็เหมือนน้าแรกของเว็บต่างๆ ว่ามีตอนไหนหรือเรื่องไหนอัพเพิ่มเข้ามา เพราะอย่างนั้นรบกวนอย่าเขียนอะไรหรือตั้งคำถามให้ผู้นำมาลงปวดหัวเลยครับ ว่าอัพผิดหรือป่าว เรืองที่อัพนี้อาจจะเพิ่งเลยเห็นกันนะครับ แต่ผมก็ตามบอทนี้มานานแล้ว กรุณาเข้าใจด้วยครับ แล้วก็ไม่ต้องถามว่าผิดเรื่แงหรือป่าว เพราะชื่อเรื่องและตอนก็บอกแล้วว่าคยละเรื่องกัน ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ
ตอบลบ55555555สักเเต่กดก็แบบนี้
ลบ